ไถ่ซือตัวน้อยกัดลงที่ลูกท้อในมือจนราวกับว่าใบหน้าทั้งใบของเธอจะจุ่มลงไปในลูกท้อสิ่งที่เธอกินใน่หลายวันมานี้อย่าง เนื้อแมวน้ำย่าง ซุปปลาต้ม เนื้อผัดกระเทียมและลูกท้อที่อร่อยเกินจะบรรยาย...ไถ่ซือตัวน้อยรู้สึกว่าหลังจากนี้ตลอดชีวิตของเธออาจจะไม่ได้กินของแบบนี้อีกต่อไปแล้วก็ได้
เธอได้แต่สงสัย ว่าในตอนที่เธอกลับที่บ้านแล้วเธอจะยังสามารถรับชีวิตที่ต้องกินเนื้อสดในทุกๆ วันได้อยู่หรือเปล่า?
ยิ่งอยู่ด้วยกันนานขึ้น ไถ่ซือก็ยิ่งมั่นใจว่าคนที่เธอได้พบคือนางฟ้าจริงๆ
เพราะถ้าหากว่าไม่ใช่นางฟ้า ทำไมถึงไม่เกรงความหนาวเย็นแล้วทำไมถึงจุดไฟได้โดยไม่ได้ใช้อะไรเลยสักอย่างอีกทั้งยังสามารถนำอาหารที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนออกมาได้ตลอดเวลา?
ไถ่ซือนำลูกท้อลูกหนึ่งเก็บเอาไว้ในหมวกของเธอเพื่อเตรียมที่จะแอบเอากลับไปให้พ่อ
แน่นอนว่าหลินลั่วหรานเห็นท่าทางเล็กๆ น้อยๆ เ่าั้ของเธอแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
สองวันที่ผ่านมานี้ เธอเดินไปผิดทาง หาไปทั่วแล้วแต่ก็ยังไม่พบร่องรอยของคน ความจริงเมื่อมาคิดดูอย่างละเอียดแล้วทำไมเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจึงจะสามารถมาโผล่อยู่ที่บนน้ำแข็งได้ด้วยตัวคนเดียว? บ้านของเธอน่าจะอยู่ไม่ห่างออกไปนักก่อนหน้านี้ขอบเขตการตามหาของหลินลั่วหรานนั้นกว้างเกินไปจึงทำให้มันเกินความสามารถของเธอมากเกินไปหน่อย
หลินลั่วหรานกลับมายังสถานที่ที่เธอพบกับไถ่ซืออีกครั้งลมหิมะกลบร่องรอยก่อนหน้าไปจนหมดแต่กลับไม่สามารถกลบความสัมพันธ์ตลอดเวลาทั้งสองวันของพวกเธอได้
ไถ่ซือนั้นเป็เด็กที่ฉลาดและรู้เื่มาก เธอรู้ว่าบางที “นางฟ้า” อาจจะไม่เข้าใจภาษาของเธอ เธอจึงนำมอสสดที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปบนผืนน้ำแข็งใน่หน้าร้อนขึ้นมาก่อนที่จะพูดคำคำหนึ่งออกมาซ้ำๆ หลินลั่วหรานจึงเรียนรู้คำศัพท์คำนี้มาแต่ก็ไม่ได้รู้ว่ามันแปลว่าอะไร อาจจะเป็พืชจำพวกมอสและเป็ชื่อของเด็กตัวน้อยคนนี้
ที่บอกว่าไถ่ซือเป็เด็กที่รู้เื่ก็เพราะว่า เธอเป็เพียงเด็กอายุสิบกว่าขวบแต่ในทุกๆ ครั้งที่หลินลั่วหรานทำอาหารเธอก็จะเข้ามาแย่งช่วยทำความสะอาดปลาและเนื้อต่างๆ มือเล็กๆถูกความเย็นทำเอาแดงไปหมด แต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มเจิดจ้า...
