หั่วอี้รีบร้อนกลับเรือน ลืมเื่ไม่สบายใจที่มีต่อองค์หญิงหมดสิ้นนานแล้วคิดเพียงอยากกลับไปหาองค์หญิงโดยเร็ว เขาพลันนึกเสียใจขึ้นมา เพราะตนกินข้าวอิ่มแล้วไม่มีสิ่งใดทำจึงได้ไปเข้าเฝ้าหากรู้เช่นนี้ก็อยู่ในจวนเชยชิดองค์หญิงให้ดีๆ เสียดีกว่า
หั่วอี้เร่งเดินอยู่ข้างหน้า โดยมีอาเหมิ่งต๋าตามติดมาข้างหลังด้วยสีหน้าสับสนใเขาเห็นหั่วอี้มีท่าทีรีบร้อนนักก็นึกห่วงว่าหั่วอี้อาจพบเจอกับเื่ยุ่งยากเข้า แล้วเขาจะเอาแต่สะบัดแขนเสื้อนิ่งดูดายได้อย่างไรว่าแล้วจึงใช้วิชาตัวเบาขั้นสูงสุด เขารู้พลังยุทธ์ของหั่วอี้ดีเพียงพลั้งเผลอแม้แต่น้อยก็อาจตามอีกฝ่ายไม่ทัน
อาเหมิ่งต๋าคิดไม่ถึงว่า เขาเอาแต่จดจ้องตามติดหั่วอี้แทบเป็แทบตายมาตลอดทางกลับตามมาจวนแม่ทัพนี่เอง
ท่าทีผิดปกติของหั่วอี้ทำอาเหมิ่งต๋างงเป็ไก่ตาแตก อีกฝ่ายคิดจะเล่นอะไรกันแน่จวนแม่ทัพจะมีเื่ใดให้หั่วอี้ต้องรีบวิ่งกลับมาเร็วเพียงนี้
เอาเป็ว่าอย่าเพิ่งสนใจ ตามเข้าไปก่อนค่อยว่ากัน อาเหมิ่งต๋าได้ข้อสรุปในใจดังนั้นจึงตามหลังหั่วอี้เข้าไปในจวนแม่ทัพ
ความสัมพันธ์ของอาเหมิ่งต๋าและหั่วอี้เป็สิ่งที่ยามเฝ้าประตูจวนแม่ทัพรู้เป็อย่างดีจึงไม่ได้ขวางเขาเอาไว้ ทำให้อาเหมิ่งต๋าตามหั่วอี้เข้าไปในจวนแม่ทัพได้ทันที
หั่วอี้เอาแต่จดจ่ออยากพบองค์หญิงโดยเร็วไม่ได้คิดเลยว่าอาเหมิ่งต๋าจะตามหลังมา ในความคิดอ่านของเขาคือ แคว้นชางอี้นี้ยังจะมีใครกินดีเสือดาว[1] จนอาจหาญมาสะกดรอยตามเขา
ดีที่อาเหมิ่งต๋าเป็สหายมิใช่ศัตรู หาไม่แล้วเขาต้องได้รับผลตอบแทนจากความประมาทของตนเป็แน่
ขณะที่หั่วอี้เร่งก้าวเท้าเข้าไปในหอหั่วเยี่ยนก็เห็นว่าหลิ่วจิ้งกำลังเดินออกมาจากข้างใน
“ท่านแม่ทัพ…”
“องค์หญิง ท่านจะไปที่ใด”
หั่วอี้และหลิ่วจิ้งพูดออกมาเป็เสียงเดียวกัน
“ท่านแม่ทัพ ข้าอยากออกไปเดินเล่น ท่านแม่ทัพไม่อยู่ในจวนข้ารู้สึกอุดอู้นักจึงอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกสักหน่อยจะว่าไปข้าก็ยังไม่เคยเห็นตัวเมืองของแคว้นชางอี้เลยเ้าค่ะ”
หลิ่วจิ้งรู้ว่านางทำให้หั่วอี้โมโหจนหุนหันออกไป แม้นางยังมิได้ใกล้ชิดกับหั่วอี้มากนักทว่ายามนี้หั่วอี้ก็ยังสามารถเป็แรงหนุนให้นางได้เพียงแต่ควรจะใช้ประโยชน์เขาอย่างไรนางเองก็ยังไม่ได้นึกถึงฉะนั้นนางจึงยังต้องหว่านล้อมหั่วอี้เอาไว้ก่อน
“เช่นนี้เอง ข้าช่างไม่รอบคอบนัก ไม่คำนึงว่าองค์หญิงมาจากแดนไกลเป็สามีทำไม่ถูก สามีจะไปเดินเล่นกับองค์หญิงเอง”
หลิ่วจิ้งได้ยินเขาแทะโลมนางด้วยคำพูดก็ทำได้เพียงส่งสายตาพิฆาตใส่เขา แต่กลับไม่พอจะทำให้หั่วอี้กลัวได้เขากลับรู้สึกว่านี่เป็วิธีพลอดรักของชายหญิงภายให้ห้องเสียอีก จึงรู้สึกพออกพอใจนักเขาชื่นชอบท่าทียามองค์หญิงเอ็ดเขาเช่นนี้นี่เอง
หั่วอี้หัวเราะอยู่หลายคราก่อนจะเข้าไปกุมมืออีกฝ่าย พานางเดินออกไปนอกจวนแม่ทัพ
ระหว่างที่เดินไปก็พบกับอาเหมิ่งต๋าที่ตามมาอย่างเร่งร้อนเข้าพอดี
หั่วอี้มองอาเหมิ่งต๋าอย่างสงสัย “เ้ามาได้อย่างไร มีเื่ใดหรือ?”
