“เหอะ เ้าพวกคนเหลือขอ มีแต่คนที่ถูกทำให้เกิดออกมา แต่ไม่มีปัญญาได้รับการสั่งสอน”
เฉินเนี้ยนหรานได้ยินก็ขมวดคิ้ว สตรีคนนี้ ปากร้ายจริงๆ
น้องห้าเม้มปาก แต่ก็ฉลาดพอที่ไม่ได้พูดอะไรให้มากความ อย่างไรพวกนางก็เพิ่งจะย้ายเข้ามา จะมีเื่กับใครมากไม่ได้
เสี่ยวเปาจื่อกลับวิ่งไวๆ ออกไป เด็กชายไม่ได้ใส่ใจเื่พวกนี้ สำหรับพวกนางแล้วนอกจากไม่พอใจเพราะเื่เล็กๆ แค่นี้ เื่อื่นก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรด้วย
หลังจากกลับเรือนมาแล้ว น้องห้าหอบผักไปล้างเพื่อเตรียมทำอาหาร
เฉินเนี้ยนหรานเริ่มวางแผนหาเงิน
เป็อย่างที่กวนซูเยวียนกังวลใจ การจะทำแปลงเกษตรของตัวเอง นางจะต้องมีเงินทุน
หากเงินทุนเริ่มต้นในตอนแรกมีไม่ถึงจำนวนที่ตั้งเป้าไว้ แปลงเกษตรนี้ก็จะเป็เพียงความฝัน และก็เป็ได้แค่ความฝันที่ไม่มีวันเกิดขึ้นเท่านั้น
หลายวันที่ป้าสะใภ้อาศัยอยู่ด้วย นางได้ทำความเข้าใจกับตลาดมาตลอดทั้งวัน
ทำให้พอรู้ถึงของที่ขายดีในสมัยนี้มาบ้าง ในใจจึงเกิดความคิดหนึ่งขึ้น
เพียงแต่คิดขึ้นมาแล้วก็ต้องเริ่มปฏิบัติจริงให้ได้
ในยุคสมัยนี้ ยังไม่มีวุ้นเส้น นางจึงคิดได้ว่าสามารถทำวุ้นเส้นออกมาขายได้
โชคดีที่นางรู้ว่ากระบวนการทำวุ้นเส้นนั้นทำอย่างไร
และในวันนี้ตอนที่ขึ้นูเาไปนางก็พบกับต้นบุกจำนวนไม่น้อย
พืชที่เกิดในป่าเช่นนี้ ที่ตีนเขามีอีกจำนวนมาก
ของเช่นต้นบุกเป็ของที่ขายดีมากในยุคปัจจุบัน แต่ในยุคสมัยนี้ยังไม่เห็นคนนำออกมาทำขาย
หากนางทำบุกเส้นแห้ง แล้วเอาพวกมันไปขายในร้านของป้าสะใภ้…
ในเมื่อมีวัตถุดิบเยอะขนาดนี้ ทำไมนางจะไม่ทำล่ะ?
เพียงแต่ทำบุกเส้นแห้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแช่แข็ง ใช้ดินประสิวสามารถแช่แข็งได้ แต่ราคาของดินประสิวเองก็แพงมาก
หากทำเครื่องดื่มของกินเล่นแบบคนชั้นสูงหน่อยมาขาย เช่นนั้นก็สามารถทำน้ำเย็นขึ้นมาเองได้เช่นกัน แต่หากใช้บุกทำเป็จำนวนมาก เช่นนั้นราคาของหวานที่ต้องจ่ายก็จะมากขึ้นไปอีก
แต่ว่ามีวัตถุดิบแล้ว แน่นอนว่าต้องขุดกลับมาไว้ก่อน
บุกเส้นแห้งแบบนี้ หากตากแห้งแล้วก็จะสามารถเก็บรักษาได้นาน พอถึงฤดูเหมันต์ที่มีหิมะตกแล้ว ก็สามารถทำบุกเส้นแห้งจำนวนมากได้
ในมือยังมีเงินอยู่นิดหน่อย ตอนนี้ต้องขุดหัวบุกขึ้นมาก่อน
ได้หัวบุกมาแล้ว ตอนที่มีตลาดนางก็ทำพวกเครื่องดื่มเย็นๆ ไปวางขายที่ร้านของป้าสะใภ้ หาเงินเล็กๆ น้อยๆ ก่อนเพื่อเอามาใช้เป็ค่าใช้จ่ายประจำวัน บำรุงร่างกายของพวกน้องๆ ให้ดีก่อนแล้วค่อยว่ากัน
เมื่อจัดการเื่ที่จะต้องทำเรียบร้อยแล้ว วันต่อมาเฉินเนี้ยนหรานก็พาเด็กๆ ขึ้นไปขุดหัวบุกบนูเา
น้องห้าเป็เด็กใกล้จะโต ส่วนน้องหกเองก็เป็เด็กหญิงที่เกิดมาในบ้านที่ฐานะยากจน จึงทำให้พอจะช่วยงานนางได้บ้าง ส่วนเสี่ยวเปาจื่อ เ้าหนูคนนี้มาป่วนเท่านั้น
“แม่นาง ตรงนี้ยังมีอีกหัวนะ หัวใหญ่มากๆ เลย ว้าว ยังมีหัวนี้อีก ตรงนี้ยังมีกบตัวสีเหลืองอีกหนึ่งตัว ข้าจับ….”
