“ศิษย์พี่ พวกเราไปช่วยเย่เฟิงกันเถอะ”
หลันเซียงเห็นผู้ฝึกยุทธ์สิบกว่าคนปิดล้อมเย่เฟิงก็เผยสีหน้าดูไม่ได้ ก่อนจะกล่าวเช่นนั้นกับชิงเซียง
“อืม!” ชิงเซียงพยักหน้า จากนั้นพวกนางทะยานร่างไปหาเย่เฟิง หลันเซียงพูดกับเย่เฟิงว่า “คุณชายเย่ ข้ากับศิษย์พี่อยู่ที่นี่ คนพวกนี้ทำอะไรเ้าไม่ได้แน่”
เย่เฟิงหันไปมองหญิงสาวทั้งสอง พลันรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เขากับชิงเซียงและหลันเซียงรู้จักกันโดยบังเอิญ แต่ตอนที่เขาตกอยู่ในวิกฤต พวกนางก็เข้ามาช่วยเหลือเขาเป็คนแรก
“ขอบใจ!” เย่เฟิงพยักหน้าให้พวกนาง จากนั้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็เืเย็นขึ้นทันที
“เื่นี้ไม่เกี่ยวกับพวกเ้า ข้าขอแนะนำให้พวกเ้าถอยออกไปเสียดีกว่า” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว คนที่พวกเขา้าฆ่าคือเย่เฟิง และไม่อยากล่วงเกินเทียนเซียงหลินเพียงเพราะเื่นี้
“พวกเ้าฆ่าเย่เฟิง ก็เท่ากับเป็ศัตรูของเทียนเซียงหลิน ข้าสองคนก็ย่อมมีส่วนเกี่ยวข้อง” ชิงเซียงเผยสีหน้าเย็นเยียบ พร้อมดวงตาฉายแววแน่วแน่
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ งั้นพวกเ้าก็อย่ามาโทษพวกข้าว่าใจร้ายแล้วกัน!”
ผู้ฝึกยุทธ์เ่าั้เป็คนเด็ดขาด จากนั้นพวกเขาสำแดงพลังเข้าโจมตีพวกเย่เฟิง โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
“หอกดุจั!”
เย่เฟิงลงมือเฉียบขาดกว่าคนเหล่านี้หลายเท่า พลันแทงหอกออกไป ทันใดนั้นรังสีหอกทะลวงห้วงอากาศพร้อมเสียงคำรามของัดังสนั่น ก่อนจะไปเขมือบร่างผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งในพริบตา
“โฮก!”
ทางด้านขวา เงาเสือขาวอ้าปากกว้างพร้อมเข้าเขมือบร่างเย่เฟิงด้วยความบ้าคลั่ง ซึ่งเงาเสือขาวสูงหลายจั้ง ทั้งยังอัดแน่นไปด้วยพลังอสูรที่สามารถกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง
“ัคำรามเก้าชั้นฟ้า!”
