เสวียนเทียนไม่ได้เปิดเผยความสามารถที่แข็งแกร่งสักเท่าใดเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสองที่ธรรมดาอย่างที่สุดคนหนึ่งพลังเทียบกับซือซุ่นชางควรจะสูสีทัดเทียมหนึ่งกระบี่ที่ปัดกระบี่ยาวในมือซือซุ่นชางก็ใช้แรงหมุนของ ‘ท่าเกลียววายุ’ ถึงดูเหมือนง่ายราวพลิกฝ่ามือ
เสวียนเทียนไม่ได้ใช้วิทยายุทธ์ชั้นสูงสักเท่าใดนัก ‘ถลาลมเก้ากระบี่’ เป็เพลงกระบี่ที่เขาสร้างขึ้นเองร้ายกาจกว่าเพลงกระบี่ชั้นทองขั้นสูงอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเพลงกระบี่ชั้นนิล
ส่วนท่าที่สองใช้เพลงหมัดยิ่งเป็วิทยายุทธ์ชั้นเริ่มต้นอย่างหนึ่งของสำนักกระบี่์ ‘เพลงหมัดกระทิงดุ’ เพลงหมัดชั้นทองขั้นกลาง เรียกได้ว่า ธรรมดาจนธรรมดากว่านี้ไม่ได้อีกแล้วสำนักกระบี่์อย่างน้อยก็มีศิษย์มากกว่าสามส่วน เคยฝึกฝนมากก่อนถึงไม่ได้ฝึกก็เห็นจนเบื่อแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเสวียนเทียนก็ยังไม่ได้ใช้ท่า ‘กระทิงดุขวิดเขา’ ท่านี้เต็มท่า กระทิงดุมีเขาสองข้างใช้กระบวนท่านี้มักจะใช้สองหมัดโจมตีออกไปพร้อมกัน เหมือนเขาสองข้างของกระทิงดุแต่ตอนนี้มือขวาของเสวียนเทียนจับกระบี่อยู่ ดังนั้น ‘กระทิงดุขวิดเขา’ จึงมีเพียงมือซ้ายโจมตี เพิ่งจะขวิดเขาออกไปเพียงข้างเดียวเท่านั้นเท่ากับว่าท่า ‘กระทิงดุขวิดเขา’ นี้ เพิ่งใช้ออกไปได้ครึ่งท่า
แต่เพียงครึ่งท่า ‘กระทิงดุขวิดเขา’ กลับต่อยซือซุ่นชาง ‘ยอดฝีมือ’ ชั้นเบิกนภาขั้นสองคนนี้เสียจนฟันแตกเต็มปากร่างกายถึงกับหมุนตลบกลางอากาศสามร้อยหกสิบองศา ล้มหมอบอยู่กับพื้นสะบักสะบอมดูไม่ได้! รับกับประโยคที่เสวียนเทียนพูดไว้ก่อนหน้าพอดี นอนหมอบกับพื้น ฟันเกลื่อนพื้นดิน!
ไม่ว่าจะเป็สามคนที่มากับซือซุ่นชาง หรือศิษย์ในที่มุงล้อมอยู่รอบด้านดวงตาล้วนตกตะลึงเพลงหมัดชั้นทองขั้นกลางครึ่งท่าก็ล้มซือซุ่นชางชั้นเบิกนภาขั้นสองได้โจมตีโดนก็นับว่ามหัศจรรย์แล้ว ที่มากกว่านั้นคือพลังยังไม่น้อยต่อยทีหนึ่งซือซุ่นชางเืกบปาก ร่างกายถูกต่อยปลิวพลิกตลบกลางอากาศไปรอบหนึ่ง
แน่นอนว่าหมัดนั้นที่เสวียนเทียนต่อยลงบนหน้าของซือซุ่นชางพละกำลังที่ใช้ย่อมจงใจเพิ่มความหนักหน่วงอยู่เสียหน่อย ไม่เช่นนั้นย่อมต่อยออกมาไม่ได้ผลลัพธ์น่าตื่นตาเช่นนี้
ความเร็วเหนือสิ่งใด อีกทั้งยังไร้ช่องว่างหนึ่งกระบี่หนึ่งหมัดนั้นต่อเนื่องผสานกันได้อย่างลงตัว ลื่นไหลเป็ที่สุดราวกับเมฆาคล้อยสายน้ำไหล เป็ธรรมชาติอย่างที่สุด!
