เส้นทางหินมรกตในหุบเขาลึกคดเคี้ยวไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สายลมโหมกระหน่ำพัดปกคลุมทั่วทั้งหุบเขาก่อนจะเกิดเป็ปราการตามธรรมชาติ
หนิงเทียนจ้องมองอยู่นานก่อนละจากผาแยกนภาด้วยความสงสัยใคร่รู้
เมื่อชิงผีซานเห็นหนิงเทียนกลับมาอย่างปลอดภัย เขาก็พูดอย่างตื่นเต้น “เด็กดี ข้ารู้ว่าเ้าต้องอรด เ้าเห็นอะไร้าบ้างหรือ?”
“ข้าเห็นเส้นทางหินมรกต มันนำไปสู่ที่ใด?” หนิงเทียนตอบตามความจริง
“จริงหรือ? เช่นนี้ตำนานที่ว่าเมื่อปีนผาแยกนภาจะเห็นเส้นทางสู่์ก็เป็เื่จริงสินะ และเส้นทางหินมรกตก็คือหนทางสู่์!”
หนิงเทียนประหลาดใจ “เส้นทางสู่์? เ้าพูดเื่อะไร?”
ชิงผีซานมองผาแยกนภาที่อยู่เื้ัแล้วพูดอย่างตื่นเต้น “ตำนานเล่าว่ามีสถานที่ต้องห้ามต่อชีวิตสามแห่งในูเาไป่หลิง ที่แห่งแรกเรียกว่าประตูสู่์ ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในใจกลางของูเาไป่หลิงและไม่เคยมีผู้ใดไปถึงที่นั่น”
“ทำไม?”
“เพราะประตูสู่์อยู่ระหว่างผาแยกนภาและทะเลสาบอเวจี ต้องเข้าจากสองทางนี้เท่านั้น และไม่ว่าจะเป็ผาแยกนภาหรือทะเลสาบอเวจีก็ล้วนเป็สถานที่ต้องห้ามต่อชีวิต ดังนั้น ั้แ่โบราณกาลจึงมีปรมาจารย์และเ้าแห่งจิติญญาที่เอาชีวิตมาทิ้ง ณ ที่แห่งนี้จำนวนมาก”
หนิงเทียนใอย่างยิ่ง ตั้งอยู่ระหว่างสองพื้นที่ต้องห้ามเช่นนี้มันเลวร้ายเกินไปแล้ว!
“ไม่มีทางอื่นแล้วหรือ?”
ชิงผีซานกล่าวว่า “ถ้าสามารถเข้าไปได้อย่างง่ายดาย คงไม่เรียกว่าสถานที่ต้องห้ามต่อชีวิตหรอก ไปกันเถอะเ้าหนู อย่าคิดมากเกินไป นั่นไม่ใช่ที่ที่เ้าสามารถเข้าไปได้ ข้าจะพาเ้าไปเยี่ยมชมถ้ำ์ซึ่งเป็ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งของูเาไป่หลิง”
หนิงเทียนพูดขึ้นอย่างลังเล “ขะ...ข้าอยากไปฝึกฝนในหุบเขาลึก”
“เ้าไม่อยากเห็นประตูสู่์หรือ? ข้าจะบอกเ้านะ สถานที่นั้นแปลกเกินไป อย่าโลภเลย”
“ไม่ ข้าแค่วางแผนที่จะไปหุบเขาเพื่อชื่นชมความหมายที่แท้จริงของลมให้มากขึ้น เ้าไม่เห็นหรือว่าข้าเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแปดแล้ว?” พลันเสาลมที่มีคลื่นผันผวนอันลึกลับก็ปรากฏข้างกายหนิงเทียน
ชิงผีซานครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สถานที่นั้นก็อันตรายมากเช่นกัน มีปรมาจารย์ไม่น้อยเลยที่เสียชีวิตที่นั่น เ้าไม่ควรฝืน”
“ไม่ต้องห่วง ข้าประมาณตนไว้แล้ว” อันที่จริงหนิงเทียนคิดเื่ประตูสู่์อยู่ตลอด เขาอยากดูว่ามีอะไรอยู่ที่นั่น เหตุใดจึงสามารถดึงดูดยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่และจิติญญาจำนวนมากให้เข้าหาโดยไม่เกรงกลัวความตายได้เช่นนี้?
