เลี่ยวจือหย่วนฝืนยิ้มทว่าดูแย่กว่าร้องไห้เสียอีก พร้อมยกมือคำนับ “หัวหน้าใจเย็น ๆ ท่านมีสิ่งใดจะสั่ง พูดธรรมดาก็ได้ พลังรวดเร็วปานฟ้าฟาดเช่นนี้สามารถฆ่าคนได้ง่ายดาย เ้าไม่คิดว่ามันสิ้นเปลืองพลังไปหน่อยหรือ”
“เ้าฟังให้ดี ข้ารู้ว่าเ้ากับฉีเสวี่ยนอวี๋มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ต้องมีวิธีสืบหาเหตุผลที่แท้จริงว่าเหตุใดเขาจึงสนใจเหอตังกุย ข้าไม่สนใจขั้นตอน ไม่สนใจเหตุผล ้าเพียงหนึ่งคำตอบเท่านั้น” ลู่เจียงเป่ยกล่าวจบก็ค่อย ๆ เอนศีรษะหนุนหมอนก่อนมองเพดานถ้ำที่เปล่งประกายระยิบระยับพลางเอ่ย “หลังเ้าได้ข่าวจากเมืองต้าหนิงแล้วก็รีบไปพบฉีเสวียนอวี๋ ถามเื่นี้ให้กระจ่าง...ถือว่าข้าขอร้องเ้าส่วนตัว ภายภาคหน้าย่อมต้องตอบแทน เพียงเอ่ยว่าเ้าอยากได้สิ่งใด ข้าจะหามาให้แน่นอน”
เดิมทีเลี่ยวจือหย่วนรอคำนี้ทว่าเขาได้รับมันเพราะยั่วโทสะลู่เจียงเป่ย ทำให้รู้สึกไม่ดีนักจึงโบกมือปฏิเสธพลางเอ่ยนอบน้อม “หัวหน้า ท่านพูดอะไรเช่นนั้น มิตรภาพของเราแน่นแฟ้นกว่าการตอบแทนบุญคุณ หัวหน้าวางใจเถิด ไม่ว่าข้าต้องจ่ายมันด้วยอะไร ข้าก็จะสืบหาความจริงมาให้ท่านจงได้” เขาวางแผนในใจแล้วว่าจะทรมานฉีเสวี่ยนอวี๋เยี่ยงไร
ลู่เจียงเป่ยหลับตาพลางพลิกตัว ก่อนรู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ในอ้อมแขน เมื่อเอื้อมััก็พบว่าสิ่งนั้นคือกริชแกะสลักภาพเหอตังกุย เขายกมันขึ้นแล้วหันไปทางเลี่ยวจือหย่วน เอ่ยถามราบเรียบ “เ้าบอกว่าจะมอบให้เกาเจวี๋ยไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงให้ข้า” ฟังน้ำเสียงไม่ออกเลยว่าเขา้ามันหรือไม่
เลี่ยวจือหย่วนยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนเอ่ย “ดังคำกล่าว ‘กริชงามและยอดหญิงคู่ควรมอบให้แก่วีรบุรุษ’ กริชเล่มนี้มีทั้งความคมและความสวยงาม คู่ควรหัวหน้าผู้หล่อเหลาและเป็จอมยุทธ์ที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ ช่าง...เอ่อ ขออภัยที่ข้าลืมคำพูดเสียก่อน อย่างไรก็วางใจได้ ข้าไม่มีทางบอกเสี่ยวต้วนแน่นอนว่าท่านแอบรักว่าที่ภรรยาเขา (ไม่รวมตอนข้าเมาแล้วหลุดพูด) ”
เมื่อเห็นลู่เจียงเป่ยดึงกริชออกจากฝัก จ้องมองภาพเหมือนบนมีดด้วยความตะลึงงัน ชั่วขณะนั้นเลี่ยวจือหย่วนก็เกิดความคิดบางอย่าง ก่อนเอ่ยแนะนำ “หัวหน้า เมื่อท่านต่อสู้กับศัตรูก็ใช้กริชเล่มนี้เถิด อย่าลืมแสดงภาพแกะสลักให้ศัตรูดูเสียก่อน ใบหน้ารูปไข่อันงดงามของคุณหนูเหอจะทำให้พวกเขาหลงใหล เมื่ออีกฝ่ายงุนงง การต่อสู้ของยอดฝีมือก็จะถูกตัดสินแพ้ชนะในชั่วพริบตา ศัตรูจะงุนงงเช่นเดียวกับท่านในตอนนี้ หัวหน้าก็จะจัดการศัตรูได้ในกระบวนท่าเดียว ฮ่า วิธีนี้ไม่เลวจริง ๆ ข้าก็จะทำกริชเช่นนี้ให้ตัวเองใช้อีกสักเล่ม แล้วค่อยทำเพิ่มให้เสี่ยวต้วนและเกาเจวี๋ยคนละเล่ม ต่อไปพวกเรา ‘สี่องครักษ์จิ่นอีเว่ย’ ก็จะอยู่ยงคงกระพัน ไม่มีศัตรูใดเอาชนะได้”
ลู่เจียงเป่ยยัดกริชเข้าใต้หมอน ค่อย ๆ หลับตาลงพลางเอ่ย “จริงสิ แมวป่า บนโต๊ะทำงานข้ามีถังเหวินฉบับสีแดงเพิ่งส่งมาจากหยางโจววันนี้ ตามรายงานมีการวางกับดักไว้ในเมืองหยางโจวแล้ว รอเพียงไป๋หยางไป่ตกหลุมพรางและปรากฏตัว หากเ้าอ่านแล้วไม่มีข้อสงสัย ก็นำสารถังเหวินฉบับนี้ไปถวายแก่ฮ่องเต้ตอนเข้าเมืองหลวง พระองค์ทรงกังวลพระทัยในเื่นี้ยิ่งนัก”
“ได้ ข้าจะพยายามจดจำเื่นี้ให้ดีที่สุด แต่สหาย...เ้าก็รู้ว่าข้าขี้ลืมยิ่งนัก เ้ารักษาตัวอยู่ที่นี่ให้ดี ข้าจะกลับหมู่บ้านซานจวงเพื่อแกะสลักรูปภาพก่อน” เลี่ยวจือหย่วนโบกมืออำลา เหยียบย่างผ่านน้ำแข็งแตกละเอียดเพราะสายฟ้าฟาดแสนรวดเร็วของลู่เจียงเป่ยเมื่อครู่ ก่อนออกจากถ้ำน้ำแข็ง เขาก็ยังไม่ลืมจะให้คำแนะนำอีกฝ่าย “หัวหน้า ข้ามีเื่อยากเตือนเ้า...กริชเล่มนี้คมมาก หากเ้านอนกอดกริชแกะสลักภาพคุณหนูเหอตลอดเวลา อาจทำให้ท่านฟุ้งซ่านและทำลายเคล็ดวิชาสงบใจของท่านได้ ทว่าเื่นี้ยังไม่ใช่เื่สำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหัวหน้าอย่าใช้มันแนบััส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมั่วซั่ว... ท่านต้องตระหนักว่าการาเ็บางอย่างรักษาหายได้ แต่การาเ็บางอย่างก็ไม่สามารถแก้ไขได้”
เมื่อกล่าวจบ สายตาของเลี่ยวจือหย่วนก็เลื่อนลงมองบริเวณเป้ากางเกงของลู่เจียงเป่ย ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “หัวหน้า เมื่อก่อนข้าคิดว่าเ้าไม่ไปหอนางโลมเพราะ “มีปัญหาเื่การแข็งตัว” ทว่าเมื่อได้เห็นตอนเ้าัักริชเล่มนั้นก็รู้ว่าเ้ามีพร์อย่างยิ่ง โฮ่ ๆ เื่นี้เป็ข่าวใหญ่ไม่เบา เ้าคงไม่ถือสาข้าเป็แน่...ให้ข้าช่วยป่าวประกาศดีหรือไม่?” เมื่อเห็นลู่เจียงเป่ยเบิกตาโพลงจับจ้องเขา เลี่ยวจือหย่วนจึงเอ่ยอย่างไร้เดียงสา “หัวหน้ามองข้าเช่นนี้ด้วยเหตุใดกัน? เจี่ยงพีและตู้เหยาต่างหากที่บอกว่าท่าน “มีปัญหาอย่างว่า” รักษาตัวหายดีแล้วค่อยไปคิดบัญชีพวกเขาเถอะ อีกอย่าง ตอนนี้ข้าก็หวังดีอยากแก้ตัวให้เ้า เ้าอย่าเข้าใจข้าผิดเชียว”
กล่าวจบก็ส่งแรงจากเท้าทั้งสองดันตัวะโหนีไป ก่อนลู่เจียงเป่ยจะปล่อยพลังสายฟ้าฟาดอันน่าเกรงขามเป็ครั้งที่สอง
......
