หลังจากเดินทางออกมาจากจวนตระกูลโหมว ฉินอวี่ก็รีบเร้นตัวแฝงในฝูงชน เข้าไปยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ก่อนจะสั่งอาหารและสุรา จากนั้นจึงชิมอาหารอันเลิศรสเ่าั้อย่างสบายใจ แต่ในใจกลับยังคงครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ฉินอวี่จึงจำเป็ที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและใจเย็น!
ก่อนจะเข้าร่วมงานเลี้ยงของโหมวจิ่นซิ่ว ฉินอวี่ก็ไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะเกิดการเดิมพันเช่นนี้ขึ้น และยิ่งนึกไม่ถึงเลยว่าจะไปเกี่ยวพันกับเหล่าอัจฉริยะมากกว่าเจ็ดส่วนของทั้งแดนต้าโหมวเทียน ฉินอวี่ในตอนนี้จึงรู้สึกเหมือนยืนอยู่บนปลายดาบ หากไม่ระวังไว้คงต้องขวัญหนีดีฝ่อ
เช่นเดียวกัน หากฉินอวี่ได้เป็หนึ่งในสามสิบหกขุนพล์ ในอนาคตข้างหน้าหนทางในแดนต้าโหมวเทียนก็จะเต็มไปด้วยความราบรื่น ถึงอย่างไร พวกศิษย์อัจฉริยะเ่าั้ก็คงไม่สามารถจะนำสิ่งที่พวกเขาวางเดิมพันมามอบให้ได้... หรือหากเอามาไม่ได้ เช่นนั้นแล้ว ก็คงต้องสรรหาของที่เทียบกันได้มาทดแทน อาทิเช่นวัตถุสำคัญ หรือไม่ก็น้ำใจ!
และตอนนี้ฉินอวี่ก็้าน้ำใจเป็ที่สุด สถานะความเป็ศิษย์ของผู้เฒ่าร้องไห้ก็เหมือนเพียงยันต์คุ้มกันตัวเพียงทางเดียวเท่านั้น แต่จะให้ทุกคนอำนวยความสะดวกให้เขาก็คงเป็ไปไม่ได้ หากตนเองผ่านการทดสอบสามสิบหกขุนพล์ ฉินอวี่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้รับความเลื่อมใส หากเป็เช่นนี้ได้ ฉินอวี่ก็จะมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าจะสามารถพาอาจารย์ออกมาจากคุกได้!
“ผู้าุโ หากไม่ใช่เพราะทำเพื่อท่าน ข้าจะยอมยั่วยุศิษย์อัจฉริยะของแดนต้าโหมวเทียนหรือ? เฮ้อ... นี่มันช่างเป็เื่ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเลย น่าเสียดาย... มันไม่มีทางเลือก” ฉินอวี่ดื่มเหล้าในจอกไปหนึ่งอึก ในใจรู้สึกขมขื่นอย่างยิ่ง การเดิมพันในครั้งนี้ เป็เื่ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา ซึ่งเหตุผลหลักแล้วก็ล้วนแต่ทำเพื่ออาจารย์หวงถิง เขาเคยคิดว่าลำพังเพียงสถานะลูกศิษย์ของผู้เฒ่าร้องไห้ แม้ว่าจะเป็หนึ่งในสามสิบหกขุนพล์ ก็น่าจะยากที่จะพาผู้าุโออกไปจากที่แห่งนี้ได้ เพราะท้ายที่สุด ในแดนต้าโหมวเทียน คนนอกก็คือคนที่สมควรถูกสังหาร จึงไม่ต้องพูดถึงผู้าุโที่เกือบถูกฝังไว้ในส่วนลึกของเขตจุ้ยโหมวเลย
“เื่นี้ดูจะยุ่งยากมากเป็พิเศษ จะต้องระมัดระวังให้ดี ยังดีที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมกับหลัวชิงเยว่มาั้แ่ต้น จึงสามารถจะปกป้องผู้าุโจากความตายได้ชั่วคราว” ฉินอวี่พึมพำกับตนเอง ขอเพียงมีเวลาที่เพียงพอ เขาก็จะสามารถช่วยอาจารย์หวงถิงออกมาได้อย่างแน่นอน
