แม้ตอนนี้ยังไม่อาจซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เซียวจื่อเมิ่งได้แต่หากแก้เสื้อผ้าที่ตนเคยใส่ เด็กคนนั้นก็ยังพอใส่ได้ โชคดีที่เซี่ยยวี่หลัวเคยเรียนงานเย็บปักถักร้อยมาบ้างจึงพอจะเย็บปักได้อย่างไม่มีปัญหา
เซี่ยยวี่หลัวเทียบขนาดกับเสื้อผ้าของเซียวจื่อเมิ่งใช้กรรไกรตัดออกไปส่วนหนึ่ง ปุยฝ้ายด้านในยังใหม่อยู่เมื่อเย็บแก้เสร็จเพียงตากแดดก็นำไปสวมใส่ได้แล้ว
หลังจากเย็บแก้เสื้อผ้าเสร็จหนึ่งชุดเทียบขนาดกับเสื้อผ้าเดิมของเซียวจื่อเมิ่ง สวมใส่ได้แน่นอน เซี่ยยวี่หลัวปวดหลัวหลังจากนั่งมานานแต่ยังดีที่ทำเสร็จแล้ว
นำเสื้อและกางเกงที่เย็บแก้เสร็จไปตากแดดด้านนอก หลังจากเดินตากแดดอยู่ครู่หนึ่งเซี่ยยวี่หลัวจึงนึกอยากเดินเล่นในหมู่บ้านและดูว่าสองพี่น้องเก็บผักป่าอยู่ที่ไหน
ในขณะที่กำลังจะไป จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ จึงหันกลับเข้าเรือน นำขนมสองชิ้นออกมาจากตู้ห่อด้วยผ้าสะอาดและเก็บตรงอกเสื้อ แต่ในขณะที่ปิดประตู อยู่ๆก็มีเสียงย่องฝีเท้าดังขึ้นที่หน้าประตูใหญ่ เซี่ยยวี่หลัวประหลาดใจยิ่งนัก แต่เมื่อหันไปกลับไม่มีใครสักคน
“เสียงฝีเท้าชัดๆ!”
แต่คงเป็คนในหมู่บ้านเดินผ่านกระมัง เมื่อคิดเช่นนั้นจึงเบาใจ แต่กระนั้นเซี่ยยวี่หลัวกลัวจะมีหัวขโมยจึงใช้โซ่กุญแจคล้องปิดประตูใหญ่ไว้ และมุ่งหน้าไปยังทุ่งนา
ผักจี้ช่ายจะขึ้นตามคันนานางเห็นหญิงชาวบ้านและเด็กจำนวนไม่น้อยกำลังย่อตัวเก็บผัก แต่เมื่อเซี่ยยวี่หลัวกวาดตามองดูจนทั่วกลับไม่เห็นสองพี่น้องเซียวจื่อเซวียน จึงเดินไปอีกด้านหนึ่ง
เมื่อเดินไปในนาอีกด้านหนึ่ง มีวัวที่ใช้ไถนาสองตัวกำลังกินหญ้าอย่างเอื่อยเฉื่อยและมีเด็กอีกห้าหกคนกำลังย่อตัวเก็บผักป่า เสียงหัวเราะของเด็กๆ แว่วมากับสายลมเป็ระยะท่ามกลางทุ่งนาอันกว้างขวาง ไม่ห่างนักเป็ูเาเขียวต้นไม้งาม เมื่อสายลมฤดูใบไม้ผลิใต้แสงตะวันในเดือนสองพัดมากระทบหน้าช่างรู้สึกสดชื่นปลอดโปร่งยิ่งนัก
เซี่ยยวี่หลัวสูดลมหายใจเข้าลึก ความเหนื่อยล้าของร่างกายหายไปเป็ปลิดทิ้งเมื่อกวาดตามองดูรอบๆ ก็พบเซียวจื่อเมิ่งกำลังก้มตัวเก็บผัก จึงะโเรียกออกไป
เซียวจื่อเมิ่งใจนรีบลุกขึ้น เมื่อหันกลับมาก็เห็นเซี่ยยวี่หลัว
เด็กคนอื่นๆ ต่างก็มองมาทางนี้ เมื่อเห็นว่าเป็เซี่ยยวี่หลัว จึงมีเสียงหัวเราะลั่นพร้อมกล่าว “เซียวจื่อเมิ่ง พี่สะใภ้ของเ้ามาแล้ว!”
“พวกเ้ารีบดูหน้าของเซียวจื่อเมิ่งสิ ฮ่าฮ่า ใเหมือนเห็นผีก็มิปาน!”
