หนิงอ้ายปลดผ้าคลุมที่ปกปิดออกเผยให้เห็นใบหน้างดงามประหนึ่งนางเซียนในเื่เล่า สิ่งที่ปรากฏให้เห็นอยู่ตรงหน้าของทุกคนราวกับว่ามีมนต์สะกดบางอย่างที่ทำให้ทุกสิ่งในรอบตัวหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ความงดงามเช่นนี้เพียงแค่ได้มองก็ทำให้ผู้คนต่างลุ่มหลงไม่อาจละสายตา ความงามของหนิงอ้ายได้ฉายชัดเหมาะสมไปตาม่วัยอายุสิบห้าปีที่ว่ากันว่าเป็่ผันผ่านเข้าสู่การเป็ผู้ใหญ่ หากคิดว่าใบหน้ายามเด็กนั้นฉายแววความงดงามน่าเอ็นดููแล้ว เเต่ในตอนนี้ยิ่งปรากฏเค้าโครงความงดงามกว่าเดิมหลายเท่ายิ่ง ใบหน้ายาวเรียวรูปไข่รับกับคิ้วที่เรียงเส้นโก่งดั่งคันศรสีปีกกาส่งเสริมให้ดวงตากลมโตเปล่งประกายสดใส
ผิวกายของหนิงอ้ายกระจ่างใสไร้ซึ่งมลทินใดทั้งสิ้น นอกจากนั้นแล้วกลิ่นอายของร่างบางที่แผ่ออกมาให้ความรู้สึกสูงศักดิ์ไม่ธรรมดาสามัญ ดวงตาเรียวงามสีฟ้าราวกับอัญมณีล้ำค่าที่ดึงดูดสายตาแก่ผู้พบเห็นได้โดยง่าย เมื่อพินิจเลื่อนลงมาก็จะพบริมฝีปากที่บางเรียวเป็รูปกระจับสีชมพูระเรื่อน่าหลงไหล เส้นผมสีขาวเงินที่ถูกปล่อยยาวสยายไปกลางหลังนั่นยิ่งทำให้ััได้ว่าเป็ความงามที่ไม่มีจริงในโลกใบนี้
ทางฝั่งของหวังจิ่งหลงกับเหมยฮวาเมื่อหายใกับภาพของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าพลันรู้สึกภูมิใจไม่น้อยที่ตนมีหลายชายที่หน้าตางดงามเช่นนี้ ขณะเดียวกันที่หวังจิ่งลงกำลังคิดว่าตนควรที่จะไว้หนวดเคราเสียเเต่ตอนนี้จะดีหรือไม่? เพราะหน้าตาของหลานตนงดงามจนเกินไปในอนาคตต้องมีเื่การส่งเทียบเชิญสู่ขอเข้ามาวุ่นวายตระกูลหวังอย่างแน่นอน
''ซินเอ๋อร์ เหตุใดหนิงอ้ายจึงมีสีของเส้นผมที่เเปลกตาเช่นนี้ได้เล่า?''
''กล่องสมบัติท่านบรรพบุรุษที่ท่านพ่อมอบให้แก่ข้าเพื่อส่งมอบให้แก่หนิงเอ๋อร์ในวันที่เหมาะสม ภายในนั้นมีโอสถทิพย์ หยกวิชาตระกูลหวังฉบับจริงสองสามเคล็ดวิชา เครื่องรางจี้หยกป้องกันและมีกระดูกิญญาของ 'อสรพิษเหมันต์า'ที่หนิงเอ๋อร์ได้ดูดซับประสานเข้ากับร่างกายไป ด้วยเพราะกระดูกิญญาชิ้นนี้มีอายุถึงล้านปีจึงทำให้รูปลักษณ์ภายนอกเปลี่ยนไปเช่นนี้เ้าค่ะ...'' เยว่ซินตอบกลับหวังจิ่งหลงไป
''ไม่คาดคิดว่ากระดูกิญญาชิ้นนั้นจะมีอายุล้านปีเยี่ยงนี้ การดูดซับประสานข้ามขั้นเกินระดับพลังิญญานี้หลานรู้สึกผิดปกติตรงที่ใดบ้างหรือไม่?'' หวังจิ่งหลงถามหนิงอ้ายด้วยความเป็ห่วง
''ข้าไม่ได้รู้สึกผิดปกติตรงที่ใดเลยขอรับด้วยเพราะอสรพิษเหมันต์า เป็ถึงสัตว์าชั้นสูงดั่งาาแห่งพิษทั้งปวง ดังนั้นจึงส่งผลให้ปราณธาตุน้ำของข้าแฝงไปด้วยปราณธาตุพิษเช่นกันขอรับ”