“มิใช่… ท่านแม่ทัพ มิใช่ข้ามีเื่ข้ายังนึกว่าท่านมีเื่ใดเสียอีก”
อาเหมิ่งต๋าพูดอย่างคลุมเครือ เขาจะไปอธิบายอย่างชัดเจนได้อย่างไรเพราะคงไม่อาจพูดได้ว่าเขาแอบสะกดรอยตามท่านแม่ทัพกลับมาที่จวนกระมัง
“ไม่มีเื่ใช่หรือไม่ ไม่มีก็ดีข้ากำลังจะพาองค์หญิงออกไปเดินเล่น จะว่าไปก็เพราะข้าละเลยองค์หญิงเข้าจวนมาตั้งหลายวัน ข้ากลับยังไม่เคยพาองค์หญิงออกไปเดินเล่นข้างนอก ไม่ว่าอย่างไรองค์หญิงก็เป็องค์หญิงแห่งแคว้นจะให้องค์หญิงอยู่แต่ในจวนแม่ทัพเล็กๆ ได้อย่างไรกัน ใช่หรือไม่องค์หญิง”
ดูคล้ายว่าหั่วอี้กำลังอธิบายกับอาเหมิ่งต๋าว่าเขาจะทำสิ่งใดแต่พูดไปพูดมาก็กลับหันมาลงที่ตัวหลิ่วจิ้งเสียแล้ว
อาเหมิ่งต๋ารู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ของหั่วอี้อย่าได้กลายเป็ว่าหั่วอี้ถูกองค์หญิงทำให้หลงจนหน้ามืดตามัวเสียแล้วหั่วอี้จะหาความสำราญเช่นใดเขาไม่สนใจแต่เขาไม่อาจเห็นหั่วอี้ถูกองค์หญิงทำให้ลุ่มหลงได้ องค์หญิงนั่นหาใช่ชาวแคว้นชางอี้ไม่อนาคตยังมีเื่ที่เปลี่ยนแปลงได้อีกมากมายนัก ชมเล่นพอทำเนา แต่อย่าได้มีใจให้
ต้องคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวขององค์หญิงนี่เพื่อหั่วอี้ไว้ให้ดีคิดได้ดังนี้อาเหมิ่งต๋าจึงแสร้งทำเป็ว่ามีเวลาว่างอยู่พอดี “พี่ใหญ่ เดิมทีข้ากะจะมาดื่มสุรากับท่านคิดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่มีหญิงงามเคียงข้างแล้ว คงไม่อาจดื่มเป็เพื่อนข้าได้หากองค์หญิงไม่รังเกียจ ก็ให้ข้าตามพวกท่านไปเดินเล่นด้วยสักคนจะว่าไปหลายวันมานี้ข้าก็ไม่ได้เดินดูในเมืองหลวงดีๆ เลย”
อาเหมิ่งต๋าทำคล้ายว่าขอความเห็นชอบจากหั่วอี้ แต่พอพูดจบเขาก็เ้าปัญญายกสิทธิ์เลือกให้แก่องค์หญิงเพราะเขารู้ว่าหั่วอี้น่าจะไม่ยอมให้เขาตามไปด้วยมากกว่าแต่องค์หญิงนั้นกลับไม่แน่ หากองค์หญิงเห็นด้วย หั่วอี้ก็จะไม่มีทางปฏิเสธได้
เป็ดังคาด หลิ่วจิ้งมองพวกเขาทั้งสองครั้นแล้วก็พยักหน้าเห็นชอบให้อาเหมิ่งต๋าไปด้วยกัน
หั่วอี้เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ต้องยินยอมตามนาง
อาเหมิ่งต๋าแอบยินดีอยู่ในใจ นึกว่าแผนการของตนใช้ได้แต่กลับไม่รู้ว่าความจริงแล้วหลิ่วจิ้งกำลังลำบากใจที่ต้องอยู่ตามลำพังกับหั่วอี้ ไม่นึกว่าคิดถึงสิ่งใดสิ่งนั้นก็มาอาเหมิ่งต๋าเสนอตัวว่าจะออกไปด้วย หลิ่วจิ้งย่อมเห็นชอบด้วยความยินดี
