หอไท่ไป๋อยู่ที่เมืองเซวียนตู ไปใน่ระยะเวลาสั้นๆ ไม่ได้
โชคดีที่เรือนแยกของร้านค้าผ้าสกุลวังใหญ่มาก บัดนี้ไม่มีครอบครัวผู้อยู่อาศัยอื่น เหมาะที่จะใช้มารับแขก!
เหล่าบัณฑิตหนุ่มมีความกระฉับกระเฉงกระตือรือร้น เข้ามาห้อมล้อมเฉิงชิง ทั้งตรอกหยางหลิ่วเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะรื่นเริง
ฮูหยินผู้เฒ่าจูได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก กุมทรวงอก โกรธจนเจ็บแน่นหน้าอก
นางหลี่เลิกคิ้ว
“พระเมตตาของฝ่าากว้างใหญ่ไพศาล จือหย่วนไม่เพียงปลดเปลื้องมลทินยังเอื้อเฟื้อต่อคนในครอบครัว สะใภ้ยินดีมากเกินไปหรือ?”
ยินดี?
ที่ฮูหยินผู้เฒ่าจูอยากเห็นคือจุดจบที่เฉิงชิงถูกเนรเทศ นางหลิ่วสี่แม่ลูกถูกส่งเข้าหอคณิกา ไม่ใช่ฉากที่ครอบครัวเฉิงชิงเงยหน้าอ้าปาก
หลังจากข้าหลวงใหญ่ประกาศราชโองการ ก็ทิ้งหนึ่งร้อยตำลึงทอง[1]เป็ค่าชดเชยและชุดประจำบรรดาศักดิ์ของกงเหรินขั้นสี่ที่ราชสำนักมอบให้ เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าจูมองสิ่งของเ่าั้แล้วยิ่งบาดตาบาดใจ!
เมื่อถูกนางหลี่เรียกชื่อเอ่ยถามต่อหน้าผู้คน ฮูหยินผู้เฒ่าจูกัดฟันจำต้องแสดงทีท่าที่ตนเองดีใจกับทั้งครอบครัวเฉิงชิงด้วย
มิเช่นนั้นน่ะหรือ
อย่าบอกนะว่าจะให้สงสัยในการตัดสินของราชสำนัก สงสัยในพระเมตตาอันกว้างใหญ่ไพศาลของฝ่าาต่อหน้าผู้คนหรือ?
อดทน นางต้องอดทน!
ที่ตรอกอย่างหลิ่วมีผู้คนมากมายดูอยู่ ฮูหยินผู้เฒ่าจูไม่อาจโกรธจนทำให้เื่เลวร้าย แต่การอดทนเช่นนี้ก็ทรมานมากเกินไปแล้ว การเสแสร้งแสดงความยินดีแฝงด้วยความมุ่งร้ายอยู่สองส่วน ทำให้สีหน้าของนางจูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง
เฉิงชิงถูกผู้คนรุมล้อม ไม่ว่างที่จะไปดูสีหน้าของพวกนางจูแม่ลูก เฉิงจือซวี่สมกับเป็ขุนนาง สมองแล่นเร็ว สีหน้าบนใบหน้าก็ดูจริงใจกว่านางจูมากนัก ั์ตาทั้งคู่แดงระเรื่อ น้ำเสียงถอนใจอย่างยิ่ง
“พวกเ้าทั้งครอบครัวได้รับความลำบากมามาก บัดนี้เมฆที่ปกคลุมได้เคลื่อนตัวไปทำให้เห็นแสงจันทร์สว่าง ในเมื่อราชสำนักคืนความยุติธรรมให้แก่ชื่อเสียงของพี่ใหญ่แล้ว พี่ใหญ่ก็ต้องได้รับการจัดพิธีศพในบ้านและฝังร่าง ชิงเกอเอ๋อร์ไม่ต้องกังวลไป มีข้าจัดการ ย่อมต้องจัดพิธีศพของบิดาเ้าอย่างยิ่งใหญ่!”
ปฏิกิริยาตอบกลับของเฉิงจือซวี่ช่างรวดเร็วเสียจริง!
ถึงแม้เฉิงจือซวี่จะไม่ชิงเอ่ยขึ้นมา บ้านรองก็ไม่มีจุดยืนที่จะขัดขวางการฝังโลงศพของเฉิงจือหย่วนแล้ว
ราชสำนักได้เลื่อนขั้นย้อนหลังเฉิงจือหย่วนเป็จ้านจื้ออิ่นขั้นสี่
เมื่อเฉิงจือซวี่เอ่ยถึงเื่นี้ ความไม่ยินดีบนใบหน้าของนางจูก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
เฉิงชิงกลับอยากหัวเราะมาก
นางแกล้งทำเป็มองหาท่ามกลางกลุ่มคนหนึ่งรอบ “ท่านอาสามไม่ได้มาหรือขอรับ ไม่มีการตกลงของท่านอาสาม ตัวท่านอารองจะตัดสินใจเองได้หรือขอรับ? ข้าเกรงว่า…”
เกรงว่าเมื่อส่งโลงศพถึงประตูทางเข้าบ้านรอง ก็คงจะถูกปฏิเสธอยู่ด้านนอกประตูอีกน่ะสิ!
เมื่อเดือนสามปีที่แล้ว ความทรงจำของฝูงชนเกี่ยวกับประสบการณ์ยามเหล่าแม่ม่ายบุตรกำพร้าเชิญดวงิญญากลับบ้านเกิดยังคงสดใหม่
เศรษฐีเฒ่าเหอผู้โอบอ้อมอารีซ้ำเติมอย่างอดไม่ได้ “พฤติกรรมของเ้าสามเฉิงช่าง… ตามที่ข้าผู้ชราเห็น เื่ฝังศพต้องหารืออย่างละเอียด ท่านสามเฉิงไม่กล่าวจุดยืน ชิงเกอเอ๋อร์ไหนเลยจะกล้าส่งโลงศพกลับไป?”
ฮูหยินผู้เฒ่าจูและเฉิงจือซวี่ล้วนอยู่ตรงนี้ ไหนเลยจะต้องให้เฉิงจือซู่แสดงจุดยืน
เศรษฐีเฒ่าเหอมีจุดยืนเดียวกับเฉิงชิง เฉิงจือซู่ไม่มาเยี่ยมเยียนแสดงความสำนึกผิด โลงศพของเฉิงจือหย่วนก็ไม่แน่ว่าต้องจัดพิธีศพที่บ้านรองซึ่งเป็บ้านเดิม!
อาการเจ็บแน่นหน้าอกของฮูหยินผู้เฒ่าจูยิ่งรุนแรงขึ้น เกือบจะทรงตัวไม่มั่นคงแล้ว
เ้าเดรัจฉานน้อยเฉิงชิงใช้แต่เหตุผลไม่ยอมถอยให้ ถึงขนาด้าให้บ้านรองก้มหัวขอขมา จึงจะยินยอมให้โลงศพของเฉิงจือหย่วนจัดพิธีศพที่บ้านรองเลยหรือ?
อยากจัดพิธีศพที่ใดก็จัดที่นั่นไปสิ เอาโลงศพของคนตายไปไว้ที่บ้านรองก็อัปมงคล ฮูหยินผู้เฒ่าจูอยากให้เฉิงชิงไสหัวไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้จริงๆ แต่ภายใต้สายตาของฝูงชนที่จับจ้องอยู่ ฮูหยินผู้เฒ่าจูไม่อาจทำตามอารมณ์ของตนเองได้ อัดอั้นตันใจเหลือเกิน!