ในเวลาสองวันที่หลินลั่วหรานได้อยู่กับไถ่ซือนั้น ผ่านไปด้วยความสุขถ้าหากว่าเธอไม่มีครอบครัว เธอก็คงอยากจะพากลับไปเป็เพื่อนเล่นกับเสี่ยวลั่วตง
หูของหลินลั่วหรานได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากบริเวณไม่ไกลมากเธอรู้สึกว่าความคิดของเธอในตอนนี้ดูราวกับป้าที่จะลักพาตัวเด็กไปขาย เพราะว่าไถ่ซือตัวน้อยนั้นมีครอบครัวของเธอ...ความคิดเ่าั้ของหลินลั่วหรานเป็เพียงความกังวลเท่านั้นไม่นานนักเธอก็ดีใจขึ้นมาแทนไถ่ซือตัวน้อย
การพบกันในหิมะน้ำแข็งและโชคชะตาที่ทำให้ได้อยู่ร่วมกันในเวลาสองวันที่ผ่านมา หลินลั่วหรานขยับมือร่ายเวททำให้พลังธาตุน้ำบริสุทธิ์กลุ่มหนึ่งลอยเข้าไปยังหัวของไถ่ซือเมื่อได้รับการบำรุงดูแลจากพลัง ไถ่ซือตัวน้อยอาจจะฉลาดมากขึ้นก็ได้? เื่นี้อาจจะต้องรอให้เวลาเป็ตัวพิสูจน์แต่ไม่ว่าอย่างไรก็คงจะไม่มีผลเสีย
ในระหว่างที่กำลังรีบร้อนนั้นหลินลั่วหรานก็ไม่พบว่ารอบตัวของเธอจะมีอะไรที่สามารถให้เป็ของที่ระลึกกับเธอได้เลยนอกเสียจากแผ่นหยกโบราณที่เธอซื้อมาจากสวนโบเจียตอนนั้นเธอซื้อมาเพื่อที่จะศึกษาแผ่นหยกปกป้องกายเธอจึงคัดลอกยุทธศาสตร์ด้านในของมันออกมา แต่ก็เพื่อที่จะเข้าไปฝึกเวทในสถานที่ลึกลับทำให้เธอยังไม่มีเวลาไปทดลองอะไร แผ่นหยกพวกนี้จึงถูกกองเอาไว้ในพื้นที่ลึกลับหลินลั่วหรานจัดการหยิบชิ้นหนึ่งขึ้นมา เธอคิดอยู่สักพักก่อนที่จะร่ายเวทธาตุทองออกมา
พลังธาตุทองนั้น เน้นไปที่การโจมตีเป็หลักมันเป็ธาตุที่มีความคมที่สุดในทั้งห้าธาตุ ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งแบบนี้พลังธาตุทองเบาบางเสียจนยากเกินจะบรรยาย หลินลั่วหรานใช้พลังอยู่มากก่อนจะสามารถร่าย “เวทเหล็กใน” ออกมาได้ เวทของมันก็เป็ไปตามชื่อมันเป็เหมือนกับเหล็กในของผึ้ง เป็เวทธาตุทองที่ใช้ในการลอบโจมตีชนิดหนึ่ง
หลินลั่วหรานบังคับให้เข็มเล็กขยับไปมาบนแผ่นหยกเมื่อผ่านไปสักพักเธอก็เป่าเศษหยกออก บนแผ่นหยกนั้นก็ปรากฏร่างของคนสองคนขึ้นมันคือใบหน้าด้านข้างของหลินลั่วหรานและใบหน้าประดับรอยยิ้มของไถ่ซืออีกทั้งยังแกะสลักตัวอักษรลงไปด้วย แด่ไถ่ซือน้อยแห่งขั้วโลกเหนือ
หลินลั่วหรานห้อยแผ่นหยกลงบนคอของไถ่ซือก่อนที่จะเอาลูกท้อออกมาหยอกล้อเล่นกับเธอหลินลั่วหรานลูบลงบนหัวของเธออย่างแ่เบา แล้วชี้นิ้วเข้ามาที่ตัวเองพร้อมทั้งพูดออกมาทีละคำช้าๆ “หลิน ลั่ว หราน”
ไถ่ซือรับของขวัญมา เธอดีใจเกินกว่าอะไร เธอรู้ได้ทันทีว่าคำพวกนั้นจะต้องเป็ชื่อของนางฟ้าคนนี้อย่างแน่นอนเธอก้มหน้าลงพูดมันซ้ำไปมาในใจ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเตรียมจะบอกกับหลินลั่วหรานว่าเธอจำมันได้แล้ว ก็พบว่ารอบข้างเหลือเพียงหิมะขาวร่างของนางฟ้าของเธอได้หายไปแล้ว
ไถ่ซือจึงรับรู้ได้ในทันทีว่า ที่แท้แผ่นหยกที่สวยงามนี้ก็เป็ของขวัญบอกลาสำหรับเธอนั่นเอง!
