“คนอย่างเจาเยี่ยไม่ใช่คนที่จะทำให้ตัวเองลำบากใจหรอก” เจาเยี่ยยิ้ม “พอดีเลยฉันก็ไม่มีที่พักพิงงั้นพวกเราสองคนหาสักหลังไหม” ไม่รู้ว่าถูกคำพูดไหนที่สะกิดใจเขากู้หลานอันตาแดงขึ้นมาทันใด จากนั้นก็ร้องไห้ออกมา
ตอนที่เขาถูกวางยาและถูกชายชรากดทับบนร่างตรงท่อนล่าง ขยี้เขาอย่างทารุณตามอำเภอใจเขาก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมา แต่ในตอนนี้ เขากลับรู้สึกว่าตัวเองน่าสงสารเป็พิเศษเขาเคยคิดถึงความเป็ไปได้หลากหลายรูปแบบที่จะได้เจอเจาเยี่ยอีกครั้งแต่การพบกันในตอนนี้ เขากลับไม่เคยคาดฝันมาก่อนเลย
กู้หลานอันร้องไห้อย่างต่อเนื่องอยู่สักพักแลเวค่อยหยุดเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งน้ำหูน้ำตาอาบไปทั้งตัวเขามองเจาเยี่ยที่หยิบกระดาษทิชชูให้เขาเช็ดเสื้ออย่างเขินอายเห็นใบหน้าเขาไม่มีอารมณ์ใดๆ เขาค่อยสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อถึงโรงพยาบาล คุณหมอตรวจดูาแแล้ว แม้ว่ารอยฟกช้ำจะเยอะดูแล้วน่ากลัวแต่ก็ไม่ได้ร้ายแรง เหวินเซินเท่อก็เอาใบสั่งยาไปรับยาปล่อยให้เจาเยี่ยกับกู้หลานอันนั่งรออยู่ที่ม้านั่งยาวของโรงพยาบาล
ต่างคนต่างเงียบ กู้หลานอันรู้สึกประหม่าเล็กน้อยมองดูเสื้อผ้าสกปรกของตัวเอง รู้สึกว่ายืดตัวตรงไม่ได้แล้วสุดท้ายเงียบอยู่แค่ครู่เดียวเจาเยี่ยก็พูดขึ้นมา
“นายไม่ชอบโรงพยาบาลใช่ไหม? ” เมื่อเห็นกู้หลานอันขยับไปมา เจาเยี่ยก็ถามอย่างเป็ห่วง
กู้หลานอันส่ายหัวแล้วก็พยักหน้า เขาไม่รู้ว่าเจาเยี่ยจะชอบคำตอบแบบไหนก็เลยตอบทั้งสองอย่าง ไม่ง่ายเลยที่เขาจะได้มาอยู่ข้างกายเจาเยี่ยในสภาพแบบนี้เขาจะต้องระมัดระวังเป็พิเศษ
“อย่ากระวนกระวายใจไป เดี๋ยวฉันจะรีบพานายกลับ” เจาเยี่ยพูดลังเลอยู่สักครู่แล้ววางมือของตัวเองลงบนมือของเขา
“กลับบ้านนายเหรอ? ” กู้หลานอันเงยขึ้นมองเขาอย่างประหลาดใจแม้ว่าเจาเยี่ยจะเคยบอกว่าจะให้ที่พักพิงกับเขา แต่เขาก็นึกว่านั่นเป็เื่โกหก
“ไม่ใช่ กลับบ้านของพวกเราและต่อจากนี้ก็เป็บ้านของนายแล้ว” เจาเยี่ยพูด
“จริงเหรอ? ” กู้หลานอันยังคงไม่เชื่อแอบหยิกตัวเอง แต่พอรู้สึกเจ็บก็ดีใจขึ้นมา
“จริงสิ”
เมื่อได้รับคำยืนยันจากเจาเยี่ย กู้หลานอันก็ยิ้มทันใดนั้นใบหน้าก็สลดลงทันที แอบมองเจาเยี่ยแวบหนึ่งแล้วถามว่า “นายยังไม่รู้เลยว่าฉันเป็ใคร ก็พาฉันกลับบ้านแล้ว? ”
