“เสี่ยวหลิง อันตราย!” ดวงตาของหลิวจือโม่เบิกกว้างโดยไม่รู้ตัว เขาะโเสียงดัง เสี้ยววินาทีนี้เขารู้สึกว่าหัวใจแทบจะหยุดเต้น
่เวลาแห่งชีวิตและความตาย...
หลี่ชิงหลิงโยนตัวเองไปด้านข้างอย่างว่องไว กลิ้งบนพื้นหลบเลี่ยงการกระโจนที่รุนแรงของหมี
นางไม่ได้ให้โอกาสมันตอบโต้ นางดึงลูกธนูออกมาทีละดอก ยิงเข้าจุดสำคัญอย่างสุดกำลัง
หมีดิ้นรนอยู่สองครั้ง แต่สุดท้ายก็ล้มลง
หลี่ชิงหลิงนั่งลงบนพื้นและหายใจหอบ มือของนางสั่นเทา
ถ้าไม่ตอบสนองอย่างรวดเร็วละก็ ป่านนี้นางคงถูกหมีจัดการไปแล้ว
อันตรายจริงๆ
หลิวจือโม่วิ่งเข้ามา ดึงหลี่ชิงหลิงให้ลุกขึ้น กวาดมองขึ้นลง แล้วถามว่านางาเ็ตรงไหนไหม?
ตอนนี้หัวใจของเขากำลังจะหยุดเต้น เขากลัวมากจริงๆ
หลี่ชิงหลิงเช็ดเืของหมีบนหน้า และยิ้มให้หลิวจือโม่ บอกว่าตัวเองสบายดี ไม่ต้องเป็ห่วง
มือของเขาสั่นยิ่งกว่ามือของนาง ดูเหมือนว่าเมื่อครู่จะทำให้เขาใมาก
เมื่อเห็นว่าเด็กสาวสบายดีจริงๆ หลิวจือโม่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก "คราวหน้าอย่าประมาทอีกนะ เข้าใจไหม" ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับนาง เขาจะบอกท่านป้าอย่างไร
"เข้าใจแล้ว" หลี่ชิงหลิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง อันตรายครั้งนี้ทำให้นางตระหนักมากขึ้นว่าในป่าในเขา หากไม่ระวังก็อาจตายได้ทุกเมื่อ
นางชำเลืองดูเสือที่ตายอยู่ข้างๆ มันตายด้วยตาเบิกกว้าง มองไปยังทิศทางหนึ่งด้วยความโหยหา เหมือนมีบางอย่างที่ปล่อยวางไม่ได้
นางนึกถึงบางอย่าง ขยับเท้าเดินไปทางนั้นทันที เมื่อเดินไปก็เห็นลูกเสือตัวน้อยที่เพิ่งคลอดไม่นานตัวหนึ่งอยู่ในพงหญ้า
คงจะเป็กลิ่นที่เสือปล่อยออกมาตอนคลอดลูกที่ดึงดูดหมี
เสือโคร่งทำได้เพียงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องลูกๆ ของมัน
หลี่ชิงหลิงรู้สึกซาบซึ้งกับแม่เสือตัวนี้ นางค่อยๆ อุ้มลูกเสือซึ่งกำลังดมกลิ่นและสูดอากาศรอบๆ
“ลูกเสือ?” หลิวจือโม่มาเห็นเข้าก็กะพริบตาด้วยความประหลาดใจ “เ้าจะจัดการเสือน้อยตัวนี้ยังไง” ดูจากท่าทางแล้ว นางไม่น่าทำร้ายเสือน้อยที่สูญเสียแม่ไปั้แ่ยังเด็ก
เขาเข้าใจนางดี
หลี่ชิงหลิงถอนหายใจอย่างเป็กังวล "ถ้าทิ้งไว้ไม่สน มันอาจจะอยู่ไม่ถึงวันพรุ่งนี้" ปล่อยให้นางเฝ้าดูเสือน้อยตัวนี้ตาย นางทำไม่ได้ แต่ถ้านางพามันกลับบ้านก็จะเป็ปัญหาอีก
นาง... ลังเลมาก!
หลิวจือโม่ขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ช่วยหลี่ชิงหลิงตัดสินใจ แนะนำให้นางเอาลูกเสือกลับไปเลี้ยงที่บ้านของเขา ไว้โตขึ้นแล้วปล่อยมันกลับคืนสู่ป่า
เขารู้ว่านาง้าแบบนี้ แต่เพราะเป็กังวลจึงลังเล
เมื่อได้ยินคำแนะนำของเขา หลี่ชิงหลิงก็พยักหน้า อุ้มลูกไปตรงหน้าแม่เสืออย่างระมัดระวัง บอกกับแม่เสือ "ไม่ต้องห่วง ข้าจะดูแลมันอย่างดี จนกว่ามันจะดูแลตัวเองได้"
หลังจากพูดจบ นางก็เอื้อมมือไปปิดตาเสือ
ไม่รู้ทำไม นางถึงรู้สึกเ็ปใจเหลือเกิน
หลิวจือโม่ลูบหัวของนางเบาๆ ปลอบโยนอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ
หลี่ชิงหลิงหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความเ็ปในใจ จากนั้นวางลูกเสือไว้ข้างแม่เสือ ปล่อยให้ลูกของมันกินนม
จากนั้นนางก็ไปตัดฝ่าเท้าของหมี อุ้งเท้าหมีทั้งสี่นี้มีค่ามาก คาดว่าน่าจะขายได้ราคาดี
"พี่จือโม่ ขุดหลุมที่นี่แล้วฝังหมีกับเสือกัน” หลี่ชิงหลิงเริ่มขุดหลุมในขณะที่พูด
เด็กสาวประทับใจในความรักของแม่เสือที่มีต่อลูก นางไม่้าขายมันเพื่อเงิน นางอยากปล่อยให้มันอยู่อย่างสงบ!
หลิวจือโม่ตอบ วางตะกร้าลงและไปช่วยหลี่ชิงหลิงขุดหลุม
ทั้งสองขุดหลุมลึก วางหมีและแม่เสือลงไป กลบพวกมันด้วยดิน หลังจากทำสิ่งเหล่านี้เสร็จจึงจะสะพายตะกร้า
"ออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดกันเถอะ" หลี่ชิงหลิงเร่งความเร็วขึ้น "คืนนี้จะค้างคืนในถ้ำไม่ได้แล้ว หาที่พักด้านนอกดีกว่า ข้ากลัวว่ากลิ่นเืที่กลบไม่หมดจะดึงดูดสัตว์ตัวอื่นๆ"
หากหมาป่าถูกดึงดูดมา ทั้งสองต้องลำบากแน่
เพื่อความปลอดภัยของทั้งคู่ นางเลือกที่จะกลับไปค้างคืนข้างนอกูเา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหลิวจือโม่ก็จริงจังมากขึ้น เขาพยักหน้ารับเงียบๆ
หลังจากกลับมาที่ถ้ำ เก็บหม้อดินและสิ่งของอื่นๆ ลงในตะกร้า ทั้งสองก็จากไป
ผ้าห่มและเสื่อถูกทิ้งไว้ในถ้ำ อย่างไรเสียคราวหน้ามาก็ต้องค้างที่นี่
ทั้งคู่เร่งฝีเท้า ใช้เวลาหนึ่งเค่อมาถึงรอบนอก เมื่อมาถึงเนินเล็กที่เคยค้างคืน หลี่ชิงหลิงก็นั่งลง ทั้งสองรีบร้อนมาก นางยังเหนื่อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลิวจือโม่
นางนั่งข้างๆ และได้ยินเสียงหายใจหนักๆ ของเขา
“เหนื่อยไหม?” หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าก็ร้อนผ่าว