เธอยืนอยู่ที่เดิม พร้อมทั้งมองไปรอบๆ รอบๆ ดวงตาแดงก่ำขึ้นมาก่อนที่จะร้องไห้ออกมายกใหญ่
หลังจากที่เสียงร้องไห้ดังไปยังกองหิมะอีกฝั่ง ผู้ชายคนหนึ่งก็ดีใจขึ้นมาเขาลากขาที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า พร้อมทั้งร้องะโออกมา “ไถ่ซือ ลูกอยู่ที่ไหน?”
ลูกสาวของเขา ยังไม่ตาย...นายพรานรวมคนออกหาเธอมาสองวันแล้วแต่กลับสวนทางกันกับหลินลั่วหราน เขาไม่คิดที่จะยอมแพ้ จึงออกมาหาเธออีกครั้งและมันก็ทำให้เขาได้พบกับลูกสาวอีกครั้งจนได้
เมื่อไถ่ซือได้ยินเสียงของผู้เป็พ่อเธอก็รีบร้องะโบอกว่าเธออยู่ที่นี่ด้วยความดีใจ เมื่อนายพรานเดินข้ามกองหิมะมาก็รีบเข้ามาคว้าตัวไถ่ซือเข้าไปในอ้อมกอด เขากอดเธอเอาไว้แน่นไม่อยากจะปล่อยตัวเธอออกมา
ไถ่ซือซุกตัวลงที่เสื้อคลุมของผู้เป็พ่อเธอมองไปยังคนในเผ่าที่ตามมาด้านหลัง ก่อนจะจัดการซ่อนลูกท้อเอาไว้ในเสื้อผ้าและไม่ได้พูดเื่ที่เธอได้พบกับนางฟ้าออกไป
แผ่นหยกที่ห้อยอยู่ที่คอของเธอ ไถ่ซือซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของพ่อเธอคิดถึงการดูแลที่ได้รับจากหลินลั่วหรานในสองวันที่ผ่านมามันเหมือนว่าความรู้สึกที่ขาดหายไปั้แ่เด็กจนโตนั้น ได้รับการเติมเต็ม...
มันคือความรักของแม่หรือเปล่า?
ไถ่ซือไม่รู้แน่ชัด เธอจับลูกท้อในมือเอาไว้แน่นพร้อมทั้งคิดขึ้นด้วยความกังวลว่า เธอจะได้พบกับนางฟ้าอีกไหม?
แล้วตัวเธอจะต้องทำอย่างไร จึงจะได้พบกับพี่นางฟ้าคนนั้นอีกครั้ง?
