มู่อวิ๋นจิ่นปิดประตูเสียงดังปั้งด้วยความโมโห และเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดสี่ห้าชุดพับให้เรียบร้อย
“เชอะ เ้าบอกว่าไม่พาข้าไปด้วย ข้าก็จะไปของข้าเอง!” มู่อวิ๋นจิ่นพับไปบ่นไป ยัดชุดใส่ถุงผ้า
จากนั้นไม่นาน เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นเก็บข้าวของได้สองถุงผ้าใหญ่ มองไปรอบๆ พลันรู้สึกว่าเอาอะไรไปก็ไม่คุ้มจึงล้มเลิกความคิดไปด้วยลง
มู่อวิ๋นจิ่นแอบแง้มหน้าต่างเมาทะลุไปห้องที่อยู่เยื้องกัน เพื่อสำรวจความเคลื่อนไหว
ในตอนนั้นเองจื่อเซียงเปิดประตูห้องเข้ามา เห็นมู่อวิ๋นจิ่นชะเง้อชะแง้มองออกไป จึงถามอย่างแปลกใจ “คุณหนูดูอะไรเหรอเ้าคะ?”
มู่อวิ๋นจิ่นได้สติในฉับพลัน พูดเสียงต่ำกระซิบกระซาบ “ฉู่ลี่จะไปเมืองชิงโจว ข้าเตรียมตัวติดตามเขาไปด้วย”
“ห๊ะ?” จื่อเซียงร้องเสียงดังลั่น “คุณหนู เมืองชิงโจวทุรกันดารยากจนข้นแค้น ตอนนี้น้ำก็ยังท่วมอันตรายมาก คุณหนูอย่าตามไปเลยเ้าค่ะ”
“เ้าไม่เข้าใจหรอก ที่นั่นชาวบ้านกำลังเดือดร้อนกับน้ำท่วม ข้าถึงต้องตามไปด้วยยังไงล่ะ!” มู่อวิ๋นจิ่นพูดอย่างจริงจัง
จื่อเซียงฟังไม่ค่อยเข้าใจ ยกมือขึ้นเกาหัว “คุณหนู บ่าวไม่ค่อยเข้าใจเ้าค่ะ”
เมื่อเห็นจื่อเซียงเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ มู่อวิ๋นจิ่นกลับหัวเราะชอบใจและสัพยอกไปว่า “ฉู่ลี่ไม่อยู่ที่จวน หากมีใครมาหาเื่ข้าเข้า ก็ไม่เหลือคนปกป้องข้ายังไงเล่า!”
ทันใดนั้นจื่อเซียงเข้าใจเื่ราวทั้งหมด พยักหน้ารับงกๆ ช่วยมู่อวิ๋นจิ่นเตรียมข้าวของใหม่อีกครั้ง ดูว่ามีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง หรือเกินความจำเป็ไป
จากนั้นตลอดทั้งบ่าย มู่อวิ๋นจิ่นลากเก้าอี้มานั่งติดกับหน้าต่าง เพื่อคอยเงี่ยหูฟังและจ้องมองกลัวฉู่ลี่อาจออกเดินทางก่อนเวลาโดยไม่บอกกล่าว
จนกระทั่งความมืดมิดในยามค่ำคืนมาเยือน มู่อวิ๋นจิ่นยังคงไม่สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวใด
แต่แล้วมีคนยกอาหารเย็นเดินเข้าไปในห้องฉู่ลี่ มู่อวิ๋นจิ่นมองรอดประตูเข้าไปเห็นจื่อเซียงไม่ใช่ชุดเกราะเปลี่ยนเป็ชุดธรรมดาทั่วไป
หมายความว่าจะฉวยโอกาสออกเดินทางยามดึกสิท่า?
มู่อวิ๋นจิ่นคว้าาถุงผ้าสองใบกำอยู่ในมือแน่น เตรียมพร้อมตลอดเวลา
นางนั่งรออยู่อย่างนั้นเป็เวลาสองชั่วยาม ปวดเอวปวดหลังไปหมด จนต้องลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสาย เดินไปเดินมาในห้อง
ดูท่าแล้วคืนนี้ฉู่ลี่คงไม่เดินทาง มู่อวิ๋นจิ่นที่กำลังหาวคิดเอนตัวลงบนเตียง กลับได้ยินเสียงประตูด้านนอกเปิดด้วยเสียงที่เงียบเชียบ
มู่อวิ๋นจิ่นรีบกระเด้งตัวพุ่งไปที่หน้าต่าง มองรอดออกไป เห็นสองคนนั้นเดินกันออกจากเรือนลี่เฉวียนไป
เป็อย่างที่คิดว่าต้องเดินทางในคืนนี้!
มู่อวิ๋นจิ่นหยิบถุงผ้าสาวเท้าตามหลังไปติดๆ
……
ที่ประตูด้านหลังจวนหนิงหวาง
“องค์ชาย อาหารได้ลำเลียงมาที่นี่ทั้งหมดสิบสองเกวียน วังหลวงยังส่งทหารคุ้มกันมาอีกสามร้อยนายติดตามไปด้วย คนครบแล้ว จะออกเดินทางในตอนนี้เลยไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
ติงเซี่ยนยกนิ้วขึ้นมานับจำนวนของและคนอยากคร่าวๆ
ฉู่ลี่มองย้อนกลับไปที่เรือนลี่เฉวียน ด้วยสายตาแน่นิ่ง “ออกเดินทางได้!”
ฉู่ลี่เดินขึ้นรถม้าและมุ่งหน้าออกประตูเมืองไป
เมื่อขบวนรถม้าเดินไปได้ไกลแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นก็ขี่ม้าที่ฉู่ลี่ชอบขี่กระหยิ่มยิ้มย่องตามไป
มู่อวิ๋นจิ่นเดินตามขบวนรถม้าที่เดินทางไปอยู่ด้านหลังสุด
เมื่อขบวนรถม้าเดินทางมาถึงประตูเมือง มู่อวิ๋นจิ่นเกิดเป็กังวลขึ้นมา ปกติแล้วในยามนี้ประตูเมืองจะถูกปิดลง ขบวนของฉู่ลี่ได้รับอนุญาตเป็กรณีพิเศษให้ออกไปได้ แล้วนางจะออกตามไปยังไง?
มู่อวิ๋นจิ่นกัดฟันครุ่นคิดว่าจะใช้ทางสำรองอ้อมออกจากเมือง แต่ด้วยนางไม่ได้ศึกษาเส้นทางเมืองชิงโจว กลัวว่าหากพลัดหลงกับขบวนฉู่ลี่ จะตามหาได้ลำบาก
พอเห็นขบวนด้านหน้าตรวจสอบเรียบร้อย และเตรียมจะเดินทางออกนอกเมือง มู่อวิ๋นจิ่นจึงะโลงจากหลังม้าและลูบหัว “เด็กดี เ้าจำทางกลับจวนได้ใช่ไหม เช่นนั้นเดินกลับไปเอง ข้าพาเ้าไปด้วยไม่ได้แล้ว”
ม้าตัวนั้นมองมู่อวิ๋นจิ่นตาปริบๆ แล้วหันตัววิ่งกลับจวนไป
มู่อวิ๋นจิ่นร้องด้วยด้วยความใ สมควรแล้วที่เป็ม้าของฉู่ลี่
ขบวนของฉู่ลี่เดินออก ประตูเมืองก็ปิดลงอีกครั้ง มู่อวิ๋นจิ่นหลบไปที่มุมมืด ใช้วิชาตัวเบาะโลอยข้ามกำแพงสูงตามไป
หลังจากออกเมืองนอกแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นใช้วิชาตัวเบาตามอยู่ห่างๆ ด้วยกลัวว่าทหารในขบวนอาจพบนางเข้า แต่ด้วยถุงผ้าสองห่อที่หนักอึ้งกินแรง ส่งผลให้มู่อวิ๋นจิ่นเกิดเสียใจขึ้นมา ไม่น่าปล่อยม้ากลับจวนไป
หรือว่านางต้องเดินไปจนถึงเมืองชิงโจว?
