หลิววั่งกุ้ยที่อยู่ด้านข้างกล่าวคําขอโทษ “ขอคุณชายซูอย่าได้เคืองโกรธไป น้องเล็กของข้าถูกท่านพ่อท่านแม่ตามใจจนเสียคน กลับไปข้าจะลงโทษให้นางคัด ‘บทเรียนสำหรับหญิงสาว’ หลายรอบ!”
ใบหน้าของหลิวฉีซื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย บุตรชายจะลงโทษน้องสาวให้คัดบทเรียนสำหรับหญิงสาว? บุตรสาวตนเองทำอะไรที่เกินเลยไปหรือ?
นางคิดไม่ถึงเลยว่าบุตรชายที่รักและเอ็นดูที่สุดจะรังเกียจต้นกำเนิดของมารดาแท้ๆ
ซูจื่อเยี่ยยกเปลือกตาขึ้นมองไปที่ทุกคน เดิมทีเขาแค่้ามาเจอแม่สาวน้อยหลิวเต้าเซียง จะได้พูดจากับนาง แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ เกรงว่าคงทำไม่ได้แล้ว
ในเมื่อการสนทนาไม่เกิดขึ้นและทำอะไรต่อไม่ได้ เขาจะยังอยู่ต่อทำไมกัน?
จะอยู่ให้คนดูเหมือนลิงหรือ?
ลูกหลานของราชวงศ์สามารถปรากฏตัวให้คนทั่วไปเชยชมได้ง่ายดายเช่นนั้นหรือ?
“จิ้นเซี่ยว เื่ราวจัดการเรียบร้อยหรือไม่?”
จิ้นเซี่ยวตอบอย่างสุภาพมาก “นายท่าน ทุกอย่างจัดการเรียบร้อย กระหม่อมจะสั่งให้คนบังคับรถม้าเตรียมรถให้พร้อม นายท่านจะไปตอนนี้เลยหรือไม่?”
ซูจื่อเยี่ยคิดดูแล้วจึงเอ่ย “ถึงอย่างไรก็มีต้นเื่จากข้า”
จิ้นเซี่ยวรีบแก้คำพูด “ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ หรือไม่ นายท่านจะลองไปดูโดยรอบก่อน หากให้กระหม่อมพูดล่ะก็ บ้านของคุณหนูรองหลิวดีหรือไม่ นางเป็แม่ครัวน้อยของนายท่าน ย่อมต้องให้เกียรตินายท่านอยู่แล้ว”
ซูจื่อเยี่ยเพียงแค่ยังไม่สบายใจ เขาจึงอยากเห็นกับตาจึงจะวางใจ
หลิวซานกุ้ยแอบหงุดหงิดที่หลิวเสี่ยวหลันไม่รู้กาลเทศะ สถานการณ์แบบนี้ก็ยังอาละวาดได้อีกหรือ? ทั้งยังก่อกวนงานมงคลของครอบครัวเขา ตอนนี้เขาไม่ชอบหลิวเสี่ยวหลันแล้ว
“คุณชายซู ลองไปเดินดูโดยรอบได้ขอรับ หากว่ามีจุดใดที่ไม่เหมาะสม คุณชายซูได้โปรดชี้แนะด้วย”
“อืม!” ซูจื่อเยี่ยตอบอย่างเ็า ก่อนจะเหลียวมองหลิวเต้าเซียงด้วยสายตาเ็า!
อะไร? หลิวเต้าเซียงเหลือบมองเขา
นําทาง!