*****
ความจริงแล้ว หลินลั่วหรานนั้นยืนอยู่บนกองหิมะที่ไม่ได้ห่างออกไปมากนักเมื่อมองจากตรงนี้ก็สามารถทำให้เธอเห็นเื่ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนแม้ว่าเธอจะรู้ั้แ่แรกแล้วว่ามีคนกำลังมา และดูท่าทางเหมือนว่ากำลังตามหาคนอยู่แต่เธอก็อยากจะเห็นด้วยตาของตัวเองว่า เป็ครอบครัวของไถ่ซือจริงๆเธอถึงจะยอมวางใจ
เมื่อเห็นว่าไถ่ซือพุ่งเข้ามาอ้อมกอดของชายคนนั้นใบหน้าของหลินลั่วหรานก็ประดับไปด้วยรอยยิ้มของความสบายใจ
เธอมองไปยังไถ่ซืออีกครั้ง ก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในหิมะโดยที่ไม่หันหลังกลับไปมองอีก เธอสามารถััได้ถึงอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างชัดเจนหน้าร้อนกำลังจะมาถึงแล้วใช่ไหม? เมื่อเห็นไถ่ซือกลับไปหาอ้อมอกของครอบครัวของเธอแล้วหลินลั่วหรานก็คิดถึงครอบครัวของเธอมากขึ้น
ครั้งนี้เธอไม่ได้รีรออะไรอีก หลังจากเดินอยู่บนผืนน้ำแข็งมากว่าสองวันเธอก็ได้พบกับร่องรอยของคน
เธอทำตัวราวกับนักย่องเบาและโชคดีที่บ้านที่เธอเลือกนั้นบังเอิญย้ายมาจากอเมริกาพอดีพวกเขาไม่ชินกับอากาศที่นี่นัก หญิงสาวจึงบ่นกับชายหนุ่มขึ้น และนั่นก็ทำให้หลินลั่วหรานได้รู้ว่าที่นี่คือนอร์เวย์
เธอสวมชุดกระโปรงอยู่ จึงไม่สามารถเปิดเผยใบหน้าได้เธอจึงหยิบเสื้อขนเป็ดของหญิงสาวเ้าของบ้านมาพร้อมทั้งทิ้งลูกท้อที่ทั้งใหญ่ทั้งแดงสดเอาไว้เพื่อเป็ค่าเสื้อเธอแอบเข้ามาและตอนที่ออกไปก็ยังคงไม่มีใครรับรู้
เธอสวมเสื้อขนเป็ดที่ใหญ่กว่าตัวกว่าสองรอบ หลินลั่วหรานหลุดขำออกมาก่อนที่เธอจะตามรถเข้าเมืองมาจนถึงเมืองใกล้ๆ ก่อนที่จะแลกเงินดอลลาร์เพื่อใช้ในการซื้อเสื้อผ้าที่พอดีกับตัว อีกทั้งยังซื้อหมวกทรงสูงปีกกว้างใหญ่และแว่นตากันแดดที่มีขนาดใหญ่พอที่จะปิดใบหน้ากว่าครึ่งของเธอได้มาหลินลั่วหรานพึงพอใจกับการแต่งตัวของตัวเองเป็อย่างมาก
เธอไม่ได้อยากจะทำเท่อะไรหรอกเพียงแต่ตอนแรกการไปฮาวายนั้นเดินทางไปได้อย่างสบายๆแต่ในหนังสือเดินทางของเธอไม่ได้ระบุเอาไว้ว่าเธอจะมาที่นอร์เวย์ด้วยหากจะบังคับดาบกลับไป ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้เธออาจจะถูกคนขับเครื่องบินหรือผู้โดยสารถ่ายรูปเข้าหลินลั่วหรานยังไม่อยากจะเห็นตัวเองเด่นหราอยู่บนหน้ากระดาษไปทั่วโลก ระหว่างโลกธรรมดาและโลกของการฝึกศาสตร์นั้นมีกฎของมันอยู่ไม่เปิดเผยตัวตนของใคร มันคือการแลกเปลี่ยนกับการที่รัฐบาลจะคอยสนับสนุนเหล่าผู้ฝึกศาสตร์