“เปาจื่อ เ้าเด็กบ้า เ้าวิ่งวุ่นจนชนตะกร้าแบกหลังของข้าล้มแล้ว”
“แหะๆ แม่นางน้อยข้าช่วยเ้าเก็บแล้วนี่ไง อย่าโกรธเลย โกรธแล้วจะไม่สวยนะ”
มองน้องหกกับเปาจื่อคุยกันแล้วเฉินเนี้ยนหรานก็ทำเพียงส่ายหน้า สองคนนี้อายุใกล้เคียงกัน อีกคนหนึ่งดื้อ อีกคนหนึ่งหรือก็ทำตัวโตจนเหมือนเป็ผู้ใหญ่คนหนึ่ง
ด้วยสภาพทางบ้านและการดูแลจากคนรอบข้างั้แ่เด็ก ล้วนกำหนดให้นิสัยของคนคนหนึ่งเปลี่ยนไปในทิศทางใด
ในคืนนั้น เฉินเนี้ยนหรานเอาหัวบุกมาล้างให้สะอาด ก่อนจะหั่นเป็เส้นเล็กๆ ใส่ลงไปในเครื่องโม่หินแล้วค่อยๆ โม่จนกลายเป็ผง
ใช้พืชมาทำเป็ขี้เถ้าแทนเบกกิ้งโซดา หลังจากน้ำร้อนแล้วก็เอาขี้เถ้าของต้นหญ้าใส่ลงไปแล้วค่อยๆ คนอย่างช้าๆ
จนกระทั่งของเหนียวๆ ในหม้อเริ่มเกาะตัวกันเป็รูปร่าง นางเอาไปพักให้เย็น จนรูปร่างที่ออกมาคล้ายกับเต้าหู้สี่เหลี่ยม หัวบุกทั้งหม้อก็ถือว่าทำเสร็จออกมาเป็ที่เรียบร้อย
คิดไปแล้วพี่สะใภ้ฟางก็เป็คนที่ไม่เลวเลย เฉินเนี้ยนหรานจึงตักแบ่งเอาไปให้นาง
พี่สะใภ้ฟางคิดไม่ถึงว่านางเพิ่งจะมาได้แค่วันที่สอง ก็มีความคิดเอาอาหารมาให้ตนแล้ว แถมยังเป็อาหารที่นางไม่เคยกินมาก่อนด้วย
นางจึงรู้สึกตกตะลึงอยู่นิดหน่อยและขอบคุณนางอย่างดีใจ
“พี่สะใภ้ฟางไม่ต้องเกรงใจข้าหรอก หากที่เรือนของท่านมีพวกผักดองก็เอามาแลกเ้านี่กับหาข้าได้ เ้าหัวบุกนี่น่ะ หากเอามาผัดกับผักดองรสชาติจะดีขึ้นมากเลยนะเ้าคะ”
รสชาติของหัวบุกจะจืด ตอนที่เอาไปผัดจึงเหมาะกับของรสชาติจัด มีผักดองมาช่วยดึงรสชาติขึ้น บวกกับใส่ขิงปั่น กระเทียมผสมกับพริกเข้าไปอีก ตอนที่ตักเข้าปากจะมีรสชาติเผ็ดเปรี้ยว หัวบุกที่นุ่มหยุ่นในปาก เป็อาหารชั้นเลิศที่ถูกปากคน
“หา อย่างนั้นหรือ ที่เรือนข้ามีนะ ที่เรือนข้ามี เ้ารอก่อนนะ ข้าจะไปหยิบมา”
พี่สะใภ้ฟางเมื่อได้ผัดหัวบุก ทั้งยังเรียนรู้วิธีการทำผัดบุกแล้ว ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อเฉินเนี้ยนหรานก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
นางหมุนตัวไปหยิบถ้วยของเฉินเนี้ยนหรานเข้าไปในบ้านพร้อมกับหยิบผักดองออกมาให้ถ้วยใหญ่
“ไอ๊หยา พี่สะใภ้ฟาง ข้าใช้ไม่เยอะขนาดนั้นหรอกนะ ท่านอย่าเกรงใจมากเกินไปเลย”
“ไม่เป็ไร ไม่เป็ไร ผักดองนี่น่ะไม่มีราคาค่างวดอะไรมากมาย ครอบครัวเ้าก็เพิ่งจะย้ายมา ไม่ค่อยจะมีอะไรอร่อยๆ กิน ที่เรือนข้ายังมีให้กินอีก พรุ่งนี้เ้าค่อยมาตัดผักกาดขาวของข้าไปดองนะ แบบนี้ก็มีของกินเอาไว้แก้หิวแล้ว”
มองผักดองเปรี้ยวๆ นี้ เฉินเนี้ยนหรานก็เริ่มรู้สึกปวดท้องขึ้นมาแล้ว น้ำย่อยในกระเพาะช่างเยอะเสียจริง
คิดได้ว่าในเรือนไม่มีของกินจริงๆ จึงพูดขอบคุณก่อนจะรับของมาแล้วนำกลับเรือน
คืนวันนั้น ผัดหัวบุกใส่ขิงกระเทียมก็ถูกพวกนางกินกันจนอิ่มหนำ
หลังจากเปาจื่อวางถ้วยลง ก็พาพวกน้องหกออกไปวิ่งเล่นที่สวน
ส่วนเฉินเนี้ยนหรานนั้นคอยหั่นหัวบุกอยู่ในบ้าน ของพวกนี้จะต้องล้างให้เสร็จแล้วเอาไปตากให้แห้ง พอถึงฤดูหนาวก็จะได้เอาออกมาทำเป็บุกแห้ง เพียงแต่ ตอนที่เห็นท่าทางการกินอย่างเอร็ดอร่อยของพวกเด็กๆ แล้ว ดูเหมือนว่าหัวบุกสดพวกนี้จะต้องขายได้ดีเป็แน่ ของแบบนี้เพียงหนึ่งจินก็สามารถทำบุกออกมาได้จำนวนมาก หากสามารถเอาไปขายได้เงินตำลึงมาสักก้อน คงสามารถเอามาแก้ปัญหาเื่ปากท้องของคนในเรือนได้อีก
ก่อนจะนอน เฉินเนี้ยนหรานถึงได้ค้นพบว่า ตัวเองสามารถกลมกลืนเข้ากับยุคสมัยนี้ได้ ทั้งยังคอยครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะสามารถเลี้ยงดูครอบครัวนี้ไว้ได้…
วันต่อมา เหล่าพี่น้องก็พากันขึ้นเขาไปขุดหัวบุกมาอีก
ครั้งนี้เปาจื่อไม่มีความอดทนพอที่จะยืนอยู่ใกล้ๆ กับพวกนางแล้ว เด็กน้อยวิ่งวนไปวนมาก็เริ่มหากิจกรรมอย่างอื่นทำไปรอบๆ
รอจนกระทั่งเฉินเนี้ยนหรานขุดหัวบุกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถึงได้พบว่าเปาจื่อหายตัวไป
“เปาจื่อ เปาจื่อ….”