สายตาของซูจื่อเยี่ยเ็าหนักกว่าเดิม
หลิวเต้าเซียงตัวสั่นสะท้าน และรีบลุกขึ้นอย่างว่าง่าย “ท่านพ่อ รีบเชิญคุณชายซูไปเดินดูรอบบ้านเถิด”
หลิวซานกุ้ยเองก็ไหลตามน้ำ
ซูจื่อเยี่ยไปเดินดูรอบๆ พร้อมกับหลิวซานกุ้ย บ้านสามเหอย่วนหนึ่งหลัง กำแพงสูงใหญ่ จึงทำให้ตัวบ้านดูเล็กไปหน่อย
บ้านโอ่อ่าที่สร้างด้วยทองหรือเงินก็มิอาจสู้รังนอนของตนเองได้
ครอบครัวของหลิวซานกุ้ยจึงไม่ได้ใส่ใจนัก
ด้านหน้าบ้านเป็ลานยุ้งฉาง ห้องปีกตะวันออกเป็ที่อยู่อาศัยของหลิวเต้าเซียงและหลิวชิวเซียง ห้องปีกตะวันตกทางทิศเหนือเป็ของหลิวชุนเซียง ส่วนทางทิศใต้ของบ้านไว้เก็บของเบ็ดเตล็ด อย่างเครื่องมือทางการเกษตรและการเก็บเกี่ยวข้าวฟ่างในอนาคต เรือนหลักมีห้องโปร่งสามห้อง ห้องทึบสองห้อง นอกจากห้องโถงใหญ่ ซ้ายขวาสองฝั่งก็ยังมีห้องขนาดใหญ่เท่ากับห้องนอนสองห้อง
ด้านทิศตะวันตกถูกคั่นด้วยฉากกั้นไม้ไผ่ธรรมดาและมีเตียง ส่วนด้านทิศตะวันออกเป็ตู้เสื้อผ้า ทางด้านซ้ายของตู้เสื้อผ้าเป็เก้าอี้สี่เหลี่ยมตัวเตี้ย ้ามีลังเสื้อผ้าสองลังที่ทำใหม่ ส่วนด้านขวาของตู้เสื้อผ้าเป็ตู้เตี้ยสูงประมาณครึ่งคน ด้านตะวันออกของเรือนหลักคือห้องตำรา มีตู้ใส่ตำราเรียงรายกัน โดยหน้าต่างด้านทิศเหนือมีโต๊ะตำราวางอยู่ บนโต๊ะมีจัดวางสมบัติสี่ประการไว้ ส่วนด้านข้างโต๊ะมีวางโครงไม้วาดรูปว่างเปล่าอยู่หนึ่งอัน
ตำแหน่งนี้มีไว้สำหรับทุกคนที่จะเขียนตำรา ทางขอบด้านทิศตะวันตกมีโต๊ะสี่เหลี่ยมและเก้าอี้วางอยู่สี่ตัว บนโต๊ะมีสะดึงเย็บปักสองอัน
หลังจากเดินผ่านห้องโถงหลักไปทางด้านหลังของบ้าน หลังห้องครัวเป็บ่อน้ำกับแปลงผัก เดิมทีแม่น้ำถูกกำแพงขวางกั้น ด้านซ้ายของแปลงผักมีกระท่อมเตี้ยที่เรียงรายกันอยู่ แบ่งออกเป็กระท่อมลา เล้าไก่ ถัดออกไปอีกเป็มุมชิดกำแพงด้านทิศเหนือซึ่งเป็คอกหมู ด้านทิศตะวันตกของคอกหมูมีประตูเล็กอยู่หนึ่งบาน หากเปิดออกไปก็จะเป็ที่ดินรกร้างข้างลำธารและเป็เนินเล็กๆ หลายสิบไร่ ตอนนี้เป็ของครอบครัวหลิวเต้าเซียงทั้งหมด
ซูจื่อเยี่ยได้ฟังรายงานจากเกาจิ่วแต่แรกแล้ว แม้ว่าเขาจะให้ความช่วยเหลือแก่นางบ้าง แต่เขาก็ชื่นชมความมุมานะพยายาม ไม่เกรงกลัวความลำบาก และความกล้าพุ่งเข้าชนของนาง
เมื่ออาศัยลมตะวันออกจากเขา ในเวลาเพียงหนึ่งปีครอบครัวก็เริ่มมีรากฐานเป็ของตนเอง ซูจื่อเยี่ยไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับวิธีทำเช่นนี้ แต่เขานับถือแผนการของหลิวเต้าเซียง อีกทั้งในตัวนางยังมีพลังชีวิตลึกล้ำที่ดึงดูดใจเขา
คราวนี้ซูจื่อเยี่ยไม่ได้เอ่ยถึงว่าจะไปเยี่ยมบ้านของหลิวฉีซื่อ หลังจากที่เขาเยี่ยมชมบ้านหลังนี้เสร็จ ก็รับปากการเชื้อเชิญจากหลิวซานกุ้ยให้เกียรติเข้าร่วมรับประทานอาหารกลางวันในงานเลี้ยง
หลิวเต้าเซียงเชื่อว่าร้อยละแปดสิบคือหมอนี่หิวแล้ว!