นางและอาเหมิ่งต๋าแต่ละฝ่ายล้วนได้ประโยชน์แต่กลับทำให้หั่วอี้เป็ทุกข์ เดิมทีคิดจะได้อยู่ลำพังกับหญิงงาม กลับต้องถูกอาเหมิ่งต๋าทำลายแผนจนย่อยยับเขาถลึงตาแรงใส่อาเหมิ่งต๋าหลายหน
อาเหมิ่งต๋าหน้าหนาแสร้งทำเป็มองไม่เห็น เอาแต่เดินตามไปไม่สนใจ
อากัปกิริยาเล็กน้อยนี้ของพวกเขาจะรอดพ้นสายตาหลิ่วจิ้งไปได้อย่างไรนางกลับยินดีอยู่ในใจยิ่งนัก เบื้องหน้านางก้มหน้ามองจมูกตั้งใจเดินคล้ายไม่เห็นวาเขาสองคนทำท่าทีใดต่อกัน
หั่วอี้นึกไม่ออกว่าองค์หญิงอยากเห็นทิวทัศน์เช่นไร และไม่รู้ว่าจะต้องซื้อของมากน้อยเพียงใดเขาจึงให้องครักษ์ในจวนรีบเอารถม้าคันหนึ่งตามหลังมา ส่วนตัวเขาพาหลิ่วจิ้งเดินไปพลางแนะนำเื่ต่างๆ ในเมืองหลวงของแคว้นชางอี้
จุดประสงค์แต่เดิมของหลิ่วจิ้งก็เพื่อมาสังเกตการณ์หน้าตาเมืองหลวงของแคว้นชางอี้นางจึงปฏิเสธเื่ที่หั่วอี้เสนอให้นางนั่งรถม้าเพราะเป็ห่วงว่านางจะเหนื่อยไปหั่วอี้จึงจับมือนางเดินไปตามทาง
ขณะที่หั่วอี้แนะนำการจัดวางผังเมืองในเมืองหลวงหลิ่วจิ้งก็ตั้งใจฟังอย่างมาก เพราะนางต้องเตรียมตัวเอาไว้สำหรับความเป็ไปได้ต่างๆอาจมีวันใดที่นางต้องหนีออกไป ซึ่งนางควรรู้ทิศทางเอาไว้ให้ดี
นางตั้งใจฟังเช่นนี้กลับยิ่งเป็การกระตุ้นหั่วอี้ เขาจึงแนะนำละเอียดยิ่งขึ้นไปอีกโดยไม่ได้สนใจว่าตอนนี้ใบหน้าของอาเหมิ่งต๋ากำลังเบื่อหน่ายเป็ที่สุด
เนื่องจากครั้งแรกที่หลิ่วจิ้งได้พบกับกษัตริย์แห่งชางอี้ก็เพราะอาเหมิ่งต๋าเอ่ยปากจึงทำให้กษัตริย์แห่งชางอี้เพ่งเล็งมาที่ตัวนาง จนทำเอานางเกือบโชคร้ายเสียแล้วภายหลังอาเหมิ่งต๋าก็ยังไม่เห็นด้วยกับการที่หั่วอี้จะแต่งงานกับนางอย่างมากอีก สองบัญชีนี้หลิ่วจิ้งยังคงจดจำเอาไว้และจ้องหาโอกาสสร้างความลำบากให้อาเหมิ่งต๋าอยู่ตลอดเวลา
ด้วยเหตุนี้เมื่อหลิ่วจิ้งเห็นอาเหมิ่งต๋ากำลังใจลอยนางจึงวางแผนอยู่ในใจ อาเหมิ่งต๋าเอ๋ย เ้ายิ่งไม่อยากให้ข้าเข้าใกล้หั่วอี้เท่าใดข้าก็จะยิ่งทำให้เ้าเห็นว่าหั่วอี้ใส่ใจข้ามากเท่านั้น
_____________________________
เชิงอรรภ
[1] ดีเสือดาว เป็ยากระตุ้นกำลังชนิดหนึ่ง