มีคนพูดจาเหน็บแนมเซียวจื่อเมิ่ง นางไม่กล้าโต้ตอบอันใดได้แต่ยืนอยู่ที่เดิม มองดูเซี่ยยวี่หลัวเดินเข้ามาหาตัวเองทีละก้าวด้วยอาการหวาดกลัวนางไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้กำลังกลัวจนตัวสั่น
“จื่อเมิ่ง...” ทันใดนั้นเซียวจื่อเซวียนก็กระโจนออกมาขวางหน้ากันเซียวจื่อเมิ่งไว้จ้องมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยแววตาหวาดกลัวและร้อนใจ
เซียวจื่อเซวียนตั้งตัวเป็ศัตรูกับนางมาแต่ไหนแต่ไร
เซี่ยยวี่หลัวหยุดชะงัก มองผักป่าที่เซียวจื่อเมิ่งเก็บมา “พวกเ้ากำลังเก็บผักจี้ช่ายอย่างนั้นหรือ? ข้ามาช่วย!”
ไม่รอให้สองพี่น้องกล่าวอันใด เซี่ยยวี่หลัวถกแขนเสื้อขึ้นก็เริ่มเก็บผักป่า
ใน่เดือนสอง เป็เวลาที่ผักจี้ช่ายเติบโตได้ดีที่สุด สีเขียวชอุ่มน่าชมยิ่งนักภพที่เซี่ยยวี่หลัวจากมานั้นได้ััพืชไร่เป็ประจำ ในวัยเด็ก เมื่อเข้าฤดูใบไม้ผลินางจะกลับชนบทไปเก็บผักจี้ช่ายกับท่านปู่และท่านย่า ผักจี้ช่ายหน้าตาเป็อย่างไรนางย่อมรู้ดี
เซียวจื่อเซวียนมองดูเซี่ยยวี่หลัวหาผักป่ากำลังจะถามว่าเคยเห็นผักป่าหรือไม่ รู้หรือไม่ว่าต้องเก็บผักป่าอย่างไร?
ก็ได้เห็นว่าเซี่ยยวี่หลัวหาผักจี้ช่ายพบแล้ว ใช้มือซ้ายจับเข้าตรงรากใช้มีดเล็กในมือขวาตวัดตรงรากเบาๆ รวดเร็วและคล่องแคล่ว เซี่ยยวี่หลัวขุดผักป่าที่สมบูรณ์มีดินติดอยู่เล็กน้อยออกมาเรียบร้อยแล้วเมื่อปัดเศษดินที่ติดอยู่บนนั้นจนสะอาด ก็โยนเข้าไปในตะกร้า
ต้นที่สอง ต้นที่สามจึงตามมาเรื่อยๆ ผ่านไปเพียงครู่เดียว เซี่ยยวี่หลัวก็เก็บมาได้ไม่น้อยแล้วทุกต้นที่เก็บล้วนเป็ผักตีนไก่ ไม่ผิดแม้แต่ต้นเดียว
ดูจากท่าทางคล่องแคล่วของนาง เหมือนเคยทำมาแล้วนับไม่ถ้วน
ไม่จำเป็ต้องเรียนรู้หรือให้ใครสอน
ทั้งยังขุดเก็บผักป่าได้เร็วกว่าเซียวจื่อเซวียนเสียอีก
เซียวจื่อเซวียนไม่ค่อยเข้าใจนัก ขมวดคิ้วพลางก้มตัวเก็บผักป่าเซียวจื่อเมิ่งมองดูเซี่ยยวี่หลัว และมองพี่รองของตน จก่อนจะโน้มตัวลงเก็บผักป่าต่อ
เด็กเ่าั้ประหลาดใจยิ่งนักเมื่อเห็นว่าเซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ด่าว่าสองพี่น้องเซียวจื่อเซวียนพวกเขาจึงไม่กล้ากล่าวอะไร ตอนที่เซี่ยยวี่หลัวอาละวาดขึ้นมาก็ด่าผู้คนไปทั่วพวกเขาเอาแต่หัวเราะเยาะสองพี่น้องเซียวจื่อเซวียน แต่เมื่อเห็นว่านางสงบปากสงบคำพวกเขาก็ยังไม่ไป เพราะไม่แน่อีกเดี๋ยวนางก็คงด่าขึ้นมา