“รู้สิ กู้หลานอัน” เจาเยี่ยตอบกู้หลานอันมีชื่อเสียงในทางที่ไม่ค่อยจะดีนักในวงการบันเทิงมักจะมีข่าวใส่ร้ายเขาบนเวยป๋อ [1] ให้เห็นแม้ว่าจะเป็ข่าวอยู่แค่่เวลาสั้นๆ ก่อนที่รายการค้นหายอดนิยมจะถูกซื้อทิ้งไป(ฝีมืออันนาและกู้ฝูเซิ่ง) แต่เนื่องจากความถี่ในการเปิดโปงสูง ถึงแม้จะเป็เจาเยี่ยก็ต้องรู้จักกู้หลานอันอยู่ดี เพียงแต่กู้หลานอันที่เขารู้จัก ไม่ได้ผอมและไม่ได้สวยงามขนาดนี้
“รู้แล้วทำไมยังเต็มใจที่จะพาฉันกลับบ้านอีก? ” กู้หลานอันทั้งรู้สึกดีใจและเศร้าใจเล็กน้อย “คนอย่างฉันเนี่ย ไม่เหมาะ...”
“ฉันรู้สึกว่านายเป็คนดี ฉันแค่เชื่อในวิจารณญาณของตัวเอง” กู้หลานอันยังพูดไม่จบ เจาเยี่ยก็พูดขัดเขาขึ้นมา “ทีหลังห้ามดูแคลนตัวเองแบบนี้อีก ฉันไม่ชอบ”
“อืม” กู้หลานอันผงกหัวในระหว่างที่ก้มหน้าก็ใช้มือเช็ดน้ำตาไปด้วย
ไม่นานหลังจากนั้น เหวินเซินเท่อก็ออกมาพร้อมกับถุงยาเมื่อถึงรถก็มองเหวินเซินเท่อจนขึ้นรถ กู้หลานอันถึงได้ถามหยั่งเชิงกับเจาเยี่ยว่า “เจาเยี่ย ยังไม่กลับบ้านได้ไหม? ”
“หืม ได้สิ! ” เจาเยี่ยตอบตกลงก่อนจากนั้นก็ค่อยถามว่า “ทำไมล่ะ? ”
“ไม่มีอะไร ฉันก็แค่อยากเปลี่ยนชุดก่อนไปบ้านนายทางโน้น” กู้หลานอันตอบพลางมองเสื้อสกปรกของตัวเองไปด้วย
“อืม ได้” เจาเยี่ยตอบรับมองเส้นผมยาวของเขาแวบหนึ่งแล้วพูดแนะนำว่า “ในเมื่อจะเปลี่ยนชุดงั้นตัดผมด้วยดีไหม? ”
“ดีเลย” กู้หลานอันพยักหน้าพลางดึงผมตัวเองไปด้วยเดิมทีเขาก็ไม่ชอบผมยาวอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนเข้าร่วมแข่งขัน นอกจากไม่อยากอาศัยรูปลักษณ์เพื่อดึงดูดแฟนๆแล้ว เขาก็ไม่อยากเป็จุดสนใจให้คนที่หมายตาเขาไว้เข้าถึงตัวเขา ถึงได้ไว้ผมยาวเพื่อปิดบังใบหน้าไว้
อันที่จริง ถึงแม้เมื่อสักครู่เจาเยี่ยจะไม่พูด เขาก็อยากตัดอยู่แล้วเขาอยากให้เจาเยี่ยเห็นรูปลักษณ์ที่ดีที่สุดของเขากลัวก็แต่ตอนนี้เขาอาจจะไม่สามารถมีรูปลักษณ์ที่ดีที่สุดของตัวเองได้อีก
“เหวินเซินเท่อ ไปร้านเสริมสวยบราวน์”
