วันรุ่งขึ้นกู้เจิงตื่นขึ้นมาด้วยความสดใส
ตอนลืมตาตื่นพื้นที่เตียงข้างๆ นางก็ไม่มีเสิ่นเยี่ยนแล้ว แต่ที่เตียงยังเหลือความอุ่นอยู่ เขาคงยังตื่นได้ไม่นาน เนื่องจากวันนี้เป็วันเทศกาลใหญ่ เสิ่นเยี่ยนจึงได้หยุดอยู่บ้านไม่ต้องไปทำงาน
ตอนที่ชุนหงเข้ามาในห้อง ก็เห็นกู้เจิงแต่งตัวเสร็จแล้ว
“ทำไมวันนี้คุณหนูถึงกระตือรือร้นนักเ้าคะ?” ชุนหงเดินเข้าไปจัดปักปิ่นปักผมให้คุณหนู
“วันนี้จะเริ่มไปเยี่ยมญาติแล้ว จะไปบ้านลุงใหญ่ก่อนใช่ไหม?” กู้เจิงถามด้วยความตื่นเต้น
ชุนหงพยักหน้า “พ่อเฒ่าเสิ่นบอกว่า วันนี้ไปบ้านลุงใหญ่ พรุ่งนี้บ้านลุงรอง วันมะรืนบ้านลุงสาม ต่อจากวันมะรืนจะเป็บ้านของเราเอง หลังจากนั้นก็เป็จะการไปตามตระกูลที่ใกล้ชิดกันเ้าค่ะ จริงสิ วันที่ห้าเป็วันต้อนรับเทพเ้าแห่งโชคลาภ วันที่หกเป็พิธีเซ่นไหว้วงศ์ตระกูลเ้าค่ะ”
กู้เจิงจำแผนการในวันต่างๆ ไว้ในใจ “เื่ของลุงใหญ่กับบ้านเต๋อซิงคลี่คลายแล้วหรือ?”
“จบแบบค้างคาน่ะเ้าค่ะ ได้ยินท่านป้าเสิ่นบอกว่า ตอนที่ป้าใหญ่ไปเอาความครั้งก่อน ก็บอกชื่อของคุณหนูกับท่านบุตรเขยไป แต่บ้านเต๋อซิงไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยเ้าค่ะ” ชุนหงเล่าอย่างไม่อยากจะเชื่อ “นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเ้าหน้าที่บัญชีของจวนเซี่ยกงเจวี๋ยจะไม่เห็นฐานะของคุณหนูใหญ่กับท่านบุตรจะเขยในสายตา”
เมื่อพูดถึงเซี่ยกงเจวี๋ย ในสมองของกู้เจิงก็นึกภาพชายที่มีแผ่นหลังคล้ายกับเสิ่นเยี่ยนคนนั้นขึ้นมา ตอนนั้นเสิ่นมู่ชิงเรียกเขาว่าแม่ทัพ หรือจะเป็เขากันนะ?
“ก็แปลว่าไม่ได้ชดใช้ค่าเสียหายหรือ?”
“ใช่เ้าค่ะ ท่านป้าใหญ่โกรธมากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายวันเลย”
เช้าวันนี้ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆ แม้ว่าอากาศจะหนาว แต่ก็ยังไม่ถึงกับจะมีหิมะตก
ที่ลานบ้านเสิ่นเยี่ยนกำลังตักน้ำในบ่อขึ้นมาล้างผัก ส่วนนายท่านเสิ่นกำลังตรวจสอบเสารั้วบ้านอยู่
“อรุณสวัสดิ์เ้าค่ะท่านพ่อ” กู้เจิงเอ่ยทักทายเมื่อเดินผ่านลานบ้าน “ท่านพ่อ ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือเ้าคะ?”
“ไม่รู้ว่าเป็สุนัขจากบ้านไหน มาทำรั้วไม้พัง เ้าว่ามันน่าโมโหไหมเล่า?”