ซูจื่อเยี่ยได้เดินทางกลับไปด้วยความเสียใจอยู่เต็มอก ยังไม่ทันได้แหย่แม่สาวน้อยแต่อย่างใด การหยิกแก้มยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เมื่อนึกถึงแก้มกลมเล็กของหลิวเต้าเซียงที่เหมือนไข่ไก่ปอกเปลือกที่เพิ่มต้มสุกแล้ว เขาก็หรี่ตาพริ้ม...
อีกด้านหนึ่ง ในบรรดาคนที่ติดตามก็มีหลิววั่งกุ้ย ขณะที่หลิวฉีซื่อได้พาหลิวเสี่ยวหลันเดินไปอีกทาง
นางมาจากจวนตระกูลหวง ถึงอย่างไรก็พอมีวิสัยทัศน์อยู่บ้าง
บุตรสาวของตนช่างไม่เอาไหนเสียเลย แม่ลูกทั้งสองจึงพูดคุยกันเงียบๆ
หลิวฉีซื่อได้แต่ถอนหายใจ หลิวเสี่ยวหลันยังเด็กเกินไปที่จะระวังตัวให้มาก เมื่อไตร่ตรองได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณชายคงหมดหวังแล้ว จึงคิดจะพาหลิวเสี่ยวหลันไปพักอยู่ที่จวนตระกูลหวงสักระยะ เพื่อให้นางได้เรียนรู้ลูกไม้ต่างๆ จากหญิงสาวในจวน
เมื่อได้ส่งซูจื่อเยี่ยและกลุ่มผู้ติดตามเดินทางกลับไป หลิวฉีซื่อจึงได้สติกลับมา
ไม่สิ!
ก่อนหน้านี้ นางนึกขึ้นได้ว่ากัวซิวฝานคือใคร นี่คืออาจารย์ที่สอนหลานชายหลิวจื้อไฉไม่ใช่หรือ?
กระนั้นนางก็นึกถึงท่าทีเคารพของหลิวเต้าเซียงที่มีต่อกัวซิวฝาน
นางเอื้อมมือออกไปตบขา หลิวซานกุ้ยตัวดี กล้าบังอาจปิดบังมารดาและแอบไปเล่าเรียน ดูสิว่าจะถลกหนังเ้าอย่างไร
เมื่อหลิวฉีซื่อคิดได้ว่าหลิวซานกุ้ยแอบเอาเงินไปเรียนโดยไม่มอบเงินให้ส่วนรวม นางก็นึกเจ็บใจ นั่นล้วนเป็เงินที่ควรจะเป็ของนาง
นางจึงพาหลิวเสี่ยวหลันกวาดมองไปรอบทิศ ในที่สุดก็เห็นหลิวซานกุ้ยที่กลับเข้าไปในงานพร้อมกับหลี่เจิ้ง ขณะนี้เขากำลังถือเหล้าไปคำนับแขกาุโทั้งหลายพร้อมหลี่เจิ้ง
“หลิวซานกุ้ย!”
ด้วยเสียงคํารามที่ดังลั่น เดิมทีคนที่ทานข้าวเสร็จแล้วและกำลังเตรียมตัวจะกลับไปก็หันมามองอย่างพร้อมเพรียงกัน
หลิวฉีซื่อโกรธจัด มองตาขวางและตรงดิ่งไปยังโต๊ะที่หลิวซานกุ้ยยืนอยู่
เดิมทีหลิวซานกุ้ยเริ่มมีอาการมึนเมาเล็กน้อย ถึงกับใเสียงคํารามของหลิวฉีซื่อ เหล้าในแก้วก็กระฉอกลงบนชุดผ้าฝ้ายตัวใหม่ของเขาด้วย
“ท่านแม่ มีเื่อะไรกัน?”
หลิวฉีซื่อกัดฟันกรอดแล้วใช้ดวงตาที่แข็งกร้าวมองไปที่เขา จากนั้นเงื้อมือขึ้นเพื่อที่จะตบ
“ท่านย่า จะทำอะไรน่ะ!”
หลิวเต้าเซียงโมโหจนตาแดง พุ่งกระโจนเข้าไปหาหลิวฉีซื่อโดยไม่คิด จนนางกระแทกเข้ากับโต๊ะข้างๆ ประจวบเหมาะกับมุมของโต๊ะตัวนั้นทิ่มเข้าที่ท้องของหลิวฉีซื่อ
ใบหน้าชราของนางถึงกับหน้าซีด เจ็บจนหายใจไม่ทัน
“เต้าเซียง เ้ากระแทกเช่นนี้ได้อย่างไร?” แม้อยู่ต่อหน้า หลี่เจิ้งจะทำทีไม่เห็นด้วย แต่ในสายตากลับแฝงไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงหันไปเอ่ยกับหลิวซานกุ้ย “หรือไม่ก็ลงโทษให้นางคัดบทเรียนสำหรับหญิงสาวด้วย!”
