ค่ำนั้น ฉู่เฟิงนอนหลับฝันหวาน แค่เอนตัวลงก็หลับแทบจะในทันที เป็การนอนหลับรวดเดียวไร้ซึ่งความฝัน
ส่วนหวงหนิว สีหน้าอิดโรย คืนนี้ทั้งคืนวิ่งเข้าวิ่งออกอยู่สามสี่รอบ มันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ได้แต่ร้องฮึ่มฮั่ม อยากจะพุ่งเข้าห้องฉู่เฟิงไปแจกกีบให้เขาหลายๆ กีบ
แต่ว่า มันกลัวว่าฉู่เฟิงจะรู้ เดี๋ยวจะถูกเยาะเย้ย!
หลังจากวิ่งไปรอบที่ห้า หวงหนิวก็หมดแรง หน้าเหลืองหน้าเขียว นี่ยังดีที่มันร่างกายแข็งแรง ถ้าเป็คนอื่นละก็ คงกองอยู่ข้างนอกทั้งคืน วิ่งไปวิ่งมาไม่ไหวหรอก
ภายใต้แสงจันทร์ มันทำลับๆ ล่อๆ อย่างกับโจร มุดเข้าไปในห้องเก็บของ เปิดนู่นรื้อนี่ จนกระทั่งเจอขวดยาขวดเล็ก
มันเปิดขวด หลับหูหลับตากรอกเข้าปากไปครึ่งขวด ยาได้ผลชงัดดีแท้ ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาละ มันนอนแผ่หราบนเตียง หลับเป็ตาย
เช้าตรู่ ทั้งฉู่เฟิงและหวงหนิวตื่นแทบจะพร้อมกัน ออกไปยืนกลางสวน หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เริ่มฝึกการหายใจแบบพิเศษ
ฉู่เฟิงรู้สึกว่า เคล็ดหายใจแบบพิเศษนี้เอื้อประโยชน์อย่างไม่มีอะไรเทียบ โดยเฉพาะเมื่อหันหน้ารับแสงตะวันอันอบอุ่น ร่างกายจะรู้สึกอุ่นสบาย เหมือนกับมีกระแสอบอุ่นกระแสแล้วกระแสเล่าไหลวนอยู่ทั่วร่าง
ท้ายที่สุด เขารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ใจกลางเตาไฟ ร่างกายร้อนระอุ รูขุมขนขยาย เหมือนกับกำลังจะแปลงร่างเป็อะไรสักอย่าง
แน่นอน เมื่อลืมตาขึ้น เขาก็เห็นภาพอันแปลกประหลาดนั่น ทั่วร่างเคลือบคลุมด้วยม่านสีทองบางเบา เห็นได้อย่างชัดเจน เกิดขึ้นอย่างแท้จริง และเมื่อการฝึกหายใจสิ้นสุดลง ม่านบางๆ นั้นก็ซึมหายเข้าไปในผิวกาย
ห่างไปไม่ไกล หวงหนิวกำลังอิจฉาเขา เคล็ดวิธีหายใจแบบพิเศษนี้ได้สำแดงความพิเศษของมันออกมาผ่านร่างกายของฉู่เฟิง แต่มันเพิ่งผ่านไปเท่าไหร่กัน? ถึงสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เขาได้ถึงเพียงนี้
นี่เป็ความก้าวหน้าอย่างหนึ่ง เคล็ดหายใจแบบพิเศษมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง จัดระเบียบระบบเืเนื้อภายใน ปรับสมรรถนะทางกายในทุกด้าน ช่วยให้ร่างกายของเขาเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
หวงหนิวมั่นใจอย่างยิ่งว่า กลีบดอกไม้ที่ร่วงใส่มือของฉู่เฟิงนั้นไม่ใช่กลีบดอกไม้ธรรมดา มันเป็ตัวเร่งปฏิกิริยาชั้นเยี่ยมที่ส่งให้เกิดผลลัพธ์ชั้นยอด
แต่เมื่อคำนวณเวลาแล้ว ประสิทธิภาพของมันก็น่าจะใกล้หมดลงแล้ว เนื่องจากวัตถุใดๆ ก็ตามล้วนมีประสิทธิภาพอยู่ใน่เวลาหนึ่งเท่านั้น
เมื่อนึกถึงเกสรดอกไม้และตัวเร่งปฏิกิริยา ในใจหวงหนิวก็ร้อนรน วิ่งไปที่แปลงดอกไม้ส่องแล้วส่องอีก น่าเสียดายที่เมล็ดพันธุ์ทั้งสามก็ยังคงนิ่งเงียบ ไม่มีอะไรงอกออกมา
ทว่า มันก็ยังมีความหวัง เป็ถึงเมล็ดพันธุ์ที่มาจากเขาคุนหลุนทั้งที ตามที่มันรู้มา สถานที่แห่งนั้นไม่ธรรมดาเลย
“มอ!”
