ฉินเฟิงสะดุ้งเมื่อรูปร่างที่เหมือนหยกเข้ามาในอ้อมกอดของเขาเขากำลังจะผลักหลินเป้ยเป้ยออกไป แต่แล้วเธอก็กระซิบที่ข้างหูด้วยลมที่แ่เบา“ฉินเฟิง คืนนี้กับฉันนะ!”
ฉินเฟิงเริ่มตะลึงว่านี่คือหลินเป้ยเป้ยที่เขารู้จักหรือเปล่าเขาไม่เห็นเธอแค่อาทิตย์เดียวแต่ตอนนี้เธอดูเปลี่ยนไปมาก
เขาไม่รู้เื่ความโหดร้ายของอวี่เหวินเสียงที่กระทำต่อหลินเป้ยเป้ยหรือตอนที่เธอนอนอย่างโดดเดี่ยวเมื่อคิดถึงเขาในยามค่ำคืน เขาไม่รู้เื่อะไรที่เกี่ยวกับเธอมากนักดังนั้นจึงเป็เหตุผลว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเธอดูเปลี่ยนไป
เขาผลักหลินเป้ยเป้ยออกและลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าจริงจัง“เป้ยเป้ยอย่าพูดไร้สาระ เธอยังเรียนมหา’ ลัยอยู่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอควรจะกระทำ”
ฉินเฟิงโกรธขึ้นทันทีเขาทำให้หลินเป้ยเปยกลัวและเธอก็นั่งคอตกอยู่ด้านข้าง เขาไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
หลังจากนั้นสักพักหลินเป้ยเป้ยกัดริมฝีปากและถามอย่างแ่เบา “ฉินเฟิง คุณชอบฉันหรือเปล่า?”
ฉินเฟิงไม่รีบตอบเขายังมีภารกิจที่ต้องทำให้หลินเป้ยเป้ยเป็แฟนของเขาและแม้ว่าเขาจะไม่สนใจภารกิจนี้เขาก็ยังสนเื่ของหลินเป้ยเป้ย
ใครจะไม่ชอบผู้หญิงบริสุทธิ์และเข้มแข็งคนนี้กัน?
“ไว้ค่อยพูดเื่นี้ในวันอื่นเถอะ” ฉินเฟิงกล่าวหลังจากลังเล
แม้ว่าจะมีเพียงผู้าุโตระกูลฮ่าวที่หนีออกไปได้ในฐานะขุนโดยไม่มีกองทัพแต่นี่ก็เป็เวลาที่อันตรายที่สุดของาระหว่างตระกูลฉินและตระกูลฮ่าวเนื่องจากผู้าุโฮ่าวไม่มีอะไรต้องเสียแล้วดังนั้นเขาต้องทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้นตระกูลฉินแน่นอน
ฉินเฟิงไม่้าให้คนที่ใกล้ชิดเขาได้รับอันตรายในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ส่วนหลักที่ทำไมเขาถึงไปทำงานที่หวงเจียกรุ๊ปขณะนี้ เพราะเขากลัวว่าถ้าเขามีปฏิสัมพันธ์กับหลินเป้ยเป้ยจ้าวหลิงเซียน หรือหยุนเซียวบ่อยเกินไปพวกเธออาจจะตกอยู่ในอันตรายเนื่องจากผู้าุโฮ่าวอาจจะใช้พวกเธอต่อรองกับเขา
น้ำตาที่ส่องประกายและบริสุทธิ์ไหลอาบใบหน้าของหลินเป้ยเป้ยเธอไม่พูดอะไรมากกว่านี้เธอเข้าใจว่าคำพูดของฉินเฟิงคือคำปฏิเสธและหัวใจของเธอก็ติดกับความเ็ปที่ไม่มีสาเหตุ
ตอนแรกเธออยากจะพูดเื่ของอวี่เหวินเสียงแต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าไม่จำเป็แล้วฉินเฟิงไม่แม้แต่จะชอบเธอแล้วทำไมเธอต้องยึดติดกับเขาด้วย? เธอไม่ใช่ผู้หญิงอย่างนั้น
“ฉินเฟิงคุณกลับไปก่อน ฉันต้องนอนแล้ว” หลินเป้ยเป้ยยืนขึ้นทันทีและไม่มองฉินเฟิง
เมื่อครึ่งเดือนก่อนหน้านี้ในห้องเดียวกันหลินเป้ยเป้ยโดนฉินเฟิงปฏิเสธไปแล้วครั้งหนึ่งตอนนั้นหัวใจของเธอเต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์ในวันนี้ครึ่งเดือนต่อมาเธอโดนปฏิเสธอีกครั้งแต่คนที่ออกไปเป็ฉินเฟิงแทน
แม้ว่าระยะเวลาจะสั้นเหมือน่หนึ่งของชีวิตแต่ความเ็ปจากความเสียใจนั้นแตกต่างจากที่เคย
ฉินเฟิงยืนขึ้นเขาบอกได้ว่าหลินเป้ยเป้ยเศร้าใจแต่เพื่อความปลอดภัยของเธอเขาจึงไม่ได้อธิบายอะไรเมื่อเขาแก้ปัญหาของตระกูลฮ่าวเสร็จแล้วเขาจะกลับมาและให้คำอธิบายที่พึงพอใจกับหลินเป้ยเป้ย
“เดี๋ยวค่ะ!” หลินเป้ยเป้ยเรียกออกมาเมื่อฉินเฟิงเข้าใกล้ประตู
“สำหรับคุณ...เพราะต่อไปคงจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว!”
