ไม่มีใครรู้เลยว่าิอวี่ฝึกเพลงหมัดอยู่ไม่ไกลจากพวกเขาตลอดเวลา เขาซัดหมัดใส่พายุฝุ่นทราย ในขณะที่ต้านทานพายุฝุ่นทรายนั้นเขาก็ยังเลียนแบบความรุนแรงของมันด้วย
เมื่อเข้าถึงได้อย่างลึกซึ้งแล้วก็เอาปัญหาใส่เข้าไปด้วย ิอวี่ถึงได้รู้ว่าที่จริงฝุ่นทรายมันไม่ได้มีพลังอำนาจเลย แต่ธรรมชาติต่างหากที่ให้พลังอำนาจเ่าั้
การปล่อยพลังที่บ้าคลั่ง ทรงพลัง เป็ธรรมชาติ ปราศจากร่องรอยอื่นใด ปราศจากความคิดอื่นๆ ที่ทำให้เสียสมาธิ เรียบง่ายและบริสุทธิ์ และหาก้าปล่อยจิตสำนึกัและคชสาร ก็จะต้องมีจิตที่เรียบง่ายและบริสุทธิ์
หลังจากที่เข้าใจในข้อนี้ ิอวี่ก็เข้าถึงหมัดคชสารัใหญ่ไปอีกขั้นจากความทรงจำของเขา และซัดหมัดออกไปท่ามกลางพายุทรายอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้สภาวะแวดล้อมจะเลวร้าย แต่เขาก็ยังสามารถซัดหมัดที่สุขุมและมั่นคงออกไปได้
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ
ฝุ่นทรายเหมือนจะยังไม่ยอมหยุด มันพัดผ่านมาแล้วถึงสามวันสามคืน เดิมทีิอวี่ก็อยู่ท่ามกลางพายุทรายที่สูงสามเมตรราวกับเป็ูเาลูกหนึ่งแล้ว หากไม่ใช่เพราะพวกเขามีกำลังกายที่น่าทึ่งกันเช่นนี้ ต่อให้ไม่ถูกพายุทรายพัดไปก็คงถูกทรายทับตายไปแล้ว
ในระยะเวลาสามวันนี้ิอวี่เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา และเริ่มเข้าใจหมัดคชสารัใหญ่มากขึ้น ตอนนี้เขารู้สึกว่าเวลาที่เขาปล่อยหมัดคชสารัใหญ่นั้นสามารถปล่อยเอาจิตสำนึกัคชสารได้แล้ว แรงกำลังที่ที่เรียบง่ายแต่มีพลังทำลายล้าง มันทำให้เขาค่อนข้างพอใจอย่างมาก!
จากที่ิอวี่ประเมิน ตอนนี้หมัดคชสารัน้อยที่เขาปล่อยออกมานั้นน่าจะมีกำลังถึงห้าเท่าแล้ว
ขอแค่เขาสามารถปล่อยพลังหมัดคชสารัน้อยออกไปได้เจ็ดเท่า ก็จะฝึกหมัดคชสารัใหญ่ได้เป็ผลสำเร็จ
เพราะหากจะว่ากันตามจริง พลังฝีมือของิอวี่นั้นยังไม่พอ ลมปราณไม่สามารถสนับสนุนได้ ต่อให้เขาจะมีกำลังมากแต่ก็ยังไม่ได้ดั่งใจนัก
ดังนั้นวันใดที่ิอวี่มีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง วันนั้นคือวันที่เขาจะฝึกหมัดคชสารัใหญ่สำเร็จ!
พายุฝุ่นทรายลูกสุดท้ายพัดมาและหายไป ทุกอย่างกลับมาสงบอีกครั้ง
ในเวลานี้เป็่เช้า หลังจากฝุ่นทรายหายไปแล้วร่างกายของทุกคนก็ปรากฏเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง เิหยูเยียนดูปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง ยังคงสวมชุดกระโปรงแดง ผมยาวสลวย ดวงตาเป็ประกาย นางยังคงงดงามเหมือนไม่ได้รับการแปดเปื้อนแต่อย่างใด
ส่วนเิฮวากับเิเยวี่ยได้ลมปราณเกราะป้องกันของเิหยูเยียนก็เหมือนจะไม่ได้เป็อะไรมาก
คนเ็าที่มาพร้อมกับเหยี่ยวหัวล้านลมปราณก็ดูปกติดี และก็ไม่ได้เปื้อนอะไร
แต่จูหงกับเหลียงชิงซานดูแย่สุด เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ผมเผ้ายุ่งเหยิง เห็นได้ชัดว่าตลอดสามวันที่ผ่านมาพวกเขาลำบากมาก
ที่หนักสุดน่าจะเป็อสูรสัตว์ปีก ไปซ้ายทางขวาทาง ท่าทีเหมือนนกป่วยกันหมด
เพียงแต่วิหคัปีกมืดของิอวี่ดูไม่เป็ไรเลย ตอนที่ฝุ่นทรายยังไม่สลายไปมันก็เจอิอวี่แล้ว และมันก็บินอยู่รอบตัวของเขาไม่ห่างไปไหน แทบจะไม่มีอาการเหนื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย
ก็ไม่รู้ว่าทำไม ปีกของมันนั้นแข็งแกร่งกว่าอสูรสัตว์ปีกในระดับเดียวกันมาก ฝุ่นทรายที่ซัดใส่ปีกทำให้มันแค่คันเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่ได้สนใจเลย
“ไว้อีกสองสามวันหลังไปถึงสำนักเทพอัคคีแล้ว ข้าจะให้เ้ากินยาจูหยวนตันอีกนะ” ิอวี่ลูบหัวเ้าวิหคัปีกมืดอย่างเอ็นดู
เขาก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าวิหคัปีกมืดไม่เพียงมีความรวดเร็วว่องไว มีความอึด ฉลาด พวกมันยังมีพลังการป้องกันที่สูงมากด้วย ... เหมือนอยู่ในระดับที่น่าทึ่งเลยทีเดียว!
และบนตัวของวิหคัปีกมืดยังมีจุดเด่นอย่างอื่นอะไรอีก หรือประสิทธิภาพอะไรอีก ิอวี่ก็ยังไม่รู้ได้ ต้องรอให้มันโตเต็มวัยแล้วเขาถึงจะรู้ทั้งหมด
“เวลาไม่คอยท่า เรารีบไปกันดีกว่า” เิหยูเยียนปรับสภาพนิดหน่อยแล้วก็กลับขึ้นไปนั่งบนสัตว์ปีกอีกครั้ง ก่อนจะบินนำหน้าไป
ถึงแม้จูหงกับเหลียงชิงซานอยากจะพักอีกหน่อย แต่ในเมื่อเิหยูเยียนพูดมาแบบนี้แล้วพวกเขาก็ไม่กล้าขัด ก็เลยขึ้นหลังสัตว์ปีกของพวกเขาแล้วตามไป
นอกจากิอวี่แล้ว อสูรสัตว์ปีกของคนอื่นก็เหมือนจะมีอาการาเ็ประมาณหนึ่ง ดังนั้น ตอนที่บินพวกมันจึงมีความเร็วช้าลงไปมาก
เพราะครั้งนี้มาถึงเร็วกว่าที่ประเมินไว้สิบวัน ิอวี่เองจึงไม่ได้รีบร้อนที่จะไปต่อ เขาก็เลยบังคับวิหคัปีกมืดให้ค่อยๆ บินไปช้าๆ
สามวันต่อมา ใน่กลางวัน
ในเวลานี้ ทะเลทรายสีทองทอดยาวสุดลูกหูลูกตา และดวงอาทิตย์ก็แผดเผาไปทั่วทุกหนแห่ง
กลางทะเลทรายมีพื้นทรายแห่งหนึ่งที่ดูราบเรียบและธรรมดามาก
ในเวลานี้เอง บนท้องฟ้าที่มีเิหยูเยียนเป็ผู้นำ และมีพวกของิอวี่อีกหกคนขี่อสูรสัตว์ปีกบินตาม ทั้งหมดกำลังจะเข้าใกล้พื้นดิน แต่เหมือนชนถูกเกราะป้องกันอะไรบางอย่างเข้า อากาศมันดูผิดปกติไป แล้วเกราะป้องกันก็ปรากฏแสงอ่อนๆ ออกมา
เหมือนว่าพวกเขาจะไปััเข้ากับกลไกอะไรบางอย่าง พื้นที่ทะเลทรายที่ราบเรียบนั้นเริ่มหมุนตัวออกจนมีเส้นผ่าศูนย์กลางสิบเมตร
กระแสน้ำวนที่ประหลาดนี้มันคือทางเข้าโลกใหม่ที่ห่างไกลออกไป!
