ประมุขพรรคเทพหมาป่า์ เฉินเทียนหยวน
เฉินเทียนหยวนคารวะต่อหวังเค่อ
หวังเค่อย่อมไม่กล้ารับ ต้องเบี่ยงตัวหลบทันที
“ผู้น้อยหวังเค่อ
คุณความดีเล็กน้อย ไม่กล้ารับการคารวะ!” หวังเค่อเร่งเอ่ยด้วยมารยาท
“หือ? คุณความดีเล็กน้อย?”
ความถ่อมตนของหวังเค่อทำให้เฉินเทียนหยวนรู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่เลว
อย่างน้อยก็สุภาพถ่อมตัว
“ไหนเลยจะเป็ความดีเล็กน้อย
หากวันนี้ไม่ได้เ้าลงมือ พรรคเทพหมาป่า์คงถูกมารกวาดล้างไปแล้ว!”
เฉินเทียนหยวนส่ายหน้า
มู่หรงลวี่กวงและคนอื่นๆ หน้าดำทะมึน
“พรรคเทพหมาป่า์อุดมไปด้วยผู้มีความสามารถ
มารร้ายย่อมไม่มีทางก่อกรรมสำเร็จได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวว่าท่านประมุขกลับมาภายในสองชั่วยาม
ต่อให้พวกมันลงมือทำลายยังไม่อาจทำลายได้!” หวังเค่อไม่ฮุบความดีความชอบเอาไว้
นี่ไม่ใช่ว่ามันจิตใจเอื้อเฟื้ออันใด
เพียงแต่ต้องเสแสร้งถ่อมตนเอาไว้ เื่ลงแรงไปมันชัดเจนจริงแท้ก็จริง
แต่มันไม่อาจรับไว้ ตนเองยิ่งไม่รับความชอบ ประมุขเฉินยิ่งละอายใจ
เช่นนั้นย่อมไม่อาจปฏิเสธคำขอของมันมิใช่หรือ?
“พรรคเทพหมาป่า์ข้า
มีคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ เ้าไม่ต้องเกรงใจ เป็เพราะเ้าทั้งสิ้น
พยานมากมายปานนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจลบล้างได้ หวังเค่อ เ้ามีคำขออันใด? หากไม่เกินแรง ข้ามอบให้เ้าได้ทั้งนั้น!” เฉินเทียนหยวนกล่าวยิ้มๆ
มาแล้วหรือ? หวังเค่อตาทอประกาย
ทันใดนั้นก็คุกเข่าลง
“ผู้น้อยหวังเค่อฝึกวิชาบำเพ็ญตน
ปรารถนาเข้าร่วมพรรคเทพหมาป่า์มาเนิ่นนาน ทั้งยังศรัทธาในตัวท่านประมุข
ชีวิตนี้มีเพียงความหวังเดียวคือสามารถกราบท่านประมุขเป็อาจารย์
ขอท่านประมุขโปรดส่งเสริมด้วย!” ว่าพลางโขกศีรษะลง
สายตาตื่นตะลึงของทุกคนมุ่งไปทางหวังเค่อ
เื่นี้เ้าก็กล้าออกปาก เฉินเทียนหยวนทั้งชีวิตรับศิษย์เพียงคนเดียว
พรรคเทพหมาป่า์ใหญ่โตปานนี้ ศิษย์ในพรรคยังไม่อาจกราบมันเป็ศิษย์ได้ แต่เ้ากลับกล้าขอ?
ศิษย์? แน่นอนว่าต้องกราบอาจารย์!
ในเมื่อกระจกสะกดแสงเป็ของเฉินเทียนหยวน
ถึงตอนนั้นจะขอให้อาจารย์ใช้กระจกขับไล่เคราะห์ร้ายของตนเองมิใช่เื่ง่ายดายยิ่งหรอกหรือ?
ยิ่งกว่านั้นชื่อเสียงของเฉินเทียนหยวนในสิบหมื่นบรรพตยังกระพือลือลั่น
เมื่อมีที่พึ่งใหญ่โตปานนี้ต่อไปยังจะต้องกลัวอะไรอีก?
“หือ? เ้าได้ยินชื่อข้าในโลกปุถุชนหรือ?”
