กวนซูเยวียนมองไปที่ลูกชายของตน ก่อนจะหัวเราะลั่นออกมา แม้แต่เด็กหญิงทั้งสองที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเฉินเนี้ยนหรานเองก็หัวเราะออกมา
น้องห้ากระตุกเสื้อของเฉินเนี้ยนหรานแล้วพูดออกมาเบาๆ “ท่านพี่ เด็กคนนี้ยังจำคำที่พูดเมื่อปีก่อนว่าจะให้ท่านไปเป็ภรรยาของเขาได้นะ ข้าคิดว่าผ่านไปหนึ่งปีกว่าแล้วเขาก็คงจะลืม คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะร้ายไม่เบา”
เฉินเนี้ยนหรานยกมือขึ้นทำท่าจะไปกอดเด็กชายคนนั้น คิดไม่ถึงว่าเด็กชายจะยินดีมาก เขาดิ้นยุกยิกให้หลุดจากร่างของมารดาตน แล้วใช้ขาสั้นๆ วิ่งดุ๊กดิ๊กมาตรงหน้าของเฉินเนี้ยนหราน แขนป้อมๆ เอื้อมกอดคอนาง จูบเบาๆ สองที
“ภรรยาจ๋า ข้าตั้งตารอให้เ้ามาหาเลยนะ คนงาม คืนนี้ข้าจะเป็คนดูแลแขกเช่นเ้าเอง ไป เข้าบ้านกัน!”
เฉินเนี้ยนหรานอ้าปากค้างอีกครั้ง เ้าเด็กคนนี้กำลังทำอะไรน่ะ! แถมยังจะเป็คนดูแลแขกเองด้วย!
“หลานสี่ ตอนงานวันเกิดสามขวบของเด็กคนนี้ จัดขึ้นที่เรือนนั่นแหละ ตอนนั้นเขาเห็นว่าเ้าสวยที่สุด แถมก่อนหน้ายังไปเจอฉากคนมาสู่ขอภรรยาอีก ตอนนั้นเขาเลยอยากได้เ้ามาเป็ภรรยา ทุกคนต่างคิดว่ามันเป็เื่สนุกของเด็ก จึงรับปากเขาไป ใครจะไปรู้ว่านานขนาดนี้แล้วเ้าเด็กคนนี้ยังจำได้อยู่เลย ผ่านไปก็ตั้งปีกว่าแล้ว สงสารเ้าลูกชายเอาแต่บ่นหาเ้า เมื่อกี่วันก่อนดูละครเื่หนึ่ง มีฉากรับแขกจากต่างแดน คิดไม่ถึงว่าเ้าลูกชายกลับจดจำได้ วันนี้ก็ยังเอามาใช้กับเ้า….”
กวนซูเยวียนอธิบาย เฉินเนี้ยนหรานเหงื่อแตกพลั่ก มองท่าทางเป็เด็กดีของเ้าหนูในอ้อมกอด ผิวชุ่มชื้น และยังดวงตาดำขลับเหมือนเมล็ดองุ่นนี้อีก เฉินเนี้ยนหรานเอ็นดูจนคิดว่าถ้าหากมีลูกชายแบบนี้ ชีวิตก็คงจะดีมาก!
มองดูแล้วช่างทำให้อารมณ์ดีเสียจริง เธอจึงยกมือขึ้นกอดเขาแล้วจุ๊บไปอีกหนึ่งที
เด็กชายถูกเธอจุ๊บเข้าก็เบิกตากว้าง ก่อนจะอายม้วนต้วนเอาหัวซุกเข้าไปในอ้อมกอดเธอ “ไอ๊หยา เขินจะตายแล้ว ภรรยาคนงามมาจูบกันเยี่ยงนี้…”
“ฮ่าๆ เ้าเด็กจอมซน!” กวนซูเยวียนทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด ลูกชายของนางนิสัยอย่างไรนางย่อมรู้ดีที่สุด พอเห็นหญิงงามก็จะชอบเข้าไปอ้อนขอลูกอม เ้าพูดมาสิเด็กอายุแค่นี้…..ทำไมถึงได้คลั่งรักเช่นนี้ได้กัน
“เปาจื่อ มานี่ อย่าไปเกาะแกะพี่สาวเ้าเลย พี่เขาเดินทางมาเหนื่อยนะ” กวนซูเยวียนคิดจะพาเปาจื่อไป
แต่เปาจื่อกลับเอาหัวเข้าไปซุกในอ้อมกอดของเฉินเนี้ยนหราน แล้วหันมาแลบลิ้นใส่แม่ของตนเอง “แม่นางปกป้องข้าด้วย ข้าไม่อยากอยู่กับท่านแม่ ตัวของแม่นางหอมมาก เปาจื่อชอบ!”