กระแสน้ำวนที่ว่ามันกำลังหมุน แผ่พลังที่ลึกลับและดูโบราณออกมา
หากมองลงไปดีๆ ก็จะพบว่า ตรงกลางหลุมกระแสน้ำวนนั้นเหมือนมีคลื่นหลุมดำกำลังเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง และมีพลังดึงดูดแผ่ซ่านออกมาอย่างน่าประหลาด
“เจอสักที”
เิหยูเยียนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นกระแสน้ำวนประหลาด ถึงแม้น้ำเสียงของนางจะเรียบง่ายแต่สายตาก็เต็มไปด้วยความดีใจ
กระแสน้ำวนที่ว่านี้มันก็คือค่ายกลขนส่ง ตามบันทึกแล้ว การหมุนแต่ละวงสามารถรองรับได้เพียงหนึ่งคน เมื่อเข้าไปภายในก็จะสามารถส่งคนไปยังสถานที่ที่ใกล้กับสำนักเทพอัคคีที่สุด!
สำหรับเิหยูเยียนแล้ว สำนักเทพอัคคีก็เหมือนเป็โลกใบใหม่อีกใบ!
ที่จริงคนอื่นเองก็คิดแบบนี้เช่นกัน พวกเขาเป็บุคคลชั้นสูงในราชวงศ์ของตนเอง ได้รับการยกย่องสูงสุด พูดได้เลยว่าพวกเขาก็เป็ผู้มีอำนาจสูงสุดไร้เทียมทานในราชวงศ์ ได้รับเกียรติยศมากมาย แต่มันก็ทำให้พวกเขาโดดเดี่ยว
พวกเขาได้รับคำชื่นชมมามากพอแล้ว จนรู้สึกว่าสายยุทธ์ของตนมาถึงทางตัน ไม่มีความกระหาย ไม่มีเป้าหมายที่มากกว่าเดิม เพราะพวกเขาสมบูรณ์แบบมากแล้ว
แต่ในเวลานี้ สำนักเทพอัคคี การฟันฝ่าเข้าสำนักเหนือระดับมันถือเป็การเรียนรู้ใหม่ของพวกเขา
ผู้มีความสามารถทุกคน ในโลกที่มีสุดยอดผู้กล้าคิดอยากจะเข้าไป กล่าวกันว่าสำนักเหนือระดับมียอดฝีมือที่สามารถสร้างลมปราณเทวะทั้งห้าจุดด้วย!
มันคือระดับที่พวกเขาเอื้อมไม่ถึงเลย!
นี่จึงทำให้พวกเขาเข้าใจว่า สำนักเทพอัคคีมันคือการเริ่มต้นใหม่ของพวกเขา กระแสน้ำวนนี้คือประตูสู่โลกใหม่ที่ลึกลับ มันคือสถานที่ที่เหล่าคนหนุ่มสาวเืร้อนอย่างพวกเขาจะได้โบยบินอีกครั้ง!
ความกระหาย ความโลภ ความฝัน ความยึดติด การต่อสู้ ... คำทุกคำ ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็เพื่อเข้าสู่ค่ายกลขนส่งนี้ เพื่อเข้าร่วมสำนักเทพอัคคี!
เมื่อมองเห็นค่ายกลขนส่งพวกเขาก็ตื่นเต้นมาก แต่ละคนเหมือนแทบจะคลั่ง!
“เดี๋ยว ... ช้าก่อน!”
แต่ในเวลานี้เอง เิเยวี่ยที่อยู่ข้างเิหยูเยียนก็ร้องขึ้นมาแล้วชี้ไปยังกระแสทรายวน ก่อนจะพูดว่า “ทำไม ... ถึงมันแค่หกวงเองล่ะ ...”
“หือ?”
ทุกคนมองไปด้านหน้า เมื่อครู่พวกเขาตื่นเต้นจนเกินไปเลยไม่ทันสังเกตจุดสำคัญ
แล้วตอนนี้ทุกคนต่างก็มองไปเช่นกัน ... ถูกแล้ว ตรงนี้มีแค่หกหลุม แต่พวกเขามีกันเจ็ดคน นั่นก็หมายความว่าจะต้องมีหนึ่งคนถูกคัดออก!
สำนักเทพอัคคีมีกฎเกณฑ์ที่ค่อนข้างเข็มงวด พวกเขา้าคนแค่สามสิบคนเท่านั้น ดังนั้นจึงตั้งกระแสทรายวนไว้แค่สามสิบหลุม เมื่อถูกส่งไปแล้วมันก็จะหายไปทีละหลุม
ก่อนหน้านี้บนพื้นที่ทะเลทรายมีหลุมขนส่งอยู่สามสิบหลุม แต่เกือบหนึ่งปีที่ผ่านมาก็มีผู้กล้าที่มีพร์เข้าไปได้ยี่สิบสี่คน ตอนนี้จึงเหลือแค่หกคนเท่านั้น
แต่ที่ทำให้ลำบากใจก็คือ ตอนนี้มีผู้กล้าอยู่ทั้งหมดเจ็ดคน
นั่นก็หมายความว่า จะต้องมีคนถูกคัดออกหนึ่งคน และคนคนนั้นก็จะไม่มีอำนาจในการไล่ล่าฝันอีกแล้ว
“เราสามคนจากราชวงศ์หย่งเิอย่างไรก็ต้องไปที่สำนักเทพอัคคี ไม่ทราบว่าทุกท่านคิดเห็นอย่างไร?” เิหยูเยียนพูดก่อนคนแรก และกวาดสายตาไปยังอีกสี่คนที่เหลือซึ่งรวมิอวี่ด้วย
“ไม่ ... ไม่มีความเห็น”
จูหงยิ้มอย่างเขินๆ ต่อให้เขาจะมีความเห็นก็ไม่กล้าพูดออกมา เพราะคนที่ถามคือเิหยูเยียน!
หากทำให้นางโกรธขึ้นมา เขาอาจจะต้องเจอเคราะห์กรรมครั้งใหญ่แน่!
“ในเมื่อทุกคนไม่มีปัญหา ถ้าอย่างนั้นเราขอล่วงหน้าไปก่อนนะ หวังว่าหลังจากนี้ไม่นาน เราจะได้เจอกันอีก” พูดจบ เิหยูเยียนก็ยิ้มแล้วก็พาเิฮวากับเิเยวี่ยลงไปในกระแสทรายวนและหายไปอย่างลึกลับ
เิหยูเยียนรู้อยู่แล้วว่าอีกเดี๋ยวพวกิอวี่จะต้องมีการต่อสู้ครั้งใหญ่ แต่นางไม่ได้สนใจจะต่อสู้กับิอวี่ ดังนั้นถึงได้เลือกออกไปก่อน
หลังจากที่พวกเิหยูเยียนไปไม่นาน จูหงก็มองมาที่ิอวี่แล้วพูดอย่างมีเลศนัยว่า “น้องิ ไม่ทราบเ้าคิดอย่างไร?”
