ขณะก้าวเท้าลงน้ำ เย่เฟิงก็ััได้ถึงความหนาวเย็น แต่เขายังคงมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ หลังจากยืนยันตำแหน่งของาาปะการังจากหลงหว่านเอ๋อร์ก่อนหน้านี้ เขาก็จำตำแหน่งนั้นได้ขึ้นใจ จึงไม่ยากที่จะไปที่นั่น
เขาใช้ทักษะล่องหนแล้วรีบมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะพบว่ายิ่งใกล้ทิศใต้ความลึกของน้ำก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันคลื่นทะเลั์ก็ยังสาดซัดรุนแรง อุณหภูมิของน้ำเย็นไปถึงกระดูก
วิชาเซียน เต่าัอุดลมปราณ!
หลังจากวิ่งไปได้ห้ากิโลเมตร เย่เฟิงก็ใช้วิชาเซียนนี้ขณะะโลงน้ำ ระดับน้ำสูงจนท่วมตัว ภายใต้ท้องฟ้ามืดสลัว เกิดฟ้าร้องและฟ้าแลบไม่หยุด พร้อมลมพายุพัดรุนแรง เห็นได้ชัดว่าตอนนี้สภาพอากาศ ณ ทะเลตะวันออกเลวร้ายอย่างยิ่ง
เมื่อดำลงน้ำแล้ว เย่เฟิงก็เร่งความเร็ว ขณะเดียวกันก็ใช้ทักษะจิตหยั่งรู้ จึงสามารถแหวกว่ายหลบหลีกสิ่งที่ลอยอยู่ เช่น ซากปรักหักพัง ท่อนไม้ และมุ่งไปข้างหน้าได้อย่างสบายๆ เขาเชื่อว่าแม้แต่ยอดฝีมืออย่างหลงโม่หรานก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวใต้น้ำได้เร็วเท่าเขา!
น้ำทะเลยิ่งลึกยิ่งหนาวเย็นลงเรื่อยๆ ขณะเดียวกันเย่เฟิงก็เข้าใกล้จุดหมายมากขึ้น เมื่อชายหนุ่มเข้าใกล้แนวชายฝั่งทะเลก็ใช้จิตหยั่งรู้กวาดมองรอบบริเวณ จนพบการเคลื่อนไหวไม่ไกลจากจุดที่ตนอยู่
ผู้ฝึกวรยุทธ์ยี่สิบถึงสามสิบคนรวมตัวกันเพื่อเตรียมพร้อมแย่งชิง! ตำแหน่งของพวกเขาอยู่บนหน้าผาสูงริมทะเล เพราะที่นั่นเป็พื้นที่ชายฝั่งแห่งเดียวที่เป็พื้นดิน และอยู่ใกล้กับาาปะการังมากที่สุด
เย่เฟิงหยุดเคลื่อนไหว และเตรียมตรวจสอบให้เรียบร้อยว่าผู้ฝึกวรยุทธ์ที่มาร่วมแย่งชิงครั้งนี้คือใครบ้าง เขาจะได้เตรียมตัวรับมือได้ทัน
“หลงโม่หรานยังไม่ตายจริงๆ ด้วย”
เย่เฟิงใช้จิตหยั่งรู้กวาดมองรอบๆ ภายใต้พายุฝนโหมกระหน่ำ เขาพบหลงโม่หรานยืนอยู่บนหน้าผา พร้อมออกคำสั่งให้คนตระกูลหลงสวมใส่อุปกรณ์ดำน้ำ
กระบี่บนเอวของหลงโม่หรานถูกเปลี่ยนเป็กระบี่อีกเล่มหนึ่ง เย่เฟิงรับรู้ได้ว่าคุณภาพของกระบี่เล่มนี้ดีไม่เท่ากับกระบี่เล่มก่อนหน้า ดูเหมือนหลังจากการะเิเสียงก้องร่วมธรรมชาติของหลงหว่านเอ๋อร์จะพัดกระบี่ของอีกฝ่ายหายไป ซึ่งอาจตกอยู่ใต้ท้องทะเลกว้างใหญ่จนไม่สามารถค้นเจอ
เย่เฟิงลอบยิ้มเยาะกับตัวเอง ก่อนตรวจสอบคนที่เหลือต่อ
คนในตระกูลหลง มีเพียงหลงโม่หรานที่เป็ผู้แข็งแกร่งที่มีระดับพลังลมปราณมากกว่าห้าสิบปี ส่วนคนที่เหลือเป็เพียงตัวประกอบเท่านั้น น่าแปลกใจที่หลงจื่อและหลงชิงซึ่งเป็หนึ่งในสามผู้แข็งแกร่งของตระกูลหลงไม่ได้อยู่ที่แห่งนี้ด้วย
นอกจากตระกูลหลงยังมีผู้แข็งแกร่งที่มีระดับพลังลมปราณขั้นสูงอีกสิบสองคนจากตระกูลถัง วิหารดาบ์ สำนักหมัดเทวา และจากสำนักอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งในศึกนี้
เย่เฟิงพบว่าผู้ฝึกวรยุทธ์เ่าั้เตรียมพร้อมต่อสู้ และมองบรรดาผู้ฝึกวรยุทธ์ด้วยกันด้วยสายตามุ่งร้ายจนเขาแอบหัวเราะในใจ หากคนเหล่านี้ขัดขวางกันเอง มันจะเป็โอกาสอันดีสำหรับเขาที่จะได้าาปะการังมาไว้ใน
เพื่อหนทางแห่งความสำเร็จ ชายหนุ่มจึงต้องรออยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้เขาตัดสินใจใช้วิถีเซียนที่ตนไม่เคยใช้มาก่อน— ทักษะหยินเสินเทียม!
