ม่านราตรีโรยตัวลงมา ผืนป่ามืดสนิทมีเสียงฮูกๆ ของนกเค้าแมวดังมาเป็ระยะ
เซวียเสี่ยวหรั่นนั่งอยู่บนโขดหิน กอดแขนสองข้างตัวสั่นงันงก
ใช่ว่าสั่นเพราะหนาว แต่สั่นเพราะความหวาดวิตก
เหลียนเซวียนออกไปอย่างน้อยก็สามสี่ชั่วโมงแล้ว เขาคงทิ้งเธอไว้แล้วไปคนเดียว จะต้องมีเหตุผลที่บอกไม่ได้เป็แน่
ว่าแต่เหตุผลแบบไหนกันล่ะ? เซวียเสี่ยวหรั่นนึกถึงความเป็ไปได้
เช่นนั้นก็คงกลับไปหาเื่ชายชุดดำที่ชื่อเหลิ่งอีผู้นั้น
แต่พวกเขามากันตั้งเยอะ เหลียนเซวียนคนเดียวจะฝ่าเข้าไปสังหารได้อย่างไร
เขายังพูดเองว่า ร่างกายของเขาตอนนี้ยังไม่ฟื้นฟูดีทั้งหมด
แล้วทำไมถึงหุนหันพลันแล่นขึ้นมา?
เซวียเสี่ยวหรั่นวิตกกังวลขบริมฝีปากจนเกือบเป็แผล
คนบัดซบ บอกว่าจะไปดูลาดเลา ที่แท้ก็มีแผนการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
มีคำพูดหนึ่งกล่าวไว้ว่า ยอมเชื่อว่าแม่หมูขึ้นปีนต้นไม้ ดีกว่าเชื่อลมปากของบุรุษ
ก่อนหน้านี้เธอไม่เข้าใจเท่าไร แต่ตอนนี้มาคิดดู ก็มีเหตุผลอยู่จริงๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นนึกแล้วโมโหแค่นเสียงกระฟัดกระเฟียด
เธออยู่รอในป่าคนเดียวไม่น่ากลัวเท่าไร ห่วงแต่ความปลอดภัยของเหลียนเซวียนมากกว่า จะยืนจะนั่งจึงไม่เป็สุขนัก
สายลมยามค่ำพัดโชยมา เงาไม้โอนเอน ท้องนภายามราตรีมีดวงดาวระยิบระยับ แต่จันทร์กระจ่างกลับถูกหมู่เมฆบดบัง
เสียงจักจั่นขับขานเพิ่มชีวิตชีวาให้กับค่ำคืนอันสงัดเงียบ
ทันใดนั้น ก็มีเสียงเคลื่อนไหวดังกรอบแกรบดังมาจากป่าด้านข้าง
เซวียเสี่ยวหรั่นมือหนึ่งถือท่อนไม้ อีกมือถือขวดสเปรย์พริก จ้องไปยังต้นเสียงด้วยสีหน้าตึงเครียด
ในทุ่งหญ้ามักมีสัตว์เกลื่อนกลาด เซวียเสี่ยวหรั่นมิครั่นคร้ามต่อสัตว์เล็กกับสัตว์กินพืช แต่กลัวจะเจอพวกสัตว์ร้ายกระหายเืมากกว่า
เงาดำสูงใหญ่ค่อยๆ ออกมาจากป่า
เซวียเสี่ยวหรั่นทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ วางท่อนไม้กับขวดสเปรย์ แล้วลุกขึ้นทันที
"เหลียนเซวียน กลับมาแล้วหรือ" น้ำเสียงเจือไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
"อื้ม ข้ากลับมาแล้ว" น้ำเสียงทุ้มต่ำนุ่มนวลแฝงแววขบขันจางๆ
เขาเดินมาถึงข้างโขดหิน โยนกระบี่ในมือกับสัตว์ที่เพิ่งล่ามาลงกับพื้น หลังจากนั้นก็แบมือทั้งสองยื่นออกไปให้นาง
เซวียเสี่ยวหรั่นงุนงงเล็กน้อย แต่กลับส่งมือของตนเองให้
ทันใดนั้นตัวเธอก็หมุนเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา
มือของเหลียนเซวียนโอบรัดอยู่ที่เอวบาง พรูลมหายใจอย่างโล่งอก แล้วถูคางเบาๆ บนศีรษะของนาง
เซวียเสี่ยวหรั่นใกับการกระทำอันสนิทชิดเชื้อของเขา สีโลหิตสูบฉีดขึ้นไปบนพวงแก้ม ตื่นเต้นจนตัวแข็งทื่อ
"ทะ... ท่าน ท่านไปไหนมา กลับไปที่ถ้ำแห่งนั้นใช่หรือไม่" ผลแห่งความขัดเขินสะเทิ้นอายจนไม่รู้จะวางมือวางเท้าไว้ตรงไหน สุดท้ายก็กลายเป็โทสะผลักเขาออกไป ก่อนจะเค้นถาม
"เสี่ยวหรั่น เ้าปราดเปรื่องนัก" เหลียนเซวียนถูกผลักออกไปกะทันหัน ก็นึกอาลัยไออุ่นนั้นอยู่บ้าง
"ท่าน... ท่านยังมีหน้ามาพูด ปากบอกว่าจะไปดูลาดเลาแถวนี้ แต่กลับแล่นไปถึงถ้ำแห่งนั้น" เซวียเสี่ยวหรั่นเดือดดาลไม่เบา ชี้หน้าเขาพลางกระทืบเท้าอยู่ตรงนั้น
เหลียนเซวียนหัวเราะขบขัน เอื้อมมือไปดึงนิ้วของนางลง แล้วกอบกุมไว้ในมือ
"อืม ข้าไปจัดการเหลิ่งอี แต่เสียดาย เอาชีวิตเขาไม่ได้" เหลียนเซวียนกุมมือเล็กจ้อยที่เย็นเล็กน้อยแล้วนวดคลึงเบาๆ น้ำเสียงเนิบนาบไม่แยแส
"แต่พวกเขาคนเยอะขนาดนั้น ท่านาเ็หรือไม่" เซวียเสี่ยวหรั่นทิ้งเื่ต่อว่าต่อขานออกไปจากสมอง มองรอบตัวเขาอย่างพินิจ
แต่จนปัญญาในป่ามืดสนิท ขอบเขตการมองเห็นมีจำกัด
"ไม่เป็ไร าเ็เพียงเล็กน้อย"
ฟ้ามืดแล้ว เื่ที่ต้องทำยังมีอีกมาก เหลียนเซวียนต้องปล่อยมือนางด้วยความจำใจ หยิบกระบี่กับสัตว์ที่ล่าขึ้นมา
"าเ็ตรงไหน" เซวียเสี่ยวหรั่นหมุนรอบตัวเขาพลางเอ่ยถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
เหลียนเซวียนยิ้มมุมปาก มองเห็นสีหน้าห่วงใยของนางอยู่ในสายตา
"ไม่เป็ไร เดี๋ยวก่อไฟเ้าก็จะเห็นเอง"
เขาเดินไปยังกองฟืนข้างสระน้ำที่เซวียเสี่ยวหรั่นขนมากองไว้
เซวียเสี่ยวหรั่นเดินตามไป แต่พอใกล้ถึงริมสระก็หยุดชะงัก "เหลียนเซวียน ในสระมีงูน้ำ"
"อ้อ เ้าอยากกินเนื้องู?"
เหลียนเซวียนไม่แยแส ย่อตัวลง หยิบหินไฟกับมีดสั้นออกมาเคาะกันเบาๆ สองสามครั้ง หญ้าแห้งก็ติดไฟขึ้นมา
"ข้าไม่ได้อยากกินเนื้องูเสียหน่อย" เซวียเสี่ยวหรั่นกลอกตาใส่ นางเตือนให้เขาระวังงูหรอกนะ
เหลียนเซวียนหัวเราะเบาๆ วางฟืนบนหญ้าแห้ง
กองไฟค่อยๆ ลุกโชน รอบด้านสว่างขึ้นในบัดดล
เซวียเสี่ยวหรั่นเดินวนรอบตัวเหลียนเซวียนอีกรอบ สำรวจาแของเขาทันที
"หนึ่ง สอง สาม... ยังมีตรงนี้อีก รวมทั้งหมดสี่แผลหรือ"
อาภรณ์สีน้ำเงินของเขาขาดสี่แนว ชุดตัวในสีขาวยังย้อมสีโลหิต เซวียเสี่ยวหรั่นพลันรู้สึกปวดใจ
"ที่ขายังมีอีกสองแผล" พอเห็นความห่วงใยในดวงตาของนาง แววตาของเหลียนเซวียนก็อ่อนลง ชี้าแที่ถูกฟันที่ขาซ้ายโดยไม่ปิดบัง
"แผลมากมายขนาดนั้น ต้องรีบใส่ยาถึงจะถูก ถ้าเกิดติดเชื้ออักเสบขึ้นมาละก็แย่เลย"
เซวียเสี่ยวหรั่นเปิดกระเป๋าสะพาย รื้อถุงผ้าไหมของเขาออกมา
"ท่านคงมียาจินชวงด้วยกระมัง"
ในนั้นมีขวดยาสามขวดเล็กๆ ขวดหนึ่งเป็ยาฟื้นฟูผิว อีกสองขวดน่าจะเป็ยาใส่แผลอย่างอื่นกระมัง
"ขวดสีเขียว" เหลียนเซวียนนำไก่ป่าที่ล่ามาได้เสียบไม้ย่างไฟเผาขนของมันก่อนรอบหนึ่ง
กลิ่นเหม็นไหม้โชยอยู่ในอากาศ
เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบยาขวดสีเขียวออกมาแล้ว เห็นเหลียนเซวียนถอนขนไก่อย่างคล่องแคล่ว ก็ร้องอุทานอย่างอดไม่ได้
"ท่านเก่งกาจเกินไปแล้ว ไม่ว่าสิ่งใดดูเหมือนว่าจะทำเป็ไปเสียทุกอย่าง"
เหลียนเซวียนเงยหน้าขึ้นเห็นสีหน้าแฝงแววเลื่อมใสศรัทธาของนางก็นึกขบขัน "แค่ถอนขนไก่ เ้ายังตื่นเต้นเพียงนี้"
"แต่คนส่วนใหญ่ก็ถอนไม่เป็กันนะ"
โดยเฉพาะบุรุษ เซวียเสี่ยวหรั่นเพิ่มอีกประโยคในใจ
เหลียนเซวียนหัวเราะเบาๆ มือยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุด "ข้าเคยบอกแล้วมิใช่หรือ เมื่อก่อนอาจารย์พาข้ากับศิษย์พี่ท่องเที่ยวหาประสบการณ์ไปทั่ว พวกเราต้องค้างอ้างแรมในป่าบ่อยครั้ง งานส่วนใหญ่ล้วนแต่ต้องลงมือเอง แค่ถอนขนไก่ ใช่ว่าไม่เคยทำมาก่อน"
เขาลงมืออย่างคล่องแคล่ว หลังถอนขนจนเกลี้ยงเกลา ก็หยิบมีดเงินไปริมสระน้ำ
"นี่อะไร?" เหลียนเซวียนมองผลไม้สีแดงที่กระจัดกระจายอยู่ข้างสระน้ำ
"นั่นคือผลนมแพะ เมื่อครู่ตอนเอาไปล้าง เจองูน้ำเข้าก็เลยใ ไม่กล้าล้างต่อ งูน้ำตัวนั้นมันยังอยู่หรือไม่" เซวียเสี่ยวหรั่นชะโงกศีรษะไปมอง ในน้ำมืดสนิท เธอเห็นไม่ชัด
"ไม่อยู่แล้ว" สำหรับเหลียนเซวียนแล้ว งูไม่ได้น่ากลัวแม้แต่น้อย เขาผ่าท้องไก่ป่าอย่างสงบนิ่ง
เซวียเสี่ยวหรั่นได้ยินเช่นนั้นก็เดินไป ย้ายผลนมแพะเ่าั้ไปล้างต่อให้สะอาด
ไก่ป่าเสียบไม้ ขึ้นย่างบนกองไฟ
เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบผลนมแพะมาหนึ่งกำมือเดินเข้ามาข้างกายเขา "ท่านลองชิมสิ เหลือไว้ให้ท่านโดยเฉพาะเลยนะ"
ผลไม้สีแดงสดสะท้อนแสงไฟแลดูน่าดึงดูดเป็พิเศษ เหลียนเซวียนั์ตาผุดประกาย แต่ไม่ยื่นมือออกไป "มือข้าเลอะ ไม่สะดวก"
เซวียเสี่ยวหรั่นลังเลชั่วขณะ วางห่อผ้าใส่ผลนมแพะบนแผ่นหิน
หลังจากนั้นก็เด็ดผลหนึ่งส่งให้ถึงปากเขา
ดวงตาของเหลียนเซวียนฉายแววยิ้มย่องที่แผนการสำเร็จ ริมฝีปากบางอ้าเล็กน้อยงับเอาผลสีแดงเข้าไป