เฉินเทียนหยวนเอ่ยอย่างเหนือความคาดหมาย
“ขอรับ
ผู้ฝึกฌานโลกมนุษย์ล้วนกล่าว หากไม่อาจพบพานเฉินเทียนหยวน
ชีวิตนี้ฝึกฌานไปก็ไร้ความหมาย! ใครบ้างไม่รู้ว่าประมุขพรรคเทพหมาป่า์เฉินเทียนหยวนคุณธรรมล้ำฟ้า
วิชาเซียนล้ำโลก!” หวังเค่อพ่นคำยกยอออกมาเป็ชุด
จางหลี่เอ๋อร์และแเื่สีหน้าแข็งค้าง
เ้าหมอนี่ เยินยอได้อย่างหน้าด้านดีแท้! ดูสิ ขนลุกไปหมดแล้ว!
“พอเถอะๆ!”
เฉินเทียนหยวนเอ่ยพลางยิ้ม
“ได้ที่ไหนกัน
นี่ผู้น้อยยังพูดน้อยไปด้วยซ้ำ กลัวว่าท่านประมุขจะหาว่าข้าเป็พวกประจบประแจง
ผู้น้อยเคารพบูชาท่านประมุขมาแต่อ้อนแต่ออก โปรดรับข้าเป็ศิษย์ด้วยเถิด!”
หวังเค่อวิงวอนอีกครั้ง
“ไม่ได้นะท่านประมุข
คนผู้นี้พฤติการณ์นอกรีต เมื่อครู่ยังลวนลามล่วงเกินแม้แต่มารอสูร!”
มู่หรงลวี่กวงประท้วง
กล้าคิดกราบท่านประมุขเป็อาจารย์
ฝันไปเถอะ!
“หืม?” เฉินเทียนหยวนใช้สายตาสงสัยมองหวังเค่อ
“ท่านประมุข
เมื่อครู่ข้าบังเอิญได้ควบคุมการทำงานของกลอสนี์ปะามาร
มีพลังเข่นฆ่าละเว้นชีวิตอยู่ในกำมือ แต่ในใจของข้ากระจ่างแจ้งที่สุด
์เมตตาสร้างสรรพสัตว์ ข้าไหนเลยจะสามารถตัดสินชะตาเป็ตาย? ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถพรากชีวิตอันบริสุทธิ์ไปได้
โบราณว่ายินยอมปล่อยคนบาปหนึ่งพัน ไม่อาจปะาผิดแม้หนึ่งคน ดังนั้น
ผู้น้อยทำการค้นตัวตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน ยามลงมือบุ่มบ่ามไปบ้าง
แต่เป็เพราะไม่้าลงมือผิดพลาด ขอท่านประมุขโปรดพิจารณาด้วย!” หวังเค่ออธิบาย
“เมื่อกี้ มันลูบ…!”
มู่หรงลวี่กวงกรีดเสียงหม่น
“พอๆ
หวังเค่อมีจิตเมตตาเป็ที่ตั้ง ไม่อาจโทษว่าได้! มู่หรงลวี่กวง
ไม่อาจใช้จิตใจคนต่ำช้า ปรักปรำวิญญูชน!” เฉินเทียนหยวนเอ่ยเสียงขรึม
มู่หรงลวี่กวง
จางหลี่เอ๋อร์และคนอื่นๆ ต่างมองเฉินเทียนหยวนด้วยสายตาตื่นตะลึง
จิตเมตตาเป็ที่ตั้ง? รอยยิ้มลามกละโมภนั่นเรียกว่าเมตตา? พิทักษ์ธรรม?
คงไม่ได้โดนหมอนั่นเลียตูดจนเคลิ้มไปแล้วกระมัง?
“หวังเค่อ
ข้าเฉินเทียนหยวนไม่รับศิษย์ คนเดียวที่รับก็เป็ความปรารถนาของสหายเก่าที่ล่วงลับเท่านั้น
ดังนั้น…!” เฉินเทียนหยวนส่ายหน้า
หวังเค่อเปลี่ยนสีหน้า
องค์หญิงโยวเยว่ทางด้านข้างก้าวออกมา
“ท่านประมุข ข้าไม่ทราบว่าไฉนเสด็จแม่ให้ข้ามาขอความคุ้มครองจากท่านก่อนจากไป
ข้าคาดว่าท่านเองก็เป็สหายเก่าของท่านแม่เช่นกัน ท่านประมุข
ครั้งนี้หากมิใช่เพราะหวังเค่อคุ้มครองส่ง ข้าคงตายตกไปบนเส้นทางั้แ่แรก!