เมื่อผู้ฝึกวรยุทธ์ใช้ทักษะหยินเสิน ก็จะสามารถโคจรพลังจนสร้างร่างเทียมประหนึ่งหุ่นเชิดได้ ซึ่งมันมีประโยชน์มหาศาล แต่ข้อเสียที่เห็นได้ชัดเจนเมื่อใช้ทักษะนี้ก็คือ ระยะการตรวจจับด้วยทักษะจิตหยั่งรู้ของผู้ใช้จะลดลงครึ่งหนึ่ง
นี่เป็เหตุผลว่าทำไมเย่เฟิงจึงไม่ใช้ทักษะนี้ แต่เห็นได้ชัดว่า การใช้ร่างเทียมในเวลานี้เหมาะสมยิ่งนัก ตราบใดที่เขาควบคุมร่างเทียมได้อย่างดี ร่างเทียมของเขาก็สามารถดึงดูดความสนใจของคนเ่าั้ได้อย่างแน่นอน จากนั้นเขาก็จะใช้โอกาสนี้ลงมือ...
จิตหยั่งรู้ของเย่เฟิงลดลงพร้อมๆ กับการโคจรพลังชี่ในร่างกายเพื่อสร้างหุ่นเชิดที่สวมหน้ากากที่เหมือนกันกับเขาขึ้นมา ตอนนี้ร่างเทียมดูเหมือนเขาโดยไม่ผิดเพี้ยน!
…………
ขณะที่เย่เฟิงเริ่มลงมือ อีกด้านหนึ่ง รถ Hummer H2 ที่มีเย่เวิ่นเทียนและซูเมิ่งหานก็มาถึงเซี่ยงซานและหยุดอยู่ในใจกลางเมือง
“คุณปู่พักกินข้าวเย็นก่อนดีไหมคะ?” ซูเมิ่งหานเอ่ยเอาใจอีกฝ่าย “พวกเรายังไม่รู้จักใครที่นี่เลย การตามหาคนคนหนึ่งมันยากเกินไป”
“หนูไม่ต้องกังวลเื่การตามหาคนหรอก”
เย่เวิ่นเทียนขบคิดสักพัก เขารู้ว่าการกระทำของซูเมิ่งหานเป็การถ่วงเวลา จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อติดต่อใครบางคน เพราะเขาอยากตามหาใครสักคน จึงติดต่อคนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ เนื่องจากได้ยินมาว่า คนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน จึงโทรขอความช่วยเหลือคนกลุ่มนี้
ไม่นานนักเหลยิก็รับสาย เมื่อได้ยินเสียงเย่เวิ่นเทียน ใบหน้าของเขาก็ดูขมขื่นขึ้นมาทันที ตอนนี้เหลยิพยายามหาคนไปเกาะูเาน้ำแข็ง เขายุ่งมากจนไม่มีเวลาช่วยเย่เวิ่นเทียนตามหาคน จึงทำได้แค่บอกชายชราเกี่ยวกับเหตุการณ์ในหมู่บ้านประมง
เย่เวิ่นเทียนมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลหลินแห่งเมืองเยี่ยนจิง เหลยิจึงให้ความเคารพเย่เวิ่นเทียนเช่นกัน
“ไปทางใต้กัน”
เย่เวิ่นเทียนรู้ว่าชายสวมหน้ากากที่ว่านั่นคือเย่เฟิง หลังจากวางสาย เขาก็ตัดสินใจได้ทันที
“คุณปู่ หนูหิวแล้ว เราหาอะไรกินกันก่อนดีไหมคะ?” ซูเมิ่งหานเริ่มงอแงเอาแต่ใจเหมือนเด็ก
“สาวน้อย เธอก็รู้ว่าทำแบบนี้มันถ่วงเวลาพวกเรานะ” เย่เวิ่นเทียนมองเด็กสาวอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะไม่อยากแสดงท่าทีไม่พอใจ “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเ้านั่น สุดท้ายมันจะเป็หนูที่เสียใจที่สุด! ชิ เราไปกินข้าวกันก่อนก็ได้”
ซูเมิ่งหานคลี่ยิ้ม ทว่าในใจกลับกังวลเล็กน้อย
นับั้แ่เย่เฟิงออกจากเมืองเยี่ยนจิง เธอก็ติดต่อเขาไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่ายบ้าง จะตกอยู่ในอันตรายไหม?