เมื่อพากู้หลานอันไปถึงร้านเสริมสวยแล้วเจาเยี่ยนั่งเล่นโทรศัพท์รออยู่ข้างนอกกู้หลานอันกับสไตล์ลิสต์ไปเลือกเสื้อผ้าและตัดผม กู้หลานอันยังไม่ได้ออกมาเจาเยี่ยก็ได้ยินเสียงชื่นชมของสไตล์ลิสต์ลอยออกมา “พระเ้า!ช่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติอะไรเช่นนี้ พ่อหนุ่ม ขอบคุณมากนะเธอช่างเป็ผลงานที่ดีที่สุดของฉันเท่าที่ฉันเคยออกแบบมาเลยมานี่มาให้ฉันถ่ายรูปไว้อวดหน่อย”
เจาเยี่ยยิ้มออกมาทันใด ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปก็เห็นกู้หลานอันที่ตัดผมรองทรงสั้นระดับหูและผมหน้าม้าสั้นปรกหน้าผากสวมเสื้อลำลองใหม่ล่าสุดของบีลีฟเวอร์กำลังโพสต์ท่าทางต่างๆให้สไตล์ลิสต์ถ่ายรูปด้วยใบหน้าเขินอายแต่กลับดูเป็ธรรมชาติดูแล้วช่างเจิดจ้าเหลือเกิน เขาไม่ได้เข้าไปรบกวนเพียงแค่ยืนดูกู้หลานอันอยู่อีกด้าน
กู้หลานอันสังเกตเห็นเขาก็ส่งยิ้มอย่างเขินอายให้หลังจากนั้นก็ย้ายสายตากลับมาที่กล้องมือถือของสไตล์ลิสต์จนกระทั่งถ่ายเสร็จถึงได้ก้าวเท้ายาวมาหยุดอยู่ตรงหน้าเจาเยี่ยอย่างรวดเร็วถามเจาเยี่ยด้วยความเขินอายแต่คาดหวังอย่างเต็มที่ว่า “เจาเยี่ยใช้ได้ไหม? ”
“ดีมาก” เจาเยี่ยตอบเสร็จก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ตัวเองเข้าไปค้นหาคำตอบบนอินเทอร์เน็ตว่าเขากับกู้หลานอันจะอยู่ด้วยกันอย่างไร(เขาค้นหาจากไป่ตู้ เจาเยี่ยไม่ได้อ่านทั้งหมดแต่เขาเห็นรูปประกอบสุดท้ายในกระทู้นี้เป็ภาพของลูกสุนัข) เขาเอื้อมมือออกไปจับศีรษะของกู้หลานอันที่ผมนุ่มลื่นให้ความรู้สึกดีมากเจาเยี่ยเอามือลงแล้วจูงมือเขาไว้อย่างพึงพอใจ
“พวกเรากลับบ้านกันเถอะ! ”
เหวินเซินเท่อที่รอพวกเขาอยู่ด้านนอกเมื่อเห็นเจาเยี่ยเดินจูงมือกู้หลานอันออกมา เขาตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของกู้หลานอันก็ยิ่งตะลึงหนักเข้าไปอีก
เขาห้อมล้อมกู้หลานอันมองซ้ายทีขวาทีแล้วพูดกับเจาเยี่ยว่า “เฮ้~ เจาเยี่ย พูดจริงนะนายเก็บอัญมณีมีค่าได้จริงๆ แล้วล่ะ กู้หลานอันคนนี้เมื่อก่อนได้ยินข่าวในวงการบันเทิงพวกนั้นบอกว่าเขาไว้ผมยาวเพราะว่าเขาหน้าตาน่าเกลียดตอนนี้ดูๆ ไปแล้วเดาไปเรื่อยทั้งนั้น ถ้านี่ยังนับว่าน่าเกลียดก็เกินไปแล้วใช่ไหม? ด้วยใบหน้าเขาแบบนี้เนี่ย ขุนให้อ้วนขึ้นอีกนิดต่อให้ไม่มีทักษะทางการแสดงในวงการบันเทิง ก็ยังเหมาะสมกับการเป็ดาราระดับแนวหน้า”
