นางจ้าวยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากทำเป็โก่งคอแสร้งว่าจะอาเจียน กลบเกลื่อนความขมขื่นภายในใจ
เหมยเซียงยืนอยู่ข้างๆ นางจ้าวมาโดยตลอด จึงรีบเอื้อมมือไปลูบหลังให้นางจ้าวเบาๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหั่วอี้ หวังว่าเขาจะพูดสิ่งใดบ้าง และให้นางจ้าวกลับไปพักก่อน
แต่เวลานี้เพราะความสนใจของหั่วอี้อยู่ที่ตัวหลิ่วจิ้งจึงไม่ได้มองมาทางนางจ้าวเหมยเซียงร้อนใจนักแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปาก
นางจ้าวก้มหน้าเอามือปิดปาก แต่กลับมีเพียงไม่กี่คนที่สนใจนางไม่บ่อยครั้งนักที่นางจ้าวจะหวังให้ทุกคนอย่าได้พุ่งความสนใจมาที่ตัวนางเลย
ท่าทีของหั่วอี้ทำให้ความสนใจของทุกคนไปรวมอยู่ที่ตัวหลิ่วจิ้งเขากำลังเปรมปรีดิ์ที่หลิ่วจิ้งมีท่าทีพึ่งพิงเขา จึงไม่คิดจะหันเหความสนใจไปจากตัวหลิ่วจิ้ง
หลิ่วจิ้งก็ไม่ได้เอ่ยความจริงออกไปเพราะสิ่งที่นาง้าในตอนนี้ก็คือได้อาศัยหั่วอี้มาสร้างบารมีให้ตน เื่ที่ป้าจ้าวก่อไว้คราก่อนทำให้นางรู้ว่าอำนาจทั้งหมดในจวนล้วนรวมอยู่ที่ตัวหั่วอี้
ฉะนั้นหากจะอยู่ในจวนแม่ทัพได้โดยไม่ถูกคนรังแกนางก็้าท่าทีที่หั่วอี้มีต่อนางเช่นในยามนี้
หลิ่วจิ้งปิดปากหัวเราะ ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใดล้วนทำให้จิตใจของหั่วอี้ลุ่มหลงนักแล้วจะมีแก่ใจมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อไปได้อย่างไร
เขารีบสั่งความให้พ่อบ้านหวังคอยช่วยนายกองเฉินทำความเข้าใจที่มาที่ไปของบ่าวในเรือนเสร็จแล้วเขาก็เตรียมจะพาหลิ่วจิ้งออกไป
ตอนนั้นเองหางตาของหั่วอี้เหลือบไปเห็นเฉินเหยียนเข้าจึงหยุดเดินแล้วกวักมือเรียกเฉินเหยียนมา “เฉินเหยียน เ้ามานี่”
เฉินเหยียนตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวออกมาข้างหน้าทุกคนวันแรกที่เขาเข้ามาในจวนก็ััได้แล้วว่าหั่วอี้ไม่ได้ชอบเขาวันนี้พ่อบ้านหวังบอกว่าเขาต้องไปรวมตัวกับทุกคน เพื่อไม่ให้เป็ที่สังเกตเขาจึงจงใจยืนอยู่ท่ามกลางบ่าวที่ตัวสูงใหญ่กำยำซึ่งทำให้เขาแฝงตัวอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนและไม่เป็ที่สังเกตจริงๆ
เขามีรูปร่างเล็กอยู่แล้วยามยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนก็เหมือนกับไม่มีตัวตนจริงๆ หากไม่ใช่เพราะหั่วอี้มองมาทางเขาพอดีก็ไม่แน่ว่าจะมองเห็นเขา
เฉินเหยียนไม่รู้ว่าเหตุใดหั่วอี้ต้องเจาะจงเรียกเขาออกมาเพราะเขาไม่คุ้นเคยกับการต้องมาอยู่ต่อหน้าคนมากมายเสียอย่างยิ่งจึงรู้สึกไม่คุ้นเคยยามสายตาของทุกคนมองมาที่เขา
ดีที่ได้รักษาตัวมาหลายวัน หนอนแมลงที่อยู่ในตัวเขาจึงถูกกำจัดออกไปเกือบหมดแล้วและหลิ่วจิ้งก็ยังเรียกช่างตัดเสื้อมาตัดเสื้อผ้าที่พอดีตัวให้เขาอีกสองสามชุด ยามนี้เขาจึงไม่ได้มอมแมมเหมือนตอนแรกที่มาถึงเห็นแล้วสบายตาขึ้นมาก
