“เอาชนะเ้า ไยต้องเอ่ยถึงวิธีต่ำทราม หากไม่มีคนเตือนเ้า ป่านนี้เ้าคงตายไปแล้ว!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็นขณะมองจ้าวเฉิน กระบวนท่าสุดท้ายเขาไม่ได้พลาด การจะฆ่าจ้าวเฉินไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เพราะเป้าหมายของเขาคือเซิ่งอ๋อง คนผู้นั้นคือคนที่เย่เฟิง้าสังหารอย่างแท้จริง
“เ้าช่างยโสโอหังนัก โอ้อวดกำลัง ลั่นวาจาว่าจะต่อให้ข้าสามกระบวนท่า ตอนนี้เ้าตระหนักถึงการกระทำที่โง่เง่าของตัวเองได้หรือยัง? ข้าไม่ชอบรังแกคนโง่ ขอตัวก่อน!” เย่เฟิงเย้ยหยัน เมื่อกล่าวจบก็หมุนตัวเดินออกไปเพราะไม่อยากเสียเวลากับที่นี่
“หยุดนะ!” เย่เฟิงเฟิงเดินไปได้ก้าวเดียวก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลัง เขาจึงหันหลังไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็จงเทา
“ไม่เคารพอ๋องเล็ก แล้วยังคิดจะไปแบบนี้น่ะหรือ?” จงเทากล่าวเสียงเย็น เขาเดินออกมาพร้อมปลดปล่อยพลังจู่โจมเย่เฟิง เย่เฟิงรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็น ทำให้สีหน้าของเย่เฟิงดูไม่ค่อยดีเท่าไร รู้สึกหายใจไม่เต็มปอดเล็กน้อย อีกฝ่ายคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 4 ระดับการบ่มเพาะของทั้งสองฝ่ายห่างชั้นกันมากโข แค่ตอนนี้เย่เฟิงยืนหลังตรงก็ทำได้ยากแล้ว
“คุกเข่า!” จงเทาตวาดด้วยน้ำเสียงเกรงขามที่ราวกับแฝงด้วยพลังสูงสุด ขณะเดียวกันพลังที่จงเทาปล่อยออกมาเปลี่ยนไปจนแข็งแกร่งขึ้น มันไปเยือนร่างเย่เฟิงทันที ทำให้เย่เฟิงตัวโค้งงอเล็กน้อย สีหน้าก็ต้องบิดเบี้ยว แต่เย่เฟิงก็กลับมายืนตัวตรงได้เช่นเดิมพร้อมกับปลดปล่อยรังสีหอก เพื่อทำลายแรงกดดันที่กดทับตัวเขาอยู่
“ข้าบอกให้เ้าคุกเข่า หูหนวกหรือไง?” จงเทาเห็นเย่เฟิงไม่เป็อะไรก็หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ก่อนแผดเสียงะโเช่นนั้น
ดวงตาของเย่เฟิงเผยประกายแหลมคมขณะสบประสานกับดวงตาของจงเทา ราวกับมีลำแสงปะทุออกมาแล้วทิ่มแทงดวงตาของจงเทา จงเทารู้สึกตกอยู่ในภวังค์ที่มิอาจถอนตัวออกได้ในเวลาสั้น ๆ คล้ายมีพลังประหลาดจู่โจมจิติญญาของเขา ทำให้จิตของเขาแตกสลาย ก่อนจะเซถอยหลังไปสองก้าว สีหน้าต้องเปลี่ยนไปจนย่ำแย่
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 4 ทำได้แค่นี้เองหรือ จะให้ข้าคุกเข่า เ้ามันไม่คู่ควรสักนิด!” เย่เฟิงแสยะยิ้ม ภายใต้แรงกดดันของจงเทา อวัยวะภายในของเขาต้องปั่นป่วนและได้รับาเ็ แต่เย่เฟิงจะยอมศิโรราบได้อย่างไร เขาได้รับการชำระล้างจิติญญาจากทักษะหล่อิญญา จึงทำให้พลังิญญาของเขาแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า ก่อนหน้านี้เขาได้แต่เรียนรู้การโจมตีจิติญญา นี่จึงเป็ครั้งแรกที่เขาพยายามใช้การโจมตีจิติญญากับคนอื่น แต่ไม่นึกว่าจะทำให้จงเทาที่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 4 เสียเปรียบได้