“จริงเหรอ? ” เจาเยี่ยยิ้มหวานมองดูกู้หลานอันคิดอยู่สักครู่แล้วพูดว่า “หลานอันนายยังอยากอยู่ในวงการบันเทิงอยู่ไหม? ”
“ทำไมถามแบบนี้ล่ะ? ” กู้หลานอันใอย่างเห็นได้ชัดและเดาว่า “นายไม่ชอบให้ฉันอยู่ในวงการบันเทิงใช่ไหม? ฉันออกจากวงการได้นะ”
“ไม่ใช่ ฉันแค่คิดว่า ถ้าหากนายยังอยากอยู่ในวงการบันเทิงต่องั้นฉันจะเปลี่ยนบริษัทให้นายดูแลศิลปินคนหนึ่งมาตั้งนานแต่ไม่เคยเห็นถึงความงดงามของเขาศิลปินคนหนึ่งที่งดงามขนาดนี้ยังไม่สามารถทำให้เขาโด่งดังขึ้นมาได้แถมยังปล่อยให้เขาต้องถูกรังแกอยู่ข้างนอก จนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครปรากฏตัวออกมาสักคนไม่ว่าจะเป็ผู้จัดการ ผู้ช่วยฯ บริษัทแบบนี้ ใช้ไม่ได้เลย”
กู้หลานอันได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาทันใดเดิมที่ความคิดที่เขาไม่้าอยู่ต่อมาถึงริมฝีปากเขาแล้วแต่เขาก็ต้องกลืนมันกลับลงไปอีกครั้ง ถ้าเขาไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเขาอาจจะต้องให้เจาเยี่ยเลี้ยงดู แล้วก็ต้องไปทำงานอย่างอื่นซึ่งอาจจะทำให้ระยะห่างของเขากับเจาเยี่ยเพิ่มมากขึ้นซึ่งเขาไม่้าแบบนี้คนเราเมื่อได้สิ่งที่้าแล้วก็มักจะโลภมากขึ้น เขาก็เป็แบบนี้แหละ
“ขอบคุณ” กู้หลานอันแสดงท่าทีอย่างชัดแจ้งแล้วก็ขมวดคิ้ว “แต่ว่าไม่ต้องเปลี่ยนหรอก ฉันเซ็นสัญญาไป 5 ปี จะเปลี่ยนบริษัทต้องจ่ายเงินชดเชยก้อนใหญ่เลย ฉัน...” กู้หลานอันหยุดไปครู่หนึ่งแล้วก็พูดต่อว่า “ไม่มีเงินมากขนาดนั้น”
“ฉันจ่ายแทนนายเอง” เจาเยี่ยพูดพลางแตะๆ หูเขาไปด้วย “ในเมื่อฉันเป็คนของนายแล้ว เงินของฉันก็คือเงินของนายสถานที่ใดที่ไม่ชอบพวกเราก็จะไม่อยู่ อย่าได้ลำบากใจเพียงเพราะแค่เื่เงินเลย”
“แต่ว่าฉันไม่อยากได้มันมาฟรีๆ เจาเยี่ย ตอนนี้ฉันยังไม่อยากติดค้างอะไรนาย...” กู้หลานอันหลุบตาลง ถึงแม้เจาเยี่ยจะแสดงออกมาอย่างเป็ธรรมชาติเขาก็เข้าใจได้แต่นี่เจาเยี่ยเจตนาอยากจะทำให้เขาไม่ต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแค่นั้นเองระยะห่างระหว่างพวกเขานั้นยังห่างกันดั่งขุนเขาและมหาสมุทร
เชิงอรรถ
[1] เวยป๋อ เป็เว็บไซต์ทำนองลูกผสมระหว่างทวิตเตอร์กับเฟซบุ๊กมีอิทธิพลทางการตลาดคล้ายคลึงกับทวิตเตอร์เป็หนึ่งในเว็บไซต์ยอดนิยมที่สุดของสาธารณรัฐประชาชนจีน
