คำพูดนี้ของนางทำให้ผู้คนเกิดความคิดเชื่อมโยงอย่างห้ามไม่ได้นอกจากฐานะนี้ของนาง ด้านอื่นๆ ของนางดูเหมือนจะลึกลับซับซ้อนเกินไป
มหาเสนาบดีหลินจัดงานวันเกิด เชอะ เกี่ยวอะไรกับนางด้วย?
หลินชิงเวยกลอกั์ตาไปมาเมื่อไตร่ตรองอีกครั้ง เอ๊ะเื่นี้เกี่ยวข้องกับนางโดยตรงนี่นา นางออกจากวังไปสังเกตการณ์และยังมีโอกาสได้พบกับสตรีร้ายกาจเช่นหลินเสวี่ยหรง
นี่นับเป็โอกาสครั้งหนึ่งเชียว
ดังนั้นหลินชิงเวยจึงเปลี่ยนสีหน้าท่าทีเป็ประจบประแจงทันทีนางหันไปกะพริบตาปริบๆ ให้เซียวจิ่น “จริงหรือเพคะเตียเตียของหม่อมฉันจัดงานวันเกิดฝ่าาจะทรงอนุญาตให้หม่อมฉันกลับไปเยือนครอบครัวฝ่ายมารดาหรือเพคะ?”
เตียเตีย...หลินชิงเวยเอ่ยวาจานี้ออกไปด้วยความรังเกียจน่าสะอิดสะเอียนเกินไปแล้ว
“เจิ้นกลัวว่าเ้าอยู่ในวังนานเกินไปจะรู้สึกเบื่อหน่ายอีกทั้งไม่ได้กลับไปนานเยี่ยงนี้ สมควรที่จะกลับไปสักหน”เซียวจิ่นพูดแล้วหันไปมองเซียวเยี่ยน “วันนั้นเสด็จอาไปร่วมงานเช่นกันไม่สู้เสด็จอาพาชิงเวยไปพร้อมกัน”
หากเป็เมื่อก่อนหลินชิงเวยจะต้องเสแสร้งออดอ้อนฉอเลาะเซียวเยี่ยนสักคำรบหนึ่ง แต่ยามนี้เซียวเยี่ยนเห็นท่าทีของนางดูเหมือนไม่ยินดีที่จะร่วมทางกับตนเท่าใดนักจึงเอ่ยขึ้นว่า “ได้”
หลินชิงเวยเบ้ปากอย่างหมดสนุกทันทีเซียวจิ่นมองเห็นชัดเจนจึงกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “หากเจิ้นเดินเหินไปมาสะดวกเจิ้นย่อมต้องไปเป็เพื่อนเ้าแน่นอน ดังนั้นได้แต่ให้เสด็จอาไปเป็เพื่อนเ้าอีกประเดี๋ยวพวกเ้าไปเลือกสิ่งของในท้องพระคลังว่ามีของขวัญชิ้นใดเหมาะสมให้ถือเป็น้ำใจเล็กน้อยของเจิ้น”ต่อมาเขาเอนกายมาพูดเสียงเบาริมหูหลินชิงเวย “ชิงเวยเ้าอย่าได้โกรธเคืองเสด็จอาได้หรือไม่ เจิ้นชดเชยให้เ้าแทนเขา”
ดูสิ เด็กน้อยคนนี้รู้อยู่เพียงใด ไม่เหมือนผู้ใหญ่คนนั้นคิดว่าตนนั้นเป็หนึ่งในใต้หล้า มีอะไรดีกว่าผู้อื่นเล่า!
หลินชิงเวยกล่าว “เห็นแก่พระพักตร์ของฝ่าาหรอกเพคะ หม่อมฉันจึงไม่ติดใจเอาความกับเขา”
เมื่อออกมาจากตำหนักบรรทม ซินหรูรั้งอยู่ที่นั่นเพื่อดูแลเซียวจิ่นเซียวเยี่ยนเดินนำหลินชิงเวยไปยังท้องพระคลัง
คนทั้งสองคนหนึ่งเดินนำหน้าอีกคนหนึ่งเดินตามหลังระหว่างทางไม่เอ่ยวาจาสักประโยค หลินชิงเวยเดินตามหลังเซียวเยี่ยนเหมือนขวดซีอิ๊วที่ถูกเขาลากมาด้านหลัง
แผ่นหลังของเซียวเยี่ยนกว้างใหญ่ เพราะเขามีรูปร่างสูงใหญ่ เมื่อเดินเหินจึงคุ้นชินที่จะเดินก้มหน้าดูราวกับเป็ูเาลูกหนึ่ง เส้นสายบนแผ่นหลังของเขาเหยียดตรง บ่ากว้างเอวสอบชายอาภรณ์สะบัดพลิ้วขณะก้าวเดิน ท่าทางเดินเหินของเขาสง่างามสูงศักดิ์เป็ธรรมชาติ
ทว่าเขาไม่มีความคิดจะรั้งฝีเท้าเพื่อรอหลินชิงเวยหลินชิงเวยเองไม่ได้ฝืนเร่งฝีเท้าของตนเพื่อให้ก้าวทันเขาเช่นกัน นางเดินเนิบๆไม่รีบร้อน เซียวเยี่ยนกลับมิได้ทิ้งระยะห่างจากนางมากนักดูเหมือนจงใจที่จะผ่อนฝีเท้าให้ช้าลง
มาถึงท้องพระคลัง นางกำนัลเปิดประตูท้องพระคลังสิ่งของล้ำค่าหายากนับไม่ถ้วนอยู่ในนั้น ดวงตาของหลินชิงเวยทอประกายในชั่วพริบตาสิ่งของล้ำค่าที่อยู่ในนั้นเพียงชิ้นเดียวก็ร่ำรวยได้แล้ว!
