จ้านชวนเหมือนดั่งม้าป่าพยศที่อาละวาดอย่างบ้าคลั่งตัวหนี่ง ร่างกายที่ผอมแห้งแรงน้อยกลับเปี่ยมพลังอย่างมหาศาล แม้ว่ารุ่ยฟูเหรินจะใช้จิติญญาพลังยุทธ์ยับยั้งฤทธิ์โอสถที่พลุ่งพล่านภายในร่างกายเขาไว้ แต่จิตสำนึกของเขาถูกสรรพคุณอันทรงพลังของเม็ดยากระตุ้นจนเลอะเลือน หากมิใช่นักยุทธ์หลายคนช่วยกันสยบเขาไว้ เกรงว่าตอนนี้ห้องโอสถที่เหมือนกับห้องครัวของจ้านอู๋มิ่งคงพังทลายกลายเป็ซากปรักหักพังไปแล้ว
“มิ่งเอ๋อร์ ตำรับโอสถนี้ เ้าได้มาจากที่ใดกันแน่?” แม้ว่ารุ่ยฟูเหรินจะโกรธเคืองจ้านอู๋มิ่งที่อุกอาจทดสอบโอสถจนวุ่นวาย แต่ก็รู้สึกประหลาดใจมากต่อประสิทธิภาพอันน่าทึ่งของโอสถชนิดนี้ รีบรายงานเื่นี้กับจ้านชิงเผิง ผู้เป็สามีทันที
มิเพียงแค่จ้านชิงเผิงเท่านั้นที่ใกับข่าวนี้ ท่านปู่ผู้เฒ่า จ้านเทียนเฉาและผู้าุโใหญ่ จ้านเทียนสิงล้วนตื่นตระหนกขึ้นมาแล้ว ถ้าสิ่งที่รุ่ยฟูเหรินพูดมาทั้งหมดเป็ความจริงละก็...สำหรับตระกูลจ้านแล้ว นี่ถือเป็ข่าวดีที่มีนัยสำคัญมากข่าวหนึ่ง
หลังจากทุกคนได้เห็นสรรพคุณโอสถที่แสดงออกทางร่างกายของจ้านชวนแล้ว ล้วนพากันปิดปากเงียบสนิท มีเพียงจ้านอู๋มิ่งเท่านั้นที่ตีหน้าเศร้า ท่าทางน่าสงสาร สีหน้าดูไร้เดียงสายิ่ง
จ้านชิงหลงเทเม็ดโอสถรูปลักษณ์น่าเกลียดก้อนเล็กๆ ออกมาจากขวดก้อนหนึ่ง ทดลองดมดู พึมพำกับตนเอง “คาดมิถึงจริงๆ มิ่งเอ๋อร์ถึงกับมีพร์ในการหลอมโอสถสูงส่งเหนือชั้น ์ช่วยตระกูลจ้านเราแล้วจริงๆ”
จ้านชิงหลงหัวเราะลั่นอย่างสุขใจ หันหน้าไปทางจ้านเทียนเฉากล่าวว่า “ท่านพ่อ แม้ว่าโอสถนี้ รูปลักษณ์จะดูแย่มาก นั่นเป็เพราะมิ่งเอ๋อร์ไม่มีพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้จึงมิอาจใช้พลังยุทธ์ ไม่มีเพลิงโอสถ ดังนั้นผลจึงออกมาเช่นนี้ แต่สรรพคุณของโอสถกลับมิได้หลอกลวง ถ้าหลอมตามตำรับยาออกมาโดยนักหลอมโอสถละก็เกรงว่าประสิทธิภาพจะดียิ่งกว่าเดิม”
“ว้าว ท่านลุงใหญ่ ท่านดู ตรงมุมผนังยังมีโอสถกองอยู่ตั้งหลายกอง!” ทันใดนั้นจ้านอู๋กั้วพบว่าที่มุมผนังยังมีโอสถสีสันใกล้เคียงกับเม็ดโอสถในมือจ้านชิงหลงอีกหลายก้อน เป็วัตถุที่มีลักษณะคล้ายกัน จึงอดพูดโวยวายขึ้นมามิได้
จ้านอู๋มิ่งอ้าปากทำท่าจะพูด ทว่ายังมิทันพูด จ้านอู๋กั้วก็วิ่งพรวดเข้าไป แล้วยื่นมือไปคว้ามาก้อนหนึ่งมอบให้จ้านชิงหลง
“อย่า…” จ้านอู๋มิ่งพูดมิทันจบ จ้านชิงหลงก็รับเ้าก้อนนั้นไว้เรียบร้อย แล้วเอามาลองดมดู พลันขมวดคิ้วขึ้นมา ถามจ้านอู๋มิ่งอย่างสงสัยขึ้นว่า “อู๋มิ่ง นี่เป็โอสถที่ล้มเหลวใช่หรือไม่?”
