ตราัเงินเซียวเหยาทำจากวัสดุพิเศษ ความลับคือจะสามารถเปิดใช้งานอย่างเป็ทางการได้ก็ต่อเมื่อเขียนชื่อด้วยเืของัในระดับทลายยุทธ์ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวัสดุที่ใช้ทำตราัเงินเซียวเหยานี้ขาดความยืดหยุ่น กอปรกับความแข็งแกร่งของผู้าุโรอง ทำให้ง่ายต่อการทำลายมัน
เมื่อเห็นความหยิ่งยโสของผู้าุโรองแล้ว หลัวเลี่ยก็รู้สึกว่าคนคนนี้ช่างน่าสมเพชและน่าเกลียดชังมาก
คิดว่าตัวเองเก่งมากทั้งที่ไม่รู้อะไรเลย ดั่งกบในกะลา แม้แต่ตราัเงินเซียวเหยายังไม่รู้จักด้วยซ้ำ ไม่น่าแปลกใจที่ในตอนแรกเสวี่ยปิงหนิงจะพูดว่า ผู้าุโบางคนในคณะผู้าุโอาจไม่รู้จักตรานี้
จากนี้คงได้เห็นอีกแน่ว่าคณะผู้าุโจะมีแผนการอะไรอีก
“เ้าจะนำภัยพิบัติมาสู่เ้านายของเ้า”
หลัวเลี่ยไม่ได้ต่อต้าน และไม่จำเป็ต้องต่อต้าน เพราะใครบางคนกำลังฆ่าตัวตาย
ผู้าุโรองมีใบหน้าที่บิดเบี้ยว แม้ว่าเขาจะเป็สุนัขรับใช้ของตระกูลชง แต่เขาก็ไม่้าให้คนอื่นพูดออกมา “สัตว์ร้ายตัวน้อย เ้าจะได้รู้ผลของการยั่วยุผู้าุโของคณะผู้าุโ ข้าสัญญาว่าจะทำให้เ้าเสียใจที่พูดเช่นนี้”
“ใครจะเสียใจกันแน่ รอดูต่อไปเถอะ” หลัวเลี่ยเย้ยหยัน
“นำตัวไป!”
ผู้าุโรองกล่าวอย่างเ็า
ทหารยี่สิบนายหรือมากกว่านั้นที่มาจากคณะผู้าุโเข้ามาคุมตัวหลัวเลี่ย
ผู้าุโรองหันกลับไปหาเสวี่ยปิงหนิง และพูดด้วยความเย้ยหยันว่า “ตอนนี้เ้าคงอยากกลับไปหาฝ่าาแล้วสินะ ไปเถอะ ยิ่งเร็วยิ่งดี” เขาจากไปพร้อมกับรอยยิ้มที่น่ากลัวโดยไม่สนใจปฏิกิริยาหลังจากนั้นของเสวี่ยปิงหนิง
เสวี่ยปิงหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย นางอยู่กับหลิวหงเหยียนมาหลายปี ดังนั้นนางจึงคุ้นเคยกับการวางอุบายมากมาย นางรู้ว่าเมื่อตระกูลชงลงมือ มันต้องเป็เื่ใหญ่ และคงจะไม่ให้โอกาสหลัวเลี่ยได้โต้กลับ พร้อมทั้งอาจใช้โอกาสนี้ทำลายหลิวหงเหยียน อาจร้ายแรงถึงขั้นจะแย่งชิงบัลลังก์
นางไม่ได้ไปหาหลิวหงเหยียนในทันที แต่กลับหยิบตราัเงินเซียวเหยาที่แตกแล้วกลับไปที่หอเซียวเหยา
แม้ว่าหลัวเลี่ยจะถูกตั้งข้อหาก่ออาชญากรรม แต่ด้วยสถานะของหลัวเลี่ยนั้นละเอียดอ่อนมาก
เขาเป็คนที่มีตำแหน่งอ๋องสองตำแหน่งคนแรกในประวัติศาสตร์ของแคว้นเป่ยสุ่ย
สถานะอ๋องหนานหลี่นั้น พูดตามตรงแล้วไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อคณะผู้าุโ
มีเพียงสถานะของราชันผู้พิชิตเท่านั้นที่โดดเด่นมากเกินไป สถานะนี้เทียบเท่ากับเป็จักรพรรดิองค์ที่สอง หากกล่าวว่าคณะผู้าุโสามารถเปลี่ยนคำสั่งของจักรพรรดินีได้ สถานะของราชันผู้พิชิตเองก็มีอำนาจที่จะเปลี่ยนคำสั่งของคณะผู้าุโได้เช่นกัน
ดังนั้นผู้าุโรองจึงอยากให้ผู้คนปฏิบัติต่อหลัวเลี่ยอย่างเลวร้าย เขาได้แต่อดทนและไม่แสดงอารมณ์ใดๆ บนใบหน้า
เช่นเดียวกับที่หลัวเลี่ยยอมเดินตามพวกเขาไปโดยไม่ต้องมีคนผลัก