ยามนี้หนิงเทียนอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแปดแล้ว สิ่งต่อไปที่เขาต้องทำคือทะลวงเข้าขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นเก้าให้ได้ ซึ่งถือเป็ขั้นที่สำคัญที่สุด
เนื่องจากประตูสู่์นั้นทรงพลังมาก เขาจึงสงสัยว่ามันจะมีโอกาสและโชคลาภที่้าบ้างหรือเปล่า?
หนิงเทียนเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังพร้อมจับชั้นหินของผาแยกนภาไว้แน่น ที่นี่ลมแรงเกินไป หากไม่ใช่เพราะเขามีคัมภีร์หลิงฮวงที่ปกป้องร่างกายและน้ำเต้าเจ็ดสีที่ช่วยกดร่างเอาไว้ เขาคงถูกพัดลอยไปนานแล้ว
หลังจากลอดผ่านผาแยกนภามาได้ ในที่สุดหนิงเทียนก็มาถึงหุบเขาด้านหลัง มันเป็เพียงสถานที่แห่งความตาย มีพายุอันน่าสะพรึงกลัวที่พร้อมทำลายทุกอย่าง และสามารถฉีกทุกสรรพสิ่งเป็ชิ้นๆ ได้
บงกชสีมรกต ต้นไม้แห้งเหี่ยว หญ้าต้นน้อย เถาวัลย์เขียว ลำธารวงแหวน เปลวเพลิง และเนินเขารอบกายหนิงเทียนล้วนแหลกเป็ชิ้นๆ มีเพียงเสาลมที่มองไม่เห็นเท่านั้นที่บิดงอและยังคงยึดมั่นอยู่
“ให้ตายเถอะ! สมแล้วที่เป็สถานที่อันตราย น่ากลัวยิ่งนัก!” หนิงเทียนพึมพำพลางใช้ยุทธศาสตร์ครอง์อย่างบ้าคลั่ง และแผนที่จิติญญาทั้งแปดในร่างต่างก็ตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์
เสาลมโปร่งใสปรากฏขึ้นในแผนที่จิติญญาที่แปด ซึ่งมีเครื่องหมายลึกลับส่องแสงเจิดจ้าและปล่อยข้อมูลจำนวนมากออกมา
“ลมหมุนเคลื่อนโลก กวาดนภา รวบรวมลมเป็เสาวาโย ทำลายทุกสรรพสิ่ง พายุหมุนแผ่ขยาย ล่มสลายทั้งภูผาและธารา”
นี่เป็ทักษะติดตัวที่เรียกว่าโหมวาโยคุมเทวัญ ซึ่งรวบรวมการใช้ลมในแบบต่างๆ ที่ทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
หนิงเทียนเดินลึกเข้าไปในสภาพแวดล้อมที่ไม่ธรรมดานี้ และเข้าใจประเด็นสำคัญอย่างรวดเร็ว เสาลมที่โปร่งใสข้างกายราวกับหญิงสาวที่กำลังเริงระบำเบาๆ ด้วยท่วงท่าสง่างามและว่องไว
ทักษะโหมวาโยคุมเทวัญแบ่งออกเป็เก้าระดับ เมื่อหนิงเทียนเข้าใจระดับสาม คลื่นผันผวนทางอารมณ์ที่แปลกประหลาดก็ปกคลุมหัวใจของเขา
“ใคร?” หนิงเทียนเอ่ยออกมาก่อนจะหันมองไปรอบๆ เขาเห็นเสาค้ำจำนวนนับไม่ถ้วนในหุบเขา และสังเกตเห็นชายร่างโปร่งสูงกว่าร้อยจั้งกำลังมองลงมา