เมื่อครู่จูหงได้ทำการวิเคราะห์ผลดีผลเสียดูแล้ว คนที่ไม่พูดไม่จามีลมปราณที่ดูน่ากลัว จูหงจึงไม่กล้าลงมือ แต่ว่าบนตัวของิอวี่ เขาััถึงความอันตรายอะไรไม่ได้เลย
พอคิดได้แบบนี้จูหงก็รู้สึกสบายใจมาก เพราะเขารู้ว่าเื่ที่คิดว่ายากอาจจะจัดการได้ง่าย ขอแค่ิอวี่ยอมถอย พวกเขาสามคนก็จะได้อีกสามหลุมที่เหลือไป
พูดกันตามตรงก็คือ มันก็แค่อุปสรรคเล็กน้อย คงไม่มีคลื่นลมแรงอะไรมากมาย
ิอวี่มองไปที่จูหงแล้วก็ยิ้มมุมปากด้วยความประชดประชัน ก่อนหน้านี้จูหงยังพูดดีเห็นเขาเป็พี่น้อง แต่พอเวลาสำคัญก็คิดจะรังแกคนอ่อนแอ รู้สึกว่าเขารังแกได้ง่ายเลยคิดจะลงมือกับเขา ไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ แสดงท่าทางอย่างชัดเจนมาก
ท่าทางแบบนี้ ิอวี่ดูถูกมาก
“ความคิดของข้าชัดเจนมาก”
ิอวี่พูดขึ้นมาอย่างเรียบง่าย “พลังความสามารถคือศาสตร์แห่งาา ใครมีความสามารถ คนนั้นก็มีสิทธิเข้าไปที่ค่ายกลขนส่งเพื่อไปยังสำนักเทพอัคคี”
เมื่อได้ยินดังนั้นจูหงก็อดส่ายหัวไม่ได้ เขารู้สึกว่าิอวี่ไม่ฉลาดเลย
“เหอะๆ เขาคิดว่าเขาเป็ใคร”
เหลียงชิงซานที่ไม่ค่อยพูดกลับไม่ไว้หน้าิอวี่เลย เขาพูดเข้าประเด็นเลยว่า “จูหงพูดกับเ้าแบบนี้ก็เพื่อหาทางออกให้กับเ้า ทุกคนรู้ดีว่าตัวเองมีความสามารถอะไรแค่ไหน เขาไม่ได้พูดกับเ้าตรงๆ เพราะไม่อยากให้เ้าลำบากใจ แต่ทำไมเ้าถึงได้หาเื่ใส่ตัวแบบนี้?”
ิอวี่ยิ้ม คำพูดของเหลียงชิงซานดูเหมือนคมคาย แต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็เหมือนกระดาษเปล่าที่อ่อนแอ
“ดูท่าคงต้องให้กบในกะลาอย่างเ้าได้เห็นความสามารถของข้าแล้วกระมัง” หลังจากที่ยิ้มแล้วท่าทีของิอวี่ก็นิ่งไป เขาเดินลมปราณขึ้นและปล่อยมันออกมา!
“น่าขำ”
เหลียงชิงซานส่ายหัวแล้วถอนหายใจ “ข้ากับจูหงเป็สหายร่วมเป็ร่วมตายกัน ครั้งนี้เดินทางมาสำนักเทพอัคคีเพราะความเป็พี่น้องและเป็วาสนาที่หาได้ยาก ส่วนเ้านั้นความสามารถไม่ถึง ค่ายกลขนส่งนี้มีแค่หกหลุม ที่จริงมันก็เหมือนเจตนาแห่ง์ เ้าก็คือคนที่ต้องถูกคัดออก เ้ายังมองไม่ออกอีกหรือ?”
จูหงที่อยู่ด้านข้างพูดอย่างจนใจว่า “น้องิ ข้าว่าเ้ารีบกลับไปดีกว่า ข้าไม่อยากทำร้ายเ้า”
สายตาของิอวี่มั่นใจอย่างมาก เขายิ้มแล้วพูดว่า “ขอบคุณในความใจกว้างของท่านนะ แต่มันไม่จำเป็ ไม่ต้องพูดมาก ลงมือได้เลย ข้าแนะนำว่าพวกเ้าควรจะเข้ามาพร้อมกันเลย”
“อวดดีเกินไปหน่อยแล้ว” เหลียงชิงซานยิ้มแสยะแล้วเตรียมลงมือ
แต่ทันใดนั้นเอง ทะเลทรายที่ห่างออกไปก็มีอสูรสัตว์ปีกกำลังกระพือปีกบินเข้ามา ทุกคนหันไปมองตามเสียงก็พบว่ามันมีจุดสีขาวๆ ที่ขยายใหญ่ขึ้นกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
“ิอวี่ เ้าคิดจะหนีไปไหนอีก!”
เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความแค้นก้องไปทั่ว!
ิอวี่ตะลึงไป เสียงนั่นไม่ใช่ใครอื่น เขาคือ ... จี้เฟิงอวิน?