…………
ใจกลางเมืองเซี่ยงซาน ณ ห้องส่วนตัวในภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง
“สาวๆ ทั้งหลาย เธอไม่ต้องกังวลใจไป” หวังเส้าตงซึ่งห้อยหยกรูปสุนัขบนคอ เอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ตอนเช้าผมจ้างคนท้องถิ่นมากกว่าสิบคนเพื่อตามหาชายสวมหน้ากากแล้ว ผมเชื่อว่าเราจะได้รับข่าวดีเร็วๆ นี้”
ชายหนุ่มจ้องหญิงสาวผู้สวยสะดุดตาที่สุด สาวงามคนนี้นอกจากงดงามเป็อันดับหนึ่งของเมืองเยี่ยนจิงแล้ว ยังเป็คุณตระกูลหลินอีกด้วย ไม่ว่าเธอจะไปที่ใดทุกคนต่างต้องตกตะลึงในความงามของเธออย่างปิดไม่มิด!
นั่นก็คือ หลินซือฉิง!
ทั้งสี่คนอยู่ในห้องส่วนตัว โดยมีหวังเส้าตง หลินซือฉิง เซียวฉี่ และเซียวเยว่
“พี่คะ พี่เจอเขาแล้วทำไมพี่ไม่บอกฉัน?” เซียวฉี่ที่นั่งข้างเซียวเยว่เอ่ยด้วยท่าทางแง่งอนที่ดูน่ารักอย่างยิ่ง
ถ้าไม่ใช่เพราะหลินซือฉิงได้ข้อมูลจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ เธอคงไม่รู้ว่าชายสวมหน้ากากปรากฏตัวที่นี่ เซียวเยว่เคยเห็นชายสวมหน้ากาก แต่กลับไม่บอกเธอเลย!
“นี่เซียวฉี่ ผู้ชายคนนั้นมีคนรักอยู่แล้ว เธอยังจะทำเป็ตาบอดตามเขามาเพื่ออะไร?”เซียวเยว่โมโหจนดุอีกฝ่าย หน้าอกใต้ชุดกระโปรงสีแดงกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงอารมณ์
“พี่!” เซียวฉี่หน้าแดง “ฉันไม่ได้จะหาเขาเพราะเื่นั้น... เขาเคยช่วยชีวิตฉัน ฉันเลยอยากตามหาเขาก็เท่านั้น!”
“คุณหวัง ฉันหวังว่าคนของคุณจะได้รับข่าวดีเร็วๆ นี้ ถึงวันนี้จะเริ่มมืดแล้วก็ตาม...” หลินซือฉิงเอ่ยปากอย่างใจเย็น แม้เธอจะสวมชุดลำลองสีขาวธรรมดา แต่ก็ไม่สามารถซ่อนเร้นรูปลักษณ์อันสง่างามของเธอได้เลย
ความจริงเธอกังวลเล็กน้อย ข่าวที่ได้รับจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ คือ ทางใต้มีสภาพอากาศย่ำแย่มาก ถนนทุกเส้นที่มุ่งสู่ทะเลตะวันออกถูกปิดกั้น การไปที่นั่นเพื่อตามหาชายสวมหน้ากากจึงทั้งอันตรายและยากลำบากมาก ด้วยสถานะของหลินซือฉิง เหลยิย่อมไม่ปล่อยให้เธอไปเสี่ยงแน่นอน เพียงเธอเดินออกจากร้านอาหารแห่งนี้ คนของเขาก็จะออกมาขัดขวางไม่ให้เธอหนีไปไหน
“วางใจเถอะครับ ผมกำลังให้คนในท้องที่...” ขณะหวังเส้าตงให้คำมั่นกับหญิงสาว ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมา เมื่อเห็นปลายสาย สีหน้าดีใจก็ปรากฏทันที “โอ้ ดูเหมือนว่าจะเป็ข่าวดีว่าพบเขาแล้วแน่นอน!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้