หวงหนิวร้องเสียงต่ำๆ พุ่งเข้าโจมตีใส่ฉู่เฟิงอย่างไม่ส่งสัญญาณใดๆ ความแค้นท้องเดินเมื่อคืนต้องชำระ
“ไอ้วัวบ้า นี่เอาจริงเรอะ!”
ฉู่เฟิงใ ลนลานะโหนี หลบเงาวัวที่พุ่งทะยานเข้าใส่ แล้วคืนหมัดกระบวนท่าที่หนึ่งกลับไปให้มัน
สุดท้าย ฉู่เฟิงเป็ฝ่ายถอย ผู้กล้าเมื่อเสียเปรียบพึงรู้จักถอยหนี เขารู้แล้วเ้าวัวนี่กำลังเหวี่ยงนี่เอง มันอยากเอาเนื้อแกะย่างที่เหลือยัดใส่ปากเขาแทบแย่
ฉู่เฟิงไปที่ร้านทำอาวุธของจ้าวซานเหยีย คราวนี้เขาอยากได้มีดคมๆ สักเล่ม เพราะเขาพบว่า ด้วยพละกำลังที่เพิ่มขึ้น เพียงสะบัดมือนิดเดียว กระบี่สั้นสีดำก็พุ่งออกจากมือด้วยพลังทำลายล้างที่รุนแรงกว่าลูกธนูอย่างน่าตกตะลึง
ฉู่เฟิงอธิบายลักษณะและผลที่้าให้ฟัง จ้าวซานเหยียบอกว่าไม่มีปัญหา เขาเป็คนร่างกายสูงใหญ่ ผมตัดสั้นตั้งตรง ชวนให้คนรู้สึกได้ถึงความแข็งไม่ยอมคน และความกระตือรือร้นภายใน
“เมื่อก่อนผมว่าธนูก็ไม่เลว แต่ตอนนี้รู้สึกว่าพวกมีดบินมันเร็วแล้วก็แรงกว่าฮะ” ฉู่เฟิงบอก
“ไม่ใช่แล้วล่ะ คันธนูของแท้น่ะทรงอานุภาพมากนะ แต่ว่าตอนนี้บางอย่างมันก็หายสาบสูญไปแล้ว” จ้าวซานเหยียโหยไห้
“เวลามันเปลี่ยนไป นี่มันเป็เื่สุดวิสัยนี่ฮะ ตอนนี้คันธนูคงสู้ปืนไม่ได้” ฉู่เฟิงเอ่ย
“ก็ไม่เสมอไป” จ้าวซานเหยียส่ายศีรษะ
ฉู่เฟิงตะลึง เขารู้ว่าจ้าวซานเหยียได้รับการถ่ายทอดวิชาจากบรรพบุรุษ ร้านทำอาวุธของเขานี้ก็มีชื่อเสียงเป็อย่างมาก ลูกค้ามาจากทั่วทุกสารทิศ
ได้ยินมาว่า บรรพบุรุษของเขาในโบราณกาลเคยสร้างอาวุธทรงอานุภาพร้ายกาจมาแล้ว
แต่ว่า ไม่รู้ว่าเมื่อเทียบกับยุคนี้ อาวุธโบราณพวกนั้นจะยังคงความร้ายกาจอยู่หรือไม่
“สมัยก่อนน่ะ อาวุธบางอย่างร้ายแรงมากนะ อย่างธนูที่ยิงออกไปนั้นไม่ใช่แค่ลูกธนู หากแฝงไปด้วยจิติญญา และไอสังหารที่รุนแรง” จ้าวซานเหยียเอ่ย ในบันทึกโบราณของตระกูลได้บันทึกเอาไว้
ฉู่เฟิงถึงกับตะลึง
“คันธนูประเภทนั้นมันมหัศจรรย์มาก แต่ว่าคนธรรมดาใช้มันไม่ได้ ได้ยินมาว่ามีเพียงนักพรตที่อายุร้อยปีขึ้นไป แล้วก็นักบวชบางรูปที่สามารถฝืนง้างคันศรได้”