หั่วอี้แอบสังเกตเฉินเหยียน เมื่อคิดว่าตนเองถึงกับเคยรู้สึกหึงหวงเพราะเ้าเด็กคนนี้เขาก็ได้แต่ยิ้มแห้งเพราะไม่ว่าดูอย่างไรเด็กคนนี้ก็ยังไม่โตเป็ผู้ใหญ่ไม่รู้ว่าตอนแรกเขาคิดอะไรของเขาอยู่
เื่ที่เฉินเหยียนเข้าจวนมายังคงเป็ปริศนาในสายตาของทุกคนจนถึงวันนี้จะว่าเป็เ้านายก็ไม่เหมือนเ้านาย จะว่าเป็บ่าวก็ไม่เหมือนบ่าวเขาอยู่ในเรือนเดี่ยวของคนชั้นเ้านาย แต่กลับใช้ชีวิตเรียบง่ายเช่นพวกบ่าว
เมื่อเขาก้าวออกมา สายตาของทุกคนจึงรวมอยู่ที่ตัวเขา แม้แต่นางจ้าวก็ยังเลิกแกล้งทำท่าอาเจียนและเงยหน้าขึ้นมองเฉินเหยียนด้วย
แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานางจ้าวจะไม่ได้มีฐานะเป็ฮูหยินแต่เพราะนางเข้าจวนมานานที่สุด ฉะนั้นเื่ต่างๆ ในเรือนหลังของจวนแม่ทัพนอกจากนานๆ ครั้งที่ฮูหยินผู้เฒ่าจะมาสอบถามบ้าง ปกติก็ล้วนเป็นางและพ่อบ้านหวังสองคนเป็คนจัดการดูแลเรื่อยมา
นางจึงคุ้นเคยว่าคนที่เข้ามาและออกจากจวนไปต้องผ่านมือนางเสียก่อน ด้วยเหตุนี้นางจึงสนใจคนที่เข้าไปอยู่ในเรือนมู่หยวนมานานแล้วแต่จนใจเหลือเกินที่ส่งคนไปสืบความกลับได้ข่าวแค่ว่าเขาเป็คนที่ท่านแม่ทัพและฮูหยินพากลับมาจากนอกจวนนอกนั้นก็ถามไม่ได้ความอีก
นางจ้าวเห็นหั่วอี้เรียกให้เขาออกมาจึงหลงลืมความอับอายของตนและหันมองเฉินเหยียนเหมือนกับทุกคน
หั่วอี้เอื้อมมือออกไปตบไหล่เฉินเหยียน โอบไหล่เขาและบอกกับทุกคนว่า“เ้าเด็กหนุ่มนี่ชื่อว่าเฉินเหยียน เป็องครักษ์ของข้าเพราะเขาทำภารกิจหนักหนาสาหัสมานานปีและถูกลอบทำร้ายในภารกิจคราหนึ่งจำเป็ต้องมาพักรักษาตัว ข้าจึงให้เขาไปอยู่ในเรือนมู่หยวนวันหน้าเขาก็คือองครักษ์ภายในจวน ได้รับการปฏิบัติเช่นองครักษ์ขึ้นตรงต่อข้าและฮูหยิน”
“ที่แท้เป็องครักษ์ของท่านแม่ทัพมิน่าท่านแม่ทัพจึงให้เขาไปอยู่ที่เรือนมู่หยวนจะต้องเป็องครักษ์ที่สร้างคุณงามความดีใหญ่หลวงมาก่อนเป็แน่”
“ที่แท้เป็เช่นนี้เอง มิน่าเล่า”
เมื่อทุกคนในจวนได้ยินหั่วอี้แนะนำเฉินเหยียนก็พากันแสดงความคิดเห็นของตนออกมา
แม้ว่าพวกของนายกองเฉินและจ้าวฉวนจะรู้ฐานะของเฉินเหยียนมาก่อนหน้านี้แล้วแต่เมื่อหั่วอี้แนะนำเฉินเหยียนให้ทุกคนได้รู้จักในเวลานี้พวกเขาก็ยังรู้สึกว่าเกินกว่าที่พวกเขาคาดเอาไว้มาก
พวกเขานึกไม่ถึงว่าหั่วอี้จะให้ฐานะพิเศษเช่นนี้แก่เฉินเหยียนหรือที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อฮูหยิน? ฮูหยินและเฉินเหยียนผู้นี้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร? แม้ว่าพวกของนายกองเฉินจะมีคำถามเหล่านี้อยู่ในหัวแต่เพราะพวกเขาได้รับการฝึกฝนด้านจิตใจมานานจึงไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกมาแม้แต่น้อยพวกเขายังคงรักษาอาการสุขุมที่มีอยู่ก่อนหน้าไม่ได้หันมองเฉินเหยียนเพราะเกิดความอยากรู้แต่อย่างใด
