ลั่วจินหยางรีบวิ่งเข้ามาหาลั่วหนิงฮวาด้วยความดีใจ เขาสำรวจดูน้องสาวของตนอย่างพิจารณา คล้าย ๆ กับว่านางจะผอมลงไปไม่น้อย เมื่อคิดได้เช่นนั้น ใจของลั่วจินหยางก็ให้เ็ปยิ่งนัก
แต่ไหนแต่ไรมาเขามิค่อยได้อยู่จวนเท่าใดนัก จึงอาจจะดูห่างเหินกับน้องสาวผู้นี้ไปไม่น้อย แต่ถึงแม้จะใช้ชีวิตอยู่นอกจวนเป็ส่วนมาก แต่เขาเองก็รู้เื่ที่ลั่วหนิงฮวาถูกมารดาเลี้ยงกลั่นแกล้ง เขานึกเจ็บใจไม่น้อย หากเขาได้สืบทอดจวนต่อจากท่านพ่อเมื่อใด เขาจะต้องปกป้องลั่วหนิงฮวาให้จงได้
"พี่ใหญ่"
"หนิงเอ๋อร์ พี่ผิดต่อเ้ายิ่งนัก พี่ไม่สามารถปกป้องเ้าได้"
ลั่วจินหยางเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดอย่างจริงใจ ลั่วหนิงฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกไป
นางััได้ถึงความห่างเหินระหว่างพี่น้องคู่นี้ แต่จะไปว่าลั่วจินหยางอยู่ในสนามาเสียส่วนใหญ่ เื่นี้นางเข้าใจดี
เมื่อเป็เช่นนี้ก็ถือว่าเป็เื่ดีไม่น้อย อย่างไรเสียนางก็ยังมีพี่ชายร่วมมารดาหลงเหลืออยู่ เื่ที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันแล้วไปเถิด
นางมิใช่สตรีที่เย่อหยิ่งจองหองอันใดเ่าั้
"ช่างเถิด ว่าแต่พี่ใหญ่มาได้อย่างไรหรือเ้าคะ"
ลั่วจินหยางที่ได้ยินน้องสาวของตนเอ่ยถามเช่นนี้ก็เม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเล่าเื่ราวให้นางฟัง เขาเพียงเล่าแค่บางส่วนเท่านั้น แน่นอนว่าเื่ที่ถูกนักฆ่าตามเอาชีวิตเขาไม่มีทางเล่าให้นางฟัง
โจวอวี้หลันเห็นว่ารถม้าจอดนานเกินไปแล้ว นางจึงก้าวเดินลงมาจากรถม้า ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปที่ลั่วจินหยางและลั่วหนิงฮวาเล็กน้อย
"ที่นี่น่ะหรือ?"
โจวอวี้หลันมองบ้านสภาพเก่าตรงหน้าก่อนจะทอดถอนใจออกมาเล็กน้อย
"หนิงเอ๋อร์ นี่คือองค์หญิงโจวอวี้หลัน"
"ถวายพระพรองค์หญิงเพคะ"
ลั่วหนิงฮวาทำความเคารพโจวอวี้หลันอย่างนอบน้อม แต่ทว่าใบหน้ากลับไร้ซึ่งรอยยิ้ม มีเพียงความเฉยชาและไร้ความรู้สึกบนใบหน้าสวยของนาง
โจวอวี้หลันมิใช่คนที่ถือตนอันใด นางจึงไม่ใส่ใจมากนัก เมื่อหันไปมองเหล่าจางสงที่กำลังเดินกลับมาจากไปฝังสุรา ก็ขมวดคิ้วมุ่น
"นี่เป็คนของเ้าหรือ?"
"เพคะ ลูกน้องหม่อมฉันเอง"
"ลูกน้อง?"