เช้าฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าปลอดโปร่ง มีก้อนเมฆเกาะกลุ่มเล็กน้อยพอมองเห็นเป็ครั้งคราว ยิ่งทำให้ท้องฟ้าเสมือนไร้จุดสิ้นสุด ขณะเดียวกันก็มีเสียงร้องไห้ะเืฟ้าะเืดินดังออกจากจวนตระกูลหลัวในเมืองหยางโจว
“ข้าไม่ผิด ข้าไม่ได้รับความเป็ธรรม หลัวไป๋เฉียน เ้าเที่ยวเตร่ทั้งวันทั้งคืน ข้าแทบไม่รู้ว่าเ้าทำอะไรบ้าง การหาเ้าให้พบนั้นยากยิ่งกว่าปีนขึ้นบนฟ้า เ้ากล้าดีอย่างไรมาสงสัยข้า ตอนลูกป่วย เ้าหายไปไหน ตอนลูกใกล้ตาย ข้าตามหาเ้าแทบพลิกแผ่นดินก็หาไม่พบ ฮือ...ตอนนี้ลูกจูไม่อยู่แล้ว เ้ากลับวิ่งเข้ามาในห้องโถงหลิวหลี่ด้วยร่างอบอวลด้วยกลิ่นเหล้า ยังกล้าจะบอกว่าเมื่อครู่ลื่นล้มเอวเคล็ดจึงเลี้ยวไปนอนพักในห้องปีกข้างอีก เ้าคนแซ่หลัว ศพลูกชายเ้านอนอยู่ในโลง เขาอายุไม่ถึงสี่ขวบด้วยซ้ำ ดวงตาของเขายังไม่ปิด แล้วเ้าหลับตาลงได้เยี่ยงไร ฮือ...”
ฮูหยินใหญ่ต่งซื่อแห่งครอบครัวสาขาแรกของตระกูลหลัวนั่งที่ธรณีประตูโถงหลิวหลี่ ร้องไห้จนสภาพแตกต่างจากปกติโดยสิ้นเชิง ไม่สง่างามและเรียบร้อยเหมือนเคย เห็นเพียงมวยผมหละหลวม เส้นผมสีดำขลับร่วงหล่นปรกแนบใบหน้าของนางด้วยหยาดน้ำตาอาบแก้ม สภาพของนางแย่กว่าเมื่อก่อนมากมายนัก ความเ็ปที่สูญเสียลูกชายและความตื่นตระหนกกับความห่างเหินที่นับวันยิ่งเพิ่มขึ้นของผู้เป็สามี ทำให้นางสูญเสียการควบคุมตัวเองในที่สุด นางจึงถือโอกาสในงานศพของลูกชายะโด้วยความคับแค้นใจ
หลัวไป๋เฉียนเดือดดาลยิ่ง ก่อนตะคอกกลับด้วยความไม่พอใจ “ต่งซินหลัน เ้าบ้าไปแล้วหรือ ลูกชายข้าทั้งคน เหตุใดจะไม่เสียใจ? เมื่อคืนั้แ่ข้าได้ยินข่าวที่หน้าประตูใหญ่ก็รีบเร่งวิ่งมาที่นี่ ตอนเลี้ยวก็หกล้มเอวเคล็ดจริง ๆ ทั้งยังเห็นฝูงหนูมากมายวิ่งอยู่ข้างหน้า ข้าเกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อข้าเดินขากะเผลกมาถึงที่นี่ ลูกจูก็หมดลมหายใจเสียแล้ว ต่อให้ข้าเป็หวาถัวหมอชื่อดังในตำนานกลับชาติมาเกิด หรือต่อให้มีความรู้ด้านการแพทย์เท่าคุณปู่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้ ข้าก็เศร้าใจไม่น้อย เอวของข้าได้รับาเ็รุนแรง ไปนอนพักที่ห้องปีกข้างแล้วอย่างไร? หญิงชั่วช้าไร้ยางอายเช่นเ้า เพียงเพราะข้าเจอหลักฐานการคบชู้ เ้าถึงขั้นต้องสร้างสถานการณ์ไร้เหตุผลเพื่อลบล้างมันเลยหรือ?”
กล่าวจบก็โยนเข็มขัดบุรุษเส้นหนึ่งลงพื้น ก่อนเอ่ยเ็า “นี่คือเข็มขัดเก่า ข้าจำไม่ได้ว่าข้าเคยใส่เข็มขัดเส้นนี้ เห็นชัดเจนว่าเป็เข็มขัดบุรุษ อีกทั้งยังซ่อนไว้ใต้หมอนลายคราม เฮอะ ต่งซินหลัน หากไม่ใช่เพราะข้าััหมอนนั้นโดยบังเอิญก็คงไม่เห็นสิ่งที่ซ่อนไว้ รีบบอกข้ามาว่าของสกปรกนี้เป็ของชายชั่วคนไหน?”