หลินเป้ยเป้ยให้เสื้อเชิ้ตสีขาวกับหูกระต่ายสีดำ
ในฐานะเด็กสาวรุ่นเธอความรักที่เธอแสวงหานั้นบริสุทธิ์และเรียบง่าย มันไม่ได้เกี่ยวกับกระเป๋าแบรนด์เนมรถสปอร์ต หรือคฤหาสน์หรู วันนั้นที่สนามกีฬาเขาเฉิดฉายเหมือนกับดวงตะวันเธอคิดว่าถ้าฉินเฟิงใส่เชิ้ตสีขาวกับหูกระต่ายเขาอาจจะหล่อและเฉิดฉายเหมือนกับตะวัน
หลังจากออกจากสโมสรหวงเจียฉินเฟิงรีบกลับตำหนักฉินด้วยจักรยาน 28 นิ้วและตอนนี้โทรศัพท์ของเขาก็ดังออกมา
ฉินเฟิงหยิบโทรศัพท์ออกมามันเป็เบอร์ที่ไม่คุ้นเคย
“ใครน่ะ?”
“ฮ่าๆๆ นี่นายน้อยฉินหรือเปล่า?” เสียงหัวเราะดูคุ้นเคยดังผ่านมาทางโทรศัพท์แต่แม้ว่าจะนึกแล้วนึกอีกฉินเฟิงก็นึกไม่ออกว่าใคร
“แกกำลังคิดว่าฉันเป็ใครใช่ไหม? ฮ่าๆๆฉันจะบอกให้ว่าฉันเป็ใคร ฉันภูมิใจในสิ่งที่ฉันเป็และฉันก็มีจุดยืนในการกระทำของฉันฉันทั้งหล่อและฉลาด ความเก่งและฐานะของฉันเหนือธรรมชาติชื่อของฉันแพร่งพรายไปทั่วทั้งเมืองหลวง และฉันมีชื่อเสียงในจีนคือนายน้อยเหวยแห่งสี่นายน้อยของนครหลวง เหวยเสียวเหล่ย”เหวยเสียวเหล่ยกล่าวทั้งหมดพร้อมกับเชิดหน้าผายอก
ฉินเฟิงแคะหู“เฮ้ เมื่อกี้สัญญาณไม่ดีเลย นายพูดว่าอะไรนะ?”
ริมฝีปากของเหวยเสียวเหล่ยกระตุกและเกือบจะวางสาย“ฉันเหวยเสียวเหล่ย!”