ร้องเรียกอยู่หลายครั้ง ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากเปาจื่อ เมื่อเป็เช่นนี้ก็ทำให้สามพี่น้องต่างพากันใ
พวกนางแยกกันะโร้องเรียก ด้วยกลัวว่าจะเกิดเื่กับน้องหกอีก เฉินเนี้ยนหรานจึงให้น้องห้ากับน้องหกไปหาตรงด้านหน้าูเา ส่วนตนเองไปในทิศทางตรงข้ามกับพวกน้องๆ
หาไปหามารอบๆ ตัวก็ไม่มีเสียงเรียกตอบรับกลับมา
พอเป็เช่นนี้ เฉินเนี้ยนหรานก็ยิ่งร้อนรน เสียงที่ร้องเรียกเปาจื่อก็เริ่มสั่นเครือ
นางไม่กล้าคิดว่าหากเกิดเื่อะไรกับเปาจื่อ นางจะบอกกับป้าสะใภ้ที่ตนรักอย่างไร
“เปาจื่อ….เปาจื่อ…เ้าอยู่ไหน เ้าออกมาหาข้านะ…”
เสียงสั่นจนน่าสงสารของนางร้องเรียกออกมาไม่หยุด
การก้าวเดินก็เริ่มร้อนรน ทำให้นางลื่นล้มเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่งโดยไม่ทันได้ระวัง
“อ๊ะ….”
รอจนกระทั่งพยุงก้อนหินลุกขึ้นมาได้แล้ว เฉินเนี้ยนหรานถึงได้พบว่า ที่นี่เป็เหมืองที่เคยเอาไว้ขุดแร่
ตรงปากทางเข้า ยังมีรอยเท้าชัดเจน
รอยเท้าเล็กๆ นั่นเป็รอยที่เกิดขึ้นใหม่ ขนาดเองก็เล็กมาก ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่ามีความเป็ไปได้ว่าเปาจื่อจะเข้าไปในถ้ำแห่งนี้
เฉินเนี้ยนหรานกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ กลัวว่าเขาจะเกิดเื่อะไรขึ้นมา จะต้องรู้ว่าเหมืองนี้ลึกมาก หากคนเดินเข้าไป หากขาดอากาศหรือมีพวกแก๊สอะไรก็ตาม ผลที่ตามมา…
คิดได้ดังนั้นก็ไม่กล้าเสียเวลา เฉินเนี้ยนหรานรีบเดินเข้าไปข้างในทันที
โชคดีที่ถึงแม้ถ้ำนี้จะลดเลี้ยวเคี้ยวคดไปสักหน่อย แต่บางครั้งก็ยังมีรูระบายลมจากด้านนอก จึงทำให้พอที่จะสามารถมองเห็นทางเดินอยู่บ้าง
“เปาจื่อ..เปาจื่อ….”
“ฮือ แม่นางข้าอยู่นี่…”
ตอนที่ได้ยินเสียงเปาจื่อตอบกลับมา เฉินเนี้ยนหรานทั้งดีใจทั้งโกรธ ดีใจที่เ้าเด็กคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ โกรธที่เด็กคนนี้ซนเกินไป
คลำทางตามเสียงไปจนเจอกับสถานที่ที่เปาจื่ออยู่ พบว่าเด็กน้อยขดตัวเป็ก้อนอยู่ในจุดที่เหมือนกับหลุม ตอนที่เห็นนางก็ทำเพียงแค่ยกมือขึ้นมาหา “แม่นาง…ท่านพี่….ข้าหนาวมาก…”
ทั้งร่างของเด็กน้อยถูกปกคลุมไปด้วยผนึกสีขาว ชัดเจนเลยว่าเขาถูกแช่แข็งอยู่ด้านใน ถึงแม้ที่นี่จะลึกมาก แต่เพราะว่าไม่ไกลจากตรงนี้มีรูระบายลมอยู่ เพราะเหตุนี้จึงทำให้มีแสงเล็ดลอดเข้ามา
แต่ว่า สถานที่ที่เปาจื่อมาตกลงไป ก็มิดชิดจนหายากมากจริงๆ
แถมหลังจากมาถึงที่นี่แล้ว เฉินเนี้ยนหรานก็รับรู้อย่างรวดเร็วว่าที่นี่มีอากาศที่หนาวมาก รอบๆ ก็มีร่องรอยการขุดอย่างชัดเจน
“เปาจื่อเ้ารอข้าสักเดี๋ยวนะ ข้าจะไปหาเชือกมาดึงเ้าขึ้นมา” เพราะว่าที่ที่เปาจื่อตกลงไปลึกมาก เฉินเนี้ยนหรานจึงทำได้แค่ไปหาอุปกรณ์มา
วุ่นวายกันอยู่ครู่หนึ่ง ตอนที่พาเปาจื่อขึ้นมาได้เด็กน้อยก็หนาวจนหลับตานิ่งไปแล้ว
ก่อนที่จะออกมา เฉินเนี้ยนหรานหันไปมองหลุมลึกที่เปาจื่อร่วงลงไปอีกครั้ง ผนึกสีขาวๆ หนึ่งชั้นที่อยู่ด้านล่าง หากคิดไม่ผิดล่ะก็ ของพวกนี้ เกรงว่าจะเป็ดินประสิวที่นาง้า!!