“เหลือเชื่อขนาดนี้เชียว ยิ่งอายุมากถึงจะมีความสามารถดึงคันธนูได้งั้นหรือ?” ฉู่เฟิงไม่เข้าใจ
“พูดไปมันก็นานมากแล้ว แทบจะกลายเป็ตำนานไปแล้วล่ะ แต่ก็ได้ยินมาว่าในยุคโบราณ มีนักพรด นักบวชสูงวัยที่พอตายไป ร่างกายไม่เน่าเปื่อย แล้วยังมีกลิ่นหอมอบอวลทั่วห้องด้วยนะ สาเหตุก็เพราะร่างกายของพวกเขาไม่ธรรมดา ยามมีชีวิตอยู่พละกำลังมหาศาล เป็ ‘กายเนื้อสู่กายทิพย์’ ในตำนานเลยล่ะ แล้วก็มีแต่คนพวกนั้นเท่านั้นนะ ที่สามารถง้างคันศรที่บรรพบุรุษของฉันสร้างขึ้นมาได้” ใบหน้าของจ้าวซานเหยียมีแววประหลาด อย่างกับว่าอยากจะให้วันเวลาย้อนคืนไปสู่วันที่สามารถสร้างสรรค์คันธนูทรงอานุภาพเช่นนั้นได้อย่างนั้นแหละ
จากที่เขาพูดมา ลูกศรที่ยิงออกไป สามารถทลายประตูเมืองได้
“ซานเหยียฮะ ตื่นฮะตื่น กลับมาได้แล้ว” ฉู่เฟิงหัวเราะ ยื่นมือไปโบกตรงหน้าเขา เพราะพอจ้าวซานเหยียพูดจบก็เหม่อลอยไปเสียอย่างนั้น
“เธอมันไอ้ลูกหมาตัวกะเปี๊ยก กล้ามาหัวเราะเยาะฉันเรอะ อย่ามาทำเป็ไม่เชื่อนะ มันมีคันธนูอย่างนั้นจริงๆ!” จ้าวซานเหยียขณะเอ่ย สีหน้ายังไม่สนิทดี
“นี่มันเื่เก่าแก่กี่ปีแล้ว น่าจะเป็พันปีได้แล้วมั้ง อย่าลืมสิฮะ ตอนนี้เป็ยุคหลังความรุ่งเรืองแล้วนะฮะ” ฉู่เฟิงท่าทางไม่เห็นด้วย
แต่หากมีจริงละก็ จะมีใครได้เห็นอีกล่ะ? ถูกฝังอยู่สุสานใต้ดินที่ไหนไปแล้วก็ไม่รู้
“ฉันเคยเห็นนะ!” จ้าวซานเหยียหลุดปากออกมา อารมณ์ของเขาดุดัน ถึงจะเป็ตาแก่ดื้อดึงที่ยิ้มหัวกับคนรู้จักมักคุ้น แต่บางทีก็หัวแข็งเอาเื่
“ซานเหยียฮะ ถ้ามีจริง เอามาให้ผมดูหน่อยนะฮะ!” ถึงตอนนี้ฉู่เฟิงั์ตาเป็ประกาย ก็ถ้ามีคันธนูขั้นเทพอย่างนี้จริงๆ เขาก็อยากขอยืมสักหน่อย พกขึ้นเขาไท่หังซานไปทดสอบอานุภาพสักตั้ง จะเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธ หรืุ์พิเศษบินได้ หรือจะเป็เทพปีกเงิน ถ้าแหยมมา พ่อจะสอยให้ร่วงทั้งหมดเลย
จ้าวซานเหยียพูดจบก็มีท่าทางเสียใจ ได้แต่ส่ายศีรษะพลางโบกมือ จากนั้นไม่ยอมพูดอะไรสักคำ