และเพราะสีหน้าสงบนิ่งของพวกเขาจึงทำให้ทุกคนในจวนยิ่งเชื่อว่าเฉินเหยียนรู้จักกับพวกของนายกองเฉินมานานแล้วทุกคนจึงไม่ได้ระแคะระคายใดๆ
หลิ่วจิ้งเองก็ยังคงรักษาท่าทีให้เป็เช่นเดิมไม่ได้มีอาการตกตะลึงที่หั่วอี้แนะนำตัวเฉินเหยียนไปดังนั้น
ก่อนหน้านี้หั่วอี้แค่บอกกับนางว่าเขาจะบอกเื่ของเฉินเหยียนกับคนในจวนเองแต่นางก็ไม่คิดว่าหั่วอี้จะให้ฐานะที่เหมาะแก่การลงมือตามแผนให้เฉินเหยียนขนาดนี้
หลิ่วจิ้งซาบซึ้งในความใส่ใจของหั่วอี้อยู่ในใจทั้งที่เขาเองก็รู้ดีว่าเฉินเหยียนมีที่มาไม่ชัดแจ้งแต่เพราะเห็นแก่นางจึงรับเฉินเหยียนมาปกป้องเอาไว้ใต้ปีกเขา
หั่วอี้ทำเช่นนี้ยิ่งทำให้หลิ่วจิ้งรู้สึกดีกับเขามากยิ่งขึ้นนี่เรียกว่ารักเรือนก็รักอีกาบนเรือนด้วยสินะคิดได้ดังนี้หลิ่วจิ้งจึงแอบชำเลืองมองหั่วอี้และกลับพบว่าหั่วอี้ก็กำลังมองนางอยู่เช่นกันทั้งสองคนจึงยิ้มสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย
หัวใจของหลิ่วจิ้งเต้นตึกตักขึ้นมา นางเงยหน้ามองท้องฟ้า คล้าย้าดูว่าดวงอาทิตย์ส่องแสงจ้าเพียงใดเพื่อปิดบังหัวใจที่กำลังะโโลดเต้นวุ่นวายของตน
หั่วอี้ทั้งให้เกียรติและห่วงใยนางทำให้นางรู้สึกว่ามีดอกไม้แห่งรักเล็กๆ ดอกหนึ่งกำลังค่อยๆ งอกขึ้นมาในหัวใจนางปรารถนาอย่างสุดใจให้ดอกไม้ดอกเล็กนี้ได้เบ่งบานสักวันหนึ่ง
ใจของเฉินเหยียนก็สั่นะเืไม่น้อยเขาซาบซึ้งขอบคุณที่หั่วอี้มอบฐานะแก่เขา ั้แ่นี้ไปเขาไม่ต้องต่ำต้อยกว่าผู้ใดอีกแล้วเขาสามารถยืนต่อหน้าทุกคนได้อย่างเต็มภาคภูมิต่อให้คนที่เคยทำให้เขาได้รับความทุกข์ทรมานมาพบเขาอีกครั้งหัวเราะเยาะเย้ยเขาอีกครั้ง เขาก็จะมีเหตุผลเพื่อบอกให้ผู้อื่นรู้ว่าที่เขาต้องทนถูกลบหลู่ก็เพราะต้องปฏิบัติภารกิจใช่เพราะเขาไม่มีหนทางอื่น
“ขอบคุณที่ท่านแม่ทัพรับข้าน้อยไว้”คำขอบคุณนี้เขาเอ่ยออกมาด้วยความเต็มใจยิ่ง รู้สึกโชคดีเหลือเกินที่แต่แรกนั้นเขาตามหลิ่วจิ้งกลับมายามนั้นเขายังคิดจะหนีไประหว่างทางเสียด้วยซ้ำ เวลานี้มานึกดูก็รู้สึกว่าโชคดีที่ในที่สุดแล้วเขาไม่ได้หนีไปจริงๆเฉินเหยียนหวังว่าเขาจะได้มีชีวิตใหม่ในจวนแม่ทัพแห่งนี้
หั่วอี้เลิกคิ้วเข้มดวงตาโตของตนขึ้น เอ่ยกับเฉินเหยียนว่า“ที่นี่ไม่มีเื่ของเ้าแล้ววันนี้ให้เ้ามารู้จักกับทุกคนและให้ทุกคนรู้จักเ้าด้วย ตอนนี้เ้ากลับไปได้แล้วงานของเ้าในเวลานี้ก็คือต้องรักษาแผลให้หายเมื่อรักษาหายแล้วหลังจากนี้ข้ายังมีภารกิจสำคัญที่ต้องให้เ้าไปทำอีก”
หั่วอี้สุขใจที่เห็นว่าทุกสิ่งที่เขาทำไป ทำให้เขาได้เห็นสีหน้ายินดีของหลิ่วจิ้งในเมื่อจะเป็คนดีทั้งทีก็เป็ให้ถึงที่สุด เขาจึงให้เฉินเหยียนกลับไปก่อน
_____________________________