“ท่านป้า เปาจื่อกอดแล้วอุ่นมากเลย ข้าชอบ ข้าไม่เหนื่อยเ้าค่ะ ให้ข้าอุ้มก็ได้” เมื่อเห็นกวนซูเยวียนกำลังจะโมโห เฉินเนี้ยนหรานก็รีบพูดโน้มน้าวนางทันที
เธออุ้มเปาจื่อเดินเข้าไปในเรือนพร้อมกับทุกคน
ครอบครัวของกวนซูเยวียนทำธุรกิจในเมือง มีร้านเป็ของตนเอง แต่บ้านที่อาศัยกลับเป็บ้านเช่า
หลังจากมาอาศัยอยู่ในวันนั้น เฉินเนี้ยนหรานก็ได้เดินทางกลับไปที่จวนสกุลโจวอยู่ครั้งหนึ่ง
เพียงแต่เธอไม่ได้เข้าไป แค่มารอเฟิงเอ๋อร์อยู่ด้านนอกจวน รอได้สักพักสาวใช้สกุลเฟิงก็รีบถือกระเป๋าเดินไวๆ ออกมา
ตอนที่ถือกระเป๋ามาวางเอาไว้ตรงหน้าเธอ สาวใช้สกุลเฟิงถอนหายใจออกมา “ไอ๊หยา มารดาเ้าเถิด เ้าไม่รู้หรอกว่าเอากระเป๋านี่มาฝากไว้ที่ข้าเช่นนี้ทำข้ากังวลมากขนาดไหน ตอนนี้ดีหน่อยที่เ้ามาเอาของกลับไปแล้ว หากยังเก็บเอาไว้ต่อไป ข้าคงจะคิดว่ามันเป็ของของตัวเอง แต่ก็คิดว่าจะทำเช่นนี้ไม่ได้ เ้าไม่รู้หรอกว่าทั้งวันความคิดของข้ามันวุ่นวายทรมานมากแค่ไหน”
เฉินเนี้ยนหรานทำเพียงแค่หัวเราะและรับกระเป๋ามา มองสาวใช้สกุลเฟิงแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ขอบคุณ”
สาวใช้สกุลเฟิงถูกเธอพูดขอบคุณด้วยท่าทางจริงจังก็ทำตัวไม่ถูก
หน้าของนางแดงวาบ “เ้าไม่ต้องทำแบบนี้กับข้าหรอก ทั้งๆ ที่รู้ว่าปากของข้าก็พูดไปอย่างนั้น ไปอยู่ที่บ้านเป็อย่างไรบ้าง? ทำไมไปเพียงครู่เดียวก็กลับมาแล้ว? ที่บ้านไม่ได้เกิดเื่อะไรขึ้นหรอกใช่หรือไม่? หรือว่าเ้าจะเอาของพวกนี้ไปช่วยคนในบ้านพวกนั้น? เฉินเนี้ยนหราน ข้าจะบอกเ้าเอาไว้เลยนะ เงินพวกนี้เ้าอย่าเอาไปที่บ้านเด็ดขาด คนอย่างแม่เ้าเกรงว่าถึงจะเอาเงินพวกนี้ไปให้แล้ว มันก็คงอยู่ได้ไม่นานหรอก”
สาวใช้สกุลเฟิงคนนี้มีใบหน้ากลม คิ้วเข้ม แขนขาสั้นแต่กลับเดินว่องไว ั้แ่ไหนแต่ไรมาก็มีนิสัยใจร้อน มีเื่อะไรก็จะออกมาตรงๆ ปกติแล้วจะมีความสัมพันธ์อันดีกับเฉินเนี้ยนหราน แต่ดูจากตอนนี้ที่เห็นเธอกลับมาเอาเงิน นางจึงใมาก
“เฟิงเอ๋อร์ ข้าเอาเงินพวกนี้เก็บไว้ที่เ้า แน่นอนว่าเพราะไม่มีทางที่จะเอาไปให้คนในบ้านใช้อีก ข้าหมดหน้าที่ต่อพวกเขาแล้ว เื่อื่นๆ ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าแล้ว เฟิงเอ๋อร์ เ้ารอข้ามาไถ่ตัวเ้าออกไปนะ ภายในสองปีนี้เ้าจะต้องเป็เด็กดีหน่อยนะ”