“เพียงแต่ การทดสอบเจ็ดสิบสองอสูรธรณีอาจจะยิ่งยากมากขึ้น แม้ว่าจะยากแค่ไหน ก็ต้องทำให้ตนเองเป็เจ็ดสิบสองอสูรธรณีให้ได้!” ฉินอวี่วางจอกเหล้าลง ดวงตาของเขามีแสงเปล่งประกายขึ้นมา ไม่ต้องสงสัยเลย หากตนเองไม่สามารถกลายเป็เจ็ดสิบสองอสูรธรณีได้ เช่นนั้นแล้ว ก็ต้องพ่ายแพ้แน่นอน เป็เพราะการเป็เจ็ดสิบสองอสูรธรณีนี้เป็หนทางเดียวที่จะมีสิทธิ์เข้าร่วมการทดสอบในหอคอยเทียนกัง
ฉินอวี่มีความเข้าใจดีเกี่ยวกับการทดสอบเจ็ดสิบสองอสูรธรณี การทดสอบจะแบ่งออกเป็สองด่าน ด่านที่หนึ่งคือการข้ามป่าอันตราย ต้องเป็คนในหนึ่งร้อยคนแรกเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เข้าร่วมท้าประลองเจ็ดสิบสองอสูรธรณี ซึ่งผู้ชนะจะสามารถแทนที่ตำแหน่งผู้แพ้ได้
ดังนั้น ฉินอวี่จึงคาดเดาว่าเหล่าศิษย์อัจฉริยะจะต้องแบ่งการป้องกันเป็สองสาย กลุ่มหนึ่งขัดขวางตนเองที่จะผ่านป่าอันตราย อีกกลุ่มหนึ่งจะต้องมอบให้เจ็ดสิบสองอสูรธรณีคอยท้าประลองตนเอง มีวิธีการเช่นนี้เพียงทางเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้เขาไม่ได้เป็หนึ่งในเจ็ดสิบสองอสูรธรณี
“ในอดีตเคยอ่านวิชาปิดลมหายใจจากสำนักเทียนฉีมามากมาย บางทีอาจจะได้นำมาใช้ในตอนนี้ ขอเพียงแค่แข็งใจฮึดสู้เข้าไว้ คิดว่าคงไม่มีทางขัดขวางในด่านแรกได้แน่นอน! เพียงแต่ ในด่านที่สอง... จะต้องมีการท้าประลอง บางทีอาจเป็เื่ที่ยุ่งยากจริงๆ...” ฉินอวี่ครุ่นคิด เมื่อลองพิจารณาดูถึงพละกำลังในตอนนี้ ครู่หนึ่ง ดวงตาฉินอวี่ก็กะพริบ และตัดสินใจแน่วแน่ ก่อนจะวางศิลาิญญาไว้สองสามก้อน และเดินออกจากโรงเตี๊ยม ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงการทดสอบเจ็ดสิบสองอสูรธรณีแล้ว เขาจึงตัดสินใจที่จะเริ่มศึกษาวิชาปิดลมหายใจ!
ในเวลาเดียวกันนี้ ณ จวนตระกูลแห่งหนึ่ง ในเมืองเทียนโหมวชั้นนอก
“เพล้ง เพล้ง เพล้ง!”
เสียงแตกของภาชนะเครื่องเคลือบยังคงดังอย่างต่อเนื่อง คนรับใช้ในจวนต่างวุ่นวายไม่สบายใจกันอย่างมาก และต้องทำทุกอย่างให้ระมัดระวังยิ่งขึ้น แม้แต่จะก้าวเดินก็ต้องเดินเขย่งเท้า และย่องไปทีละก้าว ด้วยเกรงจะรบกวนเ้าของจวน
ในห้องโถงใหญ่ของจวนตระกูลโหมว เหลยจั๋วเยว่ได้ทุบทำลายเครื่องเคลือบทุกชิ้นที่อยู่ในห้องจนหมดสิ้น ใบหน้าของเขาดูดุร้ายเป็อย่างยิ่ง จนไม่เหลือความอารมณ์ดีใดๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
ตอนอยู่ในจวนของโหมวจิ่นซิ่ว เหลยจั๋วเยว่ต้องพยายามอดกลั้นให้ได้มากที่สุด แต่เมื่อกลับถึงจวนของตนเอง เขาก็ไม่สามารถระงับความโกรธและฉุนเฉียวของตนเองได้อีกต่อไป!