ใช่แล้ว เป็ความเร็วและลื่นไหลนี่เอง!
ภาพหนึ่งหมัดที่เสวียนเทียนต่อยซือซุ่นชางปลิวฉายซ้ำหลายรอบอยู่ในสมองของบรรดาศิษย์ในศิษย์ทั้งหลายในที่สุดก็จับกุญแจสำคัญของการที่เสวียนเทียนใช้เพลงหมัดชั้นทองขั้นกลางเพียงครึ่งท่าเอาชนะซือซุ่นชางได้
ส่วนทำไม ‘กระทิงดุขวิดเขา’ ครึ่งท่านั้นพลังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ถึงกับต่อยซือซุ่นชางจนเป็เช่นนั้น ในใจบรรดาศิษย์ต่างคาดเดามั่นใจว่าเสวียนเทียนต้องใช้ปราณแท้เบิกนภา ทุ่มสุดตัวลงไปในหนึ่งการโจมตี
แม้กระทั่งซือซุ่นชางที่นอนหมอบอยู่ที่พื้นก็คิดว่าเสวียนเทียนใช้พลังทั้งหมดโจมตี
ความคิดของคนล้วนขบคิดได้เพียงแค่ในขอบเขตที่ตนมองว่าเป็ไปได้เท่านั้นบรรดาศิษย์รอบด้านอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงว่า เสวียนเทียนใช้พลังทั้งหมดเสียที่ไหนพละกำลังที่เขาใช้แค่สามส่วนยังไม่ถึงใช้ปราณแท้เบิกนภานิดหนึ่งก็เพียงแค่ปิดบังสายตาผู้คนเท่านั้น
หากเสวียนเทียนใช้พลังทั้งหมดขึ้นมาจริงๆพละกำลังมหาศาลน่าหวาดหวั่นหนึ่งหมื่นชั่งของแขนข้างหนึ่งโจมตีหนึ่งหมัดออกไปหมัดเมื่อครู่นั้นเพียงพอจะเอาชีวิตของซือซุ่นชาง ไม่ต้องพูดถึงศีรษะถูกต่อยกระจุยกระดูกด้านในก็คงกระเทือนแตกเป็ชิ้นๆ
“ดูแล้วหวงเทียนมีความสามารถต่อสู้ข้ามระดับชั้นจริงพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง ผ่านชั้นสามของหอกระบี่ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!”
“อืมหนึ่งกระบี่หนึ่งหมัดนั้นเมื่อครู่ ต่อเนื่องลื่นไหลเหลือเกิน ความเร็วก็เร็วมากทำให้คนกันก็กันไม่อยู่ ซือซุ่นชางถูก ‘กระทิงดุขวิดเขา’ ครึ่งท่าของเสวียนเทียนเข้าไปก็พ่ายแพ้แล้ว ยังถูกต่อยจนฟันหักเต็มปากล้มหมอบเป็หมา เกรงว่าต้องถูกศิษย์ในทุกคนหัวเราะเยาะแล้ว”
“หนึ่งกระบี่หนึ่งหมัดนั้นลื่นไหลจริงๆ ทำให้คนยากจะต้านทาน ไม่รู้ว่าหวงเทียนตั้งใจทำหรือเป็หมัดที่ไม่ได้ตั้งใจ หากตั้งใจทำต่อให้เป็ศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองที่เก่งกาจกว่าซือซุ่นชางก็อาจไม่ใช่คู่มือของเขา”
“ลำดับของซือซุ่นชางเพิ่งจะลำดับที่ 139 ของขั้นที่สอง แทบจะเป็พวกท้ายแถวตอนที่ศิษย์พี่ฉู่เฟิงชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง เขาล้มศิษย์ขั้นสองทั้งหมดแค่แพ้ให้กับศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองที่ติดอันดับอยู่ในขั้นหนึ่งไม่กี่คนเท่านั้นเอง”
“อืม ศิษย์พี่ฉู่เฟิงนั่นเป็อัจฉริยะแห่งยุคจริงๆ ดูจากพลังที่หวงเทียนแสดงออกมาเมื่อครู่เทียบกับศิษย์พี่ฉู่เฟิงตอนชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง ยังห่างกันอยู่ไม่น้อยทักษะฝีมือถึงจะทำให้อ่อนแอชนะแข็งแกร่งได้ แต่พลังก็สำคัญมากเหมือนกันไม่รู้ว่าหวงเทียนจะเอาชนะศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองของขั้นที่สองได้มากที่สุดสักกี่คน!”