สาวใช้สกุลเฟิงเองก็มีพี่น้องในครอบครัวมากมาย ถูกพ่อจับมาขายเป็สาวใช้ที่จวนสกุลโจว เพราะว่าทำสัญญาตลอดชีวิต หากอยากจะไถ่ตัวของสาวใช้สกุลเฟิงออกมา เงินนั้นก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่า ตอนนั้นทำสัญญาเอาไว้ยี่สิบก้วน ตอนนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า นั่นก็คือหกสิบก้วน
สำหรับคนธรรมดาแล้ว หกสิบก้วนตลอดชีวิตไม่มีทางหามาได้
ถึงแม้สาวใช้สกุลเฟิงจะอยากกลับบ้าน แต่กลับทำเพียงแค่ยิ้มขม “เอาเถิด เ้าได้มีชีวิตที่ดีต่อไปก็พอแล้วล่ะ ข้าน่ะ ความจริงแล้วเป็สาวใช้ทำงานจิปาถะในจวนสกุลโจวมันก็ดีนะ อย่างน้อยช่วยงานในห้องครัวก็ไม่หิวแล้ว ที่บ้านยากจนจนไม่มีข้าวกิน ทุกปีพี่ชายข้าจะพาหลานมาหาข้า เ้าไม่รู้ว่าตอนนั้นเป็่เวลาที่ข้าดีใจที่สุดเลยนะ”
สถานการณ์ตอนที่ถูกเอามาขายไว้ที่นี่ของนางกับเฉินเนี้ยนหรานไม่เหมือนกัน นางยินยอมที่จะถูกขายเข้าจวนสกุลโจว เพียงเพราะตอนแรกนางเห็นว่าพี่ชายสู่ขอภรรยาไม่ได้ มารดาและบิดาก็ต่างพากันกังวล นางจึงไปหาลูกคนข้างบ้าน ตกลงให้เขาช่วยพานางไปขายกันให้เสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วค่อยบอกบิดา
ตอนแรกเพราะเื่นี้ทำให้บิดาและมารดาของสาวใช้สกุลเฟิงเสียใจไม่น้อย แต่ว่าสัญญาก็ได้ลงนามไปแล้ว ถึงจะไม่อยากขายนาง แต่ก็ทำได้แค่ยอมรับเท่านั้น แน่นอนว่ายังมีอีกเื่ที่เฉินเนี้ยนหรานเองก็รู้ ดูเหมือนว่าตอนแรกที่สาวใช้สกุลเฟิงเสนอตัวมาทำสัญญาเป็สาวใช้ นั่นก็เป็เพราะว่านางรู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกขาย…
และเพราะเช่นนี้ ตอนที่กำลังจะออกจากจวน เฉินเนี้ยนหรานถึงได้เลือกที่จะฝากเงินเอาไว้ที่สาวใช้สกุลเฟิง ตอนนั้นไม่ใช่เธอไม่เคยคิดกังวลมาก่อน หากนางไม่ยอมรับว่าเก็บเงินไว้จะทำอย่างไร? อย่างที่รู้กัน เงินพวกนี้หากประหยัดสักหน่อย ก็สามารถใช้ไปได้หลายสิบปี
แต่ด้วยความเชื่อใจที่มีต่อสาวใช้สกุลเฟิง เฉินเนี้ยนหรานจึงยอมเสี่ยงที่จะฝากเงินกับนางเอาไว้ ไม่พูดไม่ได้เลยว่า สายตามองคนของเธอแม่นยำเสียจริง สุดท้ายสาวใช้สกุลเฟิงก็ไม่ทำให้เธอผิดหวัง