“สิ่งนี้…” จ้านอู๋มิ่งท่าทางประหม่าคิดจะพูดแต่แล้วหยุดไว้ “นับว่าใช่เถอะ”
“อันใดนับว่าใช่เถอะ ใช่ก็คือใช่ ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ลุงใหญ่ไม่โทษเ้าอยู่แล้ว” จ้านชิงหลงขมวดคิ้วพูดขึ้น
“ความจริงก้อนนั้นคืออุจจาระของสัตว์อสูรวิหคกระจอกขาว…เ้าสัตว์อสูรวิหคกระจอกขาวช่วยแปรรูปให้แล้ว ดังนั้นจึงไม่นับว่าเป็โอสถที่เป็ของเสีย…” จ้านอู๋มิ่งพูดอย่างจนปัญญา
“อา!” จ้านชิงหลงและจ้านอู๋กั้วเผลออุทานขึ้นพร้อมกัน จ้านชิงหลงรีบโยนมูลในมือทิ้งไป สะบัดไม้สะบัดมือวุ่นวาย ทุกคนรีบพากันหลบจนวุ่นวายชุลมุน
“อู๋มิ่ง เ้านี่คงอยากโดนโบยแล้วสินะ…” พลันจ้านอู๋กั้วเปลี่ยนความอับอายกลายเป็โทสะ ไม่เพียงตนเองคว้าอุจจาระมาหนึ่งกำมือ อีกทั้งยังทำให้จ้านชิงหลงก็หยิบอุจจาระก้อนหนึ่งไว้ในมือเช่นกัน ทั้งยังเอามาดมอีกด้วย หากมิใช่มีหลายคนอยู่ด้วยเช่นนี้ คาดว่าจ้านชิงหลงคงจัดการเขาไปแล้ว
“อู๋กั้ว!” ท่านปู่ผู้เฒ่าจ้านตวาดขึ้นคำหนึ่ง จ้านอู๋กั้วได้แต่ถลึงตามองจ้านอู๋มิ่งอย่างดุดันคราหนึ่ง เขาเองก็รู้สึกอับจนปัญญากับน้องชายคนนี้
คนสำคัญในตระกูลจ้านหลายคนด้านข้างคิดอยากจะหัวเราะ แต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้ เห็นจ้านชิงหลงสีหน้าเคอะเขิน ท่านปู่ผู้เฒ่าจ้านกลับหัวเราะแล้ว หันหน้ามองไปทางจ้านอู๋มิ่งกล่าวว่า “มิ่งเอ๋อร์ โอสถชนิดนี้ไม่สามารถหลอมให้มีฤทธิ์และสรรพคุณสูงสุดได้ หากไม่ใช้เตาหลอมโอสถคอยหล่อเลี้ยงด้วยความร้อน บอกให้ปู่รู้หน่อยสิว่าเ้าสามารถทำสำเร็จได้อย่างไร?”
“ท่านปู่ ยังคงเป็ท่านที่สูงส่ง ดวงตาดั่งคบเพลิง ยานี้ผ่านการหลอมด้วยความร้อนมาก่อนแล้วจริงๆ ความจริงคือ โอสถในมือท่านลุงใหญ่เม็ดนั้นเป็เพียงสิ่งที่เกือบสมบูรณ์ สิ่งที่สมบูรณ์แล้วแท้จริงก็คือ…” จ้านอู๋มิ่งยื่นมือชี้ไปที่อุจจาระสัตว์อสูรวิหคกระจอกขาวตรงมุมกำแพง
“อา……” ทุกคนต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน
จ้านชิงหลงมองไปที่จ้านอู๋มิ่งด้วยท่าทางเคร่งขรึม สูดหายใจลึกๆ คราหนึ่ง ถามอย่างเคร่งขรึมจริงจังว่า “อู๋มิ่ง ที่เ้าพูดมาเป็ความจริงหรือ? โอสถที่เสร็จสมบูรณ์แล้วคืออุจจาระของสัตว์อสูรวิหคกระจอกขาวจริงหรือ?”
“ใช่แล้ว เด็กอย่างข้าไม่มีทั้งวิชายุทธ์ อีกทั้งไม่มีเพลิงโอสถ ต่อให้มีเพลิงโอสถก็ไม่สามารถควบคุมได้หรอก โอสถเหนียวหนืดที่ได้จากการต้มด้วยไม้ฟืนพลังจิติญญาสับสนวุ่นวาย ไม่ผ่านการหล่อเลี้ยงด้วยความร้อน ฤทธิ์ยาไม่บริสุทธิ์ มีสิ่งเจือปนมากเกินไป ดังนั้นลูกจึงได้นึกถึงวิธีนี้ขึ้นมา สัตว์อสูรวิหคกระจอกขาวเป็สัตว์อสูริญญาระดับสาม ตำนานเล่าว่ามีสายเืเจือจางของสัตว์อสูริญญาวิหคชาด เพลิงอสูรในร่างมันเหมาะสมยิ่งนักสำหรับใช้หลอมโอสถ ลูกได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับสัตว์อสูรมายาวนาน ครั้งก่อนสามารถโชคดี รอดชีวิตกลับมาจากป่าสัตว์อสูรก็ด้วยเหตุผลนี้ ประสิทธิภาพการย่อยอาหารของสัตว์อสูรวิหคกระจอกขาวนั้นพิเศษยิ่ง สำหรับวัตถุที่แข็ง มันสามารถใช้เปลวไฟของเพลิงวิหคชาดเผาสลายจนหมดสิ้น แต่ว่าโอสถก้อนในสภาพเหนียวหนืดถูกกินเข้าไป เพลิงอสูรเพียงแค่อบให้แห้งเท่านั้น กลับไม่สามารถย่อยสลายได้ สามารถขับถ่ายออกมาได้อย่างสมบูรณ์ แต่สิ่งเจือปนในนั้นถูกทำให้บริสุทธิ์แล้วด้วยเพลิงสัตว์อสูร ลูกได้รับการยืนยันจากการทดลองครั้งแล้วครั้งเล่า” จ้านอู๋มิ่งพูดอย่างเชื่อมั่น
สัตว์อสูรวิหคกระจอกขาวเป็สัตว์อสูรนิสัยอ่อนโยนชนิดหนึ่ง และเป็สัตว์อสูรที่กลายสายพันธุ์ เป็ญาติห่างๆ ของวิหคชาด มีสายเืสัตว์อสูรเจือจาง สูงส่งและสวยงาม ตระกูลต่างๆ มากมายพากันเลี้ยงสัตว์อสูรชนิดนี้เอาไว้ เพราะว่ามันเป็สัตว์อสูรระดับสาม พลังการต่อสู้ของมันเทียบเท่านักยุทธ์เจ็ดดาว ความเร็วและความทรหดยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าอาชา ด้วยเหตุนี้จึงเป็ที่โปรดปรานของทุกผู้คน แต่มิเคยมีใครดำเนินค้นคว้าระบบวิธีการย่อยอาหารของสัตว์อสูรวิหคกระจอกขาว ยามนี้ได้ยินคำพูดของจ้านอู๋มิ่ง ทุกคนอดมิได้ที่จะมองนายน้อยที่มิโดดเด่นผู้นี้ด้วยสายตาที่แตกต่างจากเดิม
“วิเศษมาก อัศจรรย์จริงๆ…” จ้านชิงหลงดมยาในมือและมือที่เปื้อนอุจจาระสัตว์อสูรวิหคกระจอกสีขาว เขาได้กลิ่นััแห่งชีวิตในกลิ่นอายของอุจจาระสัตว์อสูรวิหคกระจอกขาว ััแห่งชีวิตชนิดนี้ใช้เตาหลอมโอสถก็ยังไม่แน่ว่าจะปรุงออกมาได้ นอกจากนักหลอมโอสถระดับขั้นสูงสุด เขาแปลกใจกับความคิดอันแปลกพิสดารของจ้านอู๋มิ่ง
“สรรพคุณของโอสถนี้สามารถดึงพลังแฝงออกมาเพิ่มศักยภาพของคนได้อย่างน้อยหนึ่งเท่าในเวลาอันสั้น ฤทธิ์โอสถอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะมีผลข้างเคียงอยู่บ้าง แต่เป็เื่ประเสริฐของนักยุทธ์จริงๆ ขอเพียงมีตำรับโอสถนี้อยู่ในมือ ตระกูลจ้านเราจะต้องผงาดขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอน มิ่งเอ๋อร์ เ้าสร้างผลงานชั้นยอดต่อตระกูลจ้านเรา ไม่รู้ว่าโอสถนี้มีชื่อว่าอะไร?” ผู้าุโใหญ่หัวเราะดังลั่นกล่าวขึ้น
“สรรพคุณเช่นนี้ มิสู้เรียกโอสถะเิเพลิงเถอะ” จ้านชิงหลงไม่คิดว่าจ้านอู๋มิ่งจะคิดชื่อที่ดีออกมาได้ เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือพลางชิงพูดขึ้นก่อน
“ประเสริฐ นี่ก็คือเม็ดโอสถะเิเพลิง สูตรเฉพาะของตระกูลจ้าน ชิงเผิง เ้าให้กำเนิดบุตรชายที่ประเสริฐคนหนึ่ง มิสามารถฝึกจิติญญาการต่อสู้แล้วจะเป็อย่างไร โอสถนี้สามารถเพิ่มสมรรถภาพการต่อสู้ของทุกคนได้อย่างเห็นได้ชัด ก็คือผลงานของทั้งตระกูล แต่ว่าเื่ในวันนี้ต้องจบลงที่นี่ ห้ามผู้ใดเผยแพร่ออกไป ตำรับโอสถนี้เป็ความลับของตระกูลจ้าน” จ้านเทียนสิงสรรเสริญจ้านอู๋มิ่งเสร็จ ก็หันมาพูดกับจ้านชิงหลงว่า “ชิงหลง เ้าในฐานะหัวหน้านักหลอมโอสถแห่งตระกูลจ้าน จากนี้ไปเ้าเป็ผู้ฝึกสอนมิ่งเอ๋อร์โดยตรง มิ่งเอ๋อร์สามารถเบิกวัตถุดิบในการหลอมยาภายในหอโอสถได้ไม่จำกัด ยามมิ่งเอ๋อร์เบิกเพียงรายงานตัวก็ใช้ได้แล้ว” จ้านเทียนเฉาปรบมือ
“แต่ว่า...แต่ยานี้เป็อุจจาระของสัตว์อสูรวิหคกระจอกสีขาวนะ” จ้านอู๋กั้วยังคงสับสนเื่ตนเองเพิ่งคว้าจับอุจจาระ คิดๆ แล้วก็รู้สึกคลื่นไส้
“อุจจาระแล้วอย่างไรล่ะ? กินก้อนอุจจาระแล้วรอดชีวิตได้ ไม่คุ้มหรอกหรือ?” คำพูดคำเดียวของจ้านเทียนเฉาดุจอสนีบาตฟาดใส่ทุกคนในเหตุการณ์ โดยเฉพาะเหล่าสตรีในตระกูลที่ไม่รู้ที่มาของโอสถะเิเพลิงนับว่ายังดีอยู่ เมื่อทราบว่ามันคือของที่สัตว์อสูรวิหคกระจอกขาวถ่ายออกมา คิดถึงในอนาคตจะต้องกินมัน ก็รู้สึกว่าขยะแขยงเหมือนกับกินแมลงวันก็มิปาน
มีเพียงจ้านอู๋มิ่งเท่านั้นที่มองทุกคนด้วยใบหน้าไร้เดียงสา แต่แอบหัวเราะอยู่ในใจ ทุกสิ่งกำลังดำเนินไปในทิศทางที่เขาคิดคำนวณพอดี การคิดค้นโอสถะเิเพลิงจะนำมาซึ่งความเคลื่อนไหวอย่างใหญ่หลวงในตระกูลจ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากนี้ไปหนุ่มน้อยเ้าสำราญผู้โง่เขลา ไม่มีความรู้และความสามารถในตอนแรก ก็จะได้รับความสนใจจากคนในตระกูลด้วยภาพลักษณ์ใหม่โดยสิ้นเชิง ทุกคนจะชื่นชมและเห็นคุณค่า
มีเพียงการได้รับการยอมรับจากคนในตระกูล ได้รับการอนุญาตจากท่านปู่และท่านพ่อเท่านั้น จ้านอู๋มิ่งจึงจะสามารถเข้าออกหอโอสถได้อย่างอิสรเสรี
การเข้าออกหอโอสถได้อย่างเสรี ควบคุมจัดสรรยาในหอโอสถได้ตามอำเภอใจ นี่จึงเป็เป้าหมายสุดท้ายสำหรับทุกสิ่งที่จ้านอู๋มิ่งทำไปทั้งหมด เพราะการฝึกฌานบ่มเพาะพลังลำดับต่อไปของจ้านอู๋มิ่ง้าการสนับสนุนด้านโอสถอย่างมากมายมหาศาล หอโอสถของตระกูลจึงเป็ทางเลือกที่ดีที่สุดของเขา
……
แคว้นในราชวงศ์ต้าเหยียน เก้ามณฑลและแปดหัวเมือง อาณาเขตดินแดนหลายหมื่นลี้ เมืองมู่เหย่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของราชวงศ์ต้าเหยียน ทางทิศตะวันตกติดกับป่าสัตว์อสูร ทางใต้ติดเมืองว่านเซี่ยง[1] ทางทิศเหนือประจันหน้าโหยวอวิ๋นต้าหวง[2] ทางตะวันออกคือจ้าวจวิ้น[3] และมองไปที่เมืองหลวงจากระยะไกล ถือว่าเป็แผ่นดินชายแดนของราชวงศ์ต้าเหยียน แต่ไม่ติดกับแคว้นอื่นใด จึงรอดพ้นห่างไกลจากความหายนะของคมหอกคมดาบ และเนื่องจากประจันหน้าแดนรกร้างอันอุดมสมบูรณ์อย่างใกล้ชิดและป่าสัตว์อสูรที่เป็ดั่งสมบัติทางธรรมชาติ ชิ้นส่วน์หรือสมบัติใต้ดินทุกชนิดในป่าสัตว์อสูร ทั้งหนังสัตว์อสูรตลอดจนผลึกสัตว์อสูร ทุกอย่างที่้าล้วนมีอย่างอุดมสมบูรณ์ โหยวอวิ๋นต้าหวงทางทิศเหนือยิ่งนับเป็์ของนักเสี่ยงโชค เมืองมู่เหย่จึงกลายเป็สุดปลายทางสำหรับนักเสี่ยงโชค ก่อนเข้าสู่แดนรกร้างทุรกันดาร ทุกๆ วันมีนักล่าและหน่วยทหารรับจ้างสัญจรไปๆ มาๆ มากกว่าประชากรที่อาศัยอยู่ถาวรในเมืองเสียอีก ดังนั้นกิจการการค้าของเมืองมู่เหย่จึงเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งเสมอมา
ตระกูลจ้านเป็หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองมู่เหย่ ดำเนินกิจการค้าขายในเมืองมู่เหย่ตลอดมาั้แ่สมัยบรรพบุรุษ อาศัยโหยวอวิ๋นต้าหวงที่เป็ดินแดนรกร้างแต่มีของล้ำค่ามากมายและแนวเทือกเขาสัตว์อสูรสร้างฐานะจนร่ำรวยมั่งคั่ง ในราชวงศ์ต้าเหยียนก็นับได้ว่ามีอำนาจอิทธิพลระดับหนึ่ง มีคนกล่าวว่าสินค้าจากสัตว์อสูรของราชวงศ์ต้าเหยียนมีจำนวนครึ่งหนึ่งมาจากเมืองมู่เหย่ และในเมืองมู่เหย่มีสินค้าจากสัตว์อสูรครึ่งหนึ่งผลิตโดยตระกูลจ้าน
ตระกูลเฉินแห่งมู่เหย่ ถนัดกิจการค้าอาวุธ อาวุธทางทหารที่สร้างขึ้นมีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งนักทั่วทั้งแคว้นของราชวงศ์ต้าเหยียน อาวุธในกองทัพทหารแห่งราชวงศ์ต้าเหยียนมีครึ่งหนึ่งมาจากตระกูลเฉินในเมืองมู่เหย่ ศักดิ์ฐานะในเมืองมู่เหย่ของพวกเขาไม่มีผู้ใดสามารถแทนที่ได้
ตระกูลหลงแห่งมู่เหย่ ดำเนินธุรกิจหลักของแดนรกร้าง กลุ่มทหารรับจ้างจากทั่วสารทิศล้วนมีการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับตระกูลหลง ตระกูลหลงรวบรวมของล้ำค่าทางธรรมชาติทุกชนิดจากโหยวอวิ๋นต้าหวง จำหน่ายให้กับทั่วทั้งแคว้นของมหาจักรพรรดิชางเหยียน อิทธิพลสั่นะเืไม่เพียงแค่ราชวงศ์ต้าเหยียน ตระกูลหลงยังมีสุดยอดปรมาจารย์นักหลอมโอสถระดับห้าท่านหนึ่ง มีศักดิ์ฐานะสูงส่งยิ่งนักในราชวงศ์ต้าเหยียน