เื่นี้เปรียบเสมือนดังการที่ติดอยู่ในอากาศหนาวเหน็บ แล้วมีคนเอาชุดกันหนาวมาให้อย่างทันท่วงทีเสียจริง คิดไม่ถึงเลยว่าสถานที่ที่เปาจื่อมาติดอยู่จะเป็สถานที่ที่เข้ามาช่วยนางได้ทันเวลา ว่าแต่ทำไมจู่ๆ เ้าของเหมืองถึงไม่ขุดเหมืองต่อ หรือหยุดการขุดไปแล้ว?
ความสงสัยพวกนี้ เฉินเนี้ยนหรานไม่กล้าคิดค้นหาต่อ นางรีบแบกเปาจื่อกลับเรือน ก่อนจะต้นน้ำอุ่นมาเช็ดตัวให้ร่างกายของเขาอบอุ่น
เช็ดไปได้พักหนึ่งเปาจื่อก็ตื่นขึ้นมา
ตอนที่เห็นจุดที่เฉินเนี้ยนหรานกำลังเช็ดให้ตนเองอยู่ เด็กน้อยก็ยังอุตส่าห์ยกมือขึ้นมาปิดอย่างเขินอาย “แม่หญิง ท่านพี่…ท่านจะ…มองข้าไม่ได้นะ”
ใบหน้ารูปไข่ของเปาจื่อแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทำเอาเฉินเนี้ยนหรานหมั่นไส้ขึ้นมา จึงรังแกไปเสียหนึ่งที ก่อนจะโยนผ้าขนหนูไปในกะละมังให้เด็กน้อยเช็ดตัวเอง
ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าเด็กชายยุคโบราณแค่ไม่กี่ขวบก็มีสำนึกรู้เื่เพศแล้ว เฮ้อ หากตอนแรกนางกับโจวอ้าวเสวียนไม่เคยดื่มยาแบบนั้น จะมีลูกน่ารักเหมือนกับเปาจื่อไหมนะ!
คิดถึงตรงนี้เฉินเนี้ยนหรานก็ลูบท้องตัวเอง ในใจก็รู้สึกเสียใจ จะต้องรู้ว่าหากดื่มยาไปแล้วจะมีลูกน้อยได้อย่างไร
เฉินเนี้ยนหรานจึงหยุดความคิดนี้ลง ก่อนที่จะเริ่มทำการหั่นหัวบุกตากแห้งต่อ
เพียงแต่ เพราะว่าวันนี้เปาจื่อตกลงไปในหลุมอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่กลับทำให้นางเจอช่องทางรวย
ก่อนหน้านี้นางยังหงุดหงิดที่ในตลาดหาดินประสิวยาก ในตอนนี้มีเ้าสิ่งนี้อยู่ แน่นอนว่านางจะต้องใช้มันอย่างดี
อาศัยใน่ฤดูใบไม้ร่วงนี้รีบไปเอาของแช่แข็งพวกนี้ออกขาย เื่นี้เป็สิ่งที่นางต้องทำแน่นอน
เงินเล็กน้อยก็ยังถือว่าเป็เงิน ที่บ่าของนางยังมีภาระที่จะต้องเลี้ยงดูน้องสาว แล้วยังมีความฝันที่จะทำแปลงเกษตรอีก ทุกสิ่งทุกอย่างต่างเร่งเร้าให้นางลงมือทำ ลงมือหาเงิน
เช้าตรู่วันต่อมา หลังจากเฉินเนี้ยนหรานตื่นขึ้นมาก็รีบเดินทางไปทีู่เา