"เพคะ พวกเขามาช่วยทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ องค์หญิงอย่าทรงใส่พระทัยเลยเพคะ ยามนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว เชิญเสด็จประทับด้านในก่อนเถอะเพคะ ข้างในอาจจะคับแคบไปบ้าง ขออย่าทรงถือสานะเพคะ"
"ไม่เป็ไร ข้าอยู่ได้ รองแม่ทัพลั่ว ไปพาอาเฉินลงมาเถิด"
"พ่ะย่ะค่ะ"
ลั่วหนิงฮวาสั่งให้แม่นมหยางและซือลี่พาองค์หญิงเข้าไปพักผ่อนด้านในเสียก่อน ส่วนนางกำลังจ้องมองไปที่ร่างของบุรุษผู้หนึ่ง บุรุษผู้นั้นก็มองมาที่นางเช่นกัน
เขาสวมชุดสีเขียวทั้งชุด ดูทรงเสน่ห์และน่าค้นหาไม่น้อย ใบหน้าหล่อเหลาแฝงเอาไว้ด้วยความเ้าเล่ห์ เขาเจาะหูทั้งสองข้าง ยิ่งขับให้ใบหน้าของเขาหล่อเหลาราวกับเซียน์
จะว่าผีก็มิใช่ ิญญาก็ไม่เชิง
เมื่อได้เห็นร่างของบุรุษที่ลั่วจินหยางและทหารอีกสามนายนำลงมาจากรถม้า ลั่วหนิงฮวาก็เข้าใจเื่ราวทุกอย่าง
บุรุษผู้นั้นิญญาหลุดออกมาจากร่างสินะ!!!
เฮ้อ!!! นี่นางเจอผีอีกแล้ว ดูนั่นสิ นั่นคงเป็เหล่าทหารที่ตายระหว่างทางเป็แน่ สภาพแต่ละคนช่างดูไม่ได้เอาเสียเลย แต่ยังคงจงรักภักดีตามมาส่งนายของตนอีก
น่าเวทนายิ่งนัก!
ลั่วจินหยางไม่ได้บอกนางทั้งหมดว่าเกิดสิ่งใดขึ้น แต่ทว่าดูจากสภาพิญญาทหารพวกนั้นแล้ว ระหว่างทางคงเกิดเื่ไม่ดีขึ้นเป็แน่
โจวอี้เฉินจ้องมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาที่ตกตะลึงเป็อย่างมาก นางรวบผมเก็บอย่างลวก ๆ ใบหน้าสวยหวานแต่กลับแฝงเอาไว้ด้วยความเ็า ชุดสีเขียวไม้ไผ่ยิ่งขับเน้นให้นางดูงดงามสบายตากว่าสตรีใดที่เขาเคยเจอเสียอีก
โจวอี้เฉินในยามที่ยังมีชีวิต เขาหลงมัวเมาในสตรีอย่างไม่ลืมหูลืมตา สตรีใดที่ว่างดงามล่มเมืองเขาล้วนเคยเห็นมาจนหมด
แต่กลับไม่มีใครงดงามเท่านางเลย
ลั่วหนิงฮวาเมื่อรู้ตัวว่าถูกโจวอี้เฉินจ้องมองก็รู้สึกประหม่าไม่น้อย ภายใต้ใบหน้าที่นิ่งเฉย แต่ทว่าใจของนางกลับเต้นไม่เป็ส่ำ
เกิดมาเพิ่งเคยเจอผีหล่อขนาดนี้!
โจวอี้เฉินยกยิ้มเ้าเล่ห์มุมปาก ก่อนจะพุ่งเข้าไปปรากฏกายอยู่ตรงหน้าของลั่วหนิงฮวาอย่างรวดเร็ว ลั่วหนิงฮวาสะดุ้งใ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าว
"น้องสาวเห็นพี่ชายด้วยหรือ?"
ลั่วหนิงฮวา "..."
"น้องสาวผู้นี้ช่างงดงามยิ่งนัก ข้ามิเคยเห็นสตรีใดงดงามเท่าเ้ามาก่อน"
ลั่วหนิงฮวานึกยิ้มเยาะในใจ ช่างหน้าหม้อหน้าด้านยิ่งนัก ขนาดกลายเป็ผีแล้วยังไม่ละตัณหา
"ดูท่าแล้ว ท่านคงจะตายเพราะสตรีมาสินะ"
โจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปในทันที ดวงตาคมฉายแววเ็า ก่อนจะเอ่ยกับลั่วหนิงฮวาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
"เ้ารู้ได้เช่นไร?"
"เหอะ เ้าชู้ตัณหากลับเช่นนี้ ส่วนมากจะตายเพราะสตรีทั้งนั้น ข้าเดาถูกหรือไม่?"
โจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นความโกรธเคืองในคราแรกก็หายไปจนหมดสิ้น เขายกยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงที่ยั่วเย้า
"พี่ชายยังไม่ตาย เพียงแค่ออกมาเที่ยวเล่นชั่วคราวเท่านั้น หากน้องสาวไม่รังเกียจ..."
"ข้ารังเกียจ ข้าไม่ชอบผีตัณหากลับ"
"น้องสาวอย่าเพิ่งไป พี่ชายไม่กวนใจเ้าก็ได้ แต่พี่ชายมีข้อแลกเปลี่ยน"
"แลกเปลี่ยนสิ่งใด"
"พี่ชายเป็ถึงองค์รัชทายาท ในเมื่อน้องสาวเห็นพี่ชายแล้ว ก็เมตตาช่วยเหลือพี่ชายสักคราเถิด"
"ช่วยเช่นใด?"
"ช่วยข้าให้หาทางกลับเข้าร่างให้ได้ หากเ้าทำได้ พี่ชายจะตอบแทนเ้าอย่างงาม"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลั่วหนิงฮวาก็จ้องมองโจวอี้เฉินอย่างพิจารณา
ตอบแทนอย่างงาม?
เอาจริง ๆ นางก็มิใช่คิดจะหวังผลตอบแทนอะไรจากเขา
แต่ถ้าได้ตั๋วเงินสักหมื่นตำลึงก็คงจะดีไม่น้อย ยามนี้นางขาดแคลนเงินทองยิ่งนัก
"น้องสาว"
"ข้าไม่รับปากว่าจะช่วยได้หรือไม่?"
"ห้าพันตำลึง"
"เฮ้อ เริ่มเห็นเค้าราง ๆ แล้ว แต่ยังนึกวิธีไม่ออก"
"หมื่นตำลึง"
"โอ๊ย อย่ากดดันข้า แต่เริ่มเห็นเป็รูปเป็ร่างบ้างแล้ว"
โจวอี้เฉินรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก สตรีน้อยนางนี้ช่างหน้าเงินยิ่งนัก
"ห้าหมื่นตำลึง!!!"
"ก็ได้ แต่ขอข้าคิดหาวิธีก่อนนะ ยามนี้ข้ายังต้องรักษาใบหน้าอัมพาตของตนอีก คงช่วยท่านได้ไม่มากนัก"
โจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจเื่ราวตรงหน้าได้เป็อย่างดี
ที่แท้แล้วที่นางไม่ยิ้มแย้มไม่แสดงท่าทีใดใดก็เพราะนางเป็โรคอัมพาตที่ใบหน้าหรอกหรือ
ช่างเถิด ตรงนั้นไม่เป็อัมพาตก็ดีมากแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงส่งยิ้มให้นางก่อนจะเอ่ยตอบ
"เอาเถิด ข้ารอได้ พี่ชายเชื่อว่าที่เราได้พานพบกันในครานี้เป็เพราะมีวาสนาร่วมกัน"
วาสนากับผีน่ะสิ!!!
"ก็ดี อย่าลืมเล่า หากข้าทำสำเร็จแล้วเ้าไม่ยอมทำตามที่พูด ต่อให้เ้าเป็องค์รัชทายาท ข้าก็ไม่ละเว้น!!!"