“นอกจากนั้นแล้วกระดูกิญญาชิ้นนี้ยังแปรเปลี่ยนเป็ิญญายุทธ์ที่สามให้แก่ข้า และส่งผลให้อายุของกระดูกิญญาที่ข้าได้ดูดซับในทุกิญญายุทธิ์จะเพิ่มขึ้นตามขีดจำกัดสูงสุดที่ร่างกายของข้าสามารถรองรับได้ หรือกล่าวได้ว่ากระดูกิญญาของทุกชิ้นในร่างกายของข้าล้วนสามารถพัฒนาได้ไม่จบสิ้นคงไม่เกินจริงไปนัก...” เมื่อหนิงอ้ายพูดจบต่างสร้างความตื่นตะลึงเป็อย่างมาก
''…''
''…''
''…''
“ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง ไม่คิดว่ากระดูกิญญาจะสามารถแปรเปลี่ยนเป็ิญญายุทธ์และพัฒนาอายุของกระดูกิญญาส่วนอื่นที่ร่างกายได้ดูดซับตามขีดจำกัดสูงสุดที่ระดับพลังิญญาสามารถรองรับได้เช่นนี้ สมกับเป็กระดูกิญญาของสัตว์อสูรระดับาอายุล้านปีเสียจริง!!” หวังจิ่งหลงเอ่ยขึ้นด้วยความชื่นชม ไม่คาดคิดว่ากระดูกิญญาชิ้นนี้ที่ได้รับการสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่นตลอดหลายร้อยปี จะมากไปด้วยความลึกล้ำพิศดารยิ่ง
''หลานบอกว่ากระดูกิญญาชิ้นนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็ิญญายุทธ์ที่สาม นั่นย่อมหมายความว่าเ้าเป็ผู้ใช้ราชทินนามผู้ใช้ิญญายุทธ์มากกว่าหนึ่ง อย่างไรรบกวนเ้าแสดงให้ตาเห็นิญญายุทธ์ทั้งสามของหลานได้หรือไม่?''
''ได้ขอรับ...''
“ิญญายุทธ์แรกของข้าเป็ปราณสุริยะธาตุอย่างที่ท่านตาทราบ...”
ิญญายุทธ์ปักษา์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ จงสถิตร่าง!!
วูบ!
“ิญญายุทธ์ปักษา์เพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็เปลวเพลิงแห่งชีวิตและการทำลายล้างที่ปราณธาตุน้ำทั่วไปไม่อาจดับเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ นอกจากนั้นแล้วเพลิงนี้ยังสามารถเพิ่มพูนและดูดกลืนพลังชีวิตได้เช่นกันขอรับ...”
หนิงอ้ายยกมือประสานขึ้นพร้อมกับปล่อยพลังลมปราณระดับจักรพรรดิิญญาออกมา หมอกควันสีแดงทองผนึกขึ้นเป็ปีกปักษาเพลิงขนาดใหญ่ตรงด้านหลัง กลิ่นอายความเข้มข้นของชีวิตแผ่ซ่านกำจายอหังการทำให้ห้วงอากาศบริเวณนั้นสั่นะเือย่างรุนแรง โลหิตในกายของหวังจิ่งหลงพลันสั่นสะท้านอย่างรุนแรงคล้ายว่ามีสิ่งใดปลุกกระตุ้น กระแสเพลิงศักดิ์สิทธิ์ลึกลับพิศดารนี้ะเิแผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วทั้งจวนตระกูลหวัง ผู้าุโระดับสูงในตระกูลรวมไปถึงลูกหลานตระกูลหวังที่มีสายเืเข้มข้นมากกว่าสามส่วนต่างรู้สึกได้ถึงแรงกระตุ้นนี้ทั้งสิ้น บางคนถึงกับเสียอาการไปเลยทีเดียว
“สำหรับิญญายุทธ์ที่สองของข้าเป็ปราณธาตุน้ำสายโจมตี...”
ิญญายุทธ์พัดหยกห้าเซียนวิถีเร้นลับ จงสถิตร่าง!!
วูบ!
สิ้นเสียงของหนิงอ้ายปรากฏเป็เสาแสงพลังปราณธาตุน้ำบริสุทธิ์ยิ่งยวดที่เข้มข้นหนาแน่นกว่าผู้ฝึกตนปราณธาตุน้ำทั่วไป รัศมีแสงสีน้ำเงินขาวลอยฟุ้งผลึกเป็มีดเล่มเล็กจำนวนทั้งหมดหกเล่ม ก่อนที่จะสลายกลายเป็พัดหยกสีน้ำเงินเขียวลวดลายงดงามลอยค้างอยู่เหนือมือของหนิงอ้ายให้ความรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายเป็คุณชายเ้าสำราญยิ่ง
“ิญญายุทธ์พัดหยกห้าเซียนวิถีเร้นลับของข้าเป็ปราณธาตุน้ำที่มีความเข้มข้นระดับสูงสุดที่แฝงด้วยปราณธาตุลมอันแข็งแกร่ง นอกจากนี้แล้วพัดหยกห้าเซียนวิถีเร้นลับยังสามารถแบ่งออกเป็มีดบินที่สามารถเพิ่มขึ้นตามพลังิญญาของข้าได้สูงสุดถึงเก้าเล่มเลยทีเดียว...”
“และิญญายุทธ์ที่สามของข้า อันเกิดจากกระดูกิญญาของอสรพิษเหมันต์า แน่นอนว่าย่อมเป็ิญญายุทธ์ปราณธาตุพิษขอรับ...”
ิญญายุทธ์จักรพรรดิหมื่นพิษปลิดิญญา จงสถิตร่าง!!
วูบ!
รัศมีแสงสีม่วงดำประกายพวยพุ่งเป็เสาแสงระยิบระยับ กลิ่นคาวเลี่ยนของพิษอันเข้มข้นกระจายไปทั่วทั้งบริเวณ แรงสะกดข่มะเิพรวดออกมาอหังการทาบทับจนไม่สามารถขยับตัวได้ คลื่นกระเพื่อมหนาแน่นสะท้านะเืสี่ทิศแปดทางใส่ห้วงอากาศสลายมอดไหม้ ก่อนที่เพียงชั่วครู่หนิงอ้ายจะสลายไปในที่สุด
“ิญญายุทธ์จักรพรรดิหมื่นพิษปลิดิญญา เป็ปราณธาตุพิษที่มีความเข้มข้นระดับสูงสุดตามทำเนียบ ร่างกายของข้าสามารถต้านทานพิษในทุกรูปแบบทุกชนิด อีกทั้งโลหิตของข้าหากกล่าวว่าเป็โอสถทิพย์ที่สามารถแก้พิษได้ทั้งปวงคงไม่เกินจริงไปนักเช่นกันขอรับ...”
แปะ! แปะ! แปะ!
''ยอดเยี่ยมยิ่งหลานของตา!!'' หวังจิ่งหลงเอ่ยขึ้นพร้อมกับปรบมือชื่นชม ไม่คาดคิดว่าหลานชายของเขาคนนี้จะถึงสามิญญายุทธ์ที่หลากหลายและโดดเด่นเช่นนี้
ิญญายุทธ์ทั้งสามปราณธาตุของหนิงอ้ายกล่าวได้ว่ามะรรมดาสามัญอย่างแท้จริง ในอดีตท่านบรรพชนตระกูลหวังก็เป็ผู้ฝึกตนที่มีิญญายุทธ์มากกว่าหนึ่งเช่นกัน การที่หนิงอ้ายสามารถปลุกพลังิญญายุทธ์ปราณสุริยะธาตุได้นั้นย่อมหมายความว่าอีกฝ่ายมีความเข้มข้นของสายเืต้นกำเนิดตระกูลหวัง หากคาดเดาไม่ผิดคงมากกว่าสักสี่สักห้าส่วนเป็อย่างน้อย แรงกระตุ้นจากสายโลหิตเมื่อครู่ เป้นดั่งสัญญาณให้รู้ได้ว่าในสักวันหนึ่งตระกูลหวังย่อมสามารถหวนคืนสู่มาตุภูมิต้นตระกูลดั้งเดิมได้อย่างแน่นอน...
