“พวกข้าน้อยสองคนดื่มชาไปหนึ่งแก้ว จู่ๆ ก็ปวดท้องมาก จึงไปห้องน้ำมารอบหนึ่ง แต่เพียงไม่นานก็กลับมาแล้วขอรับ” เ้าหน้าที่ทั้งตื่นเต้นทั้งหวาดกลัวจนใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“พวกเ้านี่มัน...” เหอกวงชี้ไปทางพวกเขาอย่างโมโห แต่กลับทำอะไรไม่ได้
มู่หรงฉือพูดเสียงเย็น “คงจะมีคนอาศัยตอนที่พวกเขาไม่อยู่เข้าไปด้านในตำหนัก แล้วทำอะไรกับกระบี่”
มู่หรงอวี้พูดข้อสงสัยออกมา “แต่คนที่ถูกส่งมารู้ได้อย่างไรว่ากงจวิ้นหาวจะเลือกกระบี่เล่มไหน? กงจวิ้นหาวแค่หยิบกระบี่ขึ้นมาอย่างไม่ได้คิดอะไรเท่านั้น”
เสิ่นจือเหยียนพูดต่อ “ใช่! จุดที่สำคัญที่สุดก็คือเื่นี้ คนที่ลงมือคง้าจะทำร้ายหวังเจิง แล้วก็มีความเป็ไปได้ที่จะมีผู้สมคบคิดด้วย อีกอย่าง คนที่ลงมือก็คงจะลงมือในตอนที่กงจวิ้นหาวไม่ได้สนใจหลังจากเลือกกระบี่ยาวแล้ว”
มู่หรงฉือรู้สึกเห็นด้วยอย่างยิ่ง การลงมือก่อนที่เหล่าบุรุษพวกนี้เลือกกระบี่มีความเป็ไปได้ต่ำมาก แทบไม่มีทางเป็ไปได้
ตอนนี้เอง หมอหลวงก็มาถึง เมื่อตรวจสอบศพของหวังเจิงกับกระบี่ยาวที่ทำร้ายคนเล่มนั้น สีหน้าก็ค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น “ท่านอ๋อง เตี้ยนเซี่ย พิษที่ผู้ตายถูกน่าจะเป็พิษชีปู้เซียงหรือเจ็ดก้าวตาย”
“เจ็ดก้าวตาย?” เสิ่นจือเหยียนทั้งใทั้งดีใจ “ใช่สิ ทำไมข้าถึงคิดไม่ได้กันนะ? ชีปู้เซียงเป็พิษที่ร้ายแรงมาก”
“เปิ่นหวางพอจะรู้เื่ชีปู้เซียงมาบ้าง” ั์ตาของมู่หรงอวี้เข้มขึ้นเล็กน้อย “ชี้ปู้เซียงเป็พิษที่แคว้นหนานเยว่เท่านั้นถึงจะมี ไร้สีไร้กลิ่น พิษรุนแรง ขอเพียงพิษััเข้ากับเืเหยื่อ เหยื่อก็จะตายในทันที และเป็เพราะว่าร่างกายของคนที่ถูกพิษจะเดินไปได้ไม่ถึงเจ็ดก้าว ดังนั้นจึงมีชื่อเจ็ดก้าวตาย”
“พิษร้ายแรงของแคว้นหนานเยว่เหตุใดถึงมาอยู่ในวังของแคว้นเยี่ยนได้?” มู่หรงฉือขมวดคิ้วถาม จมลงไปในความคิด ครั้นคิดอย่างละเอียดแล้วก็น่ากลัวจริงๆ
“ผู้ที่น่าสงสัยที่สุดก็ยังคงเป็กงจวิ้นหาว” เสิ่นจือเหยียนขมวดคิ้วครุ่นคิด “เพราะว่ากรมพิธีการสองคนไม่ได้รู้ว่ากงจวิ้นหาวกับถังฉางเทียนจะเลือกกระบี่ยาวเล่มไหน”
“จับตัวกงจวิ้นหาวเอาไว้!” นางออกคำสั่ง
“กระหม่อมถูกใส่ร้าย! เตี้ยนเซี่ย ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่ได้ฆ่าหวังเจิงจริงๆ...เตี้ยนเซี่ย ท่านอ๋องผู้ปราดเปรื่อง...” กงจวิ้นหาวร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวอย่างหมดหนทาง
องครักษ์สองคนตรงเข้ามาจับเขาเอาไว้ ป้องกันไม่ให้เขาเป็หมาจนตรอก
มู่หรงฉือครุ่นคิดแต่กลับหาจุดเริ่มต้นไม่ได้ กรมพิธีการไม่มีทางลงมืออะไร กงจวิ้นหาวกับถังฉางเทียนต่อสู้กับหวังเจิง กระบี่ที่กงจวิ้นหาวใช้มีพิษเจ็ดก้าวตาย มีแค่เขาที่มีโอกาสทาพิษลงบนกระบี่
นางถามกงจวิ้นหาว “หลังจากที่เ้าเลือกกระบี่แล้ว กระบี่ได้ห่างจากมือเ้าหรือไม่?”
เขาใจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ร้องไห้พลางครุ่นคิด ก่อนจะพูดออกมา “ไม่เลยขอรับ...”
“ท่านอ๋อง องค์รัชทายาท คนร้ายก็คือกงจวิ้นหาว! เขาฆ่าหวังเจิง ท่านอ๋อง เตี้ยนเซี่ยทวงความยุติธรรมให้เจิงเอ๋อร์ด้วย ช่วยจัดการแทนคนสกุลหวัง...”
คุณหนูใหญ่หวังเดิมทีไปพักผ่อนที่ตำหนักด้านข้างเป็เพื่อนหวังฮูหยิน แต่เนื่องจากพวกนางปวดใจอย่างยิ่ง และอยากรู้ว่าใครเป็คนฆ่าคนในครอบครัว จึงออกมาดูสถานการณ์
ครั้นเห็นกงจวิ้นหาวถูกองครักษ์จับเอาไว้ และได้ยินองค์รัชทายาทถามเช่นนั้น ฮูหยินหวังก็ร้องะโออกมาด้วยความโกรธแค้น
มู่หรงฉือเบือนหน้าไปอย่างจนใจ พวกนางออกมาทำไมกัน?
คุณหนูใหญ่หวังประคองฮูหยินหวังเดินมาแล้วคุกเข่าลง ฮูหยินหวังน้ำตาไหลเป็สาย ร้องไห้ะโด้วยความเสียใจ “ท่านอ๋อง เตี้ยนเซี่ย เจิงเอ๋อร์ฝีมือการรบสูงส่ง จะต้องมีคนอิจฉาริษยาเขา...ขอเพียงเจิงเอ๋อร์ตายไป คนอื่นๆ ก็จะมีโอกาสได้รับเลือก...เจิงเอ๋อร์ตายไปได้อย่างไม่ยุติธรรม...”
นางถูกเสียงร้องไห้โหยหวนของฮูหยินหวังเสียดแทงสมอง จึงหมุนตัวไปไม่อยากจะสนใจ
“ฮูหยินหวังรีบลุกขึ้นเถิด เปิ่นหวางจะต้องหาคนร้ายให้ได้ภายในวันนี้ แล้วทวงความยุติธรรมให้หวังเจิง” มู่หรงอวี้พูดเสียงเคร่งขรึม แล้วส่งสายตาไปยังขันทีข้างๆ ขันทีคนนั้นรีบเข้ามาเชิญให้ฮูหยินหวังกับคุณหนูใหญ่หวังลุกขึ้น
“หม่อมฉันขอบคุณท่านอ๋องที่ช่วยทวงความุติธรรมให้สกุลหวัง” คุณหนูใหญ่สกุลหวังประคองมารดาขึ้น ดวงตาทั้งสองคลอน้ำตา บวกกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน เต็มไปด้วยกังวลเสียใจ ดูแล้วน่าสงสารมาก
“พวกเ้าวางใจเถิด ท่านอ๋องจะต้องหาความจริงออกมาและจับคนร้ายตัวจริง คืนความยุติธรรมให้หวังเจิงและสกุลหวัง”
มู่หรงฉางพูดอย่างสบายใจ เดิมทีนางนั่งตากลมเย็นสบายที่หยวนซิ่วนางกำนัลข้างกายคอยพัดให้ที่โถงตำหนัก แต่ว่ายิ่งนั่งก็ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่าย แล้วก็เห็นคุณหนูใหญ่หวังเหมือนจะคิดไม่ซื่อ จึงรีบพุ่งตัวมาดึงคุณหนูใหญ่หวังขึ้น คิดอยู่ในใจ : อยากจะอาศัยจังหวะนี้มายั่วยวนอวี้หวางหรือ ไม่มีทางหรอก!