“โอ้ ดูธรรมดากว่ามากเลย” ฉินเฟิงหัวเราะ“นายพูดฉายางี่เง่านั่นจนฉันนึกว่านายเล่นลิเกซะอีก”
“ฉินเฟิง อย่าคิดว่าฉันจะกลัวแกพราะแกคือนายน้อยอันดับหนึ่งของเมืองเว่ยเฉิงในสายตาฉันเว่ยเฉิงมันก็แค่เศษดิน ฉันเห็นกบในกะลาอย่างแกมาเยอะแล้ว”
ั้แ่ที่เหวยเสียวเหล่ยแพ้การแข่งรถและเสียมาเซราติแกรนทัวริสโม่รุ่นจำนวนจำกัดให้กับฉินเฟิงเขาก็เกลียดฉินเฟิง หลังจากส่งคนไปตรวจสอบเขาก็รู้ว่าฉินเฟิงมีภูมิฐานและเขาคือนายน้อยที่รวยที่สุดในเมืองเว่ยเฉิง
แต่แล้วอย่างไร? เหวยเสียวเหล่ยก็เป็นายน้อยที่ร่ำรวยเขาคือหนึ่งในสี่นายน้อยของเมืองหลวง ในฐานะที่เป็ศูนย์กลางเศรษฐกิจของจีนเมืองหลวงใหญ่กว่าเมืองเว่ยเฉิงมาก
ไม่ใช่แค่เขาไม่กลัวภูมิหลังของฉินเฟิงเขาแม้แต่ตามหาและอยากจะสอนบทเรียนฉินเฟิง
“ในเมื่อนายน้อยเหวยดูแคลนเมืองเว่ยเฉิงกับฉันขนาดนั้นงั้นก็อย่าโทรหาฉันสิซิมโทรศัพท์ทางไกลที่ฉันเปิดมันแพงนะ” ฉินเฟิงี้เีสนใจคนอย่างเหวยเสียวเหล่ยเขากำลังจะวางสายแต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงรีบะโ
“ฉินเฟิงอยากวางก็วางเลยฉันรับประกันได้เลยว่าตอนที่แกกลับไปตำหนักตระกูลฉินแกจะรู้ว่าที่รักตัวน้อยของแกหายไป แล้วฉันก็รับปากไม่ได้ด้วยว่าจะมีผู้ชายกี่คนที่ได้เธอ”
ฉินเฟิงขมวดคิ้วทันทีปัญหาอื่นเขายังปล่อยไปได้แต่ผู้หญิงและเพื่อนสนิทเป็จุดเดือดของเขาเหวยเสียวเหล่ยสะกิดต่อมเดือดของเขา และสำหรับฉินเฟิงนี่ไม่ใช่การกระทำที่ฉลาด
“ฮ่าๆๆ” ฉินเฟิงหัวเราะทันที “ฉันฉินเฟิงมีชื่อเื่ความดื้อด้านอยู่แล้วฉันมีผู้หญิงมากมายอย่างกับเสื้อผ้า ฉันสงสัยจังว่าผู้หญิงคนไหนที่นายจับไป หืมนายน้อยเหวย?”
“ฮ่าๆๆ ฉินเฟิง แกจะแกล้งทำไมวะ? ไม่ใช่ว่าแกพยายามจะเดาว่าฉันจับผู้หญิงของแกจริงๆหรือเปล่าหรอกหรือ? งั้นฟังให้ดีก็แล้วกัน”
เสียงตบดังออกมาจากโทรศัพท์ตามด้วยเสียงตะคอกแบบไร้ปรานีของเหวยเสียวเหล่ย “เฮ้ยรีบพูดชื่อแกออกมาและร้องสักครั้งสองครั้งให้ไอ้งี่เง่าฉินเฟิงมันได้ยินดิ๊”
“อ๊า...ย...อย่าตีฉัน ฉะ...ฉันไม่รู้จักฉินเฟิงทะ...ทำไมคุณต้องลักพาตัวฉันมาด้วยคะ? ปล่อยฉันไปเถอะฉันขอร้องล่ะ”
เสียงร้องที่อ่อนแอและละเมียดละไมของผู้หญิงดังออกมาแม้ว่าเธอจะไม่พูดชื่อของเขาและยืนยันว่าเธอไม่รู้จักเขาแต่เมื่อเธอเปิดปากั์ตาของฉินเฟิงก็แดงฉานทันที เขาคิดในใจ“รั่วโหรวอย่ากลัวไปเลยฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ฉันจะฆ่าพวกมันและใช้เืพวกมันสังเวยแทนคำขอโทษให้เธอ”
“ฮ่าๆๆ พอได้ยินแล้ว ดูเหมือนจะเป็ผู้หญิงที่ฉันเล่นด้วยเองบอกมานายอยู่ไหน? ฉันจะไปดูสักหน่อยถ้าเป็ผู้หญิงของฉันจริงๆฉันจะได้พาเธอกลับไปกับฉัน”
“ฉินเฟิง ฉันจะรอแกอยู่ที่ เขาโค้งงู ถ้าฉันไม่เห็นแกใน 10 นาที ผู้หญิงของแกจะเป็ผู้หญิงของทุกคน ฮ่าๆๆ!”