เมื่ออวิ๋นซีได้ยินคำของลู่เหวินเจิ้นก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ และเงยหน้ามองอีกฝ่าย จากนั้นจึงพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ทำไมเล่าท่านนายอำเภอ แม้แต่เื่ในบ้านของข้า ท่านก็จะเข้ามายุ่มย่ามด้วยหรือ? หรือว่า การที่ข้าจะควบคุมบุรุษของตนเอง ท่านก็ยังจะสอดมือเข้ามายุ่งด้วย? ”
เมื่อทุกคนได้ยินบทสนทนานั้นต่างก็พากันสลับมองอวิ๋นซีทีหนึ่ง ลู่เหวินเจิ้นทีหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรเื่ที่พระชายาและตระกูลลู่เคยมีบุญคุณความแค้นกันมา ทุกคนในที่นี้ล้วนเคยได้ยินกันมาหมดแล้ว มิคาดในวันนี้ต่อหน้าคนมากมายลู่เหวินเจิ้นยังคิดจะหาเื่พระชายา ทว่า สิ่งที่คิดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ พระชายาที่ดูอ่อนโยนอ่อนหวานกลับเปิดปากพูดด้วยถ้อยคำที่ชวนคนตกตะลึง
นางถึงกับพูดออกมาตรงๆ เลยว่า ท่านอ๋องเป็บุรุษของนาง
ลู่เหวินเจิ้นแค่นเสียงเ็า “สตรีมิรู้ความ ท่านอ๋องเป็ถึงพระโอรสสายตรงของฝ่าา ไม่ว่าอย่างไรในวันหน้าเรือนหลังย่อมต้องมีสตรีเพิ่มเข้ามาอีกมากมาย ดังนั้น ตัวท่านจะมีสิทธิ์ยุ่งวุ่นวายกับเื่เหล่านี้เพียงผู้เดียวได้อย่างไร”
ถ้อยคำโต้เถียงไม่เลิกราทำให้อวิ๋นซีเป็ต้องหันไปมองจวินเหยียน เมื่อเห็นเขากำลังมองตนด้วยท่าทีล้อเลียน นางก็แค่นเสียงเ็า เม้มปากยิ้มเยาะหยัน “หรือว่าท่านอ๋องเองก็จะเอาอย่างนายอำเภอลู่ที่มีทั้งชายารอง ซู่เฟย [2] หรูฟูเหริน [3] รับสตรีเข้าจวนมาคนแล้วคนเล่า? ท่านเองก็อยากจะเสพสุขเฉกเช่นเดียวกับนายอำเภอลู่อย่างนั้นหรือเพคะ? ”
เมื่อจวินเหยียนได้ยินวาจาเชือดเฉือนนั้นก็รีบกล่าวตอบ “ไม่มีเื่เช่นนั้นแน่ ชาตินี้ ชั่วชีวิตนี้ เปิ่นหวางจะมีเ้าเพียงคนเดียว ชายารักอย่าได้โกรธเคืองเลย หากเ้าโกรธมากๆ จะเป็การทำร้ายสุขภาพเอาได้นะ”
เมื่ออวิ๋นซีได้ฟังคำตอบนั้น สีหน้าแข็งกร้าวพลันอ่อนโยนลงนิดหน่อย จากนั้นก็หันมองไปทางนายอำเภอลู่ที่นั่งอยู่เบื้องหน้า “นายอำเภอลู่ ท่านคงได้ยินแล้วกระมัง? แม้กาลก่อนท่านอ๋องของข้าจะเกียจคร้านและชอบกินดื่มเที่ยวเล่น ทว่า พระองค์ไม่เคยลุ่มหลงในสตรี อีกประการ ก่อนหน้าที่ท่านอ๋องจะมีข้า พระองค์ก็มีเพียงมารดาผู้ให้กำเนิดของจวิ้นจู่น้อยหวานหว่านเพียงคนเดียว ทว่า หลังจากที่มีข้าแล้ว สตรีของท่านอ๋องก็จะมีแค่ข้าคนเดียวเท่านั้น ถ้อยคำเหล่านี้เป็ท่านอ๋องที่ตรัสเองนะ”
หยุดไปครู่หนึ่ง นางก็พูดต่อ “และก็แน่นอน ท่านอ๋องของข้ากับนายอำเภอลู่นั้นไม่เหมือนกัน พระองค์เพิ่งจะยี่สิบพรรษาต้นๆ ร่างกายยังแข็งแรง ในวันหน้าหาก้าบุตรก็หาใช่เื่ยาก แต่ใต้เท้าลู่นั้นไม่เหมือนกัน คงต้องลำบากฮูหยินลู่ให้เพิ่มสาวน้อยวัยเยาว์หน้าตางดงามเข้ามาในจวนเพิ่มสักสองสามคนแล้วกระมัง ไม่แน่ปีหน้าพวกเราอาจได้ดื่มสุราครบเดือนของบุตรชายใต้เท้าลู่ก็เป็ได้”
ทุกคนที่อยู่ร่วมเป็สักขีพยานการลับฝีปากของคนทั้งสองต่างสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างพร้อมเพรียง สตรีนางนี้ช่างกล้าพูดเสียจริง หรือนางจะไม่รู้ว่าการไม่มีบุตรชายนั้นนับเป็ความเสียดายและความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใจของลู่เหวินเจิ้น?