ความกลัวเข้าครอบงำจิตใจจนหนิงเทียนอยากถอยหนีในทันที ทว่าเมื่อเขาลองคิดดูอีกครั้งเขาก็หยุดลง
ชายร่างโปร่งหดตัวลงเรื่อยๆ ก่อนจะเข้ามาใกล้หนิงเทียนราวกับิญญา ลมหมุนอันน่าสะพรึงกลัวทำลายมิติเวลาและพื้นที่แล้วพุ่งเข้ามาพัดวนรอบร่างของหนิงเทียน ซึ่งทำให้แผ่นดินแตกร้าวและมีความตายปรากฏอยู่ในใจ
จิตใจของหนิงเทียนสั่นไหว ยุทธศาสตร์ครอง์และทักษะโหมวาโยคุมเทวัญถูกเปิดใช้จนสุดขีด น้ำเต้าเจ็ดสีส่องประกายด้วยแสงสีเงินแต่ก็ไม่สามารถต้านทานพายุร้ายได้
“กลิ่นอายที่คล้ายคลึงกัน น่าสนใจนิดหน่อย” ชายร่างโปร่งใสมีรูปร่างสูงมาก ทั้งร่างสร้างขึ้นจากลมซึ่งประกอบด้วยความลึกลับสูงสุดแห่งฟ้าดิน ทั้งยังปลดปล่อยความผันผวนที่รุนแรงและน่าสะพรึงกลัว
จิตใจของหนิงเทียนเริ่มตึงเครียด เขาพูดอย่างไม่สบายใจเล็กน้อย “ท่านคือิญญาวาโยหรือ?”
“ิญญาวาโย? จะว่าเช่นนั้นก็ได้ เ้าตัวน้อย เ้ากล้าเข้ามาในเขตหวงห้าม ไม่อยากมีชีวิตแล้วใช่หรือไม่?”
หนิงเทียนหลั่งเหงื่อเย็นก่อนจะกัดฟันพูดอย่างกล้าหาญ “ข้ามาที่นี่เพื่อฝึกฝน ข้าอยากเข้าใจความลึกลับของสายลม และสภาพแวดล้อมที่นี่ค่อนข้างเหมาะสม”
“เหมาะสม? ผายลมสิ! เ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่สามารถฉีกร่างเ้าเป็ชิ้นๆ ได้เลยนะ?”
ชายคนนั้นจ้องมองหนิงเทียนอย่างเ็าก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ “บนร่างของเ้ามีกลิ่นอายของดิน ไฟ และน้ำอยู่ด้วย ช่างน่าสนใจยิ่งนัก”
เมื่อหนิงเทียนได้ยินเช่นนี้จิตใจของเขาก็เริ่มหวาดหวั่น แผนที่จิติญญาทั้งแปดในร่างตื่นตระหนกขึ้นอย่างบ้าคลั่ง บงกชสีมรกต ต้นไม้แห้งเหี่ยว หญ้าต้นน้อย เถาวัลย์เขียว ลำธารวงแหวน เปลวเพลิง และเนินเขาปรากฏขึ้นอีกครั้งพร้อมกลืนพลังิญญาแห่งฟ้าดิน ทั้งยังก่อให้เกิดกระแสวังวนพลังขึ้นแปดจุด
ชายร่างโปร่งใสมองวังวนทั้งแปดที่อยู่รอบกายหนิงเทียนด้วยดวงตาที่ส่องประกายแปลกๆ “หายากยิ่งนักที่จะมีดิน ไฟ น้ำ และลมรวมอยู่ในร่างเดียว น่าเสียดายเสียจริง”
สีหน้าของหนิงเทียนเปลี่ยนไปโดยพลัน จากนั้นจึงถามว่า “น่าเสียดายอะไร?”
