เหอชูซานแอบกอดอกแน่นเมื่อลมหนาวพัดผ่านร่าง อาจจะเพราะเขาเป็คนที่ฉลาดและละเอียดอ่อน เขาจึงสามารถรับรู้ได้ถึงความเ็าจากคำพูดเหล่านี้
ความรู้สึกระหว่างชิงหลงกับชย่าลิ่วอีนั้นเกินกว่าความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้องแล้ว ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมชย่าลิ่วอีถึงได้คว้าเก้าอี้มาฟาดเขาหลังจากได้ยินบทหนังฉบับที่สองที่เขาเขียน– มาเฟียที่ดูโเี้คนนี้กำลังพยายามปกปิดความสับสนและความไม่มั่นคงในใจ เพราะความรู้สึกต้องห้ามที่เขาฝังลึกไว้ในใจถูกเปิดเผยโดยคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยบังเอิญ
“เสี่ยวหม่านยิ่งโตยิ่งสวย หัวหน้าใหญ่จากหลายแก๊งต่างสนใจเธอ ชิงหลงเองก็อยากให้เธอมีคู่ครอง แต่เธอไม่เอาสักคน มีคืนหนึ่งเธอแอบบอกฉันว่าเธอชอบชิงหลง เธออยากเป็ผู้หญิงของชิงหลง”
“เธอ้าอะไร ฉันก็จะให้เธอทั้งหมด ไม่กี่วันต่อมาก็เป็วันเกิดอายุครบ 20 ปีของฉัน ชิงหลงถามฉันว่าฉัน้าอะไร ฉันจึงตอบไปว่าฉันอยากให้เสี่ยวหม่านเป็อาซ้อของฉัน”
เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อเสียงแ่เบา “ชิงหลงมองฉันอยู่นาน แล้วพูดกับฉันว่า สิ่งที่นาย้า พี่ใหญ่จะหามาให้”
เขาไม่พูดอะไรหลังจากนั้น
“สิ่งที่นาย้า พี่ใหญ่จะหามาให้... ยกเว้นสิ่งนี้”
“ผม้าเพียงสิ่งนี้”
“นายรู้ใช่ไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”
“เธอคือพี่สาวของผม เธอชอบพี่มาก”
“แล้วนายล่ะ”
“ผะ... ผมเป็ลูกน้องของพี่ เป็ศิษย์ที่พี่รับไว้ ผมยอมรับพี่เป็หัวหน้า จะติดตามพี่ไปตลอดชีวิต”
“เขาแต่งงานกับเสี่ยวหม่าน”
“เขายังมอบดาบคู่ัเขียวให้ฉัน พาฉันไปพบกับผู้าุโในแก๊ง แล้วบอกพวกเขาว่านี่คือศิษย์ที่เขาภูมิใจที่สุดและเป็ ‘หงกุ้น’ ที่อายุน้อยที่สุด เขาจะค่อยๆ ส่งมอบธุรกิจบางส่วนของเขาให้ฉันจัดการ”
“ั้แ่นั้นมา ฉันเป็ลูกน้อง เขาเป็หัวหน้า และเสี่ยวหม่านก็เป็ภรรยาของเขา ฉันคิดว่าชีวิตจะเป็แบบนี้ตลอดไป...”
“แต่เมื่อต้นปีที่แล้ว เสี่ยวหม่านเป็โรคซึมเศร้า”
“เธอพูดว่าชิงหลงไม่รักเธอ ถึงแม้ว่าเขาจะดีกับเธอมากก็ตาม ดีกว่าตอนเด็กๆ ด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ได้รักเธอเลย เธอสงสัยว่าชิงหลงมีคนอื่น เธอถามฉันว่าเขามีคนอื่นไหม ฉันบอกว่าไม่มี เธอบอกว่าฉันโกหกเธอ”
“ฉันขอให้ชิงหลงดีกับเสี่ยวหม่านหน่อย เขาตอบตกลง แต่ในตอนที่ฉันขอให้เขารักเสี่ยวหม่าน เขากลับบอกว่าเขาทำไม่ได้”
ตราบใดที่พี่ใหญ่ทำได้ เขาไม่เคยปฏิเสธเลยสักครั้ง
— มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่ทำไม่ได้
“เสี่ยวหม่านทะเลาะกับเขา...”
ชย่าลิ่วอีหลับตาแน่น ส่ายหน้าอย่างทนไม่ได้
เขาปวดหัวราวกับว่ามันจะแตกออกเป็เสี่ยงๆ คลื่นสีดำซัดสาดในหัวเหมือนพาเขาเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริง จินตนาการถึงตอนที่ทั้งสองคนทะเลาะกัน...
“คุณมีคนอื่น! คนคนนั้นคือใครกัน? ตกลงเป็ใครกันแน่?! ใครอยู่ในใจของคุณกันแน่?!”
“เธอพูดจาเหลวไหลอะไร?! อย่าคิดมากไปหน่อยเลย!”
“ฮะ ฮะฮะ... คุณพูดไม่ได้ใช่ไหม? คุณคิดว่าฉันไม่รู้หรือ? ฉันโง่จริงๆ ที่เพิ่งจะมารู้ตอนนี้ว่า... คุณมันไอ้วิปริต! หน้าไม่อาย! คนที่คุณชอบจริงๆ คือ...”
เพียะ!
“เขาตบหน้าเสี่ยวหม่าน เสี่ยวหม่านจึงแทงเขา แล้วก็ะโลงมาจากดาดฟ้า...”
“เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ฉันเลือกที่จะไปหาเสี่ยวหม่านก่อน เมื่อฉันรีบไปจนถึงโรงพยาบาล เขาก็ถูกคนอื่นฆ่าตายไปแล้ว ฆ่าด้วยดาบของฉัน”
“ด้วยมัง... กร... เขียว... ที่เขาให้ฉัน...”
ทันใดนั้นชย่าลิ่วอีก็คร่ำครวญออกมาด้วยเสียงแหบพร่า ทำให้เหอชูซานที่ตั้งใจฟังเื่ราวอยู่เงยหน้าขึ้นด้วยความใ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือชย่าลิ่วอีที่จับหัวเข่าของตัวเองไว้แน่นและไหล่ที่สั่นเทา
เหอชูซานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวางมือลงบนหลังมือของเขาที่ราวกับจะบีบกระดูกสะบ้าของตัวเองให้แตกอย่างระมัดระวังเพื่อหยุดเขาไม่ให้ทำร้ายตัวเอง
ชย่าลิ่วอีตัวสั่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
เขาปัดมือของเหอชูซานออกเบาๆ แล้วพูดต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย “คนคนนั้นคือรองหัวหน้าแก๊ง เขาเปลี่ยนยารักษาโรคซึมเศร้าของเสี่ยวหม่าน ทำให้อาการของเธอแย่ลงจนทำให้เธอเสียชีวิต จากนั้นก็ฆ่าชิงหลงแล้วโยนความผิดมาให้ฉัน พาคนมาตามล่าฉัน คนที่ค้นหาฉันในตรอกเมื่อตอนกลางวันก็เป็ลูกน้องของเขา”
“แล้วตอนนี้พี่จะทำยังไงต่อ?” เหอชูซานถามเบาๆ
ชย่าลิ่วอีมองไปยังปลายแหลมของเหล็กเส้นที่ปักอยู่บนพื้นดินไกลออกไป “ฆ่าเขา เพื่อแก้แค้นให้ชิงหลงและเสี่ยวหม่าน”
คำตอบที่เต็มไปด้วยเืนี้ไม่ได้ทำให้เหอชูซานรู้สึกรังเกียจเลย เขายังคงจมอยู่ในความเศร้าที่ดูเหมือนจะหลั่งไหลออกมาไม่หยุดจากมาเฟียผู้เ็าคนนี้ เขามองใบหน้าเรียบเฉยของชย่าลิ่วอีด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน แล้วถามเบาๆ อีกครั้งว่า “แล้วจากนั้นล่ะ”
ชย่าลิ่วอีปิดตาลง ไม่นานก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง “ดูแลพี่น้องที่ชิงหลงทิ้งไว้ให้ดี ทำให้แก๊งเซียวฉีเป็แก๊งที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง”
ตอนที่ชิงหลงยังมีชีวิตอยู่ เขาทำผิดต่อชิงหลง ตอนนี้ชิงหลงจากไปแล้ว นี่จึงเป็สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำเพื่อชิงหลงได้
“…”
เหอชูซานไม่รู้จะตอบอย่างไร จึงได้แต่ถอนหายใจในใจ— มาเฟียก็ยังคงเป็มาเฟีย มีแต่เื่การต่อสู้และการฆ่าฟัน หลังจากการสังหารครั้งหนึ่งก็จะมีการสังหารครั้งที่ใหญ่กว่า การขยายอำนาจ การต่อสู้ระหว่างแก๊ง ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย สุดท้ายคนที่ลำบากก็ไม่พ้นประชาชนผู้บริสุทธิ์
เขาเติบโตขึ้นในสลัมที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกและไร้ระเบียบ พบเห็นความโหดร้ายของโลกมาโดยตลอด ในฐานะประชาชนคนดีที่ถูกกดขี่ข่มเหง เขารู้สึกขยะแขยงกับเื่แบบนี้จริงๆ
ชย่าลิ่วอีหยุดพูดไปครู่หนึ่ง แล้วเช็ดหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาอย่างเฉยเมย “อย่าเข้าใจฉันผิดนะ ฉันไม่ได้มาบ่นให้นายฟังหรอก แค่อยากหาใครสักคนมาคุยด้วย แต่ที่นี่ดันไม่มีแม้แต่แมวสักตัว”
เหอชูซานรีบส่ายหัวปฏิเสธ “ผมไม่ได้เข้าใจพี่ผิดหรอก”
หลังจากความเข้าใจผิดครั้งก่อนที่เขาถูกตำหนิอย่างรุนแรง เขาก็ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองอีกต่อไป
“ผมแค่สงสัย” เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดต่อ “ทำไมพี่ถึงไม่บอกชิงหลงตามตรงว่าพี่ก็ชอบเขา ทำไมพี่ถึงต้องบังคับให้เขาแต่งงานกับพี่สาวของพี่ ทำไมเขาถึงยอมฝืนใจ มันไม่ดีรู้ไหม พวกพี่ไม่รู้หรือ”
ถ้าพวกเขาเต็มใจที่จะเผชิญหน้ากับความสัมพันธ์นี้ท่ามกลางแรงกดดันจากรอบข้าง บางทีรองหัวหน้าก็คงจะไม่สามารถฉวยโอกาสเข้ามาแทรกแซงและก่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้
เขาทำใจกล้าพูดออกมาตรงๆ อย่างนี้ แต่ชย่าลิ่วอีกลับไม่ได้โกรธและลงมือทำร้ายเขาเหมือนครั้งก่อน เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนยกมือขึ้นลูบหัวเหอชูซานเหมือนลูบหัวหมา “ไอ้หนู นายไม่เข้าใจ เื่พวกนี้มันมีหลายอย่างที่ทำให้เราไม่เป็ตัวของตัวเอง”
เหอชูซานหลุบตาลงต่ำ ปล่อยให้ชย่าลิ่วอีลูบหัวเขาทั้งที่ยังสงสัย ในใจยังคงสับสน เขาในวัย 21 ปียังมีชีวิตรักที่บริสุทธิ์เหมือนกระดาษขาว จึงไม่เข้าใจคำว่าไม่เป็ตัวของตัวเอง เพียงแต่รู้สึกว่าชย่าลิ่วอีพูดคำนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความสิ้นหวังและความเหงา
“ฉันขอพักสักครู่” ชย่าลิ่วอีเหยียดขาอย่างเหนื่อยล้าพร้อมทั้งยกแขนขึ้นหนุนหัว “พูดมากไปหน่อย เปลืองแรง”
เหอชูซานรีบเตือนทันที “นอนตรงนี้อาจจะไม่สบายได้นะ”
“หุบปาก ไอ้หนู รีบนอน”