“อ่อ ใช่แล้ว หลังจากเ้าไป ข้าก็ถูกเรียกให้ไปเป็สาวใช้ดูแลในเรือนของคุณชายห้า ถึงแม้จะเป็สาวใช้ แต่ว่าชีวิตก็สบายขึ้นมากเลย แล้วอีกอย่าง หลังจากข้าไปเป็สาวใช้ ก็มีหลายคนต่างพากันอิจฉาข้า โดยเฉพาะพวกสตรีหลายนางที่ปกติมักจะเย่อหยิ่งของเรือนใหญ่น่ะ ตอนนี้พอเห็นข้าก็พากันก้มหัวให้ มันช่างดีสุดๆ ไปเลย ฮาๆ…” ตอนที่กำลังจะแยกกัน สาวใช้สกุลเฟิงกลับดึงตัวเธอให้เข้ามาใกล้ๆ ดวงตาทั้งสองข้างวิบวับ ทั้งยังมองมาที่เฉินเนี้ยนหรานด้วยความระมัดระวัง
ท่าทางแบบนี้ของนาง มีหรือที่เฉินเนี้ยนหรานจะไม่รู้ ริมฝีปากยกขึ้น ไม่ได้ตัดบทนาง ในใจกลับรู้สึกทอดถอนหายใจ หรือว่าเ้าเด็กนั่นจะเอาจริงอย่างนั้นหรือ? เธอสามารถคิดแบบนี้ได้หรือไม่ ว่าที่โจวอ้าวเสวียนดีกับสาวใช้สกุลเฟิงเป็เพราะว่ารักนางจริง!!
“อ่อ ใช่แล้ว หากเ้ามีธุระอันใด ก็บอกกับเด็กเฝ้าหน้าประตูไว้นะ ตอนนี้เขาดีกับข้ามากเลย” พูดถึงเด็กเฝ้าหน้าประตู สาวใช้สกุลเฟิงก็หน้าแดงระเรื่อ บิดตัวไปมา ทำเอาเฉินเนี้ยนหรานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “เ้ากับเขา…เหมาะสมกันอยู่นะ”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา สาวใช้สกุลเฟิงก็ยิ่งร้อนรนหนักกว่าเดิม ดวงตากลมๆ คู่นั้นถลึงใส่นาง “ไม่สนใจเ้าแล้ว ข้ายังต้องกลับไปเก็บดอกไม้ให้คุณชายอีก ไอ๊หยา เ้าไม่รู้หรอก ตอนนี้ข้ากำลังจัดการดูแลพวกดอกไม้ของคุณชายอยู่ แต่มันเป็อะไรที่สำคัญมากเลยนะ คุณชายคนหนึ่งทำไมถึงได้ปลูกดอกไม้มากมายขนาดนั้นนะ? ไม่ได้กลัวว่ามันเสียเวลาเลยหรือ”
สาวใช้สกุลเฟิงหน้าบึ้งเดินออกไปไกลแล้ว
เฉินเนี้ยนหรานยิ้มเ้าเล่ห์ส่งนางเข้าไปในจวน ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ “พวกเ้ารู้เพียงว่าเขารักดอกไม้ แต่ใครจะรู้ว่าหากเขาเอาดอกไม้กับต้นหญ้าพวกนั้นมาใช้ร่วมกัน สุดท้ายจะได้เป็พวกยาที่พิเศษมาก ก็ไม่รู้ว่าเ้าเด็กนี่ไปเรียนเื่พวกนี้มาจากไหน ข้ายังทำไม่ได้เลย” เธอไม่มีทางยอมรับเลยว่าความจริงแล้ว นาทีนี้เธออิจฉาเ้าเด็กนี่มากแค่ไหน ถึงได้มีความรู้เกี่ยวกับยามากมายแบบนี้ แน่นอนว่าเป็ยาพิษเสียด้วย! ยาพิษถึงเป็สิ่งที่เธอรัก!