หลิวจือโม่เลียริมฝีปากที่แตกและพยักหน้า
คราวนี้เขาเหนื่อยมาก แต่ระหว่างทางเขาไม่กล้าขอนางหยุดพัก เพราะรู้ว่าหยุดแล้วเขาจะลุกขึ้นไม่ไหว ฉะนั้นลุยมาพักที่นี่ทีเดียวยังจะดีกว่า
เมื่อเห็นว่าริมฝีปากของเขาแห้งและลอก หลี่ชิงหลิงรีบลุกขึ้นยืน หยิบหม้อดินเผา ไปที่ลำธารเพื่อเติมน้ำ ใส่น้ำจิติญญาลงไปก่อนที่จะต้ม
ฟืนที่เก็บมาเมื่อคราวก่อนยังคงอยู่ นางจึงไม่ต้องเก็บ สามารถจุดไฟได้โดยตรง
“เดี๋ยวก็มีน้ำให้ดื่มแล้ว ทนหน่อยนะ” หลี่ชิงหลิงจุดไฟ นั่งข้างเขา
“ขอบคุณ...” หลิวจือโม่กลืนน้ำลาย และขอบคุณนางเบาๆ
หลี่ชิงหลิงโบกมือบอกเขาว่าไม่ต้องเกรงใจนัก
หนึ่งเค่อผ่านไป น้ำเริ่มเดือด นางยกฝาและปล่อยให้น้ำเย็นลงจึงจะยกให้เขาดื่ม
ไม่รู้ว่าเขากระหายน้ำเกินไปหรืออะไร แต่เขาคิดว่าน้ำหวานมาก
"น้ำลำธารนี้หวานมาก" หลิวจือโม่ดับกระหาย คืนหม้อให้หลี่ชิงหลิงแล้วหัวเราะ "ลองชิมดูสิ"
เด็กสาวย่อมรู้สาเหตุ แต่นางก็ไม่สามารถพูดออกมาได้
หลี่ชิงหลิงดื่มอยู่หลายอึก พยักหน้าและบอกว่าอาจจะเพราะกระหายน้ำมากเกินไป ถึงได้คิดว่าน้ำในลำธารหวานมาก
หลิวจือโม่ครุ่นคิด น่าจะใช่ แต่คราวก่อนเขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้
เมื่อหลี่ชิงหลิงเห็นว่าเขาไม่ได้พูดเกี่ยวกับหัวข้อนี้อีก นางก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เอื้อมมือไปกอดเสือตัวน้อย แล้วป้อนน้ำให้มัน
เสือน้อยกระหายน้ำมาก มันดูดนิ้วนางไม่ปล่อย เมื่อเห็นดังนั้น นางจึงเทให้เพิ่มอีกเล็กน้อย
หลังจากที่มันหยุดดื่ม นางก็เก็บมันกลับเข้าไปในตะกร้า แล้วนางก็ไปทำอาหารกิน
นางกับหลิวจือโม่ไม่ได้กินอะไรมาเกือบทั้งวันแล้ว ตอนนี้ทั้งสองหิวจนสามารถกินได้ทุกอย่าง
"พี่จือโม่ จะกินไก่ตุ๋นเห็ดหรือไก่ย่าง?" หลี่ชิงหลิงหยิบไก่ป่าออกมาและถาม หลิวจือโม่พร้อมหัวเราะ
“ข้ากินอะไรก็ได้ที่เ้าอยากกิน ข้าได้หมด”
"..." คำตอบแบบนี้ทำให้คนเลือกยากเข้าไปอีก
หลี่ชิงหลิงคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจที่จะย่างไก่ ไก่ป่าย่างนั้นอร่อยมาก
นางเอาไก่ป่าไปที่ลำธารเพื่อจัดการชำแหละ พร้อมให้หลิวจือโม่เก็บผักป่ามาทำอาหาร
กินไก่ป่าแล้วกินผักป่า จะได้ไม่รู้สึกเลี่ยน
ทั้งสองทำงานร่วมกันและอาหารมื้อแรกของวันก็พร้อมกิน
เสือน้อยน่าจะได้กลิ่นหอมของไก่ย่างด้วย มันเอาแต่ส่งเสียงร้องจากในตะกร้า
