พวกเขาหันไปมองตามเสียง หลางฉาสวมชุดสีกรมท่า ดูปกปิดมิดชิดกว่ารอบที่แล้วมาก ทว่ากลับทำให้นางยิ่งดูงดงามมากกว่าเดิม
เมื่อเห็นว่าทุกคนล้วนมองนาง หญิงงามแย้มยิ้มบางกล่าวว่า “เมื่อวานเพิ่งเจอไป วันนี้มาเจออีก วาสนานี่ช่างเป็เื่อัศจรรย์เสียจริง”
หวางฮวายเหล่ยเห็นว่ามีสาวงามเพิ่มขึ้นมาอีกคน ก็จ้องมองหลางฉาพลางพูดอย่างชื่นชม “ภาคตะวันออกนี่เป็ดินแดนที่ได้รับพรจาก์เสียจริง เป็ดินแดนที่มีแต่สาวงามทั้งนั้น ทำให้คนอยากกลับมาอีก ไม่อาจหักใจจากไปได้”
อ๋าวหราน “......” ไม่กี่นาทีก่อนเหมือนเ้าจะเพิ่งพูดไปว่าภาคตะวันออกเป็สถานที่เสื่อมโทรม
หวางฮวายเหล่ยไม่รู้สิ่งที่อ๋าวหรานคิดอยู่ในใจ พูดเองเออเองว่า “แม่นางหลางฉา ข้าน้อยนายน้อยแห่งตระกูลหวางตะวันตก หวางฮวายเหล่ย วันนี้โชคดีได้พานพบ เรียกได้ว่าเหมือนบุญบารมีที่สั่งสมมาสามชาติสำแดงฤทธิ์ออกมาในคราเดียว”
หลางฉานั้นเห็นได้อย่างชัดเจนว่านางไม่ได้ถูกคำหวานเ่าั้ทำให้หวั่นไหว นางส่งเพียงแค่ยิ้มบาง “ที่แท้เป็คุณชายตระกูลหวาง เคยได้ยินชื่อมาบ้าง”
หวางฮวายเหล่ยยินดีเป็อย่างมาก “สามารถเป็ที่รู้จักของแม่นางหลางฉาได้ โชคดี โชคดียิ่งนัก!”
หลางฉาไม่สนใจเขา หันศีรษะมาทางพวกจิ่งฝาน “เมื่อวานเจอกัน ยังไม่ได้ถามชื่อแซ่ของท่านทั้งหลายเลย ไม่รู้ว่าจะต้องเรียกเช่นไรดี”
จิ่งฝานสีหน้าเ็าตอบว่า “หากทุกท่านไม่มีเื่อะไรแล้ว พวกเราขอตัวก่อน”
เห็นจิ่งฝานพูดจบก็หมุนกาย หลางฉาพูดว่า “คุณชายไม่บอก ข้าก็ทราบ พวกท่านรูปลักษณ์และฝีมือล้วนโดดเด่นคาดว่าคงเป็คนตระกูลจิ่งจากภาคตะวันออกสินะ”
หวางฮวายเหล่ยที่ยืนอยู่อีกฝั่งถามอย่างสงสัย “พวกเ้าเป็คนตระกูลจิ่ง?”
พูดจบก็หัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดัง “นี่มันคลื่นั์ถล่มวังั [1] จริงๆ คนบ้านเดียวกันไม่รู้จักกันเสียแล้ว แต่ว่านี่ก็นับเป็วาสนาที่ทำให้พวกเราได้มาเจอกันเช่นนี้ ไม่ทราบว่าพวกท่านเป็คนตระกูลจิ่งสายใด? รู้จักมราดาของข้าหรือไม่? มารดาข้าเป็พี่สาวแท้ๆ ของผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน”
“พี่จิ่งฝาน! พวกท่านอยู่ที่นี่เองหรือ!”