นางมองไปทางซ้ายทีทางขวาทียังไม่ลืมที่จะยื่นมือไปััสักครั้งสองครั้ง เซียวเยี่ยนเอ่ยขึ้นว่า“ในเมื่อเป็พระประสงค์ของฝ่าา เ้าเลือกสิ่งของมาชิ้นหนึ่งเป็พอ”
เลือกไปเลือกมาหลินชิงเวยรู้สึกว่านางเลือกจนตาพร่าหยกเนื้อดีที่อยู่ภายใน ล้วนเป็สิ่งของชั้นดีเลิศไร้ตำหนิเงินทองเ่าั้ดูแล้วไร้รสนิยมยิ่งนัก
“สิ่งของในนี้ไม่ว่าจะมีเป็สิ่งของล้ำค่าหรือไม่ แล้วแต่ข้าเลือก?”
“อื้อ”
“เช่นนั้นข้าสามารถเลือกสิ่งของล้ำค่าชิ้นหนึ่ง จากนั้นเปลี่ยนเป็สิ่งของไม่ล้ำค่าสองชิ้นได้หรือไม่?”
“...”
ปลายนิ้วของหลินชิงเวยกำลังลูบไล้ไม้คทาหยกหรูอี้ชิ้นหนึ่งแล้วหันไปลูบไล้ไม้คทาทองคำหรูอี้ทองคำอีกชิ้นหนึ่ง“อย่างเช่นเดิมทีข้าคิดจะเลือกไม้คทาหยกชิ้นนี้แต่เปลี่ยนเป็ไม้คทาทองคำสองชิ้นได้หรือไม่?”
หลินชิงเวยหันกายกลับมาไหนเลยจะคิดว่าเซียวเยี่ยนยืนอยู่ใกล้แผ่นหลังนางถึงเพียงนั้นนางก้าวถอยหลังทันทีจึงชนเข้ากับโต๊ะที่อยู่ด้านหลัง นางเอ่ยขึ้นด้วยสายตาเ็า“ท่านเข้าใกล้ข้าเช่นนี้ทำอันใดกัน?”
เซียวเยี่ยนมองไม้คทาทองคำในมือของนาง “เ้าคิดจะเก็บไว้เองชิ้นหนึ่ง?”
หลินชิงเวยกล่าว “ท่านผู้เฒ่าฉลองวันเกิดมอบไม้คทาหยกให้กับเขาเกรงว่าเขาจะไม่มีวาสนาได้หลังจากสิ้นบุญแล้วยังมิอาจนำลงไปในโลงศพได้แต่ข้าถวายการรักษาอาการประชวรของฝ่าาอย่างเหน็ดเหนื่อยไม่ง่ายดายที่จะมีโอกาสเช่นนี้ ไม่เลือกสิ่งของที่มีน้ำหนักและจับต้องได้เกรงจะเป็การผิดต่อตนเอง”
สายตาของเซียวเยี่ยนจับจ้องนางไม่วางตา“ดูเหมือนเ้าจะไม่ยินดีกับเื่การจัดงานวันเกิดของมหาเสนาบดีหลินหรือบิดาของหลินชิงเวยไม่ใช่บิดาของเ้า เ้าไม่ใช่หลินชิงเวย?”
หลินชิงเวยประสานสายตากับเขาตรงๆ แล้วหัวเราะออกมา“ท่านอ๋องกำลังพูดอันใดกัน หม่อมฉันฟังไม่กระจ่างแจ้ง”
“เ้าเป็ใครกันแน่?”
“หม่อมฉันก็มิใช่หลินชิงเวยหรือเพคะ?” หลินชิงเวยเชิดคางขึ้น“ท่านมีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ว่าหม่อมฉันมิใช่หลินชิงเวย?”
แน่นอนว่าสตรีที่อยู่เบื้องหน้าตนนางนี้นอกจากเปลือกนอกที่เป็หลินชิงเวยแล้วไม่มีอะไรหมือนหลินชิงเวยแม้แต่อย่างเดียว ต่อให้ตัวนางมีความลับมากมายแต่เปลือกนอกของนางล้วนเป็ของจริงนี่ก็คือข้อพิสูจน์ฐานะและตัวตนที่มีประโยชน์ที่สุด
เซียวเยี่ยนไม่อาจกล่าวถึงหลักฐาน หลินชิงเวยจึงเอ่ยขึ้นอีกว่า“มหาเสนาบดีเฒ่าคนนั้น เขาไม่เคยคิดว่าข้าเป็บุตรสาวแท้ๆอย่าคาดหวังว่าข้าจะเห็นว่าเขาเป็บิดาผู้ให้กำเนิดข้าหากมิใช่เขามีใจเอนเอียงให้กับอาสะใภ้และน้องสาว จะถึงขั้นวางยาให้ข้าขึ้นเกี้ยวเ้าสาวแต่งเข้าวังมาแทนหรือไร?”นางพูดแล้วมองเซียวเยี่ยนด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มทว่าสายตาเ็า“ท่านไม่ต้องบอกข้าว่าสามารถแต่งเข้าวังมาเป็เื่ที่สตรีไม่น้อยล้วนใฝ่ฝันถึงไม่ต้องกล่าวถึงว่าฝ่าาเป็เพียงคนป่วยคนหนึ่ง ต่อให้ข้ารักษาเขาจนหายดีเขาก็ยังอายุน้อยกว่าข้าหลายปี นางสนมเสริมสิริมงคล ก็เพียงแค่นางสนมเสริมสิริมงคลคนหนึ่งชิ เพื่อเสริมความเป็สิริมงคลนี้ ชีวิตอีกครึ่งหนึ่งของสตรีเ่าั้ล้วนถูกทำลายหากให้ข้ารู้ว่าความคิดเสริมความเป็สิริมงคลนี้เป็ของผู้ใดข้าจะต้องสั่งสอนจนเขาจดจำบิดามารดาไม่ได้เป็แน่”พูดแล้วไม่แยแสว่าเซียวเยี่ยนจะเห็นด้วยหรือไม่ นางหยิบไม้คทาทองคำสองชิ้นไว้กอดในอ้อมอก“เ้าสิ่งนี้ข้าเก็บเอาไว้แล้ว ให้ท่านผู้เฒ่าชิ้นหนึ่งถือเป็ความเมตตากรุณาแล้ว”
เซียวเยี่ยนกล่าวอะไรไม่ออก
“รบกวนท่านหลีกทางสักหน่อยได้หรือไม่ ท่านขวางทางของข้า”เซียวเยี่ยนยังคงยืนอยู่เบื้องหน้านางไม่เคลื่อนไหวราวกับเป็ูเาลูกหนึ่งนางจึงร้องเตือนขึ้น
เซียวเยี่ยนได้แต่ขยับหลีกทาง เบี่ยงกายให้นาง
หลินชิงเวยเดินอยู่ข้างหน้าเมื่อออกจากท้องพระคลังยังยื่นมือออกไปหยิบทับทิมสีแดงสองเม็ดบนโต๊ะยัดเข้าไปในอกเสื้อของตน
เซียวเยี่ยนที่อยู่ด้านหลังเห็นทุกอย่างชัดเจน “เ้าอย่าได้คืบเอาศอก”
หลินชิงเวยหันกลับมา แม้กระทั่งรอยยิ้มที่จะให้เขาก็ยังเกียจคร้าน“ข้าทำอะไรให้ท่านกล่าวว่าข้าได้คืบเอาศอก?”พูดแล้วก็ยื่นมือออกไปหยิบหินมรกตมาอีกสองเม็ดยัดเข้าอกเสื้อของตนพร้อมกับมองเซียวเยี่ยนอย่างท้าทาย “ข้าหยิบแล้วก็คือหยิบแล้วท่านคิดจะทำอย่างไรเล่า?”
ดูท่าแล้วนางยังคงเต็มไปด้วยขุ่นเคืองหากไม่ให้นางได้ระบายโทสะเสียบ้างคงจะก่อเื่ไม่จบไม่สิ้นเซียวเยี่ยนจึงไม่ถือสาติดใจเอาความอันใด
สองวันให้หลังมาถึงอย่างรวดเร็ว
รถม้าได้มารออยู่หน้าประตูตำหนักซวี่หยางเนิ่นนานแล้วหลินชิงเวยพาซินหรูไปถึงตำหนักซวี่หยาง ซินหรูเดินตรงเข้าไปภายในตำหนักหลินชิงเวยเดินไปขึ้นรถม้าเตรียมเดินทางออกจากวัง
รถม้าคันนี้ทั้งกว้างและหรูหราอย่างยิ่งมุมทั้งสี่ของหลังคาเชิดขึ้นเล็กน้อย แขวนพู่สีเหลืองสว่าง รถม้าทั้งคันใช้ไม้ขัดแตะเสริมเพื่อความแข็งแรงตรงกลางมีม่านผ้าโปร่งสีขาวคั่นกลางอยู่ชั้นหนึ่งภายในยังมีม่านผ้าไหมสีเหลืองพื้นดำเนื้อหนาหนักอีกชั้นหนึ่งให้ความรู้สึกสุขุมเรียบหรูยิ่งนัก
นางกำนัลประคองหลินชิงเวยเข้าไป นางมองเข้าไปเซียวเยี่ยนนั่งอยู่ในรถม้าแล้ว เขานั่งอยู่ข้างริมหน้าต่างอย่างสงบ