ยามเช้าตรู่ แสงอาทิตย์เจิดจ้า เครื่องบินโดยสาร Boeing 777 ขนาดั์ลงจอดที่รันเวย์สนามบินนานาชาติเมืองหลินไห่ 15 นาทีต่อมา สาวงามท่านหนึ่งลากกระเป๋าเดินทาง GUCCI รุ่น limited (12,000 ดอลลาร์สหรัฐ) และสวมส้นสูงหนังกลับสีแดงรุ่นล่าสุดของ Christian Dior (5,800 ดอลลาร์สหรัฐ) เดินเข้ามาสู่ด่านศุลกากร
หญิงสาวที่สูง 170 เิเ อยู่ในชุด Chanel รุ่น limited ปี 2014 (15,000 ดอลลาร์สหรัฐ) หน้าอก 32C โผล่ล้นออกมาบนปกเสื้อคอวี ท่อนล่างโชว์ขอบชั้นในไหมแท้สีดำจาก “Victoria Secret” (3,000 ดอลลาร์สหรัฐ) เธอช่างมีเสน่ห์และดูภูมิฐาน
เมื่อคนงามยืนอยู่ที่หน้าต่างศุลกากร หนุ่มที่นั่งอยู่ด้านในนั้นก็อดมองด้วยความหลงใหลไม่ได้ มือของเขาสั่นเท่าในขณะที่หยิบพาสปอร์ตของแม่สาวงามนั้นขึ้นมา เธอช่างงดงามเหลือเกิน สวยแม้กระทั่งในวัฒนธรรมจีนห้าพันปีก็ไม่อาจหาคำชื่นชมใดมาพรรณนาได้ ไม่มีคำไหนที่จะบรรยายความงามของนางฟ้าผู้มาจุติคนนี้ได้
น้ำลายของเ้าหน้าที่ศุลกากรคนนั้นแทบจะไหลย้อย เขาพูดไม่ออกอยู่นานสองนาน
“น้องชาย เร็วเข้าหน่อย ข้างหลังยังมีคิวอยู่นะ” สาวงามยกนิ้วเรียวขึ้นเคาะกระจกตรงหน้าพร้อมกับกล่าวเตือนด้วยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์
“เอ๊ะ? ขอโทษ คุณทีน่าหรือเปล่าครับ?” พ่อหนุ่มเช็ดน้ำลายอย่างเงอะงะ ก่อนจะรีบตรวจสอบหนังสือเดินทางอย่างรวดเร็ว
แม้แต่รูปบนพาสปอร์ตก็ยังเหมือนภาพวาด ช่างงดงามเหลือเกิน พ่อหนุ่มคนนั้นมัวแต่หลงใหล ในขณะที่กาเครื่องหมายตรวจสอบข้อมูลอื่นๆ อยู่
ทีน่า ชาวจีนเชื้อสายอเมริกัน อายุ 24 ปี ราศีพิจิก ส่วนสูง 170 เิเ เดินทางมาจากลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา
“คุณทีน่าครับ ไม่ทราบว่าที่คุณมาเมืองหลินไห่ในครั้งนี้ มาทำงานหรือว่ามาท่องเที่ยวครับ?” ชายคนนั้นอยากจะเสริมอีกประโยค? ให้ผมไปเที่ยวเป็เพื่อนไหมครับ?