“ซานเหยีย ทำอย่างกับว่าผมไม่รู้จักนิสัยปู่อย่างนั้นแหละ ต้องมีแน่ๆ ให้ผมดูหน่อย” ฉู่เฟิงั์ตาเป็ประกาย
จ้าวซานเหยียมองซ้ายทีขวาที จากนั้นปิดประตูร้านดังปัง กระนั้นก็ยังมีท่าทีลังเล แล้วเอ่ยว่า “เอาวะ ให้เธอดูก็ได้”
ในที่สุด เขาลากกล่องหินขนาดใหญ่ออกมาจากใต้เตียงในห้องนอนอย่างกินแรง กล่องโบราณเก่าคร่ำคร่า ปราดตาดูก็รู้ว่าไม่ใช่สิ่งของในยุคสมัยใกล้เคียงนี้
เห็นได้ชัดว่ามันหนักอย่างยิ่ง ขนาดจ้าวซานเหยียลากมันกับพื้นยังรู้สึกหนักแรงอย่างยิ่ง
“เก็บไว้ในกล่องหินงั้นเหรอ?” ฉู่เฟิงแตกตื่น
“อื้ม เพราะว่าถูกฝังไว้ใต้ดินอยู่นาน กลัวกันว่าถ้าเป็กล่องไม้จะผุไปเสียก่อน ภายหลังจึงขุดขึ้นมา แต่เป็เพราะบรรพบุรุษของฉันคิดว่ากล่องหินเหมาะสมกว่า จึงเก็บรักษาด้วยวิธีนี้”
ฉู่เฟิงเข้าใจทันที ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน ผืนดินย่อมมีการเปลี่ยนแปลง จำเป็ต้องป้องกันให้ดี
พอเปิดกล่องหินออก ก็เห็นคันธนูั์ ยาวเกือบเมตรครึ่ง สีน้ำตาลเข้ม ทึมทึบตลอดคัน ไม่มีแสงแวววาวแม้แต่น้อย ชวนให้รู้สึกถึงยุคสมัยอันยาวนานห่างไกล
ทั่วทั้งคันธนูบ่งบอกความโบราณอย่างชัดเจน มีร่องรอยแห่งกาลเวลา เพียงดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป
ฉู่เฟิงลองยกมันขึ้นมา แล้วพลันตกตะลึง วัสดุที่ใช้ทำคันธนูนี้พิเศษอย่างยิ่ง หนักอย่างมาก คนธรรมดายกไม่ขึ้นอย่างแน่นอน เพราะน้ำหนักอย่างต่ำก็น่าจะมากกว่าหนึ่งร้อยกิโล
ต่อให้เป็โลหะ ก็ไม่น่าจะหนักขนาดนี้
แต่ว่า สำหรับเขาแล้ว มันก็ไม่เท่าไหร่
“เสียวฉู่ อย่าไปยุ่งเลย มันหนักมากนะ” จ้าวซานเหยียเตือน
แต่ว่า ฉู่เฟิงยกมันขึ้นมาอย่างสบายๆ ใช้มือเดียวถือ แล้วตั้งท่ายิงธนู
จ้าวซานเหยียตะลึงงัน คันธนูหนักขนาดนี้ แต่เขากลับยกมันขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย แถมยังด้วยท่วงท่าสบายๆ อีกต่างหาก
“เสียวฉู่ นี่เธอแรงเยอะขนาดนี้เลยเหรอ!”
“ทำไมไม่มีสายธนูล่ะฮะ?”