ระหว่างทางไม่มีใครเข้ามาขัดขวาง
ไม่มีใครจากฝ่ายจักรพรรดินีหลิวหงเหยียนแม้แต่คนเดียวปรากฏตัว
สิ่งนี้ทำให้หลัวเลี่ยตระหนักได้ว่า มีบางอย่างผิดปกติ
“หรือว่าพวกตระกูลชงจะเริ่มลงมือั้แ่ตอนที่ข้าออกจากวังมาแล้ว”
ในใจเขาเป็ห่วงหลิวหงเหยียนเล็กน้อย
แต่เมื่อพิจารณาว่า นอกเหนือจากปรมาจารย์ลึกลับที่เป็อันดับหนึ่งของแคว้นเป่ยสุ่ยที่ซ่อนตัวอยู่ในวังแล้ว ยังมีฉินจื้อและเหยาเฟิงอยู่ด้วย ดังนั้นจึงไม่น่าจะเกิดอันตรายใดๆ ขึ้น
ในขณะที่คิดได้เช่นนั้น ทหารก็หยุดชะงัก
หลัวเลี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
สถานที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของคณะผู้าุโ...คุกกลืนอสูร!
มีคุกหลายแห่งในแคว้นเป่ยสุ่ย แต่คุกที่โหดร้ายและอำมหิตที่สุดก็คือคุกกลืนอสูรแห่งนี้ โดยทั่วไปแล้วคนที่ไม่มีความผิดในข้อหาฏจะไม่ถูกส่งเข้าคุกนี้
ความน่ากลัวของคุกกลืนอสูรไม่ได้อยู่ที่ความเ็ปทรมานจนอยากฆ่าตัวตาย แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือหลังจากตายไปแล้วร่างกายจะถูกแช่แข็ง เพื่อคงสภาพเดิมไว้และกลายเป็อาหารของเหล่าอสูร กล่าวได้ว่าแม้ตายไปแล้วร่างกายก็จะถูกรบกวนไม่ได้อยู่อย่างสงบแน่นอน
“ข้ามีเื่อยากถามท่าน” หลัวเลี่ยมองไปที่ผู้าุโรอง
“พูดมา!” ผู้าุโรองอยู่ในท่าทางของผู้ชนะ
หลัวเลี่ยกล่าวว่า “ข้าไม่รู้ว่าท่านชื่ออะไร แต่ข้ารู้ว่าท่านเป็หนึ่งในเชื้อพระวงศ์ เดิมทีแล้วท่านควรจะเป็คนที่ฝ่าาไว้วางใจมากที่สุด แต่ทำไมท่านถึงอยากเป็สุนัขรับใช้ของตระกูลชงที่อยากก่อฏเล่า”
ประกายตาเย็นเฉียบฉายผ่านดวงตาของผู้าุโรอง เขาจ้องมองที่หลัวเลี่ยอย่างจริงจัง และพูดด้วยน้ำเสียงเ็า “นี่เป็ครั้งที่สองที่เ้าพูดว่าข้าเป็สุนัข และข้าขอบอกเ้าอีกครั้งว่า เ้าจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน”
“ข้าแค่อยากรู้คำตอบ” หลัวเลี่ยพูดเบาๆ
“ไม่มีคำตอบ ข้าจะทำอะไรก็ได้ที่ข้า้า” ใบหน้าของผู้าุโรองมีสีสันมากขึ้น
หลัวเลี่ยส่ายหัว “มีคนที่ไม่้าเป็มนุษย์ แต่เต็มใจที่จะเป็สุนัขด้วยหรือ”
ั์ตาของผู้าุโรองกระตุก และเขาพูดอย่างน่ากลัว “คุกกลืนอสูรนี้ถูกค้นพบโดยราชันผู้พิชิต ภายในนั้นเย็นมาก จนสามารถแช่แข็งร่างกายของเ้าให้กลายเป็รูปแกะสลักน้ำแข็งได้ แต่ด้วยความที่เ้ารู้วรยุทธ์ เมื่อเ้าเข้าไปคงจะรู้สึกว่าอวัยวะภายในของตัวเองค่อยๆ ถูกแช่แข็งทีละน้อย และค่อยๆ ตายไปอย่างทรมาน ความตายแบบนั้นฟังดูน่ารื่นรมย์ไม่เบาเลยนะ”
หลัวเลี่ยยังคงเงียบ เขาเองก็เคยได้ยินเกี่ยวกับความน่ากลัวของคุกกลืนอสูรแห่งนี้
“ข้ารู้ว่าเ้ามีพลังที่แข็งแกร่งมาก การที่เ้าสามารถผ่านบททดสอบราชันผู้พิชิตได้ เ้าอาจมีความสามารถในการต่อต้านข้าได้ ดังนั้น ข้าจะทำให้เ้ากลายเป็คนธรรมดา เพื่อลิ้มรสคุกกลืนอสูรแห่งนี้” ผู้าุโรองยิ้มและพูด “ใช้เวทสะกดพลังจัดการเขาเสีย!”
เวทสะกดพลังเป็คาถาที่จำกัดการไหลเวียนของพลังภายในร่างกาย
ทหารคนหนึ่งหยิบพู่กันของนักเวทออกมา แท้จริงแล้วเขาคือนักเวทที่ปลอมตัวเป็ทหาร
หลัวเลี่ยเลิกคิ้วขึ้น และไม่ได้ลงมือต่อต้าน เขารู้ว่าหากเขาต่อต้านจะทำให้ผู้าุโรองมีเหตุผลที่จะโจมตีเขา และอาจฉวยโอกาสนี้ฆ่าเขาได้ ดังนั้นตอนนี้เขาจึงได้แต่อดทน
นักเวทร่ายเวทสะกดพลัง จากนั้นก็มีลำแสงออกมาจากปลายพู่กันนักเวท แล้วพุ่งเข้าสู่ร่างของหลัวเลี่ย
ลำแสงนี้เปรียบเสมือนเป็แม่กุญแจล็อกพลังภายในของเขาไว้ ทำให้พลังภายในไม่สามารถไหลเวียนได้
ผู้าุโรองหัวเราะ และพูดว่า “ขอให้เพลิดเพลินกับคุกกลืนอสูร”
แล้วประตูทางเข้าของคุกกลืนอสูรก็เปิดออก ความเย็นที่แผ่ออกมาจนเสียดแทงเข้ากระดูกนั้น ทำให้แม้แต่เหล่าทหารต่างก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
แม้แต่หลัวเลี่ยก็ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ในที่แห่งนี้ ความสามารถในการทนความร้อนและความเย็นที่เขามีไม่มีประโยชน์ เพราะความเย็นนี้ไม่ธรรมดา มันสามารถทะลุผ่านิัเข้าสู่ไขกระดูก และเข้าไปถึงอวัยวะภายในได้ ซึ่งเป็ความเย็นในระดับที่น่ากลัวมาก
แต่เขาคือหลัวเลี่ย เมื่อฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ก็ทำให้ร่างกายของเขาไม่เหมือนคนธรรมดาอยู่แล้ว แม้ว่าเขาจะรู้สึกได้ถึงความเย็นเล็กน้อย แต่ความเย็นนี้ก็ไม่อาจทำร้ายเขาได้
หลัวเลี่ยเดินเข้าไปด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็ต้องให้ผู้อื่นผลักเข้าไป
การก้าวที่มั่นคง และความไม่แยแสต่อความหนาวเย็นของเขา ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้าุโรองชะงักเล็กน้อย เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าพลังภายในของหลัวเลี่ยถูกระงับแล้ว
ปัง!