“ทั้งสองอย่างค่ะ ฉันมาหาสามี ฉันไม่ได้เจอเขามาครึ่งปีแล้ว ตอนนี้ทุกเซลล์ในร่างกาย ทุกรูขุมขนล้วนแต่คิดถึงเขาอย่างบ้าคลั่ง ถ้าคุณยังถ่วงเวลาที่เราจะได้เจอกันอีก ไม่แน่ว่าฉันอาจจะฆ่าคุณก็ได้นะ!” ทีน่ากล่าวพร้อมกับยิ้มให้เขาด้วยริมฝีปากอันแสนเซ็กซี่อย่างกับแองเจลิน่า โจลี่
“เหอๆ คุณทีน่าช่างมีอารมณ์ขัน ถ้าอย่างนั้นผมคงไม่ทำให้คุณเสียเวลาอีกต่อไปแล้ว เมืองหลินไห่ยินดีต้อนรับครับ” พ่อหนุ่มศุลกากรคนนั้นได้แต่พูดล้อเล่นกับแม่สาวงาม ก่อนจะประทับตราและคืนพาสปอร์ตให้
ผู้ชายคนนั้นมีอะไรดีถึงได้คู่ควรกับสาวงามเช่นนี้? นี่เป็คำถามที่ทุกคนที่ได้พบกับทีน่าต่างก็พากันขบคิด
ในขณะนั้นเอง อีกฟากหนึ่งของเมืองหลินไห่ ในบริษัทรักษาความปลอดภัยตระกูลเสิ่นซึ่งได้ทำการปรับปรุงแล้ว เสิ่นิกำลังทานหมั่นโถวซึ่งเป็อาหารเช้าของตน ส่วนเซี่ยวอี๋ก็กำลังส่องกระจกไปมาอยู่ในห้องน้ำ
พวกเขาได้รับค่าจ้างจากสถานีตำรวจแล้ว อย่างไรก็ตาม เงินนั่นตกทอดมาถึงมือของเสิ่นิแค่เพียง 500 หยวน นอกจากนั้นทางตำรวจยังลงโทษเสิ่นิฐานไฮแจ๊คผู้กอง เพิกถอนใบอนุญาตการมีอาวุธปืนชั่วคราวของเขาด้วย ปืนลูกโม่ 05 ถูกยึดไป ตามด้วยค่าปรับ 400 หยวน เพราะเขาทำพุ่มดอกไม้ริมทางเดินสถานีตำรวจพัง
เช่นนี้ เสิ่นิจึงกลายเป็ชาวนาผู้ยากไร้ที่เหลือเงินติดตัวเพียง 100 หยวน เขาทานได้แต่หมั่นโถวค้างคืนซึ่งลดราคาอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ต เซี่ยวอี๋ซึ่งถือเงินก้อนโตไว้ก็ไม่ได้สบายอกสบายใจนัก รถจี๊ปมือสองของเธอถูกจิติญญาผูกพันะเิไปในคืนนั้น บริษัทประกันตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มว่าหลังการตรวจสอบ ความเสียหายซึ่งเกิดจากการโจมตีด้วยอาวุธปืนไม่รวมอยู่ในประกัน บริษัทจึงไม่สามารถจ่ายเบี้ยชดเชยให้ได้แม้แต่เพียงครึ่งหยวน
และที่ไม่สบายใจอีกเื่หนึ่งก็คือ...
“เฮ้ นายว่าฉันอ้วนขึ้นหรือเปล่า?” เซี่ยวอี๋สวมกางเกงออกกำลังกายขาสั้นและเสื้อกล้ามครึ่งตัวเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอยืนหมุนเรือนร่างของเธอให้เสิ่นิดู
“ไม่นะ อ้วนตรงไหน?” เสิ่นิกัดหมั่นโถวทีละคำพลางตอบ
“ก็พุงไง นายดูไม่ออกเหรอ? กล้ามท้องฉันหายไปหมดแล้ว ตอนนี้กลายเป็ชั้นๆ แล้วเนี่ย!” เซี่ยวอี๋ใช้นิ้วบีบไปที่พุงน้อยๆ ของเธอ “เมื่อก่อนนี้ฉันจับขึ้นมาก็ไม่ได้เป็ก้อนขนาดนี้นะ!”
“คิดไปเองหรือเปล่า?” เสิ่นิยังไม่ยอมรับ
“นายรอก่อน ฉันจะโชว์ให้ดู!” เซี่ยวอี๋วิ่งขึ้นไปที่ชั้นบน ครู่หนึ่งเธอก็เปลี่ยนเป็ชุด GUCCI ที่เสิ่นิให้และก้าวลงมา
แม้ว่าเซี่ยวอี๋จะสวมชุดนั้นคู่กับรองเท้าแตะจนทำให้รู้สึกแปลกๆ แต่ก็ยังบดบังความงามของเธอไว้ไม่ได้!