การเพิ่มรายชื่อของหนิงอ้ายกับลู่ซีเข้าเเผนผังตระกูลหวังสายหลัก ด้วยระยะเวลากระชั้นชิดเช่นนี้คงไม่อาจเตรียมงานได้โดยง่าย ด้วยเพราะพิธีดังกล่าวเป็พิธีที่ศักดิ์สิทธิ์เป็อย่างมากและต้องใช้เวลาจัดเตรียมพิธีการนี้อยู่ไม่น้อย หวังจิ่งหลงในฐานะของประมุขตระกูลหวังสายหลัก จึงตัดสินใจว่าหลังจบงานประลองระหว่างแคว้นสิ้นสุดลงแล้วค่อยกำหนดพิธีการนี้อีกครั้งเป็วาระสำคัญของตระกูล
หวังจิ่งหลง หรือประมุขตระกูลหวังแห่งแคว้นเต่าดำนับได้ว่าเป็ผู้ฝึกตนราชทินนามราชันิญญาสายโจมตีระดับที่ 59 ฐานะตำแหน่งความสามารถที่ไม่ธรรมดาประจักษ์แก่แวดวงของผู้ฝึกตนทั่วทั้งมหาทวีป และได้รับการยอมรับว่าหวังจิ่งหลงเป็หนึ่งในยี่สิบผู้นำตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลอยู่ในมือน่าหวั่นเกรงไม่แพ้ผู้ใด ด้วยระดับพลังิญญาราชันิญญาขั้นสูงที่อีกเพียงไม่นานย่อมทะละถึงเขตขั้นเทพยุทธ์ิญญาเขตขั้นที่มีเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้นที่ก้าวถึง
ที่ว่ากันว่ามีน้อยผู้ฝึกตนนักที่ถึงระดับดังกล่าวเพราะต้องใช้เวลาการฝึกตนดูดซับลมปราณฟ้าดินหลายร้อยปี อีกทั้งต้องใช้ทรัพยากรระดับสูงอีกเป็จำนวนจำนวนมหาศาล ด้วยเหตุนี้ผู้ฝึกตนที่เพียบพร้อมไปด้วยพลังลมปราณระดับเทพยุทธ์ิญญานี้จึงมักจะละทิ้งทางโลกไม่ข้องเกี่ยวกับเื่ราวในยุทธภพ โดยสนใจเพียงมุ่งฝึกตนบำเพ็ญเพียรโดยว่ากันว่าเป็หนทางไปสู่พลังิญญาระดับเทพ์ิญญา ตัวตนที่ไม่ปรากฏอยู่ในการรับรู้ของมหาทวีปนี้นับร้อยนับพันปีที่ผ่านมา…
''ที่ผ่านมาหลานทั้งสองได้ศึกษาบทเวทย์ใดกันบ้างรึ?''
''ข้าศึกษาบทเวทย์ที่เน้นการป้องกันและการโจมตีไว้เป็เวทย์ประจำตัวสองถึงสามบทเวทย์ แม้จะปลุกพลังิญญามาหลายปีเเต่ข้าพึ่งได้ศึกษาจริงจังใน่ปีที่ผ่านมานี้เองขอรับ...'' ลู่ซีเอ่ยตอบไปเป็คนเเรก
''สำหรับข้าหลังจากศึกษาเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาและเคล็ดวิชาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้เเล้ว ข้าได้ศึกษาบทเวทย์ป้องกันและบทเวทย์โจมตีจนมีเวทย์ประจำตัวอยู่บ้างสองสามบทเวทย์เช่นกันขอรับ...''
''ไม่เลว ไม่เลวเลยทีเดียว อย่างไรให้ตาช่วยสอนพวกเ้าดีหรือไม่? เพราะตายังมีอีกหลายบทเวทย์ระดับสูงที่อาจเป็ประโยชน์แก่พวกเ้าทั้งสองคนได้...'' หวังจิ่งหลงเอ่ยขึ้น
''พวกข้าเกรงใจท่านตาขอรับ...'' หนิงอ้ายกับลู่ซีเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
''หลานทั้งสองต่างขึ้นชื่อว่าเป็คนตระกูลหวัง อีกทั้งยังเป็หลานของตากับยายเช่นนี้แล้ว ยิ่งสมควรที่พวกเ้าต้องเรียนรู้กับท่านตาของพวกเ้า สิ่งเหล่านี้ย่อมหล่อหลอมเพิ่มพูนความสามารถให้เพิ่มากขึ้นยิ่งนัก เข้าใจหรือไม่?'' เหมยฮวาเอ่ยเสริมขึ้น
''แต่ว่า...''
''มารดาว่าพวกเ้าทั้งสองไม่ควรปฏิเสธในเื่นี้ ท่านตาของพวกเ้าเก่งกาจในเื่บทเวทย์และมากไปด้วยฝีมืออย่างแท้จริง หากพวกเ้าได้เรียนรู้โดยตรงนอกเหนือจากในตำราเพียงอย่างเดียวแล้ว ย่อมเข้าถึงหัวใจหลักในยามบัญชาการเช่นกัน...''