“สวะอย่างเ้า แค่ข้าโบกสะบัดมือก็ฆ่าเ้าได้แล้ว เ้ากล้าดียังไงมาโอหังต่อหน้าข้า?” จงเทาเผยสีหน้าไม่สู้ดี เย่เฟิงทำให้เขาถอยหลังได้ ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก เขาอยากลงมือฆ่าเย่เฟิงตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
“พอได้แล้ว!” ขณะนั้นจ้าวเฉินที่อยู่ข้าง ๆ ะโบอกจงเทา ทำให้จงเทามีสีหน้าย่ำแย่กว่าเดิม
“เ้ายังขายหน้าไม่พออีกหรือไง?” จ้าวเฉินกล่าวเสียงเย็น เขาและจงเทาถูกเย่เฟิงทำให้ขายหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย ตอนนี้จงเทาจะฆ่าเย่เฟิงแต่ก็ทำไม่สำเร็จ เขาจ้าวเฉินก็ยิ่งขายหน้าเข้าไปใหญ่
“ข้าจ้าวเฉินจะจดจำเื่ในวันนี้ไว้!” จ้าวเฉินกล่าวกับเย่เฟิง จากนั้นเดินออกไปพร้อมกับจงเทา
“หวังว่าเ้าจะอยู่ดีกินดีก่อนงานประลองสำนักยุทธ์” พวกจ้าวเฉินหายลับตาไป พร้อมกับมีเสียงของเขาดังออกมาอีกครั้ง ทำให้ผู้คนต่างตาเป็ประกาย จ้าวเฉินอ๋องเล็กจะลงมือจัดการชายผู้นี้ในงานประลองสำนักยุทธ์อย่างนั้นหรือ? ส่วนพลังของชายผู้นี้ก็น่าทึ่งมาก ไม่น่าเชื่อว่าจ้าวเฉินบุตรแห่งเซิ่งอ๋องและผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 1 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายาจะเป็ฝ่ายออกไปก่อน
“แม้ชายผู้นี้จะแข็งแกร่ง แต่ล่วงเกินจ้าวเฉินอ๋องเล็กผู้สูงศักดิ์เช่นนี้ เกรงว่าเขาไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ” ผู้คนคิดในใจและคิดว่าเย่เฟิงแกว่งเท้าหาเสี้ยน
ระยะนี้เย่เฟิงมีชื่อเสียงมากในสำนักยุทธ์ แต่คนที่เคยเห็นเขากลับมีจำนวนน้อย จึงไม่ค่อยมีใครจำเขาได้ นี่ทำให้ผู้คนคาดเดาฐานะของเย่เฟิงกันไปต่าง ๆ นานา
เย่เฟิงออกไปจากที่นี่ ส่วนเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เย่เฟิงก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะหาก้าจัดการเขาจริง ๆ มันก็ไม่ง่ายดายขนาดนั้น
หลังจากนั้นเย่เฟิงกลับถึงที่พักของตัวเอง แต่เพิ่งมาถึงก็ได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากที่พักของฉินเยียนหราน ถึงเย่เฟิงจะไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่กลับได้ยินเสียงบทสนทนาอย่างชัดเจน
“เยียนหราน ไยเ้าทำเช่นนี้ ข้าออกจากการปิดด่านครั้งนี้ก็เพื่อมาหาเ้า” เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น ซึ่งแฝงด้วยความอ่อนโยนราวกับเป็คนรัก
เย่เฟิงหันไปมองที่พักของฉินเยียนหราน ก่อนจะเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่ในลานบ้านของนาง คนผู้นี้มีรูปร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อเป็มัด ๆ ผิวพรรณสีน้ำตาลเข้ม ดูแล้วเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังอันมหาศาล อวัยวะ 5 อย่างบนหน้าดูปกติและสมดุล คิ้วหนา หล่อเหลาแบบไม่ธรรมดา ที่สำคัญคือชายผู้นี้มีเจตจำนงต่อสู้ที่รุนแรง ราวกับเกิดมาเป็นักสู้ เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ทำให้รู้สึกกดดันได้แล้ว