ขณะเดียวกันฮูหยินลู่ที่ได้ฟังเช่นนั้นก็ได้แต่ยิ้มบางๆ แล้วพูดขึ้น “ลำบากพระชายาให้ต้องกังวลพระทัยแล้ว...”
ฮูหยินลู่ยังไม่ทันพูดจบดี อวิ๋นซีก็พูดขัด “จะนับเป็กระไรได้เล่า ใต้เท้าลู่เป็ถึงนายอำเภอแห่งหานโจว เป็เสมือนพระหัตถ์ซ้ายขวาของท่านอ๋องของข้า ดังนั้น หากช่วยใต้เท้าลู่แก้ปัญหาภายในบ้านได้ คนย่อมต้องยิ่งขยันและตั้งใจช่วยท่านอ๋องจัดการดูแลเื่ราวต่างๆ ในหานโจว”
ทันทีที่พูดจบ นางก็หันไปพูดกับเซียงเอ๋อร์ “ไปเชิญแม่นางอวี้จู๋มา ให้นางได้มาเจอกับใต้เท้าลู่สักหน่อย”
เพียงไม่นาน เซียงเอ๋อร์ก็เดินนำสตรีในชุดกระโปรงสีดำพอดีตัวเข้ามา สตรีผู้นี้มีผิวขาวจัด เมื่อประสมรวมกับชุดกระโปรงยาวสีดำที่สวมใส่อยู่ก็ราวกับช่วยขับเน้นให้สีผิวของนางยิ่งกระจ่างใสล่อลวงใจคน อีกทั้ง เครื่องหน้าก็งามล้ำเสียจนบรรดาคุณชายที่นั่งอยู่ ณ ที่แห่งนี้เป็ต้องพากันสูดลมหายใจเข้าลึก แม้แต่รูปร่างอ้อนแอ้นนั้นก็ยังทำให้ผู้คนแทบอยากจะเข้าคว้าตัวคนงามมาไว้ในอ้อมแขนด้วยท่าทีรักใคร่เสียสักครั้ง
อวิ๋นซีจดจ้องสายตาลุ่มหลงเ่าั้ มุมปากก็โค้งขึ้นน้อยๆ สำหรับอวี้จู๋ผู้นี้ นางต้องเหนื่อยยากเป็อย่างมากกว่าจะตามหาจนได้เจอ เดิมทีคนเป็บุตรสาวตระกูลหยวนที่ทำมาค้าขายอยู่ในเมืองหลวง ฐานะทางบ้านเรียกได้ว่าร่ำรวยทีเดียว ทั้งยังเติบโตมาท่ามกลางความรักใคร่ ทว่า เป็เพราะเกิดมามีใบหน้าที่งดงามเกินไป ทำให้นายท่านหยวนเกิดความกังวลว่า ความงามนี้จะนำภัยมาสู่ตน ดังนั้น หยวนอวี้จู๋จึงถูกคนในตระกูลหยวนแอบซ่อนไว้นับแต่ยังเล็ก และน้อยนักที่คนจะมีโอกาสได้พบเจอกับคนภายนอก
นอกจากนี้ เดิมคิดว่าจะรอให้หยวนอวี้จู๋ปักปิ่นก่อน จากนั้นคนตระกูลหยวนก็จะช่วยนางเลือกชายในฝันจากตระกูลต่างๆ เพื่อจะได้ให้คนแต่งออกไป ทว่า น่าเสียดายที่คนตระกูลลู่กลับถูกใจพื้นที่ที่เป็ที่ตั้งของร้านค้าของพวกเขา นายท่านหยวนจึงถูกบังคับให้ย้ายร้านออกไป
อย่างไรก็ตาม พื้นที่นั้นเป็ตระกูลหยวนที่สืบทอดต่อๆ กันมาหลายชั่วอายุคน ไม่ว่าใครก็คงไม่ยินดีที่จะยกกิจการของบรรพบุรุษมาขาย ด้วยเหตุนี้ คนตระกูลลู่จึงตีนายท่านหยวนจนตายด้วยบันดาลโทสะ ทว่า ในตอนนั้นหยวนอวี้จู๋ออกไปไหว้พระที่อารามพอดี มิคาดจะได้รับข่าวจากบ่าวรับใช้ข้างกายบิดาที่เสี่ยงชีวิตมาบอกข่าวคราวแก่นาง ทั้งยังย้ำเตือนว่าห้ามกลับไปที่จวนอีกเด็ดขาด มิเช่นนั้นหากคนตระกูลลู่ค้นพบเข้า นางคงต้องตายสถานเดียว