หลี่ชิงหลิงหัวเราะ ปล่อยมันออกมาจากตะกร้า กอดไว้ในอ้อมแขน มันเด็กเกินไปจึงไม่กล้าป้อนเนื้อย่างให้ ได้แต่แอบป้อนน้ำจิติญญาให้มัน
ดูเหมือนว่ามันจะรู้ว่าน้ำจิติญญาเป็ของดี มันดูดน้ำที่มีต่อวันจนหมดจึงจะปล่อยนิ้วของนาง
“เ้าเด็กผี...” นางจิ้มหน้าผากลูกเสือแล้วหัวเราะ
หลิวจือโม่เห็นทั้งสองแล้วหัวเราะเช่นกัน "มันดูสนิทกับเ้า” อาจเป็เพราะมันรู้ว่าหลี่ชิงหลิงเป็ผู้ช่วยชีวิต
"อืม ใครเห็นข้าก็รักข้า ดอกไม้เจอข้าก็เบ่งบาน” นางหัวเราะ ชมตัวเองโดยไม่ขวยเขิน
"..." ให้แสงแดดแล้วสดใส ให้สีสันแล้วดูหน้าบานแฉ่งจริงๆ
หลิวจือโม่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ กัดน่องไก่ย่างไปสองคำ รู้สึกว่าทักษะการทำอาหารของหลี่ชิงหลิงดีขึ้นเรื่อยๆ ไก่ย่างอร่อยกว่าครั้งที่แล้วอีก
"อร่อยไหม" เมื่อเห็นว่าเขากินเร็วแค่ไหน หลี่ชิงหลิงก็ถามเขาด้วยรอยยิ้ม ไก่ย่างนี้มีน้ำจิติญญา บวกกับเครื่องปรุงที่นางนำมา มันต้องดีกว่าครั้งที่แล้วแน่
เมื่อได้ยิน เขาก็พยักหน้าซ้ำๆ ยื่นมือไปฉีกเนื้ออีกชิ้นยัดเข้าปาก "อร่อยมาก" พูดตามตรงว่าั้แ่โตมานี่ก็เป็ครั้งแรกที่เขาได้กินไก่ที่อร่อยเช่นนี้ อร่อยมากจนเขาอยากจะกลืนลิ้นไปด้วย
หลี่ชิงหลิงยักคิ้วอย่างภาคภูมิใจ "ครั้งนี้ข้าเพิ่มส่วนผสมไปอีก เลยหอมกว่าเดิม” ถ้าแบบนี้ยังไม่อร่อยอีกก็ช่วยไม่ได้แล้ว
ทั้งสองคนจัดการกับไก่ป่าในไม่กี่คำ จากนั้นก็ตบท้ายด้วยผักป่าและถอนหายใจด้วยความสบายใจ ใช้ชีวิตแบบนี้ถึงจะเรียกว่าชีวิต!
"พี่จือโม่ คืนนี้ค้างที่นี่ พรุ่งนี้ออกจากูเาแต่เช้า ไปขายสัตว์ที่เมืองแล้วกลับบ้าน" อุ้งเท้าหมีเก็บนานเกินไปไม่ได้ หากไม่สดใหม่ ราคาจะลดลงครึ่งหนึ่ง
“ตกลง...” หลิวจือโม่พยักหน้า
ทั้งสองค้างคืนบนเนินเขาเล็กๆ และไปที่เมืองในเช้าวันรุ่งขึ้นเพื่อขายเหยื่อ ครั้งนี้พวกเขาได้รับเงินทั้งหมดสี่สิบสามตำลึง อุ้งตีนหมีหนึ่งข้างมีค่าสิบตำลึง สี่ข้างได้มาสี่สิบตำลึง บวกกับเหยื่ออื่นๆ อีกก็ได้มาทั้งหมดสี่สิบสามตำลึง
ได้เงินมากขนาดนี้ หลี่ชิงหลิงและหลิวจือโม่หัวเราะอย่างมีความสุขจนแทบมองไม่เห็นตา
ทั้งสองรีบกลับบ้านด้วยความตื่นเต้น แต่คาดไม่ถึงว่าทันทีที่พวกเขากลับถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านที่เห็นพวกเขาจะะโเรียก
“เสี่ยวหลิง เ้าหายไปไหนมา ทุกคนตามหาเ้าอยู่ แม่เ้าเกิดเื่แล้ว ใกล้จะไม่ไหวแล้ว รีบกลับบ้านไปดูเถอะ!”