เย่เฟิงแผดเสียงะโ หอกราวกับกลายเป็เทพัที่พุ่งตัวออกไป ทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันน่าทึ่ง ก่อนจะเข้าปะทะกับิญญาาเสือขาว ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น เทพัที่แปรเปลี่ยนมาจากรังสีหอกมีพลังสูงสุด จึงทำลายิญญาาเสือขาวได้ในทันที
เมื่อเ้าของิญญาาเสือขาวเห็นฉากนี้ก็ต้องหน้าขาวซีด ิญญาาถูกทำลาย ทำให้เขาได้รับผลกระทบเป็อย่างมาก กระทั่งาเ็ภายในอย่างร้ายแรง
ทว่าเทพัที่แปรเปลี่ยนมาจากรังสีหอกไม่ได้อ่อนแอลง แต่มันยังคงพุ่งมาฆ่าเขาอย่างบ้าคลั่ง
ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นหลบหนีหอกของเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว แต่ขณะนั้นมีรังสีดาบพุ่งมาจากทิศหนึ่ง ครั้งนี้ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นตอบสนองไม่ทัน เขารู้สึกถึงความเย็นบริเวณคอ เมื่อเขาเอามือคลำ เืก็แปดเปื้อนมือของเขาเต็มไปหมด กระทั่งชีวิตค่อย ๆ ถูกพรากไปจากเขาทีละนิด
ชิงเซียงมองศพผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นแวบหนึ่ง “เ้ามีฝีมือดี แต่เหตุใดถึงเลือกทางตายเช่นนี้”
จากนั้นชิงเซียงกวัดแกว่งดาบต่อ เพื่อโจมตีกับผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ
หญิงทั้งสองล้วนเป็ศิษย์ระดับหัวกะทิของเทียนเซียงหลิน มีศักยภาพสูงกว่าคนรุ่นเยาว์ของกองกำลังอื่น ๆ ในจักรวรรดิจิ่วโยว ดังนั้นการที่หญิงทั้งสองเข้าร่วมด้วย เย่เฟิงก็รู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อย ทำให้สำแดงพลังได้ตามใจอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เคล็ดวิชาหอกเงินประกายถูกปลดปล่อย ซึ่งศัตรูตรงหน้าเป็เพียงผู้เฝ้าด่านแต่ละชั้นของเจดีย์เชื่อมฟ้าในสายตาของเย่เฟิง ทุกครั้งที่แทงหอกจะต้องมีคนตายหนึ่งคน
เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ก็มีผู้ฝึกยุทธ์เจ็ดคนตกตายในน้ำมือของเย่เฟิง และตบะของทุกคนก็ล้วนอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 5 ขึ้นไป นี่ทำให้ผู้คนรอบข้างต่างใ คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่ใช่ความจริง
นี่น่ะหรือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 1 พวกเขากระทั่งเริ่มสงสัยว่าเย่เฟิงปิดบังตบะที่แท้จริงหรือไม่
“เขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง หรือว่าพวกเราจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา?”
ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ เห็นคนตายเพราะหอกของเย่เฟิงไปหลายคนต่างก็มองเย่เฟิงด้วยสายตาหวาดหวั่น
มู่หรงเฟิงเผยหน้าเขียว เขาไม่คาดคิดว่าผู้ฝึกยุทธ์หลายสิบคนจะฆ่าเย่เฟิงไม่ตาย แต่กลับถูกเย่เฟิงฆ่าตายไปหลายคน หากเป็เช่นนี้ต่อไป พวกเขาเหล่านี้ได้ถูกเย่เฟิงฆ่าตายหมดเป็แน่ ดังนั้นขณะที่เย่เฟิงกับคนอื่น ๆ สู้กัน มู่หรงเฟิงก็ฉวยโอกาสนี้หนีไป
“จะไปไหน!”
ทว่ามู่หรงเฟิงเพิ่งยกเท้าก็รู้สึกได้ถึงรังสีหอกสายหนึ่งพุ่งมาทางเขาด้วยความเร็วสูง ทำให้มู่หรงเฟิงต้องเปลี่ยนทิศเพื่อหลบหนีในทันที แต่รังสีหอกที่น่าสะพรึงกลัวนั่นได้กรีดผ่านหน้าอกของมู่หรงเฟิง เสื้อผ้าบริเวณนั้นจึงขาดเป็รูโหว่ เืไหลออกจากแผล ทำมู่หรงเฟิงเหงื่อแตกพลั่ก
“ตาย!” เสียงเย็นะเืดังออกจากปากเย่เฟิง พลันรังสีหอกพุ่งมาอีกครั้ง โดยไม่คิดปล่อยให้มู่หรงเฟิงได้มีโอกาสใด ๆ
มู่หรงเฟิงยังคงหลบหนีด้วยสภาพอนาถ แต่เขาได้รับาเ็ในขณะหลบหนี จนเสื้อผ้าของเขาถูกย้อมไปด้วยเืสีแดงฉาน
ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างพากันส่ายหัวพร้อมเผยสีหน้าผิดหวัง ก่อนหน้านี้พวกเขานับถือมู่หรงเฟิงมาก คิดว่าอีกฝ่ายเป็ผู้มีความหวังมากที่สุดที่จะได้ผลึกเจตจำนงแรกเริ่มไป
ศักยภาพก็ไม่ใช่สิ่งที่เย่เฟิงทัดเทียม แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขาจะคิดผิดอย่างมหันต์
“เย่เฟิง ถ้าเ้าฆ่าข้า หมู่บ้านหานเสวี่ยไม่ปล่อยเ้าไปแน่ เพราะการตัดสินใจที่โง่เง่าของเ้าจะนำพาหายนะมาสู่ตน เ้าคิดว่าทำเช่นนี้มันคุ้มแล้วหรือ?”
มู่หรงเฟิงหลบหนีการโจมตีของเย่เฟิงด้วยความหวาดผวา จึงพยายามใช้หมู่บ้านหานเสวี่ยมาข่มขู่เย่เฟิง
“กึก!” เมื่อสิ้นเสียงมู่หรงเฟิง พลันมีแสงเยือกเย็นสว่างวาบ จากนั้นได้ยินเสียงกรีดร้อง ก่อนแขนข้างหนึ่งจะกระเด็นออกมา พร้อมกับเืสาดกระเซ็นไปทั่วอากาศ
มู่หรงเฟิงถูกหอกของเย่เฟิงตัดแขนไปข้างหนึ่ง สีหน้าของเขาในตอนนี้จึงดูเ็ปเป็อย่างมาก
ฉากนี้ทำให้เมิ่งยวี่ฉิงที่อยู่ใกล้ ๆ ใจเต้นระรัวพร้อมเผยสีหน้าสับสน
ขณะเดียวกันผู้ฝึกยุทธ์ที่เหลือก็ถูกชิงเซียงและหลันเซียงฆ่าตาย บัดนี้มีเพียงมู่หรงเฟิงที่เพิ่งถูกตัดแขนไปหนึ่งข้างเหลือรอดอยู่คนเดียว และถูกเย่เฟิงบีบให้หมดทางเลือก
“เย่เฟิง หมู่บ้านหานเสวี่ยข้าคือกองกำลังใหญ่ของแดนหานเสวี่ยแห่งจักรวรรดิจิ่วโยว มีผู้ฝึกยุทธ์นับไม่ถ้วน ไม่ใช่คนอย่างเ้าจะทัดเทียม หากเ้าฆ่าศิษย์พี่ข้าจริง ๆ ต่อให้ผนึกกำลังทั่วอาณาจักรจ้าวก็ไม่มีทางต่อกรกับหมู่บ้านหานเสวี่ยข้าได้ เพราะฉะนั้นข้าขอแนะนำเ้าให้วางมือเสียดีกว่า!” เมิ่งยวี่ฉิงเตือนเย่เฟิง น้ำเสียงของนางฟังดูแล้วคล้ายเป็การโน้มน้าว แต่ยิ่งฟังก็เหมือนกำลังบอกว่าหมู่บ้านหานเสวี่ยที่ทรงพลังไม่ใช่คนที่เย่เฟิงจะล่วงเกินได้
“น่าขัน!”
เย่เฟิงเหลือบมองไปที่เมิ่งยวี่ฉิงด้วยสายตาเย็นเยียบ “หมู่บ้านหานเสวี่ยเ้าแข็งแกร่งแล้วเกี่ยวอะไรกับข้าเล่า? ข้ารู้เพียงว่าผู้ที่้าฆ่าข้า ข้าก็จะฆ่ามันผู้นั้น”
สิ้นเสียงเย่เฟิง แสงเยือกเย็นพลันสว่างวาบ จากนั้นได้ยินเสียงกรีดร้องดังออกมาอีกครั้ง แขนอีกข้างของมู่หรงเฟิงถูกตัดเสียแล้ว ผู้คนที่เห็นฉากนี้ต่างก็ตื่นใ
เขามู่หรงเฟิงพยายามสังหารเย่เฟิงนับครั้งไม่ถ้วน ครั้งนี้เย่เฟิงชิงผลึกเจตจำนงแรกเริ่มไปได้ เขาจึงอิจฉาริษยา ยุยงให้ผู้คนรอบข้างลงมือฆ่าเย่เฟิงพร้อมกัน
หากไม่ใช่ว่าเย่เฟิงมีศักยภาพมากพอ ป่านนี้คงตกตายไปแล้ว ดังนั้นคนเ้าเล่ห์เช่นนี้ปล่อยไปได้อย่างนั้นหรือ?
“ตาย!” เสียงเยือกเย็นดังออกจากปากเย่เฟิงที่ราวกับเสียงระฆังแห่งความตาย ทำให้มู่หรงเฟิงรู้สึกกลัวจากจิติญญา ราวกับถูกกลิ่นอายแห่งความตายที่น่าสะพรึงกลัวปกคลุมร่าง
นาทีต่อมาเขารู้สึกเย็น ๆ ที่คอ ก่อนจะพบว่ามีหอกเสียบคาอยู่ตรงนั้น เืก็พุ่งกระฉูดออกมาราวกับน้ำพุ
มู่หรงเฟิงหน้าแข็งทื่อ คอขยับเขยื้อนคล้ายอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับเป็ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ชีวิตค่อย ๆ ถูกพรากไปจากเขาทีละนิด
“บ้าบิ่นยิ่งนัก!”
ผู้คนตัวแข็งทื่อขณะมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยสายตาเบิกกว้าง แม้เมิ่งยวี่ฉิงจะตักเตือน แต่เย่เฟิงก็ยังคงฆ่ามู่หรงเฟิงอย่างไม่ลังเลราวกับไม่เห็นหมู่บ้านหานเสวี่ยอยู่ในสายตา
“ศิษย์พี่!” เมิ่งยวี่ฉิงหน้าขาวซีดเมื่อเห็นร่างมู่หรงเฟิงล้มลงไป ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร มู่หรงเฟิงที่นางเคารพนับถือมาตลอดกลับมาตายต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ นางก็ทำใจยอมรับได้ยาก
มู่หรงเฟิงผู้หยิ่งยโสพยายามสังหารเย่เฟิงนับครั้งไม่ถ้วน คิดว่าเย่เฟิงเป็เพียงมดแมลงตัวหนึ่งที่เขาคิดอยากจะสังหารเมื่อใดก็ได้ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ทุกอย่างจะกลายเป็เื่ตลกขบขัน อาจกล่าวได้ว่ามู่หรงเฟิงกับเย่เฟิงอยู่คนละชั้นกัน ไม่ว่าจะเป็พลังต่อสู้หรือพร์ก็ล้วนห่างชั้น
หลังจากมู่หรงเฟิงตาย ผู้คนในที่แห่งนั้นก็ไม่มีใครกล้ายั่วยุเย่เฟิง แม้รู้ว่าผลึกเจตจำนงแรกเริ่มอยู่ที่เย่เฟิง แต่ก็ทำได้เพียงมองดูเท่านั้น ถึงอย่างไรพลังของเย่เฟิงก็เป็ที่ประจักษ์แล้ว หากพวกเขากล้าชิงผลึกเจตจำนงแรกเริ่มมาจากเย่เฟิง เช่นนั้นจุดจบของพวกเขาก็จะเป็เหมือนมู่หรงเฟิง
“ขอบคุณ” เย่เฟิงกล่าวขอบคุณชิงเซียงและหลันเซียง หากไม่ได้ความช่วยเหลือจากหญิงทั้งสอง เย่เฟิงก็คงเอาชนะคนเหล่านี้ได้ยาก
“พวกเราเป็สหายกัน ไม่ต้องพูดเื่พวกนี้หรอก” หลันเซียงกล่าวพลางยิ้มหวานให้เย่เฟิง ซึ่งรอยยิ้มนั้นยังคงเปี่ยมด้วยเสน่ห์
“ครืน!”
ขณะนั้นตำหนักเกิดสั่นไหวขึ้นมาอย่างรุนแรง ทำให้ร่างทุกคนสั่นคลอน
“เกิดอะไรขึ้น?”
ทุกคนต่างพากันใ พยายามทำให้ตัวเองยืนได้อย่างมั่นคง แต่ตำหนักสั่นไหวรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนผนังรอบด้านเริ่มร้าวเป็วงกว้าง กระทั่งมีเศษหินตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้การสั่นะเืที่รุนแรงเช่นนี้ ตำหนักราวกับจะถล่มลงมาอย่างไรอย่างนั้น