เยว่ซินที่พอคาดเดาได้ถึงความลำบากใจของลู่ซี นางจึงเอ่ยเสริมไปว่า ''เ้าถือว่าเป็คนสกุลหวังแล้ว จงอย่าได้มีความเกรงใจและด้อยค่าตนเองอีกเลย เ้ามีสิทธิ์ศึกษาเรียนรู้เคล็ดวิชาของตระกูลหวังของเราทั้งสิ้น เข้าใจหรือไม่?'' เยว่ซินเอ่ยแจ้งอีกครั้ง
''ขอรับฮู...เอ่อ ท่านแม่'' ลู่ซีพยักหน้ายอมรับในที่สุด
''เช่นนั้นพวกข้าทั้งสองต้องรบกวนท่านตาหลังจากนี้อีกมากขอรับ...''
''ฮ่าฮ่าฮ่า ตาของเ้าผู้นี้ล้วนเต็มใจเป็อย่างมาก เอาหล่ะ! อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะถึงงานประลองระหว่างแคว้นแล้ว ซึ่งในปีนี้สถานที่จัดงานได้เวียนมาสู่แคว้นเต่าดำของพวกเรารับเป็เ้าภาพอีกครั้ง และกว่าจะถึงวันประลองตาคาดการณ์ว่าเ้าทั้งสองคงได้ฝึกฝนไปไม่น้อยเป็แน่...'' หวังจิ่งหลงหัวเราะออกมาด้วยความสุขใจ
หนิงอ้ายเฝ้ารอที่จะถึงวันรุ่งขึ้นเพื่อที่จะได้ศึกษาบทเวทย์ระดับสูงโดยตรงกับหวังจิ่งหลงหรือท่านตาของเขา สิ่งนี้หนิงอ้ายมองว่าเป็เื่ราวที่ดีมาก เพราะในก่อนหน้าเขาได้มีการศึกษาบทเวทย์ต่าง ๆ ด้วยตนเองถึงจะโชคดีที่สามารถเรียนรู้จดจำบทเวทย์ต่าง ๆ ได้อย่างไม่ง่ายนักก็จริง เเต่ว่าหากมีผู้เชี่ยวชาญสั่งสอนบอกเคล็ดลับเล็กน้อยแล้ว ย่อมทำให้ทุกอย่างนั้นง่ายดายกว่าเดิมหลายเท่า เพราะแม้ว่าบทเวทย์ที่ศึกษาจะเป็บทเดียวกันก็จริง ทว่าผลลัพธ์ของบทเวทย์ย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับประสบการ์ณ ระดับพลังิญญารวมไปถึงวิธีการร่ายบทเวทย์ที่เฉพาะจึงจะสามารถดึงเอาศักยภาพสูงสุดของบทเวทย์ดังกล่าวได้
หลังจากพูดคุยกันในเื่ราวต่าง ๆ ไปจนถึงยามโหย่วแล้ว ลู่ซีกับหนิงอ้ายต่างถูกบ่าวรับใช้ของจวนตระกุลหวังพาไปพักยังเรือนพักรับรองที่อยู่ทางเรือนปีกซ้ายมือของเรือนหลัก ต้องบอกว่าแม้ฐานะของลู่ซีจะเปลี่ยนเป็บุตรบุญธรรมของเยว่ซิน หรือเด็กหนุ่มมีศักดิ์เป็พี่ชายของหนิงอ้ายก็จริงเเต่ตัวคนนั้นไม่เคยลืมตัวตนว่ามาจากที่ใด เพราะอย่างไรแล้วลู่ซียังคงรับดูแลจัดเตรียมสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แก่หนิงอ้ายเสมอด้วยเพราะคุ้นเคยกันั้แ่อายุยังน้อย สำหรับงานหนักส่วนอื่นอีกฝ่ายก็จะสั่งการให้บ่าวรับใช้เข้ามาจัดเตรียมทำให้หนิงอ้ายตามปกติเช่นเดิม
''ลูเกอ ข้าอยากให้ถึงวันรุ่งขึ้นเร็ว ๆ แล้วขอรับ'' หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น
''เกอก็ตื่นเต้นเหมือนกัน ท่านตาหวังจิ่งหลงได้ขึ้นเป็ประมุขตระกูลหวังตั้งเเต่อายุยังน้อย เเต่ด้วยเพราะมากไปด้วยสามารถจึงจัดการทุกสิ่งอย่างได้สมบูรณ์ อีกทั้งยังใช้เวลาพิสูจน์ตนว่าเหมาะสมกับตำแหน่งประมุขตระกูลหวังในเวลาไม่ถึงห้าเพียงเท่านั้น...'' ลู่ซีเอ่ยตอบไปด้วยน้ำเสียงที่ทั้งเคารพนับถือ
''นี่จึงเป็อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ตระกูลหวังยังคงยืนหยัดเป็หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำมาอย่างยาวนานสืบทอดกันรุ่นสู่รุ่น...''