“ดูสิ เมื่อก่อนฉันใส่ได้พอดี แต่ตอนนี้ตึงที่พุงมากเลย!” เซี่ยวอี๋ลูบหน้าท้องของตัวเองแล้วอยากจะร้องไห้ “ต้องโทษแม่นั่นแหละ ตอนเข้าโรงพยาบาล แม่ไม่ยอมให้ฉันลุกจากเตียงเลย เอาแต่คอยประเคนซุปให้ฉันถ้วยแล้วถ้วยเล่า จนฉันจวนจะกลายเป็ลูกหมูอยู่แล้ว!”
“ก็คุณน่ะขี้เหนียว กลัวว่าผมจะแย่งกิน ก็เลยรีบซดซะหมดเกลี้ยงทุกมื้อเลย สมน้ำหน้า” เสิ่นิกล่าวเยาะเย้ย
“ก็ใครทำให้ฉันต้องนอนโรงพยาบาลล่ะ? ยังหน้าไม่อายมาขอของกินฉันอีก!” เซี่ยวอี๋และเสิ่นิวกกลับเข้ามาที่คำถามไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน
“คุณมันไร้เหตุผล ไม่น่าคุยด้วยเลย ผมขอแนะนำให้แยกย้ายไปสงบสติอารมณ์กันสักครู่ก่อน คุณควักเศษเงินออกมา แล้วแบ่งกันคนละครึ่ง” เสิ่นิลุกพรวดและเดินเข้าไปหาเซี่ยวอี๋
“ฝันไปเถอะ เงินนั่นเป็เงินต้นพร้อมดอกบวกกับค่าชดเชยที่ฉันาเ็ในหน้าที่ อีกอย่างนายก็เพิ่งจะทำรถฉันพัง นั่นเป็รถจี๊ปที่เคยเข้าร่วมาโลกครั้งที่สองเลยนะ มันเคยโลดแล่นอยู่บนชายหาดนอร์มังดี และยังเคยรับแฟนสาวของ Dwight D. Eisenhower ด้วย”
“ช้าก่อน ทำไมฟังดูคุ้นๆ จัง?” เสิ่นิไม่รู้ว่าเซี่ยวอี๋กลายเป็คนฉลาดและมีไหวพริบเช่นนี้ั้แ่เมื่อไร
“ฉันเอาไป 49,500 หยวนแล้ว แต่นายก็ยังเป็หนี้รถฉันอีกหนึ่งคืน ฉันแนะนำให้นายไปโอนบ้านให้เป็ชื่อฉัน! แก ‘ไอ้ขี้แพ้’ !” เซี่ยวอี๋คำรามด้วยความโมโห
“เอาล่ะ! ผมดูออกั้แ่แรกแล้ว! ที่คุณอยู่กับผมเพราะคุณโลภอยากได้บ้าน! คุณนี่มันตัวแสบของบ้าน!” เสิ่นิยิ่งพูดก็ยิ่งออกรส
“นายกล้าด่าฉันเหรอ? ฉันจะเตะนายให้ตายเลย!” เซี่ยวอี๋ะโขาเดียวและเตะไปรอบๆ กะจะฟาดไปที่หัว แต่ขาของเธอกลับลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ มันถูกเสิ่นิคว้าเอาไว้ได้
“ขาท่อนแค่นี้ คิดจะเตะผมเรอะ? ชาติหน้าเถอะ!” เสิ่นิกวนประสาทเซี่ยวอี๋ เซี่ยวอี๋ผู้ซึ่งสวมเดรสก็ไม่ได้สนใจเลยว่าจะโป๊หรือไม่ ขาอีกข้างหนึ่งลอยขึ้นถึงบริเวณท้องของเสิ่นิ หนึ่งชายหนึ่งหญิงตะลุมบอนกันในห้องนั่งเล่น
เสิ่นิที่จริงแล้วเป็ฝ่ายได้เปรียบ เซี่ยวอี๋ขึ้นนั่งคล่อมเอวเสิ่นิสองมือชูกำปั้น กดลงบนหน้าอกเสิ่นิ ไม่คิดอยากถูกเสิ่นิกอดรัดจนแน่น ท่วงท่าดูไปไกลกว่าคราวก่อนในห้องนอนเซี่ยวอี๋เสียอีก