ดวงตาของชายคนนั้นโชติ่ดุจคบเพลิง เขามองหนิงเทียนอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งแล้วเอ่ยว่า “ดิน ไฟ น้ำ และลมของเ้าล้วนทำงานอย่างอิสระราวกับเศษทรายที่หลุดร่อน ไม่ได้มีบทบาทที่แท้จริง นอกจากนี้กลิ่นอายของเปลวเพลิงยังมีบางอย่างแปลกๆ เหมือนผสมอยู่กับสิ่งอื่น กลิ่นอายของดินไม่บริสุทธิ์ราวกับมีกระดูกถูกฝังอยู่ มีเพียงกลิ่นอายของน้ำเท่านั้นที่ค่อนข้างบริสุทธิ์ ทั้งยังมียันต์เต๋าอนันต์อันล้ำค่าจากเหล่าทวยเทพ”
หนิงเทียนแอบชื่นชมอยู่ในใจ เขาไม่คิดว่าการมองเห็นของชายคนนั้นจะเก่งกาจถึงเพียงนี้ ถึงกับสามารถมองผ่านดิน ไฟ น้ำ และลมในร่างของเขาได้ในคราวเดียว
“ข้ามีโชคมากพอที่ิญญาธาราช่วยสอนวิถีแห่งเต๋าธรรมชาติให้ แต่น่าเสียดายที่ข้าโง่เกินไปและมีความรู้เพียงผิวเผินเท่านั้น”
ชายคนนั้นพึมพำ “ไม่จำเป็ต้องถ่อมตัว หากเ้าเพียง้าฝึกฝนที่นี่ ข้าสามารถแสร้งทำเป็ว่าไม่เห็นเ้าได้ แต่ถ้าเ้า้าผ่านหุบเขาไปยังส่วนลึกของูเาไป่หลิง เ้าจะต้องผ่านการทดสอบของข้าเสียก่อน ก่อนหน้านี้ยังไม่มีผู้ใดที่บุกเข้ามาแล้วรอดชีวิตไปได้ พวกเขาล้วนถูกฝังอยู่ที่นี่ เ้าจงไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนเสียก่อน”
“มีอะไรอยู่ในประตูสู่์กันแน่?” หนิงเทียนตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าชายคนนี้จะอ่านความคิดของตนออก แล้วเช่นนี้เขายังจะทำอย่างไรได้?
ชายร่างโปร่งใสพูดอย่างเ็า “ไม่อาจบอกได้”
หนิงเทียนพูดอย่างลังเล “แล้วความลึกลับของสายลมที่ข้าเข้าใจเป็อย่างไรบ้าง?”
“แทบจะไม่ได้เื่เลย”
เมื่อได้ยินดังนั้นหนิงเทียนก็ไม่เชื่อ เทพเ้าล้วนหยิ่งผยองเช่นนี้ทุกคนเลยหรือ?
ตอนแรกสุ่ยหลิงก็บอกว่าเขานั้นธรรมดา ส่วนตอนนี้ิญญาวาโยก็บอกว่าเขามีความสามารถไม่เพียงพอ ซึ่งนี่เป็เพียงการดูถูกเท่านั้น
“หากข้าอยากไปประตูสู่์ ข้าจะต้องเผชิญบททดสอบแบบใด?”
“เอาชนะข้าให้ได้”
หนิงเทียนยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ข้าอยู่เพียงขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแปดเท่านั้น หากไม่ต่อสู้ในขอบเขตเดียวกันเช่นนั้นข้าจะเอาชนะท่านได้อย่างไร?”