ในครั้งนี้ เหลยจั๋วเยว่ใกลัวมากจริงๆ ในฐานะที่เป็หนึ่งในชายหนุ่มคนรุ่นใหม่ระดับแนวหน้าของตระกูลเหลย เหลยจั๋วเยว่เรียกได้ว่าแทบจะเป็ที่จับตามองของทุกคน โดยเฉพาะเมื่อผ่านการสอบสามสิบหกขุนพล์ ชื่อเสียงของเหลยจั๋วเยว่ก็เพิ่มมากขึ้นจนถึงขีดสุด เขายังเคยได้ยินผู้าุโของตระกูลเหลยแอบคุยกันว่า ตนเองอาจจะได้เป็หนึ่งในผู้สืบทอดของตระกูลเหลย สิ่งนี้ทำให้เหลยจั๋วเยว่รู้สึกพอใจในตนเองอย่างมาก
แต่กลับนึกไม่ถึงว่าในงานเลี้ยงของโหมวจิ่นซิ่วในครั้งนี้ นอกจากตนเองจะต้องเสียหน้าแล้ว กลับยังเป็เป้าสงสัยของทุกคน ศักดิ์ศรีคำสรรเสริญที่เขาเคยได้รับหายไป และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ตนเองได้วางเดิมพันด้วยอาวุธเซียนหนึ่งชิ้นอีกด้วย!
ขณะที่เขาตกอยู่ในสถานการณ์นี้ เหลยจั๋วเยว่ไม่ได้สังเกตเห็นเลย แต่เมื่อเขาเริ่มสงบสติอารมณ์ลงได้ เหลยจั๋วเยว่ก็พบว่า หลี่โหย่วฉายได้พูดจาหว่านล้อมไว้ั้แ่ต้นเพื่อให้ทุกคนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ติดกับ หากไม่ใช่เพราะมีคนบอกว่าหลี่โหย่วฉายสามารถเข้าใกล้แผ่นผนึกว่านเซี่ยงในระยะสองจ้างได้ ตนเองก็คงจะยังรู้สึกพอใจอย่างมาก!
“คนที่น่ากลัวมากเช่นนี้ มีความลึกลับซับซ้อนยิ่งนัก ช่างเป็แผนการที่มีชั้นเชิงมากจริงๆ!” เหลยจั๋วเย่วกัดฟันแน่น และเมื่อนึกย้อนกลับไปก็ยิ่งรู้สึกใจนเริ่มหวาดกลัวขึ้นไปอีก!
ใน่เริ่มต้นของการเดิมพัน ประการแรกก็เพราะถูกหลอกล่อจากฉินอวี่อย่างค่อยเป็ค่อยไป ประการที่สองคือความโลภในใจ จึงยอมเดิมพันเป็อาวุธเซียนเช่นนั้น แต่ในตอนนี้ เหลยจั๋วเยว่ได้ถูกรายล้อมไปด้วยความกลัวอย่างสมบูรณ์แล้ว ตามความเข้าใจของเขา คนที่สามารถจะวางแผนการเช่นนี้ได้ และต้องมีความมั่นใจอย่างแน่นอนว่าจะสามารถผ่านการทดสอบของหอคอยเทียนกังไปได้ ดังนั้นเขาจึงยอมเดิมพัน ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับกำลังขุดหลุมฝังตนเอง ศิษย์อัจฉริยะกว่าพันคน ทุกคนต่างวางเดิมพันไว้ด้วยอาวุธเต๋า ซึ่งนับว่าเป็สิ่งที่หนักหนายิ่ง ของนับพันชิ้น แม้ว่าจะเป็ผู้เฒ่าร้องไห้ก็ไม่สามารถจะหาของมากมายเช่นนั้นมาได้แน่นอน
ดังนั้น ในเมื่อหลี่โหย่วฉายไม่มีความเกรงกลัวใดๆ แสดงว่าเขาต้องมีบางสิ่งไว้พึ่งพาแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถเข้าใกล้ผนึกว่านเซี่ยงได้ในระยะสองจ้าง เพียงเื่นี้เื่เดียวก็เผยชัดแล้วว่าหลี่โหย่วฉายคนนี้ไม่ธรรมดา!
หากว่าหลี่โหย่วฉายคนนั้นสามารถเป็สามสิบหกขุนพล์ได้ ตนเองก็ไม่เพียงจะต้องสูญเสียเกราะป้องกันระดับพิเศษและไข่ของอสูรร้ายอสุนีเท่านั้น แต่ยังมีอาวุธเซียนอีกหนึ่งชิ้น!
อาวุธเซียน นั่นเป็อาวุธเซียนเชียวนะ!