สีหน้าของเฉิงจือซวี่ไม่แปรเปลี่ยน
“อาสามของเ้ากระทำเื่ไม่เหมาะสม หลังจากข้ากลับไปแล้วจะต่อว่าเขาให้มากหน่อย ที่ผิดก็ผิดไปแล้ว ข้าจะให้เขามาเยี่ยมเยียนขออภัยพรุ่งนี้! วันนี้บ้านเ้ามีเื่มงคลคู่ อารองไม่รบกวนพวกเ้ารับรองแเื่แล้ว”
เฉิงจือซวี่เป็คนเด็ดขาด รู้ว่าถึงอยู่ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา หลังจากแสดงท่าทีชัดเจนก็จากไปพร้อมกับนางจู
เวลานี้ไม่มีผู้ใดสนใจคนของบ้านรอง เมื่อไม่มีเฉิงจือซวี่และฮูหยินผู้เฒ่าจูแล้ว บรรดาเพื่อนบ้านที่ตรอกหยางหลิ่วก็ยิ่งผ่อนคลาย
หลังจากที่เ้าหน้าที่เฝ้าดูแยกย้ายกันไปแล้ว บรรดาเพื่อนบ้านที่มาแสดงความยินดีกับครอบครัวเฉิงชิงก็มากันอย่างไม่ขาดสาย
ในวันเดียวกันนั้น ครอบครัวเฉิงชิงมีงานมงคลคู่ นางหลิ่วยินดีถึงขนาดทำตัวไม่ถูก
นางหลี่ช่วยตัดสินใจ ให้นางหลี่กลับห้องไปเปลี่ยนชุดประจำบรรดาศักดิ์ของกงเหรินขั้นสี่ นั่งอยู่ในห้องโถงรับแขก นางหลิ่วทำตัวไม่ถูก หลายครั้งคิดอยากจะลุกขึ้นยืน
“ท่านอาสะใภ้ห้า ข้า ข้าต้องไปช่วยเหลือ…”
นางหลี่กดไหล่นางหลิ่วสุดแรง
“ไปช่วยเหลืออะไรกัน บัดนี้เ้าเป็ฮูหยินตราตั้งแห่งราชสำนัก ตัวเ้าเองไม่สนใจสถานะนี้ แต่ก็ต้องคิดถึงพวกชิงเกอร์เอ๋อร์และฮุ่ยเจีย หลังจากนี้จะมีฮูหยินแต่ละบ้านไปมาหาสู่กับเ้าไม่น้อย เ้าต้องรู้จักปรับตัว เ้ารอดูเถิด เหล่าสตรีที่มาเยี่ยมเยียนจะพูดคุยแสดงความยินดีกับเ้า เ้าอย่าได้แสดงท่าทางปล่อยไก่เชียว!”
บรรดาศักดิ์กงเหรินขั้นสี่นี้เป็สิ่งที่เฉิงจือหย่วนใช้ชีวิตแลกมา นางหลี่ไม่ยอมให้นางหลิ่วดูแคลนตนเองเด็ดขาด
คำพูดและท่าทางของคนผู้หนึ่งควรจะสัมพันธ์กับสถานะ เดิมทีนางหลิ่วคนก่อนหน้านี้มีโทษติดตัว ทั้งยังไม่ออกทุกข์ บรรดาฮูหยินของอำเภอหนานอี๋เ่าั้ย่อมไม่อาจไปมาหาสู่
แต่บัดนี้ไม่เหมือนกันแล้ว นางหลิ่วจำต้องไปเข้าวงสังคมของอำเภอหนานอี๋——คุณหนูในห้องหอปิดประตูไม่ออกมาคือการรักษาความบริสุทธิ์และเงียบสงบ เป็นายหญิงของตระกูลแต่ไม่เข้าสังคมก็ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว บุตรชายในบ้านต้องแต่งภรรยา บุตรสาวต้องออกเรือน ไม่ไปเยี่ยมเยียนบ้านอื่นแล้วจะจัดการเื่แต่งงานของบุตรชายหญิงได้อย่างไร?
ด้วยลักษณะนิสัยขี้อายของนางหลิ่วทำเอานางหลี่ปวดหัว บัดนี้ไม่เรียนรู้ที่จะปรับตัว หลังจากนี้จะทำอะไรได้
เื่เล็กน้อยภายในบ้านก็ล้วนต้องกังวล ชิงเกอเอ๋อร์เด็กคนนั้นจะเหนื่อยมากเพียงใด?
ต้องให้นางหลิ่วลุกขึ้นมา เพื่อหลังจากนี้จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระชิงเกอ!