คุณหนูใหญ่หวังกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แล้วรีบพาฮูหยินหวังหลบไปด้านข้าง
มู่หรงฉางมายืนอยู่ข้างมู่หรงอวี้อย่างถือสิทธิ์ พูดอย่างเสียใจ “เมื่อวานฟ่านเสี้ยวเหวินตายไปแล้ว วันนี้หวังเจิงก็ตายไปอย่างโชคร้าย ท่านอ๋อง เปิ่นกงไม่ควรจะหาคู่หรือไม่? ท่านพี่ มิสู้บอกเสด็จพ่อให้ยกเลิกการหาคู่เถิดเพคะ...”
“เื่นี้เกี่ยวข้องกับหลายสิ่งหลายอย่าง...” มู่หรงฉือมีหรือจะไม่เข้าใจความคิดของนาง?
“ไม่ได้” มู่หรงอวี้ดวงตาเ็า “การคัดเลือกราชบุตรเขยดำเนินมาได้สองวันแล้ว จะหยุดลงกลางคันไม่ได้”
“แต่ว่า เปิ่นกงเป็กังวลว่าพรุ่งนี้จะ...เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นอีก...หากมีคน...เช่นนั้นก็ไม่ใช่เื่ดีแล้ว...” นางยู่ปากพูดเสียงเบาท่าทางเหมือนกำลังอ้อน
“เสิ่นเซ่าชิง เ้ามีความคิดอะไรหรือไม่?” คนที่เขาถามคือเสิ่นจือเหยียน แต่คนที่เขามองกลับเป็มู่หรงฉือ
สถานการณ์ในวันนี้ช่างเลือนลาง เขามองไม่ออกจริงๆ ว่าคนร้ายคือใคร
มู่หรงฉางเห็นเขาไม่สนใจตนเองแม้แต่น้อย ก็เม้มปากด้วยความโกรธ แต่ก็ไม่อาจหงุดหงิดใส่เขาได้ ทำได้เพียงข่มโทสะลงไป
มู่หรงฉือมองท้องฟ้าอย่างหมดคำพูด น้องสาวเอ๋ย ที่เ้าทำมันสะดุดตาเกินไปแล้ว
เสิ่นจือเหยียนพูดอย่างรู้สึกละอาย “ท่านอ๋อง กระหม่อมยังไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”
“ใครกล้าจับตัวลูกข้า?!”
เสียงตวาดที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวทรงอำนาจไม่สามัญ ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยไฟโทสะ
ทุกคนหันไปมอง ที่แท้ก็เป็ฮูหยินอัครเสนาบดีกงหยางซื่อ[1]ที่เดินออกมาจากตำหนักด้านข้างเช่นกัน ครั้นเห็นบุตรชายสุดที่รักของตนถูกองครักษ์จับตัวไปก็โมโหขึ้นมา
ฮูหยินกงยืนด้วยท่วงท่าสง่าผ่าเผย นางเกิดในจวนอัครเสนาบดีสกุลหยาง เป็บุตรสาวที่เกิดจากตระกูลแม่ทัพ ตอนยังสาวนางกล้าหาญตรงไปตรงมา เก่งกาจพอๆ กับบุรุษ สร้างเื่ราวเลื่องลือเป็วีรสตรีมากมาย หลังจากแต่งงานกับเสนาบดีกงก็ไม่ได้สงบเสงี่ยมลง จวนเสนาบดีก็จัดการได้อย่างมีระเบียบเรียบร้อย ขึ้นชื่อว่าดุร้ายยิ่งนัก ประชาชนในเมืองหลวงมอบชื่อเสียงอันสวยงามให้นางว่า : ภรรยาผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเป่ยเยี่ยน
มู่หรงฉือแอบคิดในใจ กงจวิ้นหาวอ่อนแอขี้ขลาด บางทีอาจเป็ผลจากการถูกมารดาที่ดุร้ายสั่งสอนมานานก็เป็ได้
“ลูกของข้าบอกว่าไม่ได้ฆ่าคนก็ไม่ได้ฆ่าคน!” ฮูหยินกงหยางซื่อเชิดคอพูดอย่างตัวเองถูกต้องมีเหตุมีผล แววตาร้อนแรง เปี่ยมความกล้าหาญอยู่หลายส่วน
“ฮูหยินกง พูดเช่นนั้นก็ไม่ถูกต้อง คงไม่อาจปล่อยผู้ต้องสงสัยทุกคนไปเพียงเพราะพวกเขาบอกว่าถูกใส่ร้ายกระมัง จะต้องสอบสวนก่อนถึงจะสามารถสืบหาความจริงออกมาได้...”เสิ่นจือเหยียนแย้ง