ขอได้โปรดเห็นแก่การเสียสละช่วยชีวิตข้าหลายต่อหลายครั้งของหวังเค่อ
รับคำขอของมันด้วยเถอะ!”
เมื่อองค์หญิงโยวเยว่เอ่ยปาก
สีหน้าทุกคนพลันเคลือบแคลงสงสัย เฉินเทียนหยวนลั่นวาจาไม่คืนคำ
เมื่อบอกไม่รับศิษย์ ไหนเลยจะกลืนน้ำลายตนเองเพื่อองค์หญิงตกอับผู้หนึ่งได้?
“โอ้? หวังเค่อช่วยชีวิตท่าน?”
เฉินเทียนหยวนมององค์หญิงโยวเยว่
“ใช่แล้ว!”
องค์หญิงโยวเยว่บรรยายเื่ราวที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางคร่าวๆ อย่างรวดเร็ว
“มู่หรงลวี่กวง
เ้าทำบัดซบอะไรลงไป...!” เฉินเทียนหยวนถลึงตา
มู่หรงลวี่กวงมีสีหน้าละอาย
ที่จริงเื่นี้ไม่เกี่ยวกับมัน พรรคอีกาทองคำต่างหากที่ก่อเื่ แต่ตอนนี้อธิบายไปก็เปล่าประโยชน์
ยังไงมันเองก็ไม่ใช่ไม่รู้เห็นเื่การตั้งค่าหัว
“ศิษย์ผิดไปแล้ว!”
มู่หรงลวี่กวงยิ้มขื่น
เฉินเทียนหยวนหันมามองหวังเค่อ
ชัดเจนว่าคำขอขององค์หญิงคือตัวแปรสำคัญ
เฉินเทียนหยวนผู้ไม่เคยคืนคำหวั่นไหวอย่างยิ่ง
“หวังเค่อ ระดับพลังฝึกปรือของเ้าคือ?”
เฉินเทียนหยวนเอ่ยปากถาม
“ผู้น้อยฝึกปรือถึงขั้นเซียนเทียนระดับสี่!
วิชาปราณม่วงเซียนเทียนธรรมดาทั่วไป! พื้นฐานพลังฝีมือพื้นเพธรรมดา
สามารถเริ่มต้นใหม่ได้ทุกเมื่อ!” หวังเค่อเอ่ยอย่างตื่นเต้น
ขณะเดียวกันหวังเค่อก็ส่งสายตาไปทางองค์หญิงด้วยความรู้สึกขอบคุณ
ศักดิ์ฐานะขององค์หญิงไม่ธรรมดาจริงๆ เฉินเทียนหยวนจะยอมรับข้าเป็ศิษย์แล้ว?
เฉินเทียนหยวนนิ่งครุ่นคิด
เื่ที่มู่หรงลวี่กวงมีอคติต่อหวังเค่อเป็ที่ประจักษ์ชัด
แน่นอนว่าย่อมไม่ยอมเบิกตามองดูหวังเค่อรับโชคก้อนใหญ่ตำตาได้?
หากหวังเค่อไม่ได้เป็ศิษย์เฉินเทียนหยวน
มันยังสามารถตามคิดบัญชีได้ แต่ถ้าหวังเค่อกลายเป็ศิษย์เ้าสำนักแล้ว มันจะไปหาเื่อีกฝ่ายได้ยังไง?
“ท่านประมุข
ต่อให้หวังเค่อมีคุณูปการ แต่หากสืบสาวถึงต้นตอ
ที่จริงนับว่าเกิดจากวาสนาของป้ายคำสั่งอีกาทองคำ
ป้ายคำสั่งนี้เป็ของพรรคเทพอีกาทองคำ ดังนั้น
ทั้งหมดไม่ถือว่าเป็ความชอบของหวังเค่อ นอกจากนี้ที่ท่านประมุขกลับมาได้ในสองชั่วยาม
ความดีความชอบสมควรเป็ของศิษย์ที่เคาะระฆังเตือนภัย
ท่านไม่อาจมองข้ามความดีของศิษย์ที่ตีระฆังได้!” มู่หรงลวี่กวงประท้วงอีกครา
ได้ยินดังนั้น ใช่แล้ว
หากไม่มีระฆังเตือนภัยเฉินเทียนหยวนไหนเลยจะกลับมาได้ทันเวลา? ใครลั่นระฆังกันเล่า?