เมื่อหลัวเลี่ยเดินเข้าไปแล้ว ประตูก็ปิดลง
จากนั้นอุณหภูมิภายนอกก็เริ่มสูงขึ้น แต่ทหารบางคนก็ยังคงถูมือเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ตนเอง
นักเวทคนนั้นกล่าวว่า “ผู้าุโรอง หลัวเลี่ยอาจจะฆ่าตัวตายก็ได้ เช่นนี้จะไม่เป็การให้อิสระเขาเกินไปหรือขอรับ”
“มันมีพลังวรยุทธ์ที่สูงเช่นนั้น จะยอมฆ่าตัวตายง่ายๆ เชียวหรือ บางทีมันอาจจะรอให้ฝ่าาส่งคนมาช่วยอยู่ก็ได้ มันต้องอดทนอย่างถึงที่สุดแน่” ผู้าุโรองกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยิ่งมันอดทนมากเท่าไร มันก็จะยิ่งเ็ปมากเท่านั้น เ็ปจนรู้สึกว่ามีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย”
นักเวทคนนั้นยิ้ม และพูดว่า “ผู้าุโรองช่างเฉียบแหลมยิ่งนัก”
พวกเขาไม่ได้เดินจากไป แต่กลับอยู่เฝ้าสถานที่แห่งนี้ และไล่คนที่เฝ้าสถานที่แห่งนี้ั้แ่แรกออกไป
ภายในคุกกลืนอสูร หลัวเลี่ยยืนสงบนิ่งอยู่ที่หลังประตู และเนื่องจากประตูทำขึ้นจากวัสดุพิเศษ จึงเป็เื่ยากที่เสียงจากทั้งภายในและภายนอกจะทะลุหากันได้ แต่เขาก็รู้ว่า เพื่อป้องกันเขาหลบหนีหรือได้รับการช่วยเหลือ ผู้าุโรองคงยังอยู่ที่ด้านนอกนั้นแน่
“เป็สุนัขจนเคยชิน ถึงคอยอยู่เฝ้าประตูสินะ”
หลัวเลี่ยขยับกายไปพิงประตู เขาสามารถอดทนรอได้โดยไม่โกรธ แต่มันเป็ไปไม่ได้ที่จะอยู่อย่างนี้ไปตลอด
คุกกลืนอสูรเป็สถานที่คล้ายถ้ำ มีความกว้างและลึกมาก โดยปกติแล้วคนที่มีวรยุทธ์อยู่เหนือระดับหยินหยาง และถูกส่งมาที่คุกกลืนิญญาแห่งนี้ พวกเขาล้วนเข้ามาถึงระยะความลึกกว่ายี่สิบเมตร ถูกขังอยู่ในที่พิเศษและตรึงไว้ด้วยโซ่พิเศษ ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงด้านในของถ้ำได้ ซึ่งค่อนข้างง่ายที่จะรู้สึกถึงความเย็นในระดับนี้ และตอนนี้หลัวเลี่ยก็เห็นโซ่บางเส้นอยู่หน้าเขา ซึ่งมันถูกย้อมด้วยสีแดงของเื
ตอนนี้โซ่เส้นนี้ว่างเปล่า ไม่ได้พันธนาการใครไว้
แปลว่าหลัวเลี่ยอยู่คนเดียวในคุกกลืนอสูรแห่งนี้
ด้วยพลังวรยุทธ์ในระดับผู้ฝึกตน โดยปกติแล้วแม้จะอยู่ใกล้ประตู ก็ยังเป็เื่ยากที่จะอดทนต่อความหนาวเย็นนี้ได้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็ที่จะต้องใช้โซ่พันธนาการเขาไว้ ขอแค่เขาไม่ได้ออกไปจากคุกก็เพียงพอแล้ว
หลัวเลี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยื่นมือซ้ายออกไป
มือซ้ายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถสังหารนักเวททั้งหมดได้
เวทสะกดพลังไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น และนักเวทที่ร่ายคาถาก็ไม่ได้มีพลังเวทมากมายเท่าไร
ในตอนที่นักเวทคนนั้นกำลังจะร่ายเวทสะกดพลัง หลัวเลี่ยก็นำพลังภายในบางส่วนเคลื่อนย้ายไปที่มือซ้ายของเขาก่อน แม้ว่าเวทสะกดพลังจะสามารถบังคับให้พลังภายในทั้งหมดกลับไปที่จุดตันเถียนของเขาได้ แต่ก็ไม่สามารถบังคับพลังที่อยู่ในมือซ้ายของหลัวเลี่ยได้ ดังนั้นเขาจึงยังสามารถใช้พลังจากมือซ้ายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้ เขาวางมือซ้ายลงบนจุดตันเถียน แล้วค่อยๆ ดึงพลังภายในที่ถูกจำกัดไว้ออกมาเบา ๆ
เวทสะกดพลังถูกทำลายลงโดยสมบูรณ์
ร่างกายของหลัวเลี่ยกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้