“นั่นมันเื่ของเ้า แต่เ้าเลือกที่จะถอยได้” ชายคนนี้เ็ามาก ทั้งยังยึดมั่นในหลักการของตน
หนิงเทียนหมดหนทาง ขณะที่ครุ่นคิดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้ เขาก็ยังฝึกฝนทักษะโหมวาโยคุมเทวัญต่อไป
ชายคนนั้นไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่มองจากด้านข้าง
หนิงเทียนมีกายเต๋าิญญาศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังมีความเข้าใจที่เข้มแข็งและมีรากฐานที่มั่นคงมาก แต่หลังจากมองอยู่นาน ชายคนนั้นก็บ่นขึ้นอย่างจริงจัง “ก็แค่หมูตัวหนึ่ง ร่างกายนี้ช่างเสียเปล่าอะไรเช่นนี้”
หนิงเทียนพูดอย่างหดหู่ “เช่นนั้นก็หันหลังกลับและหยุดมองได้แล้ว เหตุใดจึงต้องว่าข้าด้วย? หากคิดว่าการฝึกของข้าไม่ถูกต้อง ท่านก็แนะแนวทางให้ข้าแก้ไขเท่านี้ก็พอแล้ว”
ชายร่างโปร่งใสพูดเสียงตะคอก “ทำไมข้าต้องช่วยเ้าด้วย? ข้าไม่สนิทกับเ้า เ้าอย่าได้คิดตีสนิทกับข้าเชียว!”
หนิงเทียนเพิกเฉยต่อเขาและมุ่งความสนใจไปยังความเข้าใจของตนเอง เขาเชี่ยวชาญทักษะโหมวาโยคุมเทวัญระดับสี่ได้อย่างรวดเร็วและเชี่ยวชาญการใช้ลมมากขึ้นเรื่อยๆ
“เก้งก้าง! โง่เขลา! เ้าไม่ต่างจากไม้ผุแล้วสลักไม่ได้[1]จริงๆ!” ชายคนนั้นยังคงพร่ำบ่น ทั้งยังอารมณ์เสียมากจนเป่าหนวดถลึงตา[2]
หนิงเทียนลืมตาขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “โกรธหรือ? เช่นนั้นเรามาเปลี่ยนการทดสอบดีหรือไม่? ท่านพูดข้าทำตาม ถ้าข้าทำได้และผ่านการประเมิน ท่านก็ต้องให้ข้าผ่าน ว่าอย่างไร?”
“แล้วถ้าเ้าทำไม่ได้เล่า?”
“ถ้าข้าทำไม่ได้ก็ถือเสียว่าข้าแพ้ และข้าจะยอมจากไปแต่โดยดี”
ชายคนนั้นพึมพำ “เ้ามีความคิดที่สวยงามอะไรเช่นนี้? ทำไมข้าจะต้องช่วยเ้าด้วย?”
หนิงเทียนกัดฟันดังกรอด เ้าบ้านี่จะตระหนี่เกินไปแล้ว!
“ท่านคิดว่านี่คืออะไร?” ทันใดนั้นหนิงเทียนก็คิดแผนขึ้นมาได้ เขาเปิดคัมภีร์หลิงฮวงออก จากนั้นอักษรสีทองสิบตัวก็ปรากฏขึ้น ซึ่งมันดึงดูดความสนใจของชายร่างโปร่งใสได้ทันที
“ตำนานถานฮวาบานชั่วข้ามคืน! เ้ากับนางมีความสัมพันธ์กันอย่างไร?”
หนิงเทียนเชิดหน้าขึ้นแล้วพูดอย่างจริงจัง “ข้าเป็ผู้สืบทอดของไท่เสวียน!”
สายตาของชายคนนั้นไม่อาจคาดเดาได้ เขาเดินวนรอบร่างของหนิงเทียนด้วยท่าทางราวกำลังครุ่นคิดบางอย่าง “ในอนาคตอย่าพูดแบบนี้กับใครง่ายๆ อีก เพื่อเห็นแก่ไท่เสวียนข้าจะให้โอกาสเ้า หากเ้าผ่านการประเมินของข้า ข้าจะยอมให้เ้าเข้าไปในประตูสู่์!”