“น่าโมโหขนาดนั้นเลยหรือเ้าคะ?” กู้เจิงเดินไปดู จริงเสียด้วย รั้วไม้พังระเนระนาดไปหมด นางเห็นตรงกลางรั้วมีรู และข้างๆ รูยังมีขนติดอยู่ด้วย “ขนเป็สีเหลือง ต้องเป็สุนัขสีเหลืองแน่ๆ เ้าค่ะ”
นายท่านเสิ่นพูดอย่างโมโหว่า “ครั้งหน้าถ้าจับได้จะตีให้หนักเลย ดูสิยังจะกล้ามาอีกไหม”เขาว่าพลางควานหาอุปกรณ์มาซ่อมรั้ว
เสิ่นเยี่ยนมองภาพของบิดากับกู้เจิงแล้วยิ้มบางๆ ตอนแรกเขายังคิดว่าท่านพ่อและท่านแม่กับภรรยาจะเข้ากันไม่ค่อยได้เสียอีก
“อรุณสวัสดิ์เ้าค่ะท่านแม่” กู้เจิงเห็นนายหญิงเสิ่นเดินออกมาจากห้องครัว ก็ะโอย่างลิงโลดเข้าไปหา “วันนี้ให้ข้าทำอาหารเช้าเถอะเ้าค่ะ”
“ได้ อาหารเช้าเป็เมี่ยนเกอตา เ้าไปผสมแป้งก่อน ส่วนข้าจะไปเอากุ้งแห้งมา” นายหญิงเสิ่นเห็นรอยยิ้มสดใสของลูกสะใภ้ั้แ่เช้าตรู่ ทำให้นางต้องยิ้มตามไปด้วย
“คุณหนู ครั้งก่อนท่านทำก้อนแป้งใหญ่เกินไป ครั้งนี้ต้องเล็กลงหน่อยนะเ้าคะ”
“ข้ารู้ เ้าบ่นมาหลายครั้งแล้ว” นายบ่าวทั้งสองคุยกันพลางเดินเข้าไปในห้องครัว
ตอนเสิ่นเยี่ยนนำผักที่ล้างเสร็จแล้วเข้ามาในห้องครัว ก็เห็นชุนหงก็กำลังจุดไฟอยู่ ส่วนกู้เจิงกำลังใช้ตะเกียบยาวคลุกแป้งอย่างสุดกำลัง เสิ่นเยี่ยนเห็นดังนั้นจึงรีบคว้าตะเกียบในมือนางมา “ข้าทำเอง”
กู้เจิงมอบหน้าที่ในการผสมแป้งนี้ให้เขา การผสมแป้งเป็งานที่ต้องใช้แรงแขนเยอะมาก
เมื่อเตรียมอาหารเช้าเสร็จ ทุกคนในครอบครัวก็ล้อมวงทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย จู่ๆ เสียงของป้าสามก็ดังขึ้นในลานบ้าน “คงยังกินข้าวอยู่ในห้องครัวแน่ พวกเรามาเช้าไป”
“หอมจัง อาหารเช้าเป็เมี่ยนเกอตาสินะ” ลุงสามกับป้าสามพากันเดินเข้ามาในห้องครัว นอกจากพวกเขาแล้วยังมีเสี่ยวเหมาเอ๋อร์ติดตามมาด้วย
“สุขสันต์วันปีใหม่ขอรับ ท่านอา ท่านอาสะใภ้ พี่ชาย พี่สะใภ้” เสี่ยวเหมาเอ๋อร์ทำความเคารพทุกคน
คนตระกูลเสิ่นมองเสี่ยวเหมาเอ๋อร์กับป้าสามที่ยิ้มอย่างมีความสุขด้วยความประหลาดใจ นายหญิงเสิ่นเป็คนแรกที่มีท่าทีตอบสนอง นางพูดด้วยความดีใจว่า “นี่มันั้แ่เมื่อไหร่กัน? เสี่ยวเหมาเอ๋อร์ยอมรับพี่สามกับพี่สะใภ้สามเป็พ่อแม่แล้วหรือ?”