เมื่อบ่าวที่บ้านแจ้งข่าวเสร็จก็สิ้นชีวิตทันที ทว่า หลังจากนั้นเมื่อสาวใช้และบ่าวรับใช้ที่ไปอารามเป็เพื่อนนางได้ทราบเื่นี้เข้า ในใจก็เกิดฮึกเหิม สาวใช้ผู้หนึ่งนำเครื่องประดับและป้ายหยกที่มีราคาของนางไป ส่วนบ่าวรับใช้อีกคนหลังจากที่ขืนใจนางแล้วก็พาตัวนางมายังดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือนี้ ยิ่งกว่านั้น ตลอดระยะทางที่ต้องระหกระเหินมา นางยังถูกบ่าวรับใช้คนนั้นทรมานกายทรมานใจมาไม่น้อยเลย กระทั่งในตอนหลังเมื่อหมดความสนใจในตัวนางแล้ว คนจึงขายนางให้หอคณิกา
อวี้จู๋อาศัยหอคณิกาซุกหัวนอนอยู่สองปีกว่าจนกระทั่งก่อนหน้านี้มีคนไปตามหา และได้ช่วยไถ่ตัวนางออกมา ยามนี้จึงได้เป็อิสระ ยิ่งกว่านั้น ผู้มีพระคุณยังบอกแก่นางอีกว่า คนมีวิธีส่งตัวนางไปอยู่ข้างกายลู่เหวินเจิ้น ทั้งยังจะช่วยนางสังหารอีกฝ่ายเพื่อเป็การแก้แค้น ขอเพียงนางยอมให้ความร่วมมือสักหน่อย
ถูกต้อง เหตุที่นางยอมอดทนอยู่ในหอคณิกามาหลายปีก็เพียงเพื่อ้าจะแก้แค้น
“อวี้จู๋ถวายบังคมเพคะองค์ชาย พระชายา ขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปีพันปีพันพันปี” อวี้จู๋คุกเข่าลงบนพื้นพร้อมเปล่งวาจาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเย้ายวน ฉับพลันนั้นทุกผู้คนที่ได้สดับรับฟังพาลให้คนรู้สึกลุ่มหลง จิตใจสับสนวุ่นวาย
ยิ่งไปกว่านั้น มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่ลอบคิดอยู่ในใจว่า สตรีนางนี้จักต้องเป็ปีศาจแน่ เพราะเพียงแค่ได้ยินเสียงก็ทำให้คนคิดอยากจะผลักร่างนางให้ล้มลง เพื่อร่วมรื่นเริงด้วยกันสักรอบ
อวิ๋นซียิ้มน้อยๆ พูดว่า “แม่นางอวี้จู๋อย่าได้เกรงใจเลย ท่านผู้นั้นก็คือนายอำเภอแห่งหานโจว ใต้เท้าลู่ หรือก็คือผู้มีพระคุณที่เ้ากำลังตามหาอยู่ผู้นั้นอย่างไรเล่า ในวันนี้ข้าอยากจะถือโอกาสนี้เพื่อแสดงน้ำใจ จึงได้พาตัวเ้ามาที่นี่”
เมื่ออวี้จู๋ได้ยินก็รีบหันมองบุรุษที่อยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าเคลือบแคลง ชั่วขณะนั้นตอนที่นางได้เห็นใบหน้าลู่เหวินเจิ้น น้ำตาจากดวงหน้างามก็ร่วงเผาะทันที จากนั้นจึงรีบเข้าไปคุกเข่าลงตรงหน้าลู่เหวินเจิ้น “ใต้เท้า ในที่สุดข้าก็ได้เจอท่านเสียที บุญคุณที่ใต้เท้าเคยช่วยชีวิตไว้ ชั่วชีวิตนี้ผู้น้อยจะไม่มีวันลืม ขอได้โปรดท่านใต้เท้า กรุณารับการคารวะจากผู้น้อยด้วย”
เมื่อพูดจบ นางก็โขกศีรษะให้ลู่เหวินเจิ้น
ลู่เหวินเจิ้นมองสตรีตรงหน้า ไม่อาจไม่พูดได้ว่าคนเป็สตรีที่สุดยอดนางหนึ่ง ทว่า ตัวเขากลับลืมไปเสียสิ้นว่าตนเคยช่วยเหลืออะไรนางไปตอนไหน
