“องค์หญิง” เสี่ยวเอ้อร์มององค์หญิงสีด้วยท่าทางลำบากใจ “ผ้าผืนนี้เป็แม่นางท่านนี้ถูกใจก่อนพ่ะย่ะค่ะ หากท่าน้าภายในร้านยังมีอีก”
องค์หญิงสีกอดอกพูดอย่างไม่ยอม “เปิ่นกง้าผืนที่อยู่ในมือนาง ยังไม่รีบห่อให้เปิ่นกงอีก”
“องค์หญิง....” เสี่ยวเอ้อร์ในตอนนี้ลำบากใจกว่าเดิม ฝ่ายหนึ่งก็เป็องค์หญิง อีกฝ่ายหนึ่งก็ซูิเยว่ที่เขามีเื่ด้วยไม่ได้
“เ้าห่อให้ข้าก็พอแล้ว” เสียงของซูิเยว่เย็นเยียบมากขึ้น สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นด้วยเช่นกัน นางไม่อยากมีเื่กับองค์หญิง แต่องค์หญิงคนนี้ก็รั้นแต่จะหาเื่เอง
“เอ่อ ขอรับ ขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์รีบห่อผ้าให้ซูิเยว่ จากนั้นก็วางตรงหน้า
ตอนที่เสี่ยวอวี่กำลังจะยื่นมือไปหยิบ สาวใช้ข้างกายองค์หญิงก็เข้ามาขวางไว้
“เปิ่นกงบอกแล้วว่าผ้าผืนนี้เปิ่นกงจะเอา”
สีหน้าของซูิเยว่ทะมึนขึ้นมาทันตา นางคว้ามือของสาวใช้ที่จะยื่นไปหยิบผ้า “ไม่มีใครสั่งสอนพวกเ้าเื่มารยาทหรือ ที่แท้คนในวังก็ล้วนเป็เช่นนี้นี่เอง วันนี้ข้าได้รู้แล้ว”
องค์หญิงสีที่อยู่ด้านหน้าก็โกรธจนปอดจะะเิ หน้าแดง คอแดง ดวงตากลมเบิกกว้าง นางจ้องซูิเยว่อย่างเกลียดชัง
แต่ละคนต่างพากันเมินนาง จะให้นางเอาหน้าไปไว้ที่ไหน “คำพูดของเปิ่นกงพวกเ้ากล้าที่จะไม่เชื่อฟังหรือ? รู้หรือไม่ว่าทำให้เปิ่นกงโมโหจะมีจุดจบอย่างไร?”
ในที่สุดซูิเยว่ก็กอดอกหมุนตัวหันมาสนใจนางเสียที “องค์หญิงเจ็ด ผ้าผืนนี้ข้าถูกใจก่อนจริงๆ คนมาก่อนมาหลังเื่นี้ท่านยังไม่รู้หรือ นี่คือนอกวัง ไม่ใช่ภายในวัง ท่านมีสิทธิ์อะไรเอาตำแหน่งของตัวเองมาโอ้อวดอย่างไม่มีเหตุผลเช่นนี้”
“ข้าไม่มีเหตุผล?” องค์หญิงสีได้ยินเช่นนั้นก็เบิกตากว้างกว่าเดิม ความเกลียดชังในแววตาแทบจะแทงตัวซูิเยว่จนเป็รู
“ข้าถือสิทธิ์ว่าข้าคือองค์หญิง พวกเ้าจะต้องฟังคำข้า เ้ามันคนชั้นต่ำ มีสิทธิ์อะไรมาขัดคำสั่งของเปิ่นกง เปิ่นกงถูกใจของของเ้าก็ถือว่าเป็เกียรติของเ้าแล้ว”
“ใช่แน่หรือ” ซูิเยว่เลิกคิ้ว มุมปากเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม นางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบมาก “เช่นนั้นข้าก็ไม่อยากจะได้เกียรตินี้เลยจริงๆ ข้ารู้แค่ว่า ผ้าผืนนี้ข้าถูกใจก่อน”
“เ้า....เ้า....” องค์หญิงสีโกรธจัด นางชี้นิ้วใส่ซูิเยว่อยู่นานก่อนจะพูดหนึ่งประโยคออกมา “เ้ามันไม่รู้จักของดี”