จ้าวซานเหยียถอนใจยาว สายธนูน่ะเปื่อยไปนานแล้ว ธนูั์นี่เหลือแต่คันธนูเท่านั้น
“ผูกสายเข้าไปก็น่าจะใช้ได้นะฮะ” ฉู่เฟิงสงสัย ยังคงไม่เข้าใจ
“เธอไม่รู้อะไร สายธนูดั้งเดิมที่ตกทอดมาน่ะล้ำค่ามาก มันคือเอ็นั สายธนูธรรมดาใช้กับคันธนูนี้ไม่ได้หรอก ยิงลูกศรออกไปก็ไม่อาจสำแดงอานุภาพได้” จ้าวซานเหยียตอบ
ฉู่เฟิงคลางแคลงใจ ไอ้เอ็นันั่นจะไปมีได้อย่างไรกัน
จ้างซานเหยียพยักหน้า เอ่ยว่า “ก็น่าจะเป็เส้นเอ็นของสัตว์ประหลาดสักอย่าง”
“ซานเหยีย ขอผมยืมสักหลายวันหน่อยนะฮะ เดี๋ยวผมช่วยหาเอ็นสัตว์ที่เหมาะๆ ให้ คืนชีพให้กับธนูคันนี้” ฉู่เฟิงเอ่ยั์ตาเป็ประกาย
“คันธนูนี้อยู่กับฉันก็ไม่มีความหมายอะไร มอบให้เธอดีกว่า แต่ว่าเธอคงไม่สามารถง้างมันได้หรอก” จ้าวซานเหยียเอ่ย
ทันใดนั้น เขาก็ใจนตาถลน เมื่อฉู่เฟิงจับปลายทั้งสองข้างของคันธนู แล้วออกแรงเต็มที่จนคันธนูค่อยๆ โค้งงอเป็วง
อะไรกันเนี่ย? จ้าวซานเหยียแตกตื่น เขารู้ดีว่าคันธนูนี้มันน่าใถึงเพียงไหน เมื่อก่อนชายหนุ่มแข็งแรงถึงเจ็ดแปดคนช่วยกันยังไม่สามารถงอคันธนูนี้ได้
แต่ว่า ฉู่เฟิงสิน่าตื่นตะลึงยิ่งกว่า
ขณะที่เขาออกแรง ตัวคันธนูกลับส่งเสียงคำรามของเสือ เสียงร้องของวัว เสียงกรีดของนกั์ ชวนประหวั่นพรั่นพรึง สุดท้ายคือเสียงฟ้าร้องะเืเลื่อนลั่น ชวนให้หวาดหวั่นเหลือประมาณ
จากนั้นเป็นาน ฉู่เฟิงจึงอำลาจ้าวซานเหยียกลับบ้าน
“หวงหนิว หยุดเลย พวกเราพักรบกันก่อน นี่นายดูสิ ฉันเอาอะไรกลับมา? สมบัติลับนะเนี่ย!” ฉู่เฟิงสาละวนห้ามหวงหนิว เขาไม่อยากรบกับมันแล้ว
หวงหนิวตาโต เอาแต่จ้องคันธนูนั่นไม่หยุดหย่อน
จากนั้น มันทดลองงอคันธนูดูบ้าง มีเสียงจริงๆ ด้วย เสียงสัตว์ร้อง เสียงนก สุดท้ายคือเสียงฟ้าร้อง
“ชื่อของคันธนูล่ะ?” มันเขี่ยพื้น เริ่มกระบวนการไต่สวน
“จ้าวซานเหยียบอกว่า นี่คือคันศรฟ้าคำราม แต่ว่าสายธนูขาดไปแล้ว เห็นบอกว่า สายเก่าของมันทำมาจากเอ็นั” ฉู่เฟิงตอบ
“ไปล่าักัน!” หวงหนิวเขี่ยตัวอักษรทันที แล้วลากเขาขึ้นูเาา เห็นได้ชัดเลยว่ามันสนอกสนใจคันธนูนี้อย่างมาก
“โจวเฉวียน มาเร็ว จะพานายไปล่าั!” ฉู่เฟิงโทรหาโจวเฉวียน บอกให้เขาเตรียมตัวรับการเคี่ยวกรำอีกยก
“อย่าไปเลย ฉันได้ยินมาว่าไอ้ลูกไม้พิสดารบนเขานั่นน่าจะสุกพรุ่งนี้ ตอนนี้สะสมพลังงานไว้ก่อนดีกว่า” โจวเฉวียนบอก
“อย่าโยกโย้ รีบมาเร็วเข้า!” ฉู่เฟิงะโ ถ้าพรุ่งนี้มีศึกใหญ่จริงๆ ละก็ ต้องรีบหาสายธนูใหม่ให้คันธนูั์นี่ ชุบชีวิตใหม่ให้มันประกาศศักดาอีกครั้ง