เด็กเ่าั้ตามอยู่ไม่ห่างนัก รอคอยให้เซี่ยยวี่หลัวอาละวาด
แต่ไหนเลยเซี่ยยวี่หลัวจะรู้ว่ามีคนรอให้นางอาละวาดนางเอาแต่ขุดผักป่าอย่างขะมักเขม้น
นางจำ่ที่เคยตามท่านย่าไปเก็บผักจี้ช่ายในวัยเด็กได้อย่างชัดเจน หากนางเหนื่อยท่านย่าจะนำน้ำที่พกมาด้วยล้างมือให้นางจนสะอาด จากนั้นจึงปูเสื่อบนพื้นที่โล่ง ให้นางนั่งเล่นและกินของกินเล่นอยู่บนเสื่อ
เซี่ยยวี่หลัวชอบกินเกี๊ยวหมูใส่ผักจี้ช่าย หลังจากขุดผักจี้ช่ายกลับไปเื่แรกที่ท่านย่าทำก็คือห่อเกี๊ยวให้นาง จนท่านย่าอายุมากแล้วและในชนบทก็ไม่มีผักจี้ช่ายอีก นางจึงไปซื้อผักจี้ช่ายที่เพาะปลูกขายในตลาดแม้ว่ารสชาติจะต่างกับตอนเด็กอยู่มาก แต่นั่นล้วนเป็ความรักจากท่านย่า เซี่ยยวี่หลัวคิดถึงเื่ในอดีตเหล่านี้พอคิดว่าตัวเองจะไม่ได้พบท่านย่าอีกแล้วจะไม่ได้กินเกี๊ยวหมูใส่ผักจี้ช่ายที่ท่านย่าทำให้อีก ก็รู้สึกแสบจมูกอยากร้องไห้ขึ้นมา
หยาดน้ำตาไหลรินลงสองข้างแก้ม เซี่ยยวี่หลัวสูดลมหายใจทีหนึ่งรีบใช้แขนเสื้อเช็ดขอบตา ก่อนเก็บผักป่าต่อ
เซียวจื่อเซวียนอยู่ไม่ห่างจากเซี่ยยวี่หลัวมากนักเพราะเขาคอยเฝ้าจับตามองการเคลื่อนไหวของนางอยู่ตลอดจึงได้เห็นภาพที่นางร่ำไห้เช็ดคราบน้ำตาพอดี
คล้ายว่านางกำลังร้องไห้!
ความคิดแปลกประหลาดผุดขึ้นในหัว เซียวจื่อเซวียนรีบสลัดความคิดนี้ทิ้งไป จะเป็เช่นนั้นได้อย่างไรตลอดเวลาที่ผ่านมามีแต่นางทำคนอื่นร้องไห้นางจะร้องไห้ได้อย่างไร!
แต่เสียงสะอื้นเมื่อครู่...
เซียวจื่อเซวียนได้ยินอย่างชัดเจน
เซียวจื่อเซวียนง่วนอยู่กับการสังเกตเซี่ยยวี่หลัว สองวันมานี้เซี่ยยวี่หลัวทำให้เขาตกตะลึงมากเกินไป เขาสนใจแต่งานในมือตัวเองสนใจแต่การเฝ้าจับตามองเซี่ยยวี่หลัว ไม่ทันสังเกตเลยว่า เด็กคนอื่นๆ ที่กำลังเก็บผักป่ากำลังสุมหัวซุบซิบอะไรกันอยู่
เด็กเ่าั้ไม่ได้เห็นเซี่ยยวี่หลัวอาละวาด ต่างรู้สึกว่าขาดความรื่นเริงปกติพวกเขาชอบดูตอนเซี่ยยวี่หลัวสั่งสอนเซียวจื่อเมิ่งกับเซียวจื่อเซวียนเป็ที่สุดยิ่งเสียงดังพวกเขายิ่งรู้สึกมีความสุข
แต่ทำไมวันนี้ถึงไม่ได้เห็นล่ะ?
เด็กชายอายุประมาณสิบขวบ เป็วัยกำลังซุกซนจะพลาดโอกาสดีเช่นนี้ไปได้อย่างไร พวกเขารวมตัวกันซุบซิบอยู่ครู่หนึ่งก็มีแผนการแล้ว
หนึ่งในเด็กเ่าั้เดินย่องมาอยู่ตรงหน้าเซียวจื่อเมิ่ง จู่ๆ ก็ะโเสียงดัง “เซียวจื่อเมิ่ง ข้างเท้าเ้ามีงู...”
เด็กชายผู้นั้นะโลั่นทั่วหุบเขาด้วยน้ำเสียงตื่นใ