.......
ตอนที่บรรดาศิษย์ที่มุงดูกำลังถกเถียงกันเสียงเบานั่นเองซือซุ่นชางที่นอนหมอบอยู่กับพื้นก็ลุกขึ้นมา เก็บกระบี่ยาวที่ตกไปด้านข้างขึ้น ก้าวเร็วๆไปเบื้องหน้าคนทั้งสาม พูดกับ ‘ศิษย์พี่หยาง’ คนนั้นว่า
“ศิษย์พี่หยาง ท่านต้องแก้แค้นแทนข้า...!”
ซือซุ่นชางฟันหักทั้งปาก ใบหน้าข้างหนึ่งบวมปูดขึ้นมาพูดคำก็ไม่ชัด แต่สองตาของเขาทอประกายดุร้าย ฉายแววโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุดมือชี้ไปทางเสวียนเทียน ไม่ต้องฟังออกว่าเขาพูดอะไรก็รู้ความหมายของเขา
‘ศิษย์พี่หยาง’ สีหน้าเขียวคล้ำไป เสวียนเทียนรับมือยากกว่าที่เขาคิดไว้ราวกับเตะโดนแผ่นเหล็กแผ่นหนึ่ง แต่พลังของเขาสูงกว่าซือซุ่นชางอยู่มาก ที่เสวียนเทียนแสดงออกมาเมื่อครู่ก็ไม่ใช่พลังแข็งแกร่งอะไรเป็แค่ทักษะที่ลื่นไหล ในใจเขาไม่คิดว่าจะแพ้ให้แก่เสวียนเทียน
‘ศิษย์พี่หยาง’ เดินหน้ามาสองก้าว จ้องมองเสวียนเทียน เอ่ยขึ้นว่า “หวงเทียนข้ากับเ้าสู้กันสักตั้ง!”
สายตาของเสวียนเทียนราบเรียบและสงบนิ่ง ถามว่า “เ้าชื่ออะไร ลำดับที่เท่าไร?”
“ศิษย์พี่หยางมีนามว่าหยางเวยเวยจากคำว่าเปล่งพลานุภาพ ขั้นที่สอง ลำดับที่ 108 หวงเทียน เ้ารอเจ็บตัวได้เลย!” ศิษย์คนหนึ่งทางด้านขวาสุดในสี่คนะโเสียงดังออกมา
บอกชื่อด้วยตนเอง แสดงออกอย่างถ่อมตัวก็ลดความน่าเกรงขามแสดงออกอย่างอวดตัวก็ถูกคนกลอกตาใส่ มีคนข้างๆ ะโโอ้อวดออกมาพอดีกับใจที่อยากอวดอำนาจพอดี จึงอดไม่ได้เชิดหน้าสูงขึ้น มีสีหน้า ‘เปล่งพลานุภาพ’ อยู่หลายส่วน
“เชอะ!” เสวียนเทียนดูถูก “หยางจอมพลัง? ข้าว่าอย่างเ้า หยาง...เหี่ยว1ยังพอทำเนากว่าอีก”
คำนี้พูดออกมาบรรดาศิษย์รอบทิศสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ในใจอุทานอย่างใ หยางเวยอันอับที่ 108 ถึงจะไม่สูงแต่ก็สูงกว่าซือซุ่นชางอยู่สามสิบเอ็ดอันดับพลังห่างไกลจากซือซุ่นชางอย่างเทียบไม่ได้ เขาถึงกับดูถูกหยางเวยมากถึงเพียงนี้
อาการเชิดหน้าชูคอของหยางเวยฉับพลันกลายเป็โกรธจัดเืลมพลุ่งพล่าน ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ตวาดว่า “เ้าเด็กชาติหมาไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ประโยคนี้ของเ้าวันนี้ศิษย์พี่จะจัดการเ้าเอง”
ระหว่างที่พูด กระบี่ในมือของหยางเวยก็ออกจากฝักทันทีแสงเย็นตาสีขาวะเิออกมา หนึ่งกระบี่แทงออกมา รัศมีกระบี่สีขาวสว่างผสานไอเย็นอัดแน่นอากาศรอบด้านอุณหภูมิลดต่ำลงในพริบตา
“ปราณแท้ของปราณเก้าวารีหยกเหมันต์!”
“กระบวนท่ากระบี่จ้วงแทงหนาวเยือกน้ำค้างแข็ง!”
ศิษย์ในรอบด้าน มีคนอุทานใออกมา
‘ปราณเก้าวารีหยกเหมันต์’ กับ ‘ปราณเก้าอัคนีอนธการ’ ที่เสวียนเทียนเลือกเป็วิชาปราณชั้นนิลที่มีเป็ชุดเหมือนกัน หนึ่งเป็น้ำแข็ง อีกหนึ่งเป็ไฟ พลังอำนาจไม่ธรรมดา
ส่วน ‘จ้วงแทงหนาวเยือกน้ำค้างแข็ง’ เป็เพลงกระบี่ที่เข้าคู่กับ ‘ปราณเก้าวารีหยกเหมันต์’ หยางเวยใช้วิชาปราณและเพลงกระบี่ที่เข้าคู่กันเต็มสิบส่วนพลังเพิ่มขึ้นเป็เท่าตัว เทียบกับคนระดับซือซุ่นชาง แข็งแกร่งกว่าอยู่มาก
เสวียนเทียนยังไม่ได้ฝึกฝน ‘ปราณเก้าอัคนีอนธการ’ ปราณแท้ของ ‘ปราณเก้าวารีหยกเหมันต์’ สายวารียากจะชนะได้ รัศมีกระบี่นั้นยังมาไม่ถึงไอเย็นะเือย่างที่สุดก็มาถึงหน้าเสวียนเทียนแล้ว
แต่ว่าเสวียนเทียนเป็มือกระบี่คนหนึ่งสำหรับมือกระบี่แล้ว ขอเพียงในมือมีกระบี่ หนึ่งกระบี่ทลายหมื่นวิถีไม่มีสิ่งใดทลายไม่ได้!
“วายุสะบั้น!”
เสวียนเทียนฟันลงมาหนึ่งกระบี่อย่างรวดเร็วรัศมีกระบี่สีฟ้าแหวกผ่านอากาศ ปรากฏม่านแสงขึ้นมาไอเย็นตรงหน้าถูกเสวียนเทียนหนึ่งกระบี่แหวกเป็สอง
รัศมีกระบี่สีฟ้าฟันเข้ากับรัศมีกระบี่ที่มีพลังธาตุอันเย็นเยือกอย่างที่สุดของหยางเวยเสียงโลหะปะทะกันดังก้อง กระบี่ยาวในมือของทั้งสองปะทะเข้าหากันแล้วก็ผละออกในทันทีราวกับพลังทัดเทียมกัน เสวียนเทียนยังคงใช้พละกำลังที่เท่ากันกับพลังของหยางเวย
“หืม?” ในใจของทุกคนเกิดสงสัยขึ้นมาเสวียนเทียนถึงกับต้านรับการโจมตีของหยางเวยได้?
“ท่าวายุถลา!”
เสวียนเทียนหนึ่งกระบี่ ลองวัดความแข็งแกร่งของพลังของหยางเวยเงาร่างฉับพลันก็วูบไหวเร็วราวกับลมกรด เท้าใช้ ‘ก้าวย่างัพยัคฆ์’ ร่างกายเหินทีหนึ่งก็ย้ายมายังอีกตำแหน่งหนึ่งกระบี่ในมือราวกับลมพายุหอบหนึ่ง พุ่งมาถึงอย่างรวดเร็ว
วินาทีก่อนเสวียนเทียนยังอยู่ด้านหน้าของหยางเวยวินาทีต่อมาจากด้านขวาของหยางเวยรัศมีกระบี่สีฟ้าก็แทงพรวดมาถึง
ความเร็วที่รวดเร็วถึงเพียงนี้การเปลี่ยนทิศทางโดยฉับพลันทำให้หยางเวยตอบโต้ไม่ทันความได้เปรียบของฝ่ายโจมตีฉับพลันสลายหายไป ถูกบีบให้ตั้งรับ
“ท่าวายุคลั่ง!”