ชายกระโปรงที่ม้วนขึ้นเผยให้เห็นกางเกงชั้นในสีดำ มันกดทับอยู่บนเป้าของเสิ่นิพอดิบพอดี
“ไอ้ซกมก! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” ใบหน้าของเซี่ยวอี๋แดงก่ำ เธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างกำลังทิ่มตัวเองอยู่
“ปล่อยก็ได้ เอามาอีกสองร้อย ผมไม่อยากกินหมั่นโถวค้างคืน ฟันจะหลุดหมดแล้ว” เสิ่นิฉวยโอกาสปล้น
“ให้กับผีสิ! อยากได้เงินก็ไปขายตูดเอาเอง!”
“ผมขายก็ได้ ขายให้คุณไง เอาไม่เอา!” เสิ่นิหน้าไม่อาย จู่ๆ เขาก็จะขายตูดตัวเองเฉยเลย
ในขณะที่พวกเขาทั้งสองกำลังพัวพันกันอยู่บนพื้นนั้น ประตูบ้านก็ถูกคลายเกลียวจากด้านนอก เห็นได้ชัดว่าั้แ่เกิดเื่เมื่อครั้งก่อน เสิ่นิก็ได้เปลี่ยนบานประตูเป็ประตูแบบนิรภัยขั้นสูงแล้ว นอกจากสแกนลายนิ้วมือและรูม่านตา เ้านี่ก็ไม่ต่างอะไรจากประตูนิรภัยของตู้เซฟธนาคารเลย
แต่ผู้มาเยือนกลับใช้เหล็กเส้นแง้มประตูได้...
“สามี ฉันกลับมาแล้ว เซอร์ไพรส์?!” สีหน้าของทีน่าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขและความคาดหวัง แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้ากลับไม่เป็เช่นนั้น ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกอดรัดกันพัลวันอยู่บนพื้น
“พวกเธอ...กำลัง...” เส้นเืบนหน้าผากของทีน่าแทบจะะเิ มือที่จับลูกบิดอยู่นั้นสั่นจนเกิดเสียง
“อันฉี?!” เสิ่นิใจนหน้าซีดขาว เซี่ยวอี๋ไม่เคยเห็นท่าทางหวาดกลัวของเสิ่นิมาก่อนเลย ด้วยความที่นั่งอยู่บนตัวเขา เธอจึงััได้ว่าเขากลัวจนกระทั่งตัวสั่น “คุณฟังผมอธิบายก่อน! มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอกนะ?”
“แม่สาว เธอชื่ออะไร?” อันฉีลดศีรษะลงและถามด้วยน้ำเสียงโทนเดียว
“ฉันชื่อเซี่ยวอี๋ เมื่อครู่เธอเรียกเขาว่าสามี พวกเธอแต่งงานกันแล้วเหรอ?” เซี่ยวอี๋เพิ่งจะรู้ตัวว่าเธออยู่ในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง เธอจึงรีบลุกขึ้นและดึงกระโปรงลง “ฟังฉันอธิบายก่อนนะ มันไม่ได้เป็อย่างที่เธอคิด”
“ชุดบนตัวเธอนี่สวยดีนะ เหมือนกับชุด GUCCI รุ่น limited ที่ฉันอยากได้ทุกประการเลย” อันฉีโมโหจนตัวสั่น
ในที่สุดเซี่ยวอี๋ก็รู้แล้วว่าเ้าของกระโปรงตัวนี้ที่แท้จริงแล้วก็คือผู้หญิงตรงหน้านี่เอง แต่เสิ่นิบอกว่าเธอตายไปแล้ว?