ตอนที่กลับมาถึงบ้าน ป้าสะใภ้กำลังทำอาหารกลางวันอยู่
เฉินเนี้ยนหรานรีบเข้าไปแย่งของในมือนางมา “ท่านป้าสะใภ้ให้ข้าทำเถิด ท่านไปช่วยท่านลุงดูร้าน แล้วก็ฝากเขาช่วยถามให้ข้าหน่อยว่ามีหมู่บ้านไหนที่สามารถเข้าไปพักอาศัยได้อย่างสงบ เื่นี้คาดว่าจะลำบากนิดหน่อย ดังนั้นคงต้องรบกวนท่านลุงลำบากขบคิดให้ข้าสักหน่อยแล้ว”
พูดจบ เธอก็เอากระเป๋าที่ได้มาก่อนหน้านี้ให้กับกวนซูเยวียน
กวนซูเยวียนเปิดดูก็เห็นเงินตำลึงจำนวนมาก นางหยิบขึ้นมากัดตามความเคยชิน ถึงได้เงยหน้าขึ้นมามองเธออย่างทอดถอนใจ “เ้านี่นะ สุดท้ายก็รู้จักวางแผนเพื่อตัวเองแล้ว เพียงแต่น่าเสียดายที่ทำให้เ้าลำบากแล้ว คิดดีแล้วหรือว่าจะไปอาศัยอยู่ด้วยสถานะหญิงที่ออกเรือนแล้วน่ะ?”
“อืม ความจริงแล้วหญิงที่เป็สาวใช้ข้างห้องน่ะ ไม่ต่างอะไรกับหญิงที่ออกเรือนแล้ว สู้ข้าทำสถานะตนเองให้เป็หญิงที่ออกเรือนแล้วไปเลยดีกว่า ส่วนบ้านครอบครัวสามี…ก็เลือกมาสักที่เถิด ขอแค่ทำให้ข้ากับพวกน้องๆ มีสถานที่ที่ปลอดภัยให้ดำเนินชีวิต เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว”
กวนซูเยวียนเห็นนางตัดสินใจแล้วก็ไม่ได้โน้มน้าวอะไรมากอีก
เพียงแค่ถอนหายใจ หลังจากเอาเงินตำลึงไปเก็บดีแล้ว ถึงได้มากำชับเธอสองคำก่อนจะไปดูร้านต่อ
สินค้าที่ร้านของกวนซูเยวียนขายก็คือสินค้าที่มาจากูเา ทั้งยังมีเนื้อแห้ง ผักแห้ง แน่นอนว่ามีสินค้าที่คนในหมู่บ้านใช้อยู่บ่อยๆ วันนี้เป็วันจับจ่ายพอดี ตอนที่กวนซูเยวียนไปถึง ในร้านก็กำลังยุ่งอยู่พอดี
หลังจากทำงานกันเสร็จแล้ว กวนซูเยวียนก็เรียกสามีของตัวเองมาคุยด้วยที่ด้านข้างร้าน
“ท่านแม่ของข้าเป็อะไรหรือ?” เฉินจื่อิเห็นท่าทางของภรรยา ก็คิดว่าอาการป่วยของแม่ตัวเองหนักขึ้น คิ้วถึงได้ขมวดเข้าหากันแน่น
“ไม่ใช่ สามี... เื่นี้ข้าจะต้องขอโทษเ้าไว้ก่อน เพราะว่า….เื่นี้เร่งด่วนมาก ข้าเองก็ไม่ทันได้บอกกับเ้า” พูดจบกวนซูเยวียนก็มองมาที่เขาด้วยความระมัดระวัง จะต้องรู้ว่าเื่ที่รับหลานสี่กับน้องๆ กลับมา จะพูดว่าเื่นี้เป็เื่ใหญ่ก็นับว่าใหญ่ จะพูดว่าเล็กก็นับว่าเล็ก แถมในบ้านตอนนี้มีแม่สามีที่กำลังเจ็บป่วยอยู่หนึ่งคน แล้วมารับเลี้ยงเด็กๆ อีกหลายคน…สำหรับพวกนางแล้วเื่นี้หากพูดถึงในครอบครัวนางเอง เงินก็มีไม่พอกินกันแล้ว
“พูดมาเถิด” เฉินจื่อินวดขมับอย่างปวดหัว เขาเข้าใจภรรยาของตนแน่นอนอยู่แล้ว ให้ทำเื่อะไรก็ล้วนทำได้หมด นางปากร้ายแต่จิตใจดี
“เื่เป็เช่นนี้ ข้ากลับไปเยี่ยมบ้าน แล้วก็ได้ยินเื่ที่หลานสี่กลับมาแล้วโดยบังเอิญ...”