ตระกูลจี้แห่งมู่เหย่ ขอเพียงเป็กิจการที่สามารถสร้างเงินทองล้วนกระทำ ั้แ่ภัตตาคารจนถึงหอคณิกา ั้แ่ร้านยาจนถึงร้านตั๋วแลกเงิน ทุกหนทุกแห่งล้วนมีคนของตระกูลจี้ ในแคว้นราชวงศ์ต้าเหยียน ร้านตั๋วแลกเงินตระกูลจี้ชื่อเสียงความน่าเชื่อถือดียิ่ง จนแทบจะถ้วนทั่วทุกเมืองและทุกอำเภอในแคว้นราชวงศ์ต้าเหยียนเลยทีเดียว
ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ผงาดอย่างมั่นคงในเมืองมู่เหย่ แต่ละตระกูลก็มีการกระทบกระทั่งกันบ้าง แน่นอนว่าหากกล่าวถึงทั้งแคว้นราชวงศ์ต้าเหยียนแล้ว ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ในเมืองมู่เหย่เป็เพียงตระกูลระดับสองเท่านั้น ห่างไกลกับเมืองหลวงมากนัก อิทธิพลที่กระทบกระเทือนต่อราชวงศ์ค่อนข้างจำกัด
แต่ทว่าความสมดุลชนิดนี้ ในที่สุดยังคงถูกทำลายลงแล้ว หอโอสถตระกูลจ้านพลันเปิดตัวเม็ดโอสถวิเศษชนิดหนึ่งออกวางขาย——โอสถะเิเพลิง สรรพคุณสามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ของผู้ที่พลังต่ำกว่าระดับปรมาจารย์ได้ถึงสามสิบส่วนในระยะเวลาอันสั้น เพิ่มพลังการต่อสู้ของยอดยุทธ์ระดับปรมาจารย์ได้ถึงสิบส่วน ทำให้ชาวยุทธ์ทุกคนล้วนคลั่งไคล้ขึ้นมา อำนาจอิทธิพลของตระกูลจ้านเพิ่มพูน ทั้งราชวงศ์ต้าเหยียน ตลอดจนกลุ่มอำนาจนอกราชวงศ์ก็เคลื่อนไหวขึ้นมาด้วยสาเหตุนี้เช่นกัน คิดเรียกร้อง้าสูตรตำรับโอสถ ขอเพียงเป็คนที่มีมันสมองเพียงเล็กน้อยต่างล้วนทราบว่า เม็ดโอสถชนิดนี้เป็ของวิเศษที่ประเมินค่ามิได้อย่างแน่นอน ยานี้สำหรับกลุ่มอำนาจสุดแข็งแกร่งบนแผ่นดินใหญ่ไม่มีคุณค่าให้ควรเอ่ยถึง เพราะการฝึกฌานบ่มเพาะพลังของพวกเขาล้วนอยู่เหนือระดับปรมาจารย์ขึ้นไปทั้งสิ้น แต่จะมีผลกระทบกระเทือนอย่างมากต่อาระหว่างราชวงศ์ต่างๆ
ราชวงศ์ต้าเหยียนมีคำสั่งให้ราชทูตมาเยือนตระกูลจ้านโดยตรงด้วยตนเอง เป้าหมายชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว ขณะเดียวกันก็มีกองกำลังแปลกหน้าปรากฏขึ้นในเมืองมู่เหย่ การกระทำลับๆ ล่อๆ ของผู้คนทั้งหมดที่มาล้วนสืบเนื่องจากโอสถตัวใหม่ของตระกูลจ้านทั้งสิ้น ตระกูลจ้านผงาดโดดเด่นเป็หนึ่ง ไม่มีสองขึ้นมาทันใด
สิ่งเหล่านี้จ้านอู๋มิ่งมิสนใจ ไม่ว่าจะเป็คนตระกูลจ้านทำให้สรรพคุณโอสถเจือจางลงหรือว่าราชวงศ์ต้าเหยียนมีคำสั่งให้ราชทูตมาเยือนด้วยตนเอง ทั้งหมดทั้งปวงนั่นล้วนเป็สิ่งที่บรรดาผู้าุโจำเป็ต้องไปจัดการและเขากำลังตั้งอกตั้งใจหลอมโอสถเจ็ดดาราผลัดเปลี่ยนกายา
[1] หมื่นคชสาร
[2] แดนรกร้างเมฆดำ
[3] รัฐโบราณ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้