ซูิเยว่ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรออกมา
หน้าอกขององค์หญิงสีขยับขึ้นลงอย่างรุนแรง แค่ดูก็รู้แล้วว่าโกรธจัดมาก หลังจากผ่านไปนาน นางก็คิดอะไรขึ้นมาได้จึงเอามือที่เท้าเอวลง นางจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะยกมุมปากยิ้มเหยียดหยาม
ซูิเยว่มองเงียบๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย หรือว่าองค์หญิงเจ็ดคนนี้จะถูกนางทำให้โกรธจนเป็บ้าไปแล้ว? ถึงได้ยิ้มออกมาแบบนั้น
จากนั้นก็ได้ยินองค์หญิงพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยการเสียดสี “อ๋อ เปิ่นกงลืมไป คุณหนูซูไม่ได้รับการสั่งสอนเช่นนี้ก็มีเหตุผล อย่างไรฮูหยินซูก็จากไปไวขนาดนั้น ดังนั้นจึงไม่มีมารดามาเลี้ยงดู ก็นับว่ามีเหตุผล เปิ่นกงใจกว้าง เื่เมื่อครู่จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคุณหนูซูนะ”
ใบหน้าของซูิเยว่เยือกเย็นขึ้นมาทันที นางคิดไว้แล้วว่าเหตุใดท่าทีขององค์หญิงสีคนนี้จู่ๆ ถึงได้เปลี่ยนไป ที่แท้หมาในปากก็ยังถ่มเขี้ยวไม่ออกนี่เอง
เสี่ยวอวี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนเป็ไม่พอใจทันที “อย่ามาพูดถึงคุณหนูและฮูหยินของข้าเช่นนี้นะ”
“เ้ามันคนชั้นต่ำจากไหนกัน มีคุณสมบัติอะไรถึงได้มาพูดกับเปิ่นกงเช่นนี้”
องค์หญิงสีเชิดหน้าขึ้น ท่าทางสูงส่ง ทว่านางที่เพิ่งพูดประโยคนี้จบก็ทำหน้าได้ใจอยู่ได้ไม่นาน
วินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียง “เพี๊ยะ” ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบไป การเปลี่ยนไปเพียงเสี้ยววินาทีทำให้ทุกคนเบิกตากว้าง ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ซูิเยว่ทำหน้าเคร่งขรึมแล้วเก็บมือกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย นางสะบัดมือเหมือนตบลงไปบนของที่สกปรก
องค์หญิงสีหน้าหันไปอีกด้าน ผมข้างหูยุ่งเหยิงลงมาปิดใบหน้า เพียงไม่นานใบหน้าขาวก็ปรากฏรอยแดงห้านิ้ว เพียงพอที่จะทำให้รู้ว่าเมื่อครู่ซูิเยว่ออกแรงตบเท่าไร
องค์หญิงสีเบิกตากว้างใ นางหันหน้ามองซูิเยว่อย่างไม่อยากจะเชื่อ มือกุมหน้าตัวเองไว้เนิ่นนานไม่สามารถดึงสติกลับมาได้
นางกล้าดีอย่างไร นางคนชั้นต่ำนี่กล้าดีอย่างไร ริมฝีปากและทั้งตัวขององค์หญิงสีสั่นไปหมด
“องค์หญิง องค์หญิงเป็อย่างไรบ้างเพคะ?”