หยางเวยเพิ่งป้องกัน กระบี่ยาวในมือยังไม่ทันได้กันรัศมีกระบี่สีฟ้า กระบวนท่าของเสวียนเทียนฉับพลันก็เปลี่ยนไปความเร็วปานสายฟ้า รูปลักษณ์ราวพายุบ้าคลั่ง พริบตาแทงติดต่อกันออกมาสิบแปดกระบี่
กลางอากาศฉับพลันก็เกิดม่านประหลาดขึ้นมากระบี่ยาวสีฟ้าสิบแปดเล่มปรากฏออกมาพร้อมกัน แทงบุปผากระบี่ออกมาสิบแปดดอกให้คนตาลายสับสน
ดวงตาของหยางเวยร้อนรนอย่างหนักกระบี่ยาวในมือฉับพลันก็กวาดฟันอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็ม่านกระบี่ผืนหนึ่งป้องกันด้านหน้าไว้ไม่มีช่องว่างไม่ว่าเสวียนเทียนแทงกระบี่ออกมามากเท่าไรก็ถูกรับได้ในกระบี่เดียว
แต่ตอนที่เขาคิดว่าต้านรับการโจมตีของเสวียนเทียนได้ แล้วเตรียมตัวโจมตีกลับนั่นเอง เสียงร้องเรียกอย่างร้อนรนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ศิษย์พี่หยางระวังข้างหลัง!”
อะไร? เร็วขนาดนี้ก็ไปถึงข้างหลังแล้ว? เขาสำเร็จวิชาตัวเบาสูงส่งถึงเพียงนี้?
หยางเวยใยกใหญ่หมุนกายฟาดฟันหนึ่งกระบี่ออกไปในฉับพลัน
เคร้ง!
รัศมีกระบี่สีฟ้ากับรัศมีกระบี่สีขาวสว่างอันเย็นะเืฟาดฟันเข้าหากันเสียงดังสนั่นดังขึ้นมาก
ต้านได้แล้ว!
ในใจหยางเวยยินดี
แต่ว่า ฝ่ามือหนึ่งฉับพลันก็ปรากฏขึ้นจากเล็กกลายเป็ใหญ่ จากไกลเข้ามาใกล้พริบตาก็ทลายความยินดีในใจของหยางเวยเป็ชิ้นๆ
ป้าบ!
เสียงดังลั่นดังขึ้น
ร่างกายของหยางเวยลอยจากพื้นในทันทีร่างกายฉับพลันพลิกหมุนเจ็ดร้อยยี่สิบองศา หมุนสองรอบเต็มๆ ฟันหลายซี่หักแตกเืสดคำหนึ่งพ่นออกมา
ผลลัพธ์เหมือนกับซือซุ่นชาง ไม่มีแตกต่าง
ร่างกายของหยางเวยนอนหมอบอยู่กับพื้นเสียงปึงดังขึ้น สิ่งที่ต่างกับซือซุ่นชางเพียงอย่างเดียวก็คือหน้าของซือซุนชางบวมปูด ส่วนใบหน้าของหยางเวยมีรอยฝ่ามือแดงเถือกประทับอยู่ และก็บวมไม่น้อย
ชิ้ง!
‘กระบี่แรกฟ้า’ กลับเข้าฝัก เสวียนเทียนมองหยางเวยที่นอนหมอบอยู่ที่พื้นด้วยสายตาเ็าเอ่ยว่า “ไม่ประมาณตน อยากจะให้ข้าเรียกศิษย์พี่พวกเ้ายังห่างชั้นอีกไกล บอกนายของพวกเ้าด้วยว่าอย่าส่งปลาซิวปลาสร้อยมากวนข้า!”
----------
1. ชื่อของตัวละครคือหยางเวย(杨威) แซ่หยาง ชื่อเวย แปลว่า พลัง อานุภาพพระเอกล้อชื่อเขากับคำว่าหยางเหว่ย (阳痿) นกเขาไม่ขัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้