“นิสัยของลูกชายข้ามีหรือที่ข้าจะไม่รู้ดี? กระทั่งคนฆ่าไก่ฆ่าเป็ดเขายังหลบไม่กล้าดู จะสังหารคนได้อย่างไร?” ใบหน้างดงามเ็าของนางตึงขึง สีหน้าแข็งกร้าว ท่าทางดุดัน “ท่านอ๋อง องค์รัชทายาท หม่อมฉันเชื่อว่าหาวเอ๋อร์ไม่มีทางสังหารใคร ขอท่านอ๋องและเตี้ยนเซี่ยตรวจสอบความจริงออกมาให้ชัดเจน และล้างข้อกล่าวหาให้หาวเอ๋อร์ด้วยเพคะ”
“ไม่ใช่เขาแล้วยังจะเป็ใครได้อีก? ลูกชายของเ้าใช้กระบี่ยาวที่เคลือบพิษ เจิงเอ๋อร์ของข้าถูกกระบี่ของลูกชายเ้าทำให้ได้รับาเ็ถึงได้ถูกพิษจนตาย” ฮูหยินหวังแย้งออกมาด้วยความโกรธเคืองระคนเ็ป “ลูกชายของเ้าเป็ผู้ต้องสงสัย ก็ควรจะถูกจับไป ไม่มีอะไรผิดทั้งนั้น! เจิงเอ๋อร์ที่น่าสงสารของข้า ตายไปอย่างน่าเวทนา...”
มู่หรงฉือถูกการโต้ฝีปากของฮูหยินทั้งสองทำเอาหงุดหงิด มู่หรงอวี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน จึงทำหน้านิ่งไม่พูดจา
เหอกวงนั้นตามีแวว รีบพาฮูหยินทั้งสองไปพักที่ตำหนักด้านข้าง
ทว่ามีหรือว่าพวกนางจะยอมไป? ต่างดื้อรั้นจะอยู่ฟังคำสืบสวน
ดวงตาของมู่หรงอวี้ปรากฏหมอกครึ้ม “ฮูหยินทั้งสองโปรดวางใจ เปิ่นหวางจะต้องสืบหาความจริงออกมา แล้วหาคนร้ายตัวจริงออกมาให้ได้ ไม่มีทางให้ใครคนไหนถูกใส่ร้าย”
นับจากนั้นหยางซื่อกับฮูหยินหวังจึงไม่กล้าเอ่ยปากอีก ต่างถลึงตาใส่กันเองแล้วผละสายตาออกไป
เสิ่นจือเหยียนคิดอย่างทุกข์ใจ ทั้งร้อนใจที่ยังไม่สามารถคิดผลสรุปออกมาได้
มู่หรงฉือถามกงจวิ้นหาวอีกครั้ง “เ้าคิดให้ดีๆ ั้แ่เ้าเลือกกระบี่ยาวเล่มนี้มา กระบี่เล่มนี้ไม่เคยห่างมือเ้าเลยจริงหรือ?”
กงจวิ้นหาวรู้ว่าครั้งนี้เกี่ยวข้องกับความเป็ความตายของตัวเอง หากทำไม่ดีหัวจะหลุดจากบ่า ดังนั้นจึงตั้งใจนึกย้อนกลับไป
“ใช่แล้ว กระหม่อมคิดออกแล้ว หลังจากที่กระหม่อมเลือกกระบี่เล่มนั้นมา ถังฉางเทียนบอกว่าด้ามกระบี่ของเขาแทงมือ จึงถามกระหม่อมว่ากระบี่เล่มนี้แทงมือหรือไม่ กระหม่อมบอกว่าไม่ เขาจึงบอกว่าจะดูกระบี่ของกระหม่อม กระหม่อมจึงส่งกระบี่ให้เขาพ่ะย่ะค่ะ” แววตาของเขาฉายแววดีใจ พูดต่อว่า “ถังฉางเทียนจับกระบี่มาสะบัดสองที แล้วเอากระบี่สองด้านมาเทียบกัน ต่อมาเขาก็เอาหนึ่งในนั้นคืนให้กระหม่อม แต่ว่าตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ตอนนั้นไม่ได้สังเกตว่าที่เขาคืนมาเป็กระบี่เล่มเดิมที่หยิบมาหรือไม่”
“เื่เป็เช่นนี้จริงๆ หรือ?” นางถามด้วยความสงสัย ไม่ได้ปฏิเสธวาจาที่อาจเป็คำโกหกเพื่อลากคนอื่นเข้ามาด้วยของเขา
ทุกคนมองไปทางถังฉางเทียน สายตาแฝงไว้ด้วยความสงสัยลึกๆ หรือเขาจะแอบเอากระบี่มาสับเปลี่ยนกับกงจวิ้นหาว เป็เขาที่ฆ่าหวังเจิง?