แค่ได้ยินเสียงหวานๆ นี่ก็รู้ได้แล้วว่าคนที่มาคือจิ่งฉี เมื่อหันศีรษะไปมอง พบว่าจิ่งเคอก็อยู่ด้วย
หวางฮวายเหล่ยรู้สึกมึนหัว สาวงามที่นี่มีมากเกินไปแล้ว
“พี่จิ่งฝาน ข้าคิดถึงท่านมากเลยเ้าค่ะ ต้องโทษพี่ข้า เขาจะลากข้าไปเที่ยวที่อื่นให้ได้ ทำเอาข้าหาท่านไม่เจอเลย”
จิ่งเคอที่ตามมาด้านหลังพูดเสียงดุว่า “จิ่งฉี พูดจาให้ดีหน่อย ใช้ได้ที่ไหนกัน!”
จิ่งฉียืนปากยู่อยู่อีกทางหนึ่ง “ทั้งวันเอาแต่ว่าใช้ได้ที่ไหนกัน มนุษย์ท่อนไม้”
หวางฮวายเหล่ยเกือบจะน้ำลายไหนแล้ว เขาใช้ความมีเหตุผลสุดท้ายที่ยังพอเหลืออยู่บ้างยับยั้งเอาไว้พูดว่า “ท่านทั้งสองเองก็เป็คนตระกูลจิ่งหรือ?”
จิ่งฉีพยักหน้า “ใช่แล้ว”
หวางฮวายเหล่ยพูดอย่างดีใจ “มารดาข้าเป็พี่สาวแท้ๆ ของผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน!”
จิ่งฉีกำลังสงสัย ยังไม่ตอบคำ ก็ได้ยินเสียงจิ่งเคอตอบอย่างรีบร้อน “ท่านอาเหวินเยว่?”
หวางฮวายเหล่ยพยักหน้า “ใช่แล้ว! ใช่แล้ว!”
แม้แต่จิ่งเคอที่ปกติเ็าเหมือนน้ำแข็ง ตอนนี้กลับปรากฏรอยยิ้มเบาบางออกมา “คาดว่าเ้าคงจะเป็น้องฮวายเหล่ยสินะ?”
หวางฮวายเหล่ยพยักหน้าติดๆ กัน “อืม! อืม! ใช่แล้ว ไม่ทราบว่าท่านคือ?”
จิ่งเคอตอบ “บิดาข้าคือลูกชายคนโตของตระกูลจิ่ง จิ่งเหวินซาน”
หวางฮวายเหล่ย “ท่านเป็ลูกชายของท่านลุงเหวินซานหรือ? เป็ท่านพี่จิ่งเคอใช่หรือเปล่า? ข้าได้ยินท่านแม่พูดถึงพวกท่านบ่อยๆ ”
จิ่งเคอพยักหน้า “ใช่แล้ว ลำบากท่านอาระลึกถึงแล้ว”
พูดแล้วยังลากจิ่งฉีเข้ามาพูดว่า “นี่คือน้องสาวข้า จิ่งฉี”
หวางฮวายเหล่ยปกติเจอคนงามเข้าก็แทบจะเดินไม่ไหว ในดวงตาทั้งคู่นั้นส่องประกาย “ยินดีที่ได้พบน้องจิ่งฉี ข้าขอคาราวะแล้ว น้องหญิงหน้าตางดงามเสียจริง ราวกับคนในภาพวาดก็ไม่ปาน”
จิ่งฉีจะอย่างไรเสียก็ยังเป็เด็กน้อย ตอบคำอย่างเขินอายว่า “พี่ฮวายเหล่ยเองก็สง่างามน่ามองยิ่ง”
อ๋าวหรานมองฉากพบญาติฉากนี้ อดกุมขมับไม่ได้ เนื้อเื่ผิดเพี้ยนไปหมดแล้ว!
เชิงอรรถ
[1] คลื่นั์ถล่มวังั(大水冲龙王庙)หมายถึง คนบ้านเดียวกันเกิดเื่เข้าใจผิดกันเพราะไม่รู้จักกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้