“ทุกคนรับผลึกิญญาไปคนละอัน เก็บผลึกิญญาเบื้องต้นนี้ไว้กับตัวให้ดี ก่อนพลังิญญาจะพัฒนาถึงห้าร้อยจุด ก็ยังใช้ผลึกิญญาอันนี้ได้ เมื่อไหร่ที่พลังิญญาพัฒนาถึงห้าร้อยจุด พวกเ้าต้องซื้อผลึกิญญาระดับกลาง!” เนี่ยหลีพูดขณะแจกจ่ายผลึกิญญาเบื้องต้นให้แก่ตู้เจ๋อ ลู่เพียวและพวก
เห็นเนี่ยหลีกำลังยื่นผลึกิญญาให้พวกตน เว่ยหนาน จูเสียงจวิ้น จางิ สามคนทำสีหน้าหวาดผวา
“พวกเราจะรับของราคาแพงขนาดนี้ได้อย่างไร?” เว่ยหนานพูด ผลึกิญญาเบื้องต้นอันหนึ่งราคาพันกว่าเหรียญจิตอสูร เงินค่าครองชีพสองปีของพวกเขาก็ยังไม่ได้มากถึงเพียงนี้ เนี่ยหลีกลับหยิบยื่นให้แก่พวกเขา
“ใช่แล้ว พวกเราไม่อาจรับได้!” จูเสียงจวิ้นรีบปฏิเสธ
จางิก็เช่นกัน พวกเขาล้วนเป็นักเรียนสามัญชน ที่ไหนจะเคยได้ของมีราคาค่างวดถึงเพียงนี้?
“เนี่ยหลีให้ พวกเ้าก็รับไปเถอะ! เว้นแต่พวกเ้าจะไม่ถือว่าพวกเราเป็พี่น้องกัน” ลู่เพียวสองคิ้วขมวดมุ่นเสียงเข้ม
ตู้เจ๋อเป็สามัญชนคนหนึ่ง แต่ก็มีเกียรติยิ่ง เขายังรับไว้ ทั้งสามคนมองตากันและจึงพยักหน้าหงึกๆ รับผลึกิญญาเบื้องต้นมาจากเนี่ยหลี ในใจต่างเต็มไปด้วยความสำนึกรู้คุณ
“เนี่ยหลี ขอบคุณ นับจากนี้ไป เ้าก็คือพี่ใหญ่ของพวกข้า หากมีสิ่งใดก็สั่งพวกข้ามาได้เลย” เว่ยหนานทั้งสามต่างพูดขึ้นมาตามๆ กัน ในใจของพวกเขาต่างยอมรับเนี่ยหลี ตัดสินใจติดตามเนี่ยหลีแล้ว
ได้ยินคำพูดของคนทั้งสาม เนี่ยหลียิ้มบางๆ มีพี่น้องเหล่านี้ สิ่งที่เนี่ยหลีอยากทำย่อมเบาแรงลงไปได้กว่าครึ่ง
“ตู้เจ๋อ เ้าควรทดสอบเป็คนแรก!” เนี่ยหลีมองตู้เจ๋อและพูด “ทำเหมือนกับที่เคยทดสอบเมื่อครั้งเข้าเรียน!”