นางหลี่กล่าวเหตุผลอย่างชัดเจนมากทีเดียว ถึงอย่างไรยามนี้นางหลิ่วก็มั่นคงแล้ว
เป็ดั่งที่นางหลี่กล่าว แม้ว่าวันนี้จะมีเพื่อนบ้านมากมายมาแสดงความยินดี ที่จริงแล้วไหนเลยต้องให้นางหลี่มาทำงานเหน็ดเหนื่อยเอง มีเพื่อนบ้านมากมายที่แย่งจะช่วยเหลือ ไม่เพียงนางหลิ่วไม่ต้องทำเอง พี่สาวทั้งสามของเฉิงชิงก็ถูกเบียดจนไปอยู่ด้านข้าง
จากคุณหนูตระกูลนายอำเภอ กลายเป็สตรีในครอบครัวของขุนนางต้องโทษ หนึ่งปีมานี้พวกเฉิงฮุ่ยและน้องสาวทั้งสามเคยชินกับการทำเื่ต่างๆ ด้วยตนเอง จู่ๆ ก็ให้พวกนางกลับไปเป็คุณหนูทองพันชั่งอีกครั้ง พี่สาวน้องสาวทั้งสามล้วนไม่เคยชิน
ครอบครัวเฉิงชิงรับราชโองการยังไม่ถึงสองชั่วยาม อำเภอหนานอี๋ก็ได้แพร่กระจายเื่นี้ไปแล้วอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงสหายร่วมเรียนที่สถานศึกษาและเพื่อนบ้านที่ตรอกหยางหลิ่ว บรรดาตระกูลใหญ่ที่ไม่เคยไปมาหาสู่กับครอบครัวเฉิงชิงแม้แต่น้อยก็ส่งคนมาเยี่ยมเยียนแสดงความยินดีด้วยเช่นกัน
เหล่าพ่อบ้านถือของขวัญแสดงความยินดี เหล่าฮูหยินนำบุตรสาวในบ้านมา แต่ละคนล้วนเอ่ยถ้อยคำสำบัดสำนวน
บางคนจูงมือของเฉิงฮุ่ยไม่ปล่อย ชมนางว่าเป็สตรีที่มีจิตใจงดงาม
ทุกคนราวกับความจำเสื่อมเป็หมู่คณะ ลืมไปแล้วว่าเฉิงฮุ่ยเคยถอนหมั้นมาก่อน บุตรสาวคนรองและบุตรสาวคนที่สามเองก็ได้รับการต้อนรับอย่างมาก ถูกเหล่าแม่นางน้อยในห้องหอล้อมรอบ แสดงสิ่งที่เรียกว่า ‘พบกันครั้งแรกก็รู้สึกสนิทเหมือนเป็สหายเก่า’
เหอหว่านมองดูด้วยความอึดอัด
“ก่อนหน้ายโส ท้ายหลังเคารพ นี่ก็ชมเกินไปแล้ว”
แม่นางน้อยผู้นั้นที่จูงมือของเฉิงฮุ่ยไม่ปล่อย แสดงความคุ้นเคยสนิทสนมทั่วใบหน้า เมื่อไม่กี่วันก่อนได้เข้าร่วมงานชมดอกไม้ ยังแสดงความคิดต่อประสบการณ์เลวร้ายของครอบครัวเฉิงชิงอยู่เลย กล่าวว่าหากนางได้พบเจอกับเื่เช่นเดียวกับสามสาวพี่น้องตระกูลเฉิง จะรีบหาเชือกมาผูกคอตายทันที ไม่มีทางมีชีวิตอยู่ทำให้ตระกูลอับอาย
เหอๆ อะไรที่เรียกว่าเื่เช่นเดียวกับสามสาวพี่น้องตระกูลเฉิง?
ทุกคนล้วนคิดว่าตระกูลเฉิงโชคร้าย คิดว่าพวกนางต้องได้รับโทษ ถึงขนาดที่คำตัดสินของราชสำนักยังไม่ทันได้ลงมา ก็มีคน้าทำนายชะตาของสามสาวพี่น้องไว้ล่วงหน้าแล้ว
บัดนี้พระเมตตาของฝ่าากว้างใหญ่ไพศาล ฮูหยินเฉิงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์กงเหรินขั้นสี่ โฉมหน้าของคนเหล่านี้ก็เปลี่ยนไปหมดสิ้นแล้ว เหอหว่านทนดูไม่ได้อย่างมาก
เศรษฐีเฒ่าเหอจนปัญญา “หว่านเหนียง เ้าเป็แม่นางน้อยผู้หนึ่ง ไม่ต้องถือเป็จริงเป็จังเกินไป”
เหอหว่านบุ้ยปาก เฉิงชิงรู้สึกว่าแม่นางน้อยน่ารักสุดๆ
เศรษฐีเฒ่าเหอกล่าวมิผิด เื่ทางโลกก็เป็เช่นนี้ เฉิงชิงไม่เหมือนแม่นางน้อยที่จงเกลียดจงชังสังคมอันเน่าเฟะและมืดมนเช่นนั้น ราชโองการของวันนี้เป็จุดเปลี่ยนสำคัญที่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของตระกูลเฉิงอย่างแท้จริง!
[1] ตำลึงทอง คือค่าเงินของจีนสมัยโบราณ 1 ตำลึงทองเท่ากับ 10 ตำลึงเงิน