“ตกลง ที่หลี่เจิ้งพูดมีเหตุผล เด็กคนนี้แก่นแก้วจนเคยชิน ตอนนี้เห็นทีจะไม่รู้จักหนักเบา”
หลิวซานกุ้ยไม่ได้ตั้งใจจะตําหนิหลิวเต้าเซียงเลย แต่หลี่เจิ้งยื่นทางออกมาให้ เขาก็ต้องรีบรับมันให้ได้โดยเร็ว
อย่างไรก็ตามจะคัดลอกกี่รอบ มันก็ขึ้นอยู่กับเขาที่เป็บิดามิใช่หรือ?
ในที่สุดหลิวฉีซื่อก็เริ่มทุเลา จากนั้นเอื้อมมือชี้นิ้วด่าหลิวเต้าเซียง “นางตัวดี เหตุใดจึงใจไม้ไส้ระกำเช่นนี้”
หลิวเต้าเซียงที่ตอนแรกกังวลว่าจะไม่มีโอกาส ตอนนี้นางแสร้งทำเป็รู้สึกผิด แล้วร้องไห้ “ท่านพ่อ ท่านปู่หลี่เจิ้ง ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้า ฮือ ข้า เอ่อ ข้าเพียงแต่เห็นท่านย่าจงใจจะทุบตีพ่อข้า ข้าร้อนใจ จึง... ฮือๆ”
ท่านผู้ชมทั้งหลาย ที่เหลือก็คิดต่อเอาเองได้ตามใจชอบ
หลิวเต้าเซียงบีบผ้าเช็ดหน้าและเช็ดน้ำตา จากนั้นก้าวเดินไปหาหลิวฉีซื่ออย่างน่าสงสาร “ท่านย่า ข้าผิดเอง ข้าจะพยุงท่าน”
ขณะที่เข้าไปช่วยพยุงก็แอบกระซิบข้างหูหลิวฉีซื่อว่า “ท่านย่า ก่อนหน้านี้ข้าใช้ชีวิตในบ้านเดิมมาตลอด ครอบครัวเราเหมือนใคร คนนั้นย่อมรู้ดีที่สุด แต่ก็เทียบไม่ได้กับมารดาที่อยากฆ่าลูกชายแท้ๆ ให้ตายเพื่อเงิน”
ในใจของหลิวฉีซื่อเดือดดาลขึ้นมาทันใด จากนั้นสะบัดมืออย่างแรง หลิวเต้าเซียงอาศัยจังหวะนั้นเซถอยหลังไปหลายก้าวจนล้มลงก้นจ้ำเบ้ากับพื้น จากนั้นก็เบะปากทำท่าจะร้องไห้
“ท่านพ่อ เจ็บเหลือเกิน!” นางนั่งอดกลั้นอยู่ชั่วครู่แล้วพูดออกมาเสียงเบา ความรู้สึกนั้นราวกับว่าก้นถูกกระแทกจนเจ็บไปหมด
ทันใดนั้นใบหน้าของหลิวซานกุ้ยก็หมองคล้ำลง แล้วรีบเดินไปอุ้มหลิวเต้าเซียงขึ้นมา จางกุ้ยฮัวได้ข่าวก็รีบมาและเห็นฉากนี้เข้าพอดี “ท่านแม่ จะต้องให้ข้าทำอย่างไรจึงจะพอใจ ลูกสาวข้าไปทำอะไรให้พวกท่านกันแน่ ก่อนหน้านี้ก็ถูกเสี่ยวหลันผลักจนล้ม ตอนนี้ก็ถูกท่านผลักล้มไปกองกับพื้นอีก”
จางกุ้ยฮัวมีครอบครัวฝั่งมารดาหนุนหลัง จึงไม่ได้อดทนกับทุกอย่างเช่นในอดีต
“นางผู้หญิงหน้าเหม็นยังหน้าไม่อายมาถามข้า เ้ามันวอนนัก กล้ายุยงให้ลูกชายข้าแอบเก็บเงินส่วนตัว” หลิวฉีซื่อได้โอกาสใช้เป็ข้ออ้างมาเล็งเงินในมือของจางกุ้ยฮัวอยู่
จางกุ้ยฮัวยิ้มอย่างเ็า “เก็บเงินส่วนตัว? ท่านแม่จะคำนวณให้รู้ชัดแน่หรือ? บ้านพี่ใหญ่ พี่รอง มีเดือนไหนบ้างที่ส่งเงินมาให้ท่าน? มีเพียงข้ากับซานกุ้ยที่ซื่อตรง ทุกครั้งที่ได้เงินจากการทำงานก็มอบให้ท่าน แล้วท่านเล่า? ท่านทำอย่างไรบ้าง ซานกุ้ยเล่าเรียนไม่ได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ?”
หลิวฉีซื่อเกิดความละอาย แต่ก็ไม่กล้ายอมรับว่าตนเองเห็นแก่ตัว ได้แต่เถียงคอเป็เอ็น “เขาเล่าเรียนไม่ได้อยู่แล้ว ข้ายังคิดอยู่ว่า เหตุใดก่อนหน้านี้จึงเห็นอาจารย์กัว ที่แท้ก็นางหน้าเหม็นอย่างเ้ายุยงนี่เอง ทำให้ลูกชายข้าที่เป็คนซื่อตรงกล้าเก็บเงินส่วนตัว ยังไม่รีบเอาเงินออกมาอีก”
“ฮึ ท่านยังมีหน้าเอ่ยปากด้วยหรือ พี่ใหญ่ พี่รอง และน้องสี่ ก็ได้รับเงินจากท่านให้เอาไปเล่าเรียน!” จางกุ้ยฮัวพูดถึงตรงนี้ก็เอามือเกี่ยวผมที่หล่นลงมาไปข้างหลัง จากนั้นเอ่ยกับผู้คนที่มาร่วมงานเลี้ยง “ทุกท่านเองก็รู้ว่า แม่สามีข้าบอกว่าซานกุ้ยเล่าเรียนไม่เป็ เรียนไปก็เสียเปล่า วันนี้ ข้าจะขอพูดไว้ตรงนี้ แม้ว่าซานกุ้ยจะไม่ได้เก่งถึงขั้นอ่านแล้วไม่ลืม แต่สิ่งที่อาจารย์ได้พร่ำสอน เขาก็เรียนได้ดียิ่งนัก พวกท่านที่มีลูกหลานเล่าเรียนอยู่ที่สถาบันในตำบล สามารถไปสอบถามกับอาจารย์กัวได้ว่าซานกุ้ยนั้นเล่าเรียนได้หรือไม่ได้”
จางกุ้ยฮัวยังละไพ่ไว้ในมือ นางไม่ได้เอ่ยความจริงที่ว่าหลิวซานกุ้ยนั้นมีความสามารถที่อ่านแล้วไม่ลืม และไม่ได้บอกทุกคนว่ากัวซิวฝานยังให้สามีของตนเตรียมตัวสอบถงเซิงในการสอบชิวเหวยปีนี้
เื่บางเื่มีเพียงการทำให้สำเร็จจึงจะมีพลังมากพอให้ป่าวประกาศออกมา และสามารถหักหน้าคนได้
“ถ้าอย่างนั้นเ้าก็ไม่ควรเก็บซ่อนเงิน” หลิวฉีซื่อยังคงยืนกรานกับเหตุผลมั่วซั่ว นางไม่อาจปล่อยให้หลิวซานกุ้ยมีโอกาสพลิกตัวได้ จำต้องเหยียบให้จมดิน
ความคาดหวังของนางอยู่ที่หลิววั่งกุ้ย
“เฮอะ ช่างน่าขัน ข้าว่าท่านแม่สามี เหตุใดท่านจึงไม่บอกเื่ที่ออกเงินค่าเล่าเรียนให้พี่ใหญ่ พี่รอง กับน้องสี่เล่า? อ้อ ลืมไป แล้วยังมีหลานชายหลายคนอีก ตอนนี้ค่าเล่าเรียนท่านก็เหมาออกให้ทั้งหมด อะไรกัน พอซานกุ้ยไปจับปลาเพื่อแลกเงินไปจ่ายค่าเล่าเรียน และไม่ได้ขอกับท่าน นับว่าเป็การทำอย่างบริสุทธิ์ใจต่อฟ้าดินมากแล้ว”
-----