"พี่ชายรู้แล้ว รบกวนน้องสาวด้วย"
"เลิกเรียกข้าแบบนี้เสียที"
"เช่นนั้นให้เรียกเช่นไร?"
"หนิงเอ๋อร์"
"ข้าชื่อโจวอี้เฉิน เรียกอาเฉินก็ได้ หรือเ้าอยากจะเรียก สามี ก็ได้"
มารดามันเถอะ!!!
ลั่วหนิงฮวาจ้องมองโจวอี้เฉินด้วยสายตาที่เ็า โจวอี้เฉินเองก็ส่งยิ้มให้นางเล็กน้อย
ยามนี้มีคนที่สามารถสื่อสารกับเขาได้แล้ว อย่างไรเสียการผูกมิตรกับนางย่อมเป็ประโยชน์กับเขา
อากาศเริ่มเย็นลงทุกขณะ ลั่วหนิงฮวาสวมเพียงเสื้อผ้าบางเบา นางก้มลงไปปัดเศษใบหญ้าที่ติดตรงชายกระโปรง ทำให้โจวอี้เฉินที่ยืนอยู่มองเห็นหน้าอกที่ใหญ่ทะลักของนางได้เต็มสายตา
โจวอี้เฉินซู้ดปากด้วยความเสียวสะท้าน เขาจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา จนกระทั่งลั่วหนิงฮวาเงยหน้าขึ้นมาพอดี จึงรู้ว่าเขากำลังมองหน้าอกของนางอยู่
ผีทะเล!!!
เพราะโจวอี้เฉินเพ่งมองหน้าอกของลั่วหนิงฮวาอย่างตั้งใจ ดวงตาทั้งสองข้างของเขาจึงหลุดออกมาจากเบ้าทันที
ลั่วหนิงฮวาที่เห็นภาพตรงหน้าก็รู้สึกสะอิดสะเอียนไม่น้อย แต่กลับแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าไม่ได้ ทำได้เพียงมองดูโจวอี้เฉินหยิบลูกตาของตนเองทั้งสองข้างยัดเข้าเบ้าตาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บัดซบ!!! นี่นางกำลังเจอสิ่งใดอยู่กัน
อีกด้านหนึ่ง โจวอวี้หลันกับลั่วจินหยางกำลังช่วยกันประคองโจวอี้เฉินลงบนเตียง ทันทีที่วางร่างของโจวอี้เฉินลง ท่อนเอ็นลำัของโจวอี้เฉินก็พลันแข็งชูชันขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
โจวอวี้หลันและลั่วจินหยางต่างหันมาสบตากันด้วยความเลิ่กลั่ก
โจวอวี้หลันทำได้เพียงครุ่นคิดในใจ
ขนาดป่วยปางตายยังแข็งขนาดนี้ได้อีกหรือ?
นางพยายามไล่ความคิดบ้า ๆ นี้ออกไป ก่อนจะหันไปพบกับลั่วจินหยางที่ยืนหนีบขาอยู่ โจวอวี้หลันขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"รองแม่ทัพลั่ว ท่านเป็อันใดหรือ เหตุใดจึงยืนหนีบขาเช่นนั้นเล่า?"
"เอ่อ..."
"รองแม่ทัพลั่ว"
"กระหม่อมแข็งพ่ะย่ะค่ะ"
"สิ่งใดแข็ง?"
ลั่วจินหยางใบหน้าแดงระเรื่อ เมื่อถูกโจวอวี้หลันคาดคั้น เขาจึงถอดกางเกงให้นางดูทันที
"สิ่งนี้พ่ะย่ะค่ะ"
โจวอวี้หลัน "..."
ปัง!!!
เสียงประตูดังคล้ายถูกบางอย่างกระแทกอย่างรุนแรง เมื่อลั่วหนิงฮวาหันไปมองก็พบกับลั่วจินหยางที่กระเด็นออกมาจากเรือนของนาง
แน่นอนว่าโจวอวี้หลันเป็คนถีบเขาออกมาเอง