หลินลั่วหรานเดินไปมามั่วๆ ในเมือง เพื่อที่จะตามหากลุ่มคนใต้ดินเธอใช้เวลากว่าสองวัน ก่อนจะตามหามาเฟียที่มีอยู่ทุกเมืองจนเจอและขอให้พวกเขาทำหนังสือเดินทางปลอมให้
การทำของปลอมขึ้นมานั้น ก็ไม่ได้ใสสะอาดมากนักเมื่อเห็นว่าเธอมาตัวคนเดียว อีกทั้งยังโผล่ใบหน้าออกมาเพียงครึ่งดูไม่บริสุทธิ์ใจเท่าไร จึงทำให้หลินลั่วหรานต้องแสดงตนเป็ผู้วิเศษและใช้มือที่ดูราวกับเด็กน้อยของเธอ หักแผ่นเหล็กออกด้วยมือเปล่า พวกคนเ่าั้ดูราวกับเห็นผีและไม่กล้าจะเปิดปากพูดอะไรออกมาอีกในคืนนั้นพวกเขาก็นำของที่หลินลั่วหราน้ามาส่งให้เธอที่โรงแรมแม้แต่เห็นอีกส่วนที่ยังไม่ได้จ่ายก็ยังไม่เอาเมื่อส่งซองสีน้ำตาลให้กับเคาน์เตอร์โรงแรมแล้ว ก็รีบออกไปด้วยความสั่นเทา
หลินลั่วหรานนำหนังสือเดินทางปลอมขึ้นมาดู เมื่อมองดูแล้วก็ไม่ได้ต่างไปจากของจริงของเธอเลยสักนิด นี่ช่างเป็เวทมนตร์แห่งเงินตราเสียจริงในสถานการณ์แบบนี้ บอกว่าเป็ของจริงก็ยังได้
เมื่อจองตั๋วเครื่องบินกลับไปด้วยความราบรื่นหลินลั่วหรานก็ตบหัวของตัวเองลง ทำไมถึงไม่ติดต่อในประเทศก่อนนะ? เธอลีลาอยู่ตั้งนาน ที่บ้านคงจะเป็ห่วงแย่แล้วสินะ?
แต่ช่างเถอะ อย่างไรก็อีกแค่สองวันเท่านั้นกลับไปเซอร์ไพรส์พ่อและแม่หน่อยก็คงจะดี
แน่นอนว่าเธอคงไม่กลับไปมือเปล่า เมื่อพูดถึงของขึ้นชื่อของนอร์เวย์แล้วพวกของทำมืออะไรก็ยังคงเป็รอง ปลาแซลมอนคือของโปรดของเป่าเจียหากไม่เอาติดกลับไปเสียหน่อย ก็คงจะต้องเสียดายกับการมาครั้งนี้เป็แน่
หรือแม้แต่ชีสนมแกะเขาที่เป็ของดั้งเดิมของที่นี่แม้แต่ประเทศที่ภูมิใจในชีสของตัวเองมากอย่างฝรั่งเศสก็ยังชอบมันแน่นอนว่าเธอก็ต้องซื้อมันกลับไปเสียหน่อย
อย่างไรในพื้นที่ลึกลับของเธอก็ยังเหลือที่ว่างอยู่อีกไม่น้อยตู้รักษาความสดใหม่โดยธรรมชาตินี้ ต้องนำมันมาใช้ให้คุ้ม
เมื่อหลินลั่วหรานเดินซื้อของจนพอใจ และเดินไปยังสนามบินของเมืองหลวงก็เป็เวลากว่าสองวันแล้ว
แม้ว่าเวลาจะเดินทางมาถึง่ต้นฤดูร้อนแล้ว สาวๆในเมืองหลวงต่างก็พากันสวมชุดกระโปรงและรองเท้าส้นสูงคอลเลคชั่นใหม่กันแล้วเมื่อออกมาจากสนามบินแล้ว ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็เป็ทิวทัศน์ที่เหมือนกันไปหมด
หลินลั่วหรานสูดอากาศของบ้านเกิดเข้าไป แม้ว่าจะไม่ได้สะอาดสดชื่นเหมือนอย่างที่ขั้วโลกเหนือแต่ว่าไม่ว่าอย่างไร บ้านเกิดก็ดีที่สุดแล้ว!
เธอเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง ก่อนที่จะพุ่งตรงไปยังเชิงเขาชิงเฉิง