“ได้เลย” ตู้เจ๋อพยักหน้าหงึกๆ เขากำผลึกิญญาเบื้องต้นไว้และค่อยๆ ถ่ายเทพลังิญญาลงไปในผลึกิญญาเบื้องต้น ผลึกิญญาเบื้องต้นค่อยๆ เรืองแสงขึ้น สว่างขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนแก้มอ่อนเยาว์ ทว่ามีความมั่นคงเจืออยู่เล็กน้อยของตู้เจ๋อ แสงสว่างแวววาวกระจุกหนึ่งเริงร่ายอยู่กลางผลึกิญญา ความสว่างนี้ยังค่อนข้างห่างชั้นกว่าผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองแดงอยู่
เมื่อพวกเขามองๆ ดู พวกเขาพอจะประมาณจำนวนจุดคร่าวๆ ได้ แต่ละจุดก็คือสัญลักษณ์ของพลังิญญาหนึ่งจุด
“ตู้เจ๋อ เ้าก้าวหน้าเร็วมาก เ้ามีพลังิญญาห้าสิบสองจุดแล้ว!” ลู่เพียวพูดอย่างตื่นเต้น มีพลังิญญาตั้งห้าสิบสองจุด ตู้เจ๋ออาจจะเป็คนแรกในหมู่พวกเขาที่สามารถพัฒนาพลังิญญาขึ้นไปถึงร้อยจุดแรก กลายเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองแดงผู้หนึ่ง
ตู้เจ๋อมองเนี่ยหลี เนี่ยหลีขณะนี้กำลังจดจ่ออยู่กับการเพ่งมองผลึกิญญา
ในสายตาของเนี่ยหลี ไม่ว่าจะมีพลังิญญาอยู่กี่จุด กี่สิบกี่ร้อยก็ไม่มีความหมาย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือธรรมชาติและรูปร่างของจิตอสูร
ภายในผลึกิญญามีจุดแสงขาวๆ ทอแสงระยิบระยับปนกับแสงสีแดงเทาๆ บางครั้งก็รวมตัวเข้าหากัน แปรเปลี่ยนรูปร่างไปหลากหลายราวกับเมฆก้อนหนึ่ง
เห็นภาพนี้แล้ว เนี่ยหลีทำสีหน้าประหลาดใจ เผลอร้องออกมา “ที่แท้เป็คุณลักษณะแบบอัคคีสายฟ้า และยังมีรูปร่างแบบเมฆาสายฟ้าเทียนหลินอีกด้วย” ไม่แปลกใจที่ความก้าวหน้าในการฝึกยุทธ์ของตู้เจ๋อเมื่อชาติที่แล้วจะรวดเร็วนัก มีอาณาเขติญญารูปแบบเมฆาสายฟ้าเทียนหลินและคุณลักษณะแบบอัคคีสายฟ้าเช่นนี้นับว่าเข้าคู่กันได้อย่างสมบูรณ์แบบ น่าเสียดายที่ชีวิตชาติก่อนของตู้เจ๋อศึกษาจารึกอัคคีศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นพอก้าวขึ้นถึงระดับทองหนึ่งดาวก็ถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว แต่ในโลกนี้ ในเมื่อมีเนี่ยหลีอยู่ ตู้เจ๋อย่อมจะเกิดความเปลี่ยนแปลงใหญ่อย่างหลวงแน่นอน
“สิ่งใดคือคุณลักษณะแบบอัคคีสายฟ้า สิ่งใดคืออาณาเขติญญารูปแบบเมฆาสายฟ้าเทียนหลินรึ?”
“ในโลกใบนี้ไม่มีอาณาเขติญญาขยะ อาณาเขติญญาเจ็ดสี แดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า คราม ม่วง เหล่านี้บ่งบอกถึงอัตลักษณ์และพร์ของคนผู้หนึ่ง ด้วยหลากหลายเหตุผล อาณาเขติญญาบางอย่างสามารถฝึกยุทธ์ได้ง่ายกว่า แต่มิได้หมายความว่าอาณาเขติญญาสีแดงจะเป็ขยะ หากเ้าพบเคล็ดวิชาลมปราณที่เหมาะสม แม้แต่อาณาเขติญญาสีแดงก็สามารถปลดปล่อยพลังที่ทรงอานุภาพออกมาได้ ส่วนพวกที่แบ่งแยกอาณาเขติญญาออกเป็ระดับคุณภาพต่างๆ ในแง่ของการฝึกพลังิญญา พวกมันก็เป็แค่มือสมัครเล่น!” เนี่ยหลียิ้มบางขณะพูด
คำพูดของเนี่ยหลี ลู่เพียว ตู้เจ๋อและพวกฟังแล้วรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า สุดที่จะคาดคิดได้ ั้แ่ก่อตั้งเมืองกวงฮุย บรรดาผู้ฝึกยุทธ์ระดับตำนานล้วนบอกพวกเขาว่าอาณาเขติญญาแบ่งเป็ร้อยแปดพันเก้าระดับ สีส้มแข็งแกร่งกว่าสีแดง สีเหลืองแข็งแกร่งกว่าสีส้ม... นี่มิใช่ว่าบรรดาผู้คนระดับตำนานเ่าั้ล้วนเป็พวกมือสมัครเล่นหรอกหรือ?