หนิงเทียนดีใจมากจึงพูดอย่างตื่นเต้น “ไม่ต้องกังวล ข้าจะผ่านมันไปให้ได้!”
“อย่าหยิ่งผยองจนเกินไป มันยากสำหรับหมูโง่เช่นเ้าที่จะผ่านไปได้”
“อย่าดูถูกข้านะ! ข้าจะสร้างความประทับใจให้ท่านเอง”
ชายคนนั้นยังคงพูดอย่างเหยียดหยาม “แค่เป็เ้าก็เกรงว่าจะเป็เื่ยากแล้ว”
จากนั้นเขาก็หันกลับแล้วบอกให้หนิงเทียนตามไป เมื่อมาถึงใจกลางหุบเขาที่ซึ่งลมพัดโหมรุนแรงราวจะแยกท้องนภา ความเสียหายจากพายุหมุนเกือบจะฉีกหนิงเทียนออกเป็ชิ้นๆ
“การประเมินนั้นง่ายมาก หากเ้าสามารถไปถึงจุดสูงสุดของขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแปดซึ่งเป็จุดสูงสุดของ่สมบูรณ์ได้โดยไม่มีข้อบกพร่องใดๆ ข้าจะให้เ้าผ่าน”
หนิงเทียนกลอกตาแล้วถามว่า “จุดสูงสุดของ่สมบูรณ์คืออะไร?”
ชายคนนั้นมองแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ก่อนอื่นเลย ต้นไม้ ดอกไม้ ต้นหญ้า และเถาวัลย์จะต้องรวมเป็หนึ่งเดียวเพื่อให้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของรากบ่มเพาะ ทั้งยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตาม้า ต้นหญ้าและต้นไม้มีแหล่งกำเนิดและแยกไม่ออกจากกัน ประการที่สอง คือ ดิน ไฟ น้ำ และลมจะต้องผสานกันอย่างลงตัวและจับคู่ได้ตามที่เ้า้า เ้าต้องเข้าใจความหมายที่แท้จริงของวิถีแห่งเต๋าธรรมชาติและเข้าใจเส้นทางเต๋าพฤกษากับเส้นทางแห่งจิติญญาอย่างถ่องแท้”
หนิงเทียนจมอยู่ในห้วงความคิดอันลึกซึ้ง เขาไม่เคยนึกถึงสิ่งที่ชายคนนั้นพูดมาก่อนเลยจริงๆ เขาละเลยมันไปจริงๆ หรือ?
ก่อนหน้านี้ที่ต้นไม้โบราณสังเวยิญญาเพื่อสอนเส้นทางแห่งจิติญญา เป็เพราะขอบเขตของหนิงเทียนยังไม่เพียงพอ จึงกล่าวถึงเื่การผสมผสานอย่างเรียบง่ายและไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก
ทว่ายามนี้หนิงเทียนพลังแห่งดิน ไฟ น้ำและลม ต้นไม้ ดอกไม้ ต้นหญ้า และเถาวัลย์เอาไว้แล้ว ทั้งยังมีเงื่อนไขในการพัฒนาเส้นทางเต๋าพฤกษาและเส้นทางแห่งจิติญญา ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าไม่เคยมีมาก่อนในประวัติการณ์
หากสามารถรวมเป็หนึ่งและบูรณาการได้สำเร็จ มันจะมีประโยชน์ต่อหนิงเทียนอย่างไม่อาจจินตนาการได้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็ด้านการปรับปรุงความแข็งแกร่งหรือการเสริมรากฐาน
---------------------------------------
[1] ไม้ผุแล้วสลักไม่ได้ (朽木不可雕也) หมายถึง สอนแล้วไม่จำ ไม่เชื่อฟัง หรือยากที่จะสอนให้ได้ดี
[2] เป่าหนวดถลึงตา (吹胡子瞪眼) หมายถึง ท่าทางฟึดฟัดหรือโมโห