ต่งซื่อร้องห่มร้องไห้พลางเอ่ย “ข้าไม่ได้รับความเป็ธรรม ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ทั้งวันไม่เคยย่างกรายออกจากประตูใหญ่ของจวน เพียงดูแลป้อนข้าว ป้อนน้ำและป้อนนมให้ลูกจู บ่าวรับใช้ทั่วเรือนเป็พยานได้ ข้าจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าของสิ่งนั้นจะอยู่ใต้หมอน”
หลัวไป๋เฉียนไม่เชื่อคำพูดโต้แย้งของนางแม้แต่น้อย ใบหน้าหล่อเหลาโมโหราวจะกินคน เมื่อเห็นซุนซื่อร้องไห้ไม่หยุดก็กัดฟันก่อนหัวเราะเยาะ “คิดไม่ถึงว่าลูกสาวชอบธรรมของตระกูลขุนนางสูงศักดิ์จะทำเื่ไร้ยางอายเช่นนี้ ไม่ว่าเ้าจะยอมบอกชื่อคนสารเลวผู้นั้นหรือไม่ อย่างไรหลักฐานก็อยู่ที่นี่แล้ว แม้เ้าไม่อยากยอมรับโทษฐานลักลอบคบชู้ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับมันอยู่ดี ต่งซินหลัน เมื่อข้านำเื่นี้แจ้งแก่เหล่าจูจงและบิดามารดา ข้าก็จะหย่ากับเ้าแล้วส่งเ้ากลับจวนตระกูลต่ง ให้ครอบครัวเ้าสั่งสอนลูกสาวของพวกเขาอีกครั้ง”
“กรี๊ด…” ทันใดนั้นต่งซื่อก็ะโจากพื้นอย่างบ้าคลั่งพลันพุ่งไปยังร่างของหลัวไป๋เฉียนจนลืมคำนึงถึงทุกสิ่ง นางะโอย่างเกรี้ยวกราด “กรี๊ด หลัวไป๋เฉียน เพราะข้าตาบอดจึงยอมแต่งงานกับเ้า ข้าตาบอดเองที่เข้ามาในตระกูลหลัวที่เหมือนขุมนรก ไม่สามารถเห็นเดือนเห็นตะวัน ข้าตาบอดยิ่งนัก ท่านป้าสามเอ๋ยท่านป้าสาม ท่านทำข้าตายทั้งเป็ ทำให้ชีวิตข้าขมขื่นถึงเพียงนี้ ชีวิตของข้ามันช่างขมขื่นเสียจริง”
“ซานเหนียง” ที่ต่งซื่อเอ่ยถึงคือสะใภ้ใหญ่แห่งตระกูลหลัวหรือจ้าวซื่อมารดาชอบธรรมของหลัวไป๋เฉียน หลังจ้าวซื่อให้กำเนิดบุตรสาวคนโตหลัวไป๋อิ่งเมื่อยี่สิบสามปีก่อน ก็ได้รับความทุกข์ทรมานจากการมีบุตรยาก นายท่านใหญ่จึงรับอนุภรรยาชั้นสูงเข้าจวนหนึ่งคนซึ่งเป็ผู้ให้กำเนิดหลัวไป๋เฉียน ไม่กี่ปีผ่านไป อนุภรรยาผู้สูงศักดิ์ก็เสียชีวิตขณะไปไหว้พระที่วัดหานเฉียน จ้าวซื่อในฐานะมารดาชอบธรรมจึงเลี้ยงดูหลัวไป๋เฉียนขณะเขาอายุได้ห้าขวบ
ตอนหลัวไป๋เฉียนยังเด็กก็ค่อนข้างรู้ความและเป็เด็กดี จ้าวซื่อปฏิบัติต่อเขาเท่าเทียมกับหลัวไป๋อิ่งผู้เป็ลูกสาวแท้ ๆ ของนาง เมื่อหลัวไป๋เฉียนโตขึ้นก็ห่างเหินกับมารดาชอบธรรมของเขา
สี่ปีที่แล้ว จ้าวซื่อ้าให้ลูกชายนอกสมรสแต่งงานกับคุณหนูหลันลูกสาวของพี่สาวคนรองของตนในฐานะภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เพียงทำให้ความสัมพันธ์ของนางกับลูกชายนอกสมรสใกล้ชิดกันมากขึ้นเท่านั้น แต่เด็กที่กำเนิดมายังมีความสัมพันธ์ทางสายเืกับนางด้วย เมื่อหลานเติบใหญ่ก็จะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกว่าลูกนอกสมรสที่ไม่เกี่ยวข้องทางสายเื เมื่อคิดได้เช่นนั้น จ้าวซื่อก็วิ่งไปมาระหว่างเรือนเหล่าไท่ไท่และจวนตระกูลต่งในฝูโจว เจรจาอยู่นานกว่างานแต่งจะสำเร็จ ขณะเดียวกันต่งซื่อที่ยังไม่ได้ออกเรือนก็ถูกเจรจาสู่ขอจากคุณชายสูงศักดิ์อีกตระกูลเช่นกัน ตระกูลต่งเกือบจะรับสินสอดทองหมั้นของตระกูลนั้นแล้ว แต่กลับถูกจ้าวซื่อขัดขวางเสียก่อน
ในศาลากลางสวนดอกไม้เล็ก ๆ ในจวนตระกูลต่ง ฮูหยินต่งและคุณหนูใหญ่กำลังดื่มชาและกินขนมที่เป็เอกลักษณ์ของเมืองฝูโจวอย่างเพลิดเพลิน
จ้าวซื่อวางถ้วยชาก่อนเอ่ยเกลี้ยกล่อมพี่สาวคนรองและหลานสาว ‘ในฐานะสตรี การเลือกแม่สามีที่ดีนั้นสำคัญกว่าการหาสามีที่ดี สุดท้ายแล้วผู้เป็ภรรยาไม่สามารถพบหน้าสามีได้ตลอดวัน แต่แม่สามีนั้นเป็ผู้าุโที่ลูกสะใภ้ควรปรนนิบัติดูแล หากคุณหนูหลันโชคไม่ดีพบแม่สามีใจร้าย เช่นนั้นชีวิตของนางก็จะต้องขมขื่นไปตลอด ข้าได้ยินว่าแม่สามีบางคนชอบหาอนุให้ลูกชายตน เพื่อจงใจเบี่ยงเบนความสนใจที่ลูกชายมีต่อภรรยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกสะใภ้ที่ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ตามความเห็นของข้า การแต่งงานครั้งนี้อันตรายยิ่ง สามีภรรยาไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ทันที นับประสาอะไรกับการคลอดบุตรชาย ทุกอย่างล้วนเป็ฟ้ากำหนด เมื่อถึงตอนนั้นหากแม่สามีตระกูลนั้นไม่สามารถรออุ้มหลานชายได้ แล้วยัดฝูงสุนัขจิ้งจอกเข้าเรือนผู้เป็สามี เ้าว่าคุณหนูหลันจะมีสภาพเช่นไร?’
เมื่อเห็นพี่สาวคนรองและหลานสาวเริ่มเห็นด้วย จ้าวซื่อจึงเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางสายเืเพื่อกระตุ้นพวกนาง พลางกุมมือพี่รองแน่นก่อนเอ่ย “แต่แม่สามีอย่างข้าไม่เป็เช่นนั้น ข้าเป็ป้าของคุณหนูหลัน เห็นนางมาั้แ่เล็กจนเติบใหญ่ คุณหนูอิ่งตระกูลข้าก็ไม่ใช่คนสนิทชิดเชื้อกัน ฉะนั้นข้าจึงชอบคุณหนูหลันมากกว่าลูกสาวแท้ ๆ เสียอีก ต่อไปหากคุณหนูหลันแต่งงานกับหลัวไป๋เฉียน นางจะได้เป็ใหญ่ แม้แต่คุณหนูอิ่งและคุณชายเฉียนก็ยังต้องถอย หากในปีสองปีแรกหลังแต่งงานคุณหนูหลันให้กำเนิดบุตรไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ถือเป็เื่น่ายินดี แต่หากตั้งครรภ์ไม่ได้ คนในตระกูลหลัว ไม่ว่าจะเป็เหล่าไท่ไท่หรือว่าที่สามีของคุณหนูหลันล้วนมีวิชาแพทย์ยอดเยี่ยม โรคใดบนโลกนี้ก็รักษาได้ ตราบใดที่คุณหนูหลันยอมแต่งงาน ข้าในฐานะแม่สามีจะไม่มีทางพูดถึงการรับอนุให้ลูกชายเป็อันขาด หากพวกเขามีความรักความห่วงใยหวานชื่น เช่นนั้นคุณชายเฉียนก็ไม่มีทางรับอนุเข้าเรือน เขาจะครองคู่กับคุณหนูหลันเพียงคนเดียวตลอดชีวิต”
คำพูดดังกล่าวทำให้ฮูหยินต่งและคุณหนูใหญ่ยอมใจอ่อนและปฏิเสธการแต่งงานในครั้งก่อนทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้