ในความเข้าใจเื่อาณาเขติญญา แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานก็ยังไม่อยู่ในระดับเดียวกันกับเนี่ยหลี เนี่ยหลีสามารถดูแคลนผู้ทรงอำนาจระดับตำนานใดๆ ก็ได้ เนื่องเพราะเนี่ยหลีผู้นี้ในชาติที่แล้วเคยก้าวถึงเหนือระดับตำนานมาก่อน ระดับที่พวกเขาสุดจะคาดคิดถึงได้
เนี่ยหลีอธิบายต่อ “หากเ้าพบเคล็ดวิชาลมปราณที่เหมาะสม ไม่ว่าอาณาเขติญญาสีใดก็สามารถฝึกถึงระดับตำนานได้! ตู้เจ๋อมีอาณาเขติญญาสีเหลือง คุณลักษณะของอาณาเขติญญาแบบอัคคีสายฟ้า มีรูปแบบเมฆาสายฟ้าเทียนหลิน เคล็ดวิชาลมปราณที่เหมาะสมคือแบบอัคคีสายฟ้าและรูปแบบยันต์อัคคีสายฟ้าเทียนหลิน จิตอสูรที่เหมาะสมคืออสูรเทียนหลิน หากเงื่อนไขครบถ้วน ผลสำเร็จย่อมน่าอัศจรรย์ใจ แต่หากเ้าฝึกยันต์แบบอื่น ความเร็วของการฝึกยุทธ์ของเ้าย่อมช้าลงไปอันมาก”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของเนี่ยหลี ตู้เจ๋อมีสีหน้ากังวลใจ เขาพูดว่า “เสียดาย เคล็ดวิชาอัคคีสายฟ้าในเมืองกวงฮุยนั้นไม่สมบูรณ์ ต่อให้มีบันทึกอยู่ในหนังสือโบราณ ภาษาเ่าั้ก็เก่าแก่นัก...” ระหว่างที่พูดได้ครึ่งๆ กลางๆ ตู้เจ๋อก็พลันนึกอะไรได้ เนี่ยหลีสามารถอ่านหนังสืออัคคีสายฟ้า์ได้ เขารีบหันไปมองเนี่ยหลี ดวงตาเต็มไปด้วยความหวัง
ในเวลานี้เนี่ยหลีคลี่ยิ้มราวกับมีไพ่เด็ดซ่อนอยู่ในแขนเสื้อและพูดว่า “มีข้าอยู่ทั้งคน มีอะไรน่าห่วง แค่เคล็ดวิชาลมปราณอัคคีสายฟ้า ไม่มีสิ่งใดยากเกินไปสำหรับข้า ข้ามีเคล็ดวิชาลมปราณอัคคีสายฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่หกสิบเก้าแบบ เ้าอยากฝึกแบบไหน เ้าว่ามาได้เลย?”
เคล็ดวิชาอัคคี์สายฟ้าสีทับทิมรึ? ไม่ได้ เคล็ดวิชานี้รุนแรงเกินไป โดยเฉพาะเมื่อฝึกจนถึง่สุดท้าย มันสามารถทำลายเส้นชีพจรของผู้ฝึกได้ เคล็ดวิชาเทียนหลินศักดิ์สิทธิ์ดีหรือไม่? เคล็ดวิชานี้เหมาะสมกับร่างกายของตู้เจ๋อดีจริงๆ ไม่มีข้อเสียอันใด ทว่ายังไม่เคยมีผู้ใดฝึกมันมาก่อน รวมถึงผู้คิดค้นเคล็ดวิชาเทียนหลินเองด้วย แต่ในสายตาของเนี่ยหลี เก้าขั้นแรกของเคล็ดวิชานี้มีความปลอดภัย ส่วนสามขั้นสุดท้ายมีความยากอยู่บ้าง
อานุภาพของเคล็ดวิชาเทียนหลินไม่ต้องพูดถึง แค่ฝึกถึงขั้นที่เก้าก็น่าอัศจรรย์มากแล้ว ส่วนสามขั้นสุดท้ายนั้นคงต้องขึ้นอยู่กับวาสนาของตู้เจ๋อเอง
“เ้าก็ฝึกเคล็ดวิชาเทียนหลินเถอะ นี่เป็หนึ่งในสามเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของหมวดอัคคีสายฟ้า ข้าจะท่องเคล็ดวิชานี้ให้เ้าฟัง และก็จะทำสำเนาวิชายุทธ์ต่างๆ ในชุดของมันให้เ้าเป็ลำดับต่อไป!” เนี่ยหลีท่องเคล็ดวิชาเทียนหลินให้แก่ตู้เจ๋อ เนื้อหาของเคล็ดวิชาเทียนหลินไม่ซับซ้อนนัก ดังนั้นตู้เจ๋อจึงจดจำได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อศึกษาและนั่งสมาธิท่องเคล็ดวิชาเบาๆ ตู้เจ๋อรู้สึกใอย่างยิ่ง เคล็ดวิชาเทียนหลินทรงอานุภาพกว่าเคล็ดวิชาใดๆ ที่เขาเคยเห็นมาก่อนมากมายนัก เพียงแค่ท่องเคล็ดวิชา ตู้เจ๋อก็รู้สึกว่าอาณาเขติญญาของตนเริ่มสั่นะเืขึ้นมาอย่างแรง พลังิญญาของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นี่ยังไม่ทันเริ่มโคจรลมปราณ แต่กลับกระตุ้นอาณาเขติญญาจนขยายตัวและพลังิญญาก็เริ่มเพิ่มขึ้น
เห็นได้ชัดว่าหากฝึกเคล็ดวิชาเทียนหลินแล้ว พลังิญญาของตู้เจ๋อจะต้องก้าวหน้าขึ้นอย่างก้าวะโ!