หากเื่นี้แพร่กระจายออกไป ตระกูลจะต้องลงโทษตนเองสถานหนักอย่างแน่นอน เมื่อเป็เช่นนั้น ก็ไม่ต้องคิดเื่การเป็ผู้สืบทอดตระกูลเลย
เหลยจั๋วเยว่ไม่นึกมาก่อนเลยว่าเื่จะกลายเป็เช่นนี้ เขาแทบหายใจไม่ออก สีหน้าบึ้งตึง ในสมองเต็มไปด้วยเื่ต่างๆ มากมาย
“ไม่ได้! อย่างไรก็ไม่ได้ จะให้เขาผ่านด่านหอคอยเทียนกังไม่ได้!” เหลยจั๋วเยว่ส่งเสียงะโในใจอย่างบ้าคลั่ง
และในตอนนี้ ชายหนุ่มทั้งสิบสองคนค่อยๆ เดินเข้ามายังลานชั้นใน และมองไปยังเหลยจั๋วเยว่ที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องโถง หลังจากมองดูจนทั่ว ชายหนุ่มคนหนึ่งก็พูดขึ้น “พี่จั๋วเยว่...”
ชายหนุ่มคนนี้คืออินิ คนที่มาพร้อมเขาคือหลัวอวิ๋นทุน และชายหนุ่มหญิงสาวที่มีสถานะไม่ธรรมดาอีกกว่าสิบคน ในใจของแต่ละคนต่างหวาดกลัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
สายตาของเหลยจั๋วเยว่แดงก่ำ มองตรงไปทางพวกอินิ และพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “มีเื่อะไร?”
อินิสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ครั้งนี้ถูกบังคับให้มาที่นี่ หลังจากงานเลี้ยง พวกเขาก็เหมือนมดบนหม้อไฟ ไม่อาจนั่งนิ่งได้สักวินาทีเดียว หลังจากพูดคุยกันอยู่นาน พวกเขาจึงมีมติร่วมกันว่าจะต้องนำมาปรึกษาเหลยจั๋วเยว่ ต้องบอกเลยว่า ที่พวกเขาร้อนใจมากขนาดนี้ นั่นก็เพราะพวกเขาทั้งสิบสองคนล้วนแต่เดิมพันกับฉินอวี่ได้วยอาวุธชื่อเซียน!
อาวุธชื่อเซียน นั่นคืออาวุธชื่อเซียนเลยทีเดียว เดิมแล้วพวกเขาทั้งสิบสองคนก็ไม่กล้าที่จะคิด แต่ตอนนี้ พวกเขาได้เข้าร่วมเดิมพันบ้าๆ และวางเดิมพันเป็ถึงอาวุธชื่อเซียน แล้วจะไม่ให้พวกเขาร้อนใจได้อย่างไร
“พี่จั๋วเยว่ จะปล่อยให้หลี่โหย่วฉายนั่นผ่านด่านหอคอยเทียนกังไม่ได้เด็ดขาด... พวกข้ามาพบท่านวันนี้ก็เพราะอยากขอคำปรึกษา ทำอย่างไรจึงจะขัดขวางไม่ให้หลี่โหย่วฉายกลายเป็เจ็ดสิบสองอสูรธรณี... ขอเพียงแค่ทำให้เขาพ่ายแพ้ ก็หมดโอกาสจะเข้าร่วมทดสอบสามสิบหกขุนพล์ ถึงตอนนั้น พวกเราก็จะเป็ฝ่ายชนะ!” อินิกล่าวอย่างสะเปะสะปะ
ท่าทางของเหลยจั๋วเยว่ในตอนพวกอินิเดินเข้ามาได้หายไปโดยสิ้นเชิง ในตอนนี้ เขาเริ่มกลับสู่ท่าทางปกติ กวาดสายตามองพวกอินิ และพูดอย่างเฉยเมย “จะขัดขวางอย่างไร?”