“อันฉี เธอสงบสติอารมณ์ก่อน เธอกับผมไม่ได้เป็อะไรกัน เซี่ยวอี๋เป็เพียงแค่ผู้สังเกตการณ์ของผม เธอก็เลยได้กลายมาเป็ผู้ช่วยรักษาความปลอดภัยด้วย” เสิ่นิะโขึ้นจากพื้นและยืนบังเซี่ยวอี๋ไว้ การประจันหน้ากันนั้นน่าตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าการประมือกับจิติญญาผูกพันสิบเท่า
“ผู้หญิงธรรมดาๆ คนนี้ กลับได้สวมกระโปรงที่ฉันขอให้คุณซื้อให้ และยังนั่งอยู่บนเอวของสามีของฉันอีก ท่านั้นเรายังไม่เคยลองกันเลยนะ!” อันฉีคำรามด้วยความโกรธ
“อันฉี เธอฆ่าเธอไม่ได้นะ! เธอยังอยู่ใน่นิรวาน จะสังหารผู้บริสุทธิ์ไม่ได้!” เสิ่นิคำรามอย่างดุดัน
“พวกนายเล่นปาหี่อะไรกัน? เธอเป็ใคร?” เซี่ยวอี๋สับสน เธอไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังเผชิญอยู่ในสถานการณ์แบบไหนกัน?
“วางใจเถอะ หลังจากที่ฉันกำจัดเธอแล้ว ฉันจะฝังเธอไว้ในที่ที่ไม่มีใครหาพบ ถ้าหาไม่เจอ ก็ไม่ได้นับว่าฆ่าผู้บริสุทธิ์นี่ ใช่ไหม?” อันฉีใช้ตรรกะอย่างเทพเ้า
การทะเลาะวิวาทภายในบ้านดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่สัญจรไปมา แถวนี้เป็ย่านธุรกิจ และอยู่ใน่เวลากลางวัน รถตำรวจคันหนึ่งหยุดจอดอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามบ้าน
“นังเมียน้อย กล้าแย่งสามีฉัน ฟังฉันให้ดีนะ ชีวิตแกไม่ได้เป็ของแกอีกต่อไปแล้ว ฉันจะกลับมาอีก ก่อนแกตาย ฉันจะเหลือเวลาให้แกได้สารภาพบาปสักสองสามวินาที” อันฉีลากกระเป๋าเดินทางและหันหลังจากไป ทิ้งให้เสิ่นิและเซี่ยวอี๋งงเป็ไก่ตาแตก
“นายว่าใครเป็เมียน้อย? ทำไมฉันถึงกลายเป็เมียน้อยไปได้?” เซี่ยวอี๋ได้แต่เค้นถามเสิ่นิอย่างมึนงง
“เซี่ยวอี๋...คุณเชื่อใจผมไหม?” เสิ่นิจับไหล่ของเซี่ยวอี๋ทั้งสอง พร้อมกับถามด้วยสีหน้าที่อับจนหนทาง
“มาแบบนี้อีกแล้ว?! นายคิดจะยิงฉันอีกแล้วเหรอ? เชื่อไหมว่าฉันสามารถะเิสมองของนายได้เดี๋ยวนี้?” เซี่ยวอี๋โมโหพลางคว้าปืนพกรุ่น 92 ออกมา
“เธอชื่ออันฉี ไม่ทราบอายุ ไม่ทราบเชื้อชาติและสัญชาติ แม้แต่เพศก็เดาว่าเป็ผู้หญิง ผมกับเธอเป็ชาวนิรวานเหมือนกัน ฉายาของเธอในค่ายนิรวานคือ… ‘แม่มด’ เธอเป็ผู้หญิง...ที่ผมเอาชนะไม่ได้”