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตู้เจ๋อดิ้นรนต่อสู้อย่างหนักเพื่อครอบครัว ความฝันของเขาก็คือการเปลี่ยนโชคชะตาของบิดามารดาและครอบครัวตน แต่เขารู้ดีว่าเป้าหมายของตนนั้นช่างห่างไกล ทว่าเวลานี้ ตู้เจ๋อรู้สึกว่าตราบใดที่เขาทุ่มเทใจหมั่นเพียรฝึกวิชาเทียนหลิน ปัญหาทั้งหลายก็จะหมดไป ทั้งหมดนี้ล้วนมาจากเนี่ยหลี!
“อีกสองสามวันข้างหน้าข้าจะบันทึกรายละเอียดทั้งหมดในการฝึกวิชาเทียนหลินให้แก่เ้า!” เนี่ยหลีพูดพร้อมยิ้มบางๆ
ตู้เจ๋อเต็มไปด้วยความสำนึกในบุญคุณของเนี่ยหลี สองตาแดงรื้นกล่าวอย่างจริงจัง “อุตส่าห์ถ่ายทอดวิชาที่ดีเลิศเช่นวิชาเทียนหลินให้ข้า ข้าขอบคุณเ้ายิ่งนัก หากเ้ามีอะไรจะเรียกใช้ข้า ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ หากข้าตู้เจ๋อลังเลแม้แต่น้อย ยินดีตายใต้ทัณฑ์์!”
“อย่าพูดเช่นนี้เลย พวกเราเป็พี่น้องที่ดีต่อกัน! ก็แค่เคล็ดวิชาอย่างหนึ่ง!” เนี่ยหลียิ้มเล็กน้อย และตบหลังของตู้เจ๋อ
หากให้เนี่ยหลีพูด นี่เป็เพียงเคล็ดวิชาอย่างหนึ่ง แต่หากให้ตู้เจ๋อพูด ความหมายย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ขณะนี้ลู่เพียวฟังจนหงุดหงิดแล้ว เขาพูดขึ้นข้างๆ “ฟังพวกเ้าพูดกันจนข้าเข็ดฟันไปหมดแล้ว พวกเราเป็พี่น้องกัน มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน! เนี่ยหลี ข้ามีอาณาเขติญญาสีแดง ข้าเหมาะสมจะฝึกพลังิญญาด้วยหรือไม่?”
“แน่นอน ทุกคนสามารถฝึกยุทธ์ได้ ต่อให้เป็อาณาเขติญญาสีแดง เว้นแต่ว่าเคล็ดวิชาที่เหมาะสมย่อมแตกต่างกัน!” เนี่ยหลียิ้ม
ลู่เพียวเริ่มถ่ายเทพลังิญญาลงไปในผลึกิญญาเบื้องต้น ไม่ช้าผลึกิญญาก็เริ่มทอแสง จุดแสงสีแดงสิบกว่าจุดหมุนอยู่ภายในนั้น ความสว่างน้อยกว่าของตู้เจ๋อเป็อันมาก! เห็นเช่นนี้ สีหน้าของลู่เพียวก็แดงเรื่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ พลังิญญาของเขาต่ำต้อยเกินไปจริงๆ
“อาณาเขติญญาสีแดง มีคุณลักษณะยุ่งเหยิง และมีรูปร่างอย่างตะวันแดง!” เนี่ยหลีสองคิ้วขมวดมุ่นอยู่ครู่หนึ่ง “รูปแบบตะวันแดง แม้จะนับว่าธรรมดา แต่กลับมีคุณลักษณะยุ่งเหยิงซึ่งหาได้ยากอย่างน่าแปลก ในแสนคนมีไม่ถึงหนึ่งคน ทำไมไม่ฝึกเคล็ดวิชาไร้ลักษณ์เล่า?”