เสี่ยวเหมาเอ๋อร์ ลุงสาม และป้าสามมองหน้ากันยิ้มๆ ลุงสามเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “ยอมรับในวันส่งท้ายปีเก่าน่ะ ตอนนี้เสี่ยวเหมาเอ๋อร์เป็บุตรชายของข้ากับภรรยาแล้ว”
เสี่ยวเหมาเอ๋อร์ขวยเขินจนหน้าแดง
“เ้าหลานชาย” นายท่านเสิ่นลูบหัวเสี่ยวเหมาเอ๋อร์อย่างดีใจ ก่อนจะบีบแก้มเล็กๆ ของเขา
“ท่านอา” เสี่ยวเหมาเอ๋อร์ขานรับอย่างปลื้มใจ
กู้เจิงกำลังจะคว้าจับมือของเสิ่นเยี่ยนที่อยู่ใต้โต๊ะ แต่เขากลับเอาดึงมือของนางไปกุมไว้ก่อน
ชุนหงกลั้นน้ำตาแห่งความดีใจจนเบ้าตาแดงก่ำ ช่างดีจริงๆ ตอนนี้เสี่ยวเหมาเอ๋อร์ก็มีคนที่พึ่งพาได้เสียที
เสี่ยวเหมาเอ๋อร์มาที่ตระกูลเสิ่นในฐานะหลานชายเป็ครั้งแรก นายหญิงเสิ่นจึงเข้าห้องไปเอาเงินก้อนใหญ่มารับขวัญเขา เมื่อแสดงความยินดีกันเรียบร้อย ทุกคนก็พากันเดินไปที่บ้านของป้าใหญ่
เพื่อนบ้านในละแวกนี้ เมื่อเห็นเสี่ยวเหมาเอ๋อร์อยู่กับครอบครัวของลุงสาม ต่างก็พอเดาออกว่าเกิดเื่อะไรขึ้น ตลอดทางจึงมีแต่คำทักทายยินดี
บ้านของลุงใหญ่เริ่มยุ่งั้แ่เช้าตรู่ ลูกชายกับลูกสะใภ้ของลุงใหญ่ก็กลับมาช่วยงานที่บ้านเช่นกัน พอทุกคนรู้เื่ว่าเสี่ยวเหมาเอ๋อร์ยอมรับลุงสามและภรรยาเป็บิดามารดาแล้ว ต่างก็ดีใจกับครอบครัวของลุงสามด้วย
กู้เจิงเพิ่งได้พูดคุยกับลูกพี่ลูกน้องหญิงเพียงคนเดียวของตระกูลเสิ่นในวันนี้ นางคือ เสิ่นเหมยเอ๋อร์ บุตรสาวของลุงใหญ่
“ภรรยาของอาเยี่ยนช่างงดงามจริงๆ” เสิ่นเหมยเอ๋อร์กล่าวชมกู้เจิง
กู้เจิงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย นางทำได้เพียงทักทายอย่างเขินๆ “ถางเจี่ย*”
(*คำสรรพนามใช้เรียกลูกพี่ลูกน้องที่โตกว่าและเป็ผู้หญิง)
ชุนหงก็ย่อกายคารวะด้วยเช่นกัน
“รีบมาทักทายท่านน้าของพวกเ้าเร็ว พวกเ้าก็มาด้วย” เสิ่นเหมยเอ๋อร์กวักมือเรียกลูกชายกับลูกสาวของนาง และลูกๆ ของเสิ่นต้าสือกับเสิ่นตงเถียนมาด้วย
กู้เจิงหยิบปิ่งกัน* ที่เตรียมไว้ออกมาแบ่งให้เด็กๆ ส่วนเด็กๆ ที่ไม่เคยเห็นปิ่งกันหน้าตาแบบนี้มาก่อน จึงแย่งกันหยิบจากในมือของกู้เจิงจนไม่เหลือสักชิ้น
(*เป็ขนมจำพวกขนมปังกรอบ คุกกี้ แครกเกอร์)
“เ้าเด็กพวกนี้ ไม่รู้จักความเกรงใจเอาเสียเลย สอนไปตั้งกี่รอบแล้ว” เสิ่นเหมยเอ๋อร์กล่าวอย่างจนใจ
“ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ข้าตั้งใจเอาปิ่งกันมาให้เด็กๆ อยู่แล้ว” กู้เจิงพูดยิ้มๆ
ครอบครัวของเสิ่นต้าสือและเสิ่นตงเถียนเดินออกมาจากในห้อง
“ทำไมท้องของภรรยาตงเถียนถึงได้ใหญ่ขนาดนี้” ตงเถียนประคองภรรยาเดินออกมา นายหญิงเสิ่นรีบเดินเข้าไป่พยุงนางมานั่ง “ยังนึกว่าเ้าจะคลอดภายในปีนี้เสียอีก”
“ข้าก็คิดว่าใกล้จะคลอดแล้วเ้าค่ะ แต่เด็กคนนี้ไม่ยอมออกมา” เหอซื่อภรรยาของตงเถียนหน้ากลมอ้วนเนื่องมาจากการตั้งครรภ์
“ขอเพียงร่างกายไม่เป็อะไร ก็ดีแล้ว” นายหญิงเสิ่นกล่าวตอบ
“เด็กคนนี้คลอดออกกมาต้องแข็งแรงมากแน่เ้าค่ะ”" เสิ่นเหมยเอ๋อร์พูดยิ้มๆ
หลังจากพูดคุยทักทายกันเสร็จ ก็เสิ่นเหมยเอ๋อร์ก็จูงมือกู้เจิงมาคุยกัน
“ถ้าข้าสวยได้สักครึ่งของอาเจิงก็ดีสิ” เสิ่นเหมยเอ๋อร์ลูบหน้าตัวเอง นางมองกู้เจิงด้วยสีหน้าอิจฉา
“ข้าไม่สนใจเื่ความสวยความงามนักหรอก ข้าแค่อยากสูงขึ้นอีกหน่อย” เหอซื่อกลุ้มใจกับความสูงของตัวเองมาก
“ข้าอยากได้ทั้งความงามและความสูงเลย” ถงซื่อกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“ส่วนข้าล้วนมีทุกอย่างแล้ว” กู้เจิงพูดตอบอย่างขี้เล่น
“เ้านี่น่าโมโหจริงๆ” คนอื่นๆ แสร้งทำเป็โมโห
ขณะที่สาวๆ กำลังพูดคุยหัวเราะอยู่นั้น ครอบครัวของลุงรองก็มาถึง พวกเขาเห็นเสี่ยวเหมาเอ๋อร์กับป้าสามนั่งด้วยกันจึงคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้เสี่ยวเหมาเอ๋อร์อาศัยอยู่ในร้านของป้ารอง ดังนั้นท่านป้ารองจึงสนิทสนมกับเสี่ยวเหมาเอ๋อร์มาก เื่นี้ทำเอานางดีใจกว่าคนอื่นๆ มากนัก
เสิ่นกุ้ยที่เพิ่งมาถึง เขาเดินเข้ามาทักทายทุกคน
“่ต้นฤดูใบไม้ผลิ อากุ้ยก็จะแต่งงานแล้ว จะกลายเป็ผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วสินะ” เหล่าสาวๆ พากันพูดล้อเลียนเสิ่นกุ้ย
เสิ่นกุ้ยเมื่อถูกล้อก็หน้าแดงเป็ลูกตำลึง เสิ่นเยี่ยนหยิบถั่วและเมล็ดแตงโมมาให้ทุกคนกิน ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบว่า “พี่กุ้ยหน้าตาอิ่มเอิบราศีจับเสียขนาดนี้ แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าจะมีเื่ดีๆ ใกล้เข้ามาแล้ว”
“แม้แต่เ้าก็ยังล้อข้าหรือ?” เสิ่นกุ้ยตัดพ้อ ก่อนจะหนีไป “ข้าไปช่วยงานพวกพี่ใหญ่ดีกว่า”