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่” เย่เฟิงเห็นระดับการบ่มเพาะของชายผู้นี้ทันที เท่าที่ดูจากลมปราณที่อีกฝ่ายปล่อยออกมา ดูเหมือนจะไม่ด้อยไปกว่าเฉินอ้าวเทียนแม้แต่น้อย กระทั่งพอ ๆ กันด้วยซ้ำ
“ต่อไปเ้าอย่ามาหาข้าอีก ข้ามีคนที่ชอบแล้ว” ฉินเยียนหรานกล่าว ใบหน้านั้นยังคงสวยงดงาม แม้ไม่ได้เจอกันนานก็ตาม อารมณ์ความรู้สึกของหญิงผู้นี้ล้ำลึก ทำให้เย่เฟิงไม่สามารถมองออก
“เขาเป็ใคร?” ชายหนุ่มผู้นั้นเอ่ยถามเสียงกร้าวพร้อมกับเจตจำนงต่อสู้พวยพุ่ง
“เ้าไม่จำเป็ต้องรู้ ยังไงซะเ้าก็อย่ามารบกวนข้าอีก” ฉินเยียนหรานกล่าวโดยไม่สนใจปฏิกิริยาของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
“ไม่ว่าเขาเป็ใครข้าก็ไม่สน ใต้หล้านี้มีเพียงข้านี่จ้านเทียนที่คู่ควรกับเ้า” ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าวอย่างมั่นใจ ราวกับว่าไม่มีใครในใต้หล้านี้แข่งกับเขาได้
“นี่จ้านเทียน!” เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักเล็กน้อย นี่จ้านเทียนอันดับที่ 2 ในรายนามขั้นรวมชี่ไม่นึกว่าจะชื่นชอบฉินเยียนหราน
“แรงดึงดูดของหญิงผู้นี้ช่างแรงกล้ายิ่งนัก!” เย่เฟิงคิดในใจ เขาไม่คิดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเื่ส่วนตัวของฉินเยียนหราน จึงเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง
“เย่เฟิง!” ทว่าตอนนั้นเองฉินเยียนหรานเห็นเย่เฟิงเข้าพอดี จึงะโเรียกเย่เฟิงด้วยความร้อนใจ ทำให้เย่เฟิงประหลาดใจ ไม่รู้ว่าหญิงผู้นี้คิดจะทำอะไร
“มีธุระอันใด?” เย่เฟิงเอ่ยถามฉินเยียนหราน แต่ฉินเยียนหรานขยิบตาให้พร้อมส่งเสียงผ่านจิตมาหาว่า “ช่วยข้าที”
เย่เฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าฉินเยียนหรานวางแผนจะทำอะไร แต่สุดท้ายเขาก็ะโข้ามกำแพงไปยังที่พักของฉินเยียนหราน
ฉินเยียนหรานตาเป็ประกาย ทันทีที่เย่เฟิงมาถึงนางก็เดินไปอยู่ข้างกาย พร้อมควงแขนเย่เฟิง ทำให้ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก
“เ้าอยากรู้ไม่ใช่หรือว่าคนที่ข้าชอบเป็ใคร เขาก็มาแล้วนี่ไง ทีนี้เ้าเชื่อหรือยัง” ฉินเยียนหรานกล่าวกับนี่จ้านเทียน แม้จะใกล้ชิดกับเย่เฟิง แต่ดูเป็ธรรมชาติมาก ราวกับว่าทั้งสองคบหาดูใจกันจริง ๆ แต่ที่หน้าผากของเย่เฟิงกลับปรากฏรอยหยัก หญิงผู้นี้ใช้เขาเป็โล่
เมื่อนี่จ้านเทียนเห็นฉินเยียนหรานอยู่ใกล้เย่เฟิง คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน ก่อนจะมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นะเื “เยียนหราน คนที่เ้าชอบก็คือเขางั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว” ฉินเยียนหรานพยักหน้า จากนั้นนางโน้มตัวเข้าไปใกล้เย่เฟิงอีก เย่เฟิงกระทั่งััได้ถึงความอบอุ่นจากตัวนาง
“ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 ก็แค่สวะคนหนึ่ง มีดีอะไร? ข้าขอแนะนำเ้าให้ยอมแพ้ซะ ไม่เช่นนั้นเ้าคงรู้จุดจบนะว่าจะเป็ยังไง” นี่จ้านเทียนเย้ยหยันเย่เฟิงด้วยสายตาดูแคลน เขานี่จ้านเทียนเป็ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 2 ในรายนามขั้นรวมชี่ ในสำนักยุทธ์นอกจากตู๋กูหลงแล้วจะมีใครแข่งกับเขาได้ แล้วผู้อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 อย่างเย่เฟิงจะมาอยู่ในสายตาเขาได้อย่างไรกัน
“คุกเข่าลงขอโทษข้าซะ แล้วก็ไสหัวไป บางทีข้าอาจใจกว้างไม่ไล่ล่าเ้า” นี่จ้านเทียนกล่าวพลางเชิดหน้ามองเย่เฟิง คำพูดของเขาราวกับเป็คำพิพากษา สั่งให้เย่เฟิงคุกเข่า เย่เฟิงก็ต้องปฏิบัติตาม
เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ชอบให้ใครมาข่มขู่ แต่นี่จ้านเทียนสั่งให้เขาคุกเข่าลงขอโทษ นี่ถือว่าเป็การล้ำเส้นของเขา
“เ้ากำลังข่มขู่ข้างั้นเหรอ?” เย่เฟิงแสยะยิ้มขณะมีแสงแหลมคมปะทุออกจากดวงตา นี่จ้านเทียนผู้นี้โอหังยิ่งนัก ราวกับว่าไม่อนุญาตให้ผู้หญิงที่ตนชอบเข้าใกล้ผู้อื่น
“อยู่แค่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 ก็ไม่ต่างจากมดแมลงที่บดขยี้ก็แหลกคามือแล้ว ไสหัวไปซะ อย่าบีบให้ข้าต้องลงมือจัดการเ้า!” นี่จ้านเทียนกล่าว เขาไม่นึกว่าเย่เฟิงจะกล้ากังขากับเขา
“ก็แค่มีระดับการบ่มเพาะสูง ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าเ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน หากข้าอยู่ระดับเดียวกับเ้า แค่ขยับฝ่ามือก็ฆ่าเ้าให้ตายได้แล้ว!” เย่เฟิงกล่าวขณะมองนี่จ้านเทียน ด้านหนึ่งต้องช่วยฉินเยียนหรานให้หลุดพ้นจากนี่จ้านเทียน ส่วนอีกด้านหนึ่งก็ต้องรับมือกับความโอหังของนี่จ้านเทียน
“คุยโวโอ้อวด!” นี่จ้านเทียนตวาดเสียงดัง นี่เป็ครั้งแรกที่มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายากล้าพูดจาเช่นนี้กับเขา ทันใดนั้นพลังปราณปะทุออกจากร่าง ก่อนจะเข้ากดทับเย่เฟิง
“นี่จ้านเทียนเ้าพอได้แล้ว!” ฉินเยียนหรานกล่าวเมื่อเห็นนี่จ้านเทียนโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ
“เป็ถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ แต่คิดจะลงมือกับผู้อยู่ขั้นบ่มเพาะกายา เ้านี่จ้านเทียนไม่มีจิตสำนึกบ้างหรือ ข้าไม่อยากเห็นหน้าเ้า ไปเสียเถอะ!” ฉินเยียนหรานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นะเืขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อครู่นี้จ้านเทียนตามตอแยนางไม่เลิก แต่เผอิญเห็นเย่เฟิงพอดี จึงลากเย่เฟิงเข้ามามีเอี่ยวด้วยในฐานะคนรักของนาง
ซึ่งเวลานั้นฉินเยียนหรานไม่คิดว่านี่จ้านเทียนจะเป็คนจิตใจคับแคบเช่นนี้ เมื่อเห็นท่าทีของนี่จ้านเทียน นางก็นึกเสียใจกับความวู่วามของตน และการที่นางทำเช่นนี้ก็ไม่ได้หวังว่าเย่เฟิงกับนี่จ้านเทียนจะเปิดศึกกัน
“ดี ดีมาก ข้าจะไป แต่วันหลังถ้าข้าเกิดพลั้งมือฆ่าสวะนี่ เยียนหรานเ้าก็อย่ามาโทษข้าแล้วกัน” นี่จ้านเทียนกล่าวด้วยความโกรธ ขณะมองเย่เฟิงด้วยความอาฆาต ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้