เมื่ออวิ๋นซีเห็นท่าทางของลู่เหวินเจิ้นก็อดใไม่ได้ “ทำไมเล่า หรือตัวข้าจะเข้าใจผิดไป หรือว่าแท้จริงแล้วผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตอวี้จู๋ไว้จะมิใช่ใต้เท้า? ”
ดวงตาฉ่ำน้ำที่ชื้นแฉะของอวี้จู๋จ้องมองเพียงลู่เหวินเจิ้น นางพูดด้วยเสียงออดอ้อน “หรือว่าใต้เท้าจะจดจำวันนั้นไม่ได้แล้วจริงๆ ไม่กี่วันก่อนยามที่ใต้เท้าผ่านไปทางชิวเฟิงเกินบังเอิญได้เจอเข้ากับโจรป่ากลุ่มหนึ่ง จากนั้นก็เป็ใต้เท้าที่เปรียบได้ดั่งวีรบุรุษที่รุดเข้าสังหารฆ่าโจรป่าเ่าั้แล้วช่วยผู้น้อยออกมา”
เมื่อลู่เหวินเจิ้นฟังถึงตรงนี้ ในที่สุดสติสตังก็ฟื้นคืน เมื่อครึ่งเดือนก่อนนั้นเขามีเื่ให้ต้องออกไปจัดการด้านนอก และได้สังหารโจรป่าไปยี่สิบกว่าคนที่ชิวเฟิงเกินจริงๆ อีกทั้ง ตอนนั้นโจรป่าก็กำลังจะจัดพิธีแต่งงานพอดี ส่วนเ้าสาวนั้นเป็คนงามที่ถูกวางยาและลักพาตัวมาจากแดนใต้
อย่างไรก็ตาม ในตอนหลังเป็เขาจริงๆ ที่ช่วยชีวิตสตรีนางนั้นออกมาได้ ยิ่งกว่านั้น เมื่อพาออกมาแล้ว นางยังดีใจจนโผเข้ามากอดจูบเขา และภายใต้ความมืดมิดในป่า เขาก็ได้หยิบยืมแสงนวลจากจันทราเพื่อเข้าเรือนร่างสาวงาม ถึงกระนั้นเขาก็ยังอดตกตะลึงไม่ได้ เพราะนั่นนับเป็ครั้งแรกของสตรีนางนั้น นางเ็ปจนแทบจะเป็ลมไป
รอจนกระทั่งเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่า สตรีนางนั้นได้จากไปแล้ว เดิมทีเขาคิดว่าเป็แค่บุพเพน้ำค้าง มิคาดยามนี้นางจะมาหาเองถึงที่
อวี้จู๋เห็นท่าทีของเขาที่เหมือนว่าจะจำตนได้แล้วจึงได้พูดต่อ “วันนั้น เมื่อผู้น้อยตื่นขึ้นก็ออกไปหาแหล่งน้ำบริเวณใกล้ๆ เพื่อชำระกาย แต่ก็หารู้ไม่ เมื่อกลับมาอีกครั้งจะไม่เห็นใต้เท้าแล้ว ยามนั้นผู้น้อยใจนทำอะไรไม่ถูก ทั้งยังไม่รู้ว่าจะไปตามหาที่ใด เมื่อวานพอมาถึงหานโจวก็เกิดหิวจนเป็ลมอยู่บนถนน โชคดีบ่าวของจวนอ๋องที่ออกไปซื้อหาสิ่งของบังเอิญพบเห็นเข้า จึงใจดีช่วยพาผู้น้อยมายังจวนอ๋องเ้าค่ะ”
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] บุพเพน้ำค้าง(露水姻缘)หมายถึง วาสนาที่เกิดขึ้นในชั่วระยะเวลาสั้นๆ หรือเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
[2] ซู่เฟย(庶妃)หมายถึง สนมของกษัตริย์หรือองค์ชายที่มีตำแหน่งต่ำต้อย คล้ายกับอนุต่ำศักดิ์ในบ้านคนทั่วไป
[3] หรูฟูเหริน(如夫人)หมายถึง ตำแหน่งภรรยารอง ที่ถึงแม้จะเป็อนุเช่นกัน แต่ก็ได้รับการดูแลที่ดีกว่าอนุทั่วไป ไม่ต่างกับฮูหยินมากนัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้