“เคล็ดวิชาไร้ลักษณ์? แข็งแกร่งหรือไม่?” ลู่เพียวถามอย่างตื่นเต้นเพราะชื่อของมันฟังดูแล้วทรงอานุภาพดียิ่ง
“แน่นอน เคล็ดวิชาไร้ลักษณ์ไม่ด้อยไปกว่าเคล็ดวิชาเทียนหลิน ทั้งยังไม่ต้องฝึกมากนัก เพียงต้องคอยบำรุงลมปราณไร้ลักษณ์ในร่างกายของเ้าให้ดี เหมาะกับเ้านัก” เนี่ยหลีพูดกลั้นหัวเราะ “จะฝึกถึงขั้นสูงสุดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับวาสนาของเ้าแล้ว”
ได้ฟังเนี่ยหลี สองตาของลู่เพียวก็เป็ประกายเจิดจ้า เคล็ดวิชาชุดนี้ช่างเหมาะกับเขาเหลือเกิน เขาหัวเราะเบาๆ พูด “ข้าไม่้าฝึกจนถึงขั้นสูงสุด ขอแค่ก้าวขึ้นถึงระดับเงินหนึ่งดาวได้ข้าก็พอใจแล้ว”
ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับเงินหนึ่งดาว... หากผู้คิดค้นเคล็ดวิชาไร้ลักษณ์ได้มาฟังความฝันอันยิ่งใหญ่ของลู่เพียวเข้า ไม่ทราบท่านผู้คิดค้นจะใกับความคิดนี้หรือไม่
“ระดับเงินหนึ่งดาว...” เนี่ยหลีอับจนคำพูดแล้ว เขาเดาว่าอีกไม่นานลู่เพียวคงจะต้องพบว่าความฝันของตนน่าหัวเราะเพียงใด เมื่อได้ฝึกเคล็ดวิชาไร้ลักษณ์ เป็ไปไม่ได้ที่จะทรงตัวอยู่ที่ระดับเงินหนึ่งดาว เพราะด้วยการสั่งสมพลังลมปราณไว้ในร่างกาย พลังยุทธ์ของลู่เพียวจะก้าวหน้าอย่างก้าวะโจนถึงระดับน่าสะพรึงกลัวเลยทีเดียว!
เนี่ยหลีเริ่มทดสอบเว่ยหนาน จูเสียงจวิ้น จางิต่อไปและมอบเคล็ดวิชาที่ทรงอานุภาพให้แต่ละคน แม้ไม่อาจเทียบได้กับเคล็ดวิชาไร้ลักษณ์หรือเคล็ดวิชาเทียนหลิน แต่ก็นับว่าเป็เคล็ดวิชาที่ไม่มีเคล็ดวิชาใดๆ ในเมืองกวงฮุยจะเทียบได้ ไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีวิชายุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดกับความถนัดและอาณาเขติญญาของพวกเขา ความก้าวหน้าในอนาคตย่อมมีประสิทธิภาพมากกว่า!
รอจนถึงระดับทองแดงห้าดาวเมื่อไหร่ค่อยหาจิตอสูรที่เหมาะสม จากนั้นความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาย่อมเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว!
เนี่ยหลีชำเลืองมองผลึกิญญาในมือ เตรียมทดสอบพร์ของตัวเอง ด้วยหลายๆ เหตุผลในชีวิตชาติก่อนของเขา เนี่ยหลีใช้เส้นทางอ้อมมากมายและเคล็ดวิชาที่เขาฝึกก็สับสนปนเป จึงส่งผลให้เขาขาดกำลังในการฝึก่ท้าย ดังนั้นชีวิตหนนี้ เขา้าที่จะค้นหาเคล็ดวิชาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตนเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้