มู่อวิ๋นจิ่นต่อว่าด่าทอตนเอง
ตลอดระยะเวลาหนึ่งชั่วยามที่ติดตามขบวนมาด้วยวิชาตัวเบา กระทั่งถึงยามจื่อสือ [1]ขบวนเดินทางมาถึงเส้นทางที่ห่างไกลเคว้งคว้าง ไร้ซึ่งพืชพันธุ์ต่างๆ
เดิมทีมู่อวิ๋นจิ่นจะเลือกหลบซ่อนตัวในพุ่มไม้ แต่เมื่อเห็นทุกอย่างแห้งแล้งว่างเปล่า จึงทำได้แต่เดินตามอยู่ไม่ห่าง
“บรู๋ว……”
เสียงหมาป่าหอนรับส่งกันเป็ระยะๆ มาจากทุกทิศทุกทาง
มู่อวิ๋นจิ่นอกมือขึ้นกอดอก ขนลุกขนซู่เมื่อปะทะลมหนาวที่พัดผ่าน จนร่างสั่นสะเทิ้มไปหมด
มู่อวิ๋นจิ่นแอบด่าทอตนเอง ว่ามาเป็คนขี้ขลาดตาขาวั้แ่เมื่อไรกัน
ระหว่างที่ครุ่นคิด ขบวนด้านหน้ากลับหยุดลง ได้ยินเสียงติงเซี่ยนะโจากข้างหน้า “ทุกคนเดินทางมาเหนื่อยแล้ว พักผ่อนหาของทานกันประเดี๋ยว”
มู่อวิ๋นจิ่นมองไปรอบตัวไม่พบที่ซ่อนตัวได้เลย จึงเลือกหมอบลงกับพื้นเพื่อไม่ให้เป็จุดสังเกต
มู่อวิ๋นจิ่นหมอบอยู่อย่างนั้นเป็เวลานาน จู่ๆ กลิ่นหอมของอาหารได้ลอยโชยมาจากขบวนด้านหน้า นางจึงยกมือลูบท้องไปมา เงยหัวขึ้นกวาดสายตามองก็ไม่พบฉู่ลี่
ในเวลานี้ ทหารทั้งหมดกำลังนั่งลงหยิบอาหารขึ้นมาปิ้ง มู่อวิ๋นจิ่นมองไปที่รถม้าเห็นติงเซี่ยนนั่งอยู่ข้างนอก โดยไม่พบฉู่ลี่แม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยผ่านไปนานเพียงใด กองไฟด้านหน้าถูกดับลง ทุกคนในขบวนเริ่มตั้งแถวเตรียมตัวเดินทางต่อ
มู่อวิ๋นจิ่นก็ลุกขึ้นเช่นกัน นางใช้มือปัดเศษดินเศษทรายที่ติดอาภรณ์ พร้อมกับถือห่อผ้าสองใบขึ้นแบก พร้อมััถึงความเย็นะเืหวิวอยู่ข้างหลัง
เมื่อหันหน้ากลับไป หมาป่าตาเขียวยืนแยกเขี้ยวอยู่ข้างหลังนางหลายตัว พวกมันกางกรงเล็บขูดขีดไปกับพื้น
มู่อวิ๋นจิ่นผงะถอยหลังสองก้าว กำแส้หางหงส์อยู่ในมือไม่ขยับ กลัวว่าขบวนด้านหน้าที่เดินไปได้ไม่ไกลจะสังเกตพบ จึงช่างใจอยู่
“บรู๋ว……”
“บรู๋ว……”
เสียงหอนของหมาป่าดังเป็ระลอกอีกครั้ง มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วเข้าหากัน กลัวขบวนด้านหน้าเห็นนางเข้า
ในตอนนั้นเอง ท้ายขบวนได้ยินเสียงหมาป่าร้องหอนไม่ไกล จึงหยุดขบวนลง
มู่อวิ๋นจิ่นเกิดตกอกใ คิดหาที่หลบตัวเร็วโดยเร็ว แต่รอบข้างกลับเคว้งคว้างไร้ที่หลบ
“นั่นใคร?” ทหารที่อยู่ท้ายขบวนหลังสุดพบมู่อวิ๋นจิ่นเข้าแล้ว ทหารทุกนายรีบชักดาบออกมาอย่างพร้อมเพรียง ต่างพุ่งไปที่มู่อวิ๋นจิ่นกันทั้งนั้น
พอรู้ตัวว่าถูกจับได้แล้ว มู่อวิ๋นจิ่นได้แต่กระทืบเท้าความไม่พอใจ พวกหมาป่าคิดว่านางจะหนีจึงกระโจนเข้าไปพร้อมกัน
มู่อวิ๋นจิ่นสะบัดแส้หางหงส์ในมือ ใส่หมาป่าเ่าั้ จนตัวที่อยู่ด้านหลังมิกล้าเข้าใกล้
จากนั้นทหารต่างวิ่งเข้าล้อม ใช้ดาบชี้ใส่หน้ามู่อวิ๋นจิ่น
“เ้าเป็ใคร? ทำไมมาทำตัวลับๆ ล่อๆ ตรงนี้?” ทหารนายหนึ่งะโถามขึ้น
มู่อวิ๋นจิ่นแสยะยิ้มกำลังจะใช้วิชาตัวเบาะโเหาะหนีไป กลับมีเสียงประหลาดดังขึ้นจากด้านหลังทหารเ่าั้ “พระชายาหรือ?”