มันต่างหากจึงจะเป็ผู้ที่มีความชอบสูงสุด!
“อยู่นี่!
ศิษย์ที่ลั่นระฆังคือคนนี้!” มู่หรงลวี่กวงตาเป็ประกาย
มองไปยังศิษย์สามคนที่เดินมาไกลๆ
คนทั้งสามเดินมาพร้อมบุรุษร่างอ้วนคนหนึ่ง
ทุกคนล้วนจดจำออก
เ้าอ้วนนั่นมิใช่จางเสินซวีตัวปลอมที่ลอบปะปนเข้ามาในพรรคหรือยังไง?
“ท่านประมุข
ข้าเฝ้าพิทักษ์ระฆังเตือนภัย เมื่อสองชั่วยามก่อน...เ้าคนนี้โผล่ขึ้นมาจากใต้ดิน
ลั่นระฆังเตือนภัย ทั้งยังหยามอัปยศกระดูกของบรรพชนพรรคเราอีกด้วย...!”
ศิษย์ของพรรคเทพหมาป่า์กล่าว
ทุกคนท่าทางงุนงง
เป็เ้าอ้วนนี่ที่ลั่นระฆัง? หรือว่าพวกเราทั้งหมดก็ต้องขอบคุณมันด้วย? แต่
ลั่นระฆังก็ลั่นระฆังไป แล้วเ้าไปทำลายกระดูกบรรพชนผู้อื่นหาพระแสงอะไรเล่า?
จางเจิ้งเต้าถูกผนึกการเคลื่อนไหวมาก่อนหน้า
ทั้งตัวชาด้าน แถมยังไม่รู้เื่ราวทางตำหนักบูรพา
ยิ่งไม่รู้ว่ามีมารร้ายอสูรออกอาละวาด รู้แค่ว่าหลังถูกสะกดไว้สองชั่วยาม
กระจกสะกดแสงก็หายไป จู่ๆ ตัวเองกลับมาขยับได้ ไม่ทันจะได้เผ่นหนีก็โดนล็อกตัวพามานี่แล้ว
มันไม่รู้สถานการณ์แต่มันเห็นหวังเค่อคุกเข่าต่อหน้าเฉินเทียนหยวน
จบสิ้นแล้ว หวังเค่อคุกเข่าร้องของชีวิตแล้ว
พวกเราซวยแล้ว!!
ทำไง? ทำไง? ใช่แล้ว
เพื่อนตายย่อมไม่ตายเดี่ยวอย่างเดียวดาย ว่าแล้วมันก็สุมไฟใส่หวังเค่อทันที
มันจำเฉินเทียนหยวนที่ด้านหน้าได้
ทันใดนั้นมันก็กรีดร้องขึ้นมา
“ประมุขเฉิน ช่วยด้วย
นี่ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าถูกมันบังคับ!” ฉับพลันจางเจิ้งเต้าก็น้ำตาไหลเป็ทาง
“เอ๋?” ทุกคนมองจางเจิ้งเต้าด้วยความตะลึง
“ข้าไม่ได้ตั้งใจลั่นระฆัง
ข้าถูกบังคับ เป็หวังเค่อ มันกุมของรักของข้าไว้แล้วบังคับให้ข้าไป
ของรักของข้ายังอยู่ในมือมัน ข้าไหนเลยจะขัดขืนได้
เ้าหวังเค่อนี่แหละที่บังคับข้าลั่นระฆัง ถ้าจะโทษก็ต้องโทษมันนี่ล่ะ
ข้าก็แค่้าคุ้มครองส่งองค์หญิงมาที่พรรคเทพหมาป่า์เท่านั้น
ทั้งหมดไม่เกี่ยวกับข้า ส่วนเื่กระดูกบรรพชนพรรคเทพหมาป่า
นั่นเป็เื่สุดวิสัย ถ้าไม่ใช่หวังเค่อบีบบังคับ
ข้าไหนเลยจะต้องขุดอุโมงค์ยาวเหยียดไปลั่นระฆังให้ได้? เป็หวังเค่อที่บังคับข้าลั่นระฆัง
ทั้งหมดเป็เพราะมันคนเดียว!” จางเจิ้งเต้าชี้เป้าไปทางหวังเค่อทั้งน้ำตา
น้ำตาไหลหลั่งดั่งท้องธาร จู่ๆ
มันก็รู้สึกบรรยากาศผิดปกติ เกิดอะไรขึ้น? นี่มันแปลกๆ นะ ข้าก็บอกแล้วว่าหวังเค่อคือตัวการ
ทำไมพวกมันไม่เห็นโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ? ดูเฉินเทียนหยวนนั่นสิ
สายตาที่เ้ามองหวังเค่อไหงกลายเป็เมตตาขึ้นมา?