ถังฉางเทียนยืนอยู่ตรงนั้น ร่างกายเหยียดตรงสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ท่าทางนิ่งสงบ
ความคิดของมู่หรงฉือแล่นปราดทันที ปฏิกิริยาของเขานิ่งสงบเกินไป เหมือนกับเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าเื่จะออกมาเป็เช่นนี้
ทันใดนั้นหรงชิงถิงก็โพล่งขึ้นมา “เตี้ยนเซี่ย ตอนนั้นกระหม่อมเห็น ถังฉางเทียนเอากระบี่ของกงจวิ้นหาวไปเทียบจริงๆ แต่กระหม่อมไม่ได้สังเกตว่าถังฉางเทียนแอบสับเปลี่ยนหรือไม่”
ฮูหยินกงหยางซื่อไม่ได้ดั่งใจ ก็พูดอย่างมีความนัยแฝงลึก “หาวเอ๋อร์ เ้าเป็คนที่เชื่อผู้อื่นง่ายเกินไป ถูกคนอื่นลากไปติดกับแล้วก็ยังไม่รู้ตัว”
การเปลี่ยนแปลงนี้เกินคาดไปสักหน่อย ทุกคนต่างรอให้ถังฉางเทียนตอบกลับ
ถังฉางเทียนก้าวขึ้นมาอีกหลายก้าว อธิบายด้วยท่าทางนิ่งสงบ “ท่านอ๋อง เตี้ยนเซี่ย กระหม่อมเพียงแค่ยืมกระบี่ของกงจวิ้นหาวมาดูเท่านั้น เพียงครู่เดียวก็คืนเขาแล้ว ไม่ได้แอบสับเปลี่ยนแต่อย่างใด”
“ถังฉางเทียน เ้าอยากจะใช้แผนการกับบุตรของข้า! ทำแล้วไม่ยอมรับ เป็บุรุษคนหนึ่งก็ควรจะรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองทำ!” กงหยางซื่อพูดเสียงดุ น้ำเสียงแววตาดุร้ายมาก
“กงฮูหยิน เื่ที่ไม่ได้ทำ เหตุใดฉางเทียนจะต้องรับด้วยเล่า?” สีหน้าของเขาปกติ แววตาใสกระจ่างราวกับน้ำ ใจเย็นนิ่งสงบ แตกต่างจากกงจวิ้นหาวราวฟ้ากับเหว
มู่หรงฉือกับเสิ่นจือเหยียนมองตากัน สถานการณ์เช่นนี้ ไม่สามารถตัดสินได้ว่าถังฉางเทียนแอบสับเปลี่ยนกระบี่หรือไม่
เ้าของเื่อย่างกงจวิ้นหาวไม่ได้สังเกต แล้วก็ไม่มีคนที่น่าเชื่อถือมาเป็คนยืนยัน ความลับนี้มีแค่ถังฉางเทียนคนเดียวที่รู้ความจริง
เดิมทีคิดว่าคดีนี้จะมีโอกาสพลิกผัน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะกลับเข้าสู่ทางตันอีกครั้ง
คนร้ายตัวจริงคือกงจวิ้นหาวหรือว่าถังฉางเทียนกันแน่ นี่เป็ปัญหาใหญ่ที่ทุกคนในที่นี้กำลังครุ่นคิด
เชิงอรรถ
[1] เป็การเรียกชื่อของผู้หญิงที่แต่งงานแล้วด้วยสกุลเดิม เมื่อแต่งงานแล้วจะเรียกเพียงชื่อสกุล เช่น กรณีนี้ฮูหยินกงมาจากสกุลหยาง เวลาเรียกจะเหลือแค่หยางซื่อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้