ติงเซี่ยนเดินเข้าไปในกลุ่มทหาร มองอย่างพินิจก็รู้ได้ทันทีว่าเป็มู่อวิ๋นจิ่น
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นว่าปิดไม่อยู่แล้ว เลยจ้องเขม็งไปที่ติงเซี่ยน “ข้าเอง!ข้าเอง”
“พระ พระ พระชายา……” ติงเซี่ยนนึกว่าเขาเห็นผี จึงตะกุกตะกักเอ่ยชื่อไม่ออก จากนั้นมีเงาคนปรากฏขึ้นมาจากด้านหลัง
ฉู่ลี่เดินเข้าไปใกล้ โดยมีหยกเรืองแสงเปล่งประกายออกรอบตัว เห็นมู่อวิ๋นจิ่นยืนอยู่ในวงทหาร
มู่อวิ๋นจิ่นส่งสายตาสอดประสานกับฉู่ลี่ กลัวเขาจะไล่นางกลับไป เลือกเดินเข้าไปคว้าแขนฉู่ลี่เอาไว้ “พาข้าไปด้วยคนน่ะ เ้าไม่อยู่ที่จวน ข้าต้องกินไม่ได้นอนไม่หลับ ถึงตอนนั้นเ้าไม่กลับมา ข้าคงอ่อนแอตายไปก่อนแล้ว!”
“ฮ่าๆๆๆ” ติงเซี่ยนหัวเราะขึ้นมา
นิสัยแต่งเื่ราวของพระชายานับวันจะแเีขึ้นทุกวัน
มู่อวิ๋นจิ่นหันไปเลิกตาโตใส่ติงเซี่ยน เขารีบหุบปากทันที ส่วนทหารที่ล้อมต่างยืนตัวสั่นกันหมด
ฉู่ลี่ยังอ่านความคิดในครั้งนี้ของมู่อวิ๋นจิ่นไม่ออก จึงหัวเราะกลบเกลื่อน ด้วยความหงุดหงิดและจนปัญญาจะแก้ไข
“เ้านี่มันซื่อบื้อสิ้นดี ให้อยู่สบายๆ ที่จวนกลับไม่ชอบ!” ฉู่ลี่ให้คำนางที่เคยพูดไว้สวนกลับคืนนางไป
เห็นฉู่ลี่ออกเอ่ยปาก มู่อวิ๋นจิ่นก็ยิ้มอย่างสุขใจ โยนถุงผ้าทั้งสองให้กับติงเซี่ยน “เ้าช่วยข้าถือ!”
สิ้นเสียง นางก็เดินตรงไปที่รถม้า
ฉู่ลี่ได้แต่ส่ายหน้าโดยทำสิ่งใดไม่ได้ “เดินทางต่อไป”
……
พอก้าวขึ้นไปนั่งบนรถม้า มู่อวิ๋นจิ่นถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตลอดทางใช้วิชาตัวเบา สลับกับเดินเป็เวลานาน ขาสองข้างปวดเมื่อยไปหมดแล้ว นางจึงยกขานั่งขัดสมาธิบีบนวดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
ฉู่ลี่ยื่นห่อขนมและน้ำหนึ่งกาส่งให้
มู่อวิ๋นจิ่นกะพริบตาปริบๆ ยื่นมือไปรับา “ฉู่ลี่ เ้าช่างใส่ใจเหลือเกิน!”
“หึ!ไม่ต้องพูดให้มากความ!” ฉู่ลี่ไอด้วยทำหน้าไม่ถูก
“ไปเมืองชิงโจวใช้เวลานานเท่าไหร่?” มู่อวิ๋นจิ่นทานไปด้วย มองรอดหน้าต่างไปด้วย
“ประมาณสามวัน” ฉู่ลี่ตอบ
มู่อวิ๋นจิ่นยกมือขึ้นปิดปากด้วยความใ “โชคดีที่ถูกเ้าพบตัวก่อน หากข้าต้องเดินสามวันติดคงต้องอ่อนเปลี้ยเพลียแรงหมดสิ้น”
ฉู่ลี่มองชุดกระโปรงขาวที่มู่อวิ๋นจิ่นใส่มาวันนี้ กลับเลอะเปื้อนหมดแล้ว พอคิดๆ สิ่งที่นางพูดเมื่อครู่ก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
เห็นฉู่ลี่ยิ้มอย่างเบิกบานใจ มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง ความกังวลถูกวางลง พร้อมกับเดินทางไปกับฉู่ลี่ด้วยความสบายใจ
[1] ยามจื่อสือ คือ ่เวลาั้แ่ 23.00-01.00 น.