“ซูิเยว่” องค์หญิงสีกัดฟัน ขอบตาแดง แต่ละคำแทบจะลอดไรฟันออกมา “เ้ากล้ามากนะ”
ซูิเยว่เลิกคิ้วขึ้น สีหน้าเหมือนดูเื่สนุกก่อนจะเอ่ยเสียงเนิบ “ในเมื่อไม่มีใครกล้าสั่งสอนองค์หญิงจนพูดไม่เป็แบบนี้ เช่นนั้นข้าก็จะอบรมท่านแทนพระมารดาของท่านเองว่าอะไรเรียกว่าการสั่งสอน คำไหนพูดได้ คำไหนพูดไม่ได้ก็ไม่ต้องพูด ด้านนอกวังนี้ไม่ใช่บ้านของท่าน ไม่มีใครสนใจท่าน”
“เ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนข้า” องค์หญิงสีกัดฟันพูด ความเกลียดชังในแววตาแทบจะแทงทะลุตัวซูิเยว่ นางพูดจบก็พุ่งเข้าไปจะตบเข้าที่ใบหน้าของซูิเยว่
ซึ่งซูิเยว่ก็ไม่ได้หลบ แต่ยกมือขึ้นจับข้อมือองค์หญิงสีแล้วสะบัดออกอย่างแรง
องค์หญิงถูกแรงสะบัดทำให้ถอยหลังไปสองก้าว สาวใช้ของนางรีบเข้ามาพยุงนางเอาไว้
หน้าอกขององค์หญิงขยับขึ้นลงอย่างแรง ซูิเยว่ไปกระตุ้นองค์หญิงผู้หยิ่งยโสคนนี้เข้าเสียแล้ว วินาทีต่อมาจึงกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายโกรธจนหายใจไม่ออกตาย
“ซูิเยว่ เ้ากล้าดีอย่างไร ั้แ่เล็กจนโต เสด็จพ่อ เสด็จแม่ไม่เคยตีข้ามาก่อน แต่เ้ากลับกล้าตบข้า”
“ใช่สิ องค์หญิงเจ็ดไม่มีคนสั่งสอนไม่ใช่หรือ ข้าจึงสั่งสอนแทนสักหน่อยเพคะ”
“ซูิเยว่” องค์หญิงสีกระทืบเท้าอย่างแรง ดวงตาแดงก่ำ “ฝากไว้ก่อนเถิด”
พูดจบองค์หญิงสีก็พาสาวใช้สองคนเดินจากไป ในตอนที่เดินผ่านซูิเยว่ก็ยังชนนางอย่างแรงไปหนึ่งที
ซูิเยว่ถูกชนจนตัวเอนไป โชคดีที่เสี่ยวอวี่พยุงนางเอาไว้
“คุณหนู ไม่เป็อะไรใช่หรือไม่เ้าคะ?”
ซูิเยว่ส่ายหน้า “ข้าไม่เป็อะไร”
เดิมทีวันนี้นางอารมณ์ดีมาก แต่ดันมาถูกองค์หญิงท่านนี้ทำเสียหมด
“คุณหนูผ้าของท่าน”
เสี่ยวเอ้อร์ส่งผ้าที่ห่อแล้วบนโต๊ะให้เสี่ยวอวี่ เมื่อครู่ตอนที่ทั้งสองทะเลาะกัน เขาก็ถอยไปด้านข้างไม่กล้าออกเสียง อย่างไรระหว่างสองคนนั้นเขาเข้าไปมีเื่ด้วยได้ที่ไหนกัน พอทุกอย่างสงบลง ตอนนี้เขาถึงได้เดินเข้ามาได้
“ขอบคุณ”
ซูิเยว่จ่ายเงินเสร็จก็พาเสี่ยวอวี่ลงจากตึกไป
เสี่ยวอวี่กอดผ้าในอ้อมแขน ใบหน้ายังฉายความกังวลมาก “คุณหนู ตบเมื่อครู่ทำให้หายโกรธได้มาก แต่ว่านั่นคือองค์หญิงเจ็ดนะเ้าคะ คนของราชวงศ์พวกเราไปมีเื่ด้วยไม่ได้นะเ้าคะ หากนางกลับไปแล้วนำเื่นี้กราบทูลฮ่องเต้ขึ้นมาจะทำอย่างไรเ้าคะ?”
ซูิเยว่หน้านิ่ง เื่เมื่อครู่สำหรับนางแล้วก็แค่เื่เล็กๆ จึงพูดอย่างไม่ใส่ใจ “นางไม่มีทางทำหรอก”
ซูิเยว่มั่นใจมาก องค์หญิงสีก็แค่เอายศองค์หญิงของตัวเองมาทำตัวกร่างนอกวังเท่านั้น