มู่หรงลวี่กวงและคนอื่นๆ
สายตาที่มองดูหวังเค่อค่อยๆ กลายเป็สายตาของหนูตายซากขึ้นมาทีละคน
“ที่แท้เป็หวังเค่อวางแผนลั่นระฆัง?”
เฉินเทียนหยวนเอ่ยทอดถอนใจ
ั้แ่หวังเค่อได้ยินวาจาทิพย์จากจางเจิ้งเต้าเมื่อครู่
ในใจมันก็สว่างวาบขึ้นมา
“ใช่ เป็ข้า
ทั้งหมดเพราะข้า! ครั้งนี้เป็เพราะองค์หญิงโยวเยว่ที่พบความผิดปกติ เดิมข้าคิดรอคอยท่านกลับมาที่เมืองหลางเซียนอย่างสงบ
ไม่คิดเร่งเข้ามาพรรคเทพหมาป่า
ทว่าเป็องค์หญิงโยวเยว่ที่พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
แม้ทราบว่าการเสี่ยงเข้ามาในพรรคเพื่อลั่นระฆังจะอันตราย
แต่เพื่อขัดขวางเหล่ามารร้าย ข้าได้แต่ต้องตัดใจเสี่ยง บีบบังคับจางเจิ้งเต้าไปลั่นระฆัง
หากไม่มีมารร้ายก็แล้วไป หากมีมารร้ายจริง
ถือว่าตอบต่อมโนธรรมประจำใจของข้าได้ก็พอ!”
หวังเค่อสร้างเื่ให้ตัวเองได้เข้าพรรคขึ้นมาได้ในพริบตา
ส่วนที่ต้องยกความดีความชอบให้องค์หญิง
นี่เป็หวังเค่อจนปัญญาอธิบายจริงๆ โยนให้องค์หญิงรับไป เป็ถึงองค์หญิง
จะทำเริ่ดๆ เชิดๆ ใส่ไม่อธิบายต่อพวกเ้าก็ไม่มีปัญหา
ส่วนมโนธรรมประจำใจที่ไม่หวั่นต่อความปลอดภัยในชีวิตตนเองนั้น
สีหน้าท่าทางของมู่หรงลวี่กวงและพวกกลายเป็แข็งทื่อ
เ้าหมอนี่ยังมียางอายอยู่บ้างหรือไม่? มโนธรรม? เพ้ย! หน้าไม่อาย!
แต่เฉินเทียนหยวนพึงพอใจยิ่ง
“นี่ไม่ใช่เสี่ยงอันตรายแต่คือเสี่ยงตาย! กล้าหาญ มีความคิดอ่าน
ทั้งยังมีจิตพิทักษ์ธรรม ข้าชื่นชมยิ่ง! ไม่เพียงช่วยเหลือองค์หญิงยังช่วยพรรคเทพหมาป่าไว้
คุณความดีนี้ไม่อาจลบล้าง! ได้มีศิษย์เช่นนี้ถือเป็วาสนาของอาจารย์เช่นกัน! ตกลง
ข้ารับปากเ้า!”
“ท่านประมุขโปรดไตร่ตรอง!”
มู่หรงลวี่กวงอุทาน
จางเจิ้งเต้าสายตาว่างเปล่า
นี่มันเื่อะไรกัน? ข้าเพิ่งจะโยนหม้อก้นดำให้หวังเค่อรับไปคนเดียวหยกๆ? ไหงกลายเป็ความดีความชอบมหาศาลไปเล่า? หรือที่ข้าโยนใส่ไม่ใช่หม้อก้นดำ
แต่เป็หม้อทองคำแล้ว?
“ขอบพระคุณท่านอาจารย์ ศิษย์หวังเค่อ กราบคารวะอาจารย์” หวังเค่อรีบโขกศีรษะแทบไม่ทัน