''สำหรับท่านยายเหมยฮวาแล้ว แม้ท่านจะไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงของแคว้น ภูมิหลังท่านเกิดจากครอบครัวขุนนางน้ำดีสกุลหนึ่งที่เคยถูกโจรป่าปล้นฆ่าสังหาร เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้บิดามารดาและน้องชายเพียงคนเดียวของท่านยายได้ตายตกไปสิ้นเหลือเพียงคนเดียวในตระกูลซ่ง..."
"ครั้นเมื่อท่านยายได้ตกลงปลงใจตบแต่งกับท่านตาเข้าตระกูลหวังสายหลัก ผู้าุโของตระกูลหวังต่างคัดค้านเป็อย่างมากด้วยเพราะท่านยายไม่ได้มีตระกูลใหญ่คอยหนุนหลังอีกทั้งเป็ตระกูลรองเสียด้วยซ้ำ เเต่สุดท้ายท่านตาและท่านยายต่างคอยจับมือกันฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ จนมีวันนี้ได้...'' ลู่ซีนั้นเอ่ยให้หนิงอ้ายได้ฟังด้วยความภาคภูมิใจ
หนิงอ้ายกับลู่ซียังคงพูดคุยกันอีกเล็กน้อย ก่อนที่ลู่ซีจะบอกกับเด็กหนุ่มว่าสมควรแก่การพักผ่อนเสียที เพราะวันนี้พวกเขาต่างใช้เวลาเดินทางมาเกือบทั้งวัน โดยเฉพาะกับหนิงอ้ายที่มีการต่อสู้กับนักฆ่าก่อนหน้า หนิงอ้ายที่รับรู้ถึงความหวังดีของอีกฝ่ายจึงรับคำอย่างแข็งขัน ก่อนที่ลู่ซีจะแยกตัวกลับเรือนพักอีกหลังที่อยู่ไม่ห่างไปนักด้านข้างกัน
นี่ถือว่าเป็ครั้งเเรกของหนิงอ้ายกับการเดินทางมายังตระกูลหวังที่แคว้นเต่าดำอันเป็ครอบครัวทางฝั่งมารดา แม้จะเกิดความรู้สึกไม่คุ้นชินเล็กน้อย ทว่าในใจกลับััได้ถึงความสงบปลอดภัยราวกลับว่าอยู่ในอ้อมกอดที่เเข็งแกร่งอบอุ่น อย่างไรก็ตามหนิงอ้ายยังคงใช้วิหคสอดแนมเพื่อสังเกตการณ์โดยรอบพื้นที่ของจวนตระกูลหวังเพื่อป้องกันสิ่งที่ไม่คาดคิดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เรียกได้ว่าเป็การตอบสนองตามสัญชาติญาณอาชีพนักฆ่าของตนในโลกเดิมเสียมากกว่า
การเดินทางจากแคว้นหงส์เเดงมายังแคว้นเต่าดำ แม้ว่าเส้นทางสามารถกล่าวได้ว่าไม่ลำบากสักเท่าไหร่นัก เเต่ก็ทำให้เขาที่ไม่เคยนั่งรถม้ามาก่อนพลันรู้สึกเมื่อยล้าทั้งตัวอยู่บ้าง อีกทั้งระหว่างทางได้มีกลุ่มนักฆ่ารับจ้างโดยหวังเอาชีวิตของเขาและทุกคนที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ แม้จะไม่เกิดการต่อสู้ด้วยความรุนแรงด้วยเพราะหนิงอ้ายเลือกทดสอบทักษะิญญาจากปราณธาตุพิษของตนที่พึ่งถูกกระตุ้นตื่นขึ้น เเต่เพราะยังไม่คุ้นชินจึงทำเอาเขาเสียพลังปราณไปไม่น้อย ยังดีที่หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นขณะที่นั่งรถม้าเดินทางมุ่งตรงมายังแคว้นเต่าดำ เขาได้ทำการดูดซับพลังปราณฟ้าดินเข้าไปทดแทนจึงพอช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวนี้ได้เป็อย่างมากเลยทีเดียว...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้