จะขัดขวางอย่างไร? เหลยจั๋วเยว่เคยนึกถึงเื่นี้มาก่อนตอนอยู่ในงานเลี้ยง อีกทั้งยังวางแผนการรับมือ แม้ว่าทุกสิ่งที่ทำมามันอาจจะสูญเปล่าทั้งหมด แต่ความคิดอันรวดเร็วของเหลยจั๋วเยว่ และการระมัดระวังตัวเป็พิเศษ ยังคงทำให้ตนเองยังพอเหลือทางหนีทีไล่ นี่คือสิ่งที่คิดตอนที่ฉินอวี่ยังอยู่ในงานเลี้ยง แต่กลับไม่ได้ลงรายละเอียดถึงเหตุผล
เหลยจั๋วเยว่รู้ดี ต่อหน้าผู้คนมากมาย ต่อให้ตนเองจะบีบให้ฉินอวี่ยอมยกเลิกสัญญาเดิมพันได้ แต่เขาจะไม่ยอมทำตามสิ่งที่ตนเองร้องขออย่างแน่นอน ท้ายที่สุด หากตนเองทำให้สัญญาเ่าั้ถูกยกเลิกได้ และเมื่อเป็เช่นนั้นคนอื่นๆ ก็จะมาขอให้ช่วยพวกเขาแน่นอน ดังนั้นเหลยจั๋วเยว่จึงยังเหลือหนทางให้ตนเอง เขาเชื่อนักว่าหลี่โหย่วฉายนั่นก็จะต้องรู้อยู่เช่นกัน
แต่เหลยจั๋วเยว่คงไม่้าปล่อยให้ชะตาของตนเองอยู่ในมือคนอื่น ไม่ว่าหลี่โหย่วฉายจะเห็นด้วยกับการยกเลิกสัญญาเดิมพันหรือไม่ เหลยจั๋วเยว่ก็ต้องขัดขวาง ขวางไม่ให้เขาได้เป็หนึ่งในสามสิบหกขุนพล์
ดังนั้น เหลยจั๋วเยว่จึงมีการคำนวณเอาไว้แล้ว ตอนนี้จึงได้แต่รอการตอบกลับ เพียงเพราะ้าลองฟังแผนการของพวกอินิ เพื่อสร้างความร่วมมือ
หลังจากอินิและหลัวอวิ๋นทุนสบตากันแล้ว หลัวอวิ๋นทุนก็กล่าวต่อ “พวกเราคิดจะมาขอปรึกษาเื่แผนสามขั้นเพื่อเผื่อเอาไว้ก่อน ขั้นที่หนึ่งคือ ่ที่อยู่ในด่านที่หนึ่งของการท้าประลองเจ็ดสิบสองอสูรธรณี รวมพลังของอัจฉริยะจำนวนมากเข้าด้วยกันเพื่อสังหารเขา! แม้ว่าเขาจะเป็ศิษย์ของผู้เฒ่าร้องไห้ แต่ผู้เฒ่าร้องไห้ก็ไม่สามารถแทรกแซงเื่การท้าประลองได้ ต่อให้หลี่โหย่วฉายจะแข็งแกร่ง แต่อย่างไรพวกเราก็มีคนมากกว่า แม้เขาจะโชคดีหนีรอดไปได้ แต่ก็ต้องได้รับาเ็สาหัส ถึงตอนนั้น... จึงเริ่มดำเนินการขั้นที่สอง...”
“ในด่านที่สองของการท้าประลอง ให้ห้าอันดับแรกของยอดฝีมืออสูรธรณีเริ่มท้าประลองหลี่โหย่วฉาย หากเป็เช่นนี้ หลี่โหย่วฉายจะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย! ในสองขั้นนี้ พวกเราได้วางแผนไว้ดีแล้ว แต่อย่างไรก็ต้องเผื่อเอาไว้ก่อน ในขั้นที่สาม คงต้องขอให้พี่ใหญ่เยว่ช่วยเหลือ” หลัวอวิ๋นทุนพูดเบาๆ
“ว่ามา!” เหลยจั๋วเยว่กล่าวด้วยอาการสงบ จากนั้นหลัวอวิ๋นทุนจึงพูดต่อ เขาได้คิดเตรียมไว้แล้ว
“หากหลี่โหย่วฉายจะโชคดี ได้เป็หนึ่งในอสูรธรณี แต่ก็ยังมีทางหนีทีไล่ เป็เพราะในการเดิมพันครั้งนี้ ส่วนมากที่เข้าร่วมก็เป็เจ็ดสิบสองอสูรธรณี ดังนั้น ก็สามารถรวบรวมอสูรธรณีที่เหลือร่วมต่อสู้กับหลี่โหย่วฉายได้... หากพี่จั๋วเยว่พอจะเปิดเผยเื่ของหอคอยเทียนกังออกมาได้บ้าง ก็จะส่งอสูรธรณีออกไปเตรียมโจมตีแต่เนิ่นๆ ภายใต้แผนการสามขั้น หลี่โหย่วฉายจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!” ดวงตาของหลัวอวิ๋นทุนเปล่งประกาย และพูดอย่างมีนัย
“ผู้นำของเจ็ดสิบสองอสูรธรณีคือหลัวป้าอวี่ใช่หรือไม่?”
