เมื่อได้ยินข่าวการหายตัวไปของซูจิ่นซีเยี่ยโยวเหยาก็รีบพาคนไปยังหอสุราตู้คังด้วยตนเอง
ฉินเทียนกับหลินเฟิงที่ติดตามมามีใบหน้างุนงง
ไม่ว่าเื่ใด พวกเขาล้วนไม่เคยเห็นเยี่ยโยวเหยามีท่าทีรีบร้อนมาก่อน ยิ่งเป็เื่ที่ทำเพื่อสตรีด้วยแล้วแม้การกระทำจะไม่ชัดเจนนัก ทว่าพวกเขากลับรู้สึกได้ถึงความไม่ปกติในใจของเยี่ยโยวเหยา
“ฮั่วจี เ้ารู้ความผิดหรือไม่? ”
ความน่าเกรงขามของเยี่ยโยวเหยาเต็มไปด้วยรัศมีอาฆาต โเี้เผด็จการ เมื่อเข้าไปในหอสุราตู้คังเยี่ยโยวเหยาก็ขึ้นเสียงทันที
แม่ทัพฮั่ว ‘ฮั่วจี’ ยืนอยู่ที่ประตู รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อเคารพเยี่ยโยวเหยา
“ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่สามารถปกป้องพระชายาได้ เป็กระหม่อมที่ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องกระหม่อมยินดีรับโทษพ่ะย่ะค่ะ”
“ยังไม่ไปตามหานางให้ข้าอีก หากเ้าหาซูจิ่นซีไม่เจอ ก็ถือหัวเ้ามาหาข้าก็แล้วกัน”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
แม่ทัพฮั่วผู้ซึ่งดื้อรั้นลำเอียงมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเอาซูจิ่นซีมาใส่ใจเลยบัดนี้นางได้หายตัวไปจริงๆ แล้ว กอปรกับแรงกดดันจากอำนาจอันทรงพลังและความเดือดดาลที่มหาศาลของเยี่ยโยวเหยาเขาจึงรู้สึกได้ถึงคราววิกฤต แม่ทัพฮั่วรีบตอบรับอย่างรวดเร็วและนำทหารของสกุลฮั่วที่มาถึงประตูหอสุราตู้คังแล้วไปสืบค้นภายในหอสุรา
ชายชราที่ออกมาต้อนรับซูจิ่นซีก่อนหน้านี้ คาดไม่ถึงว่าจะเป็เถ้าแก่ของหอสุราตู้คังเถ้าแก่นึกไม่ถึงว่าฮูหยินผู้สง่างามสูงส่งก่อนหน้านี้ที่ตนให้การต้อนรับแท้จริงแล้วคือคนในข่าวลือที่ว่าเป็พระชายาเพียงผู้เดียวที่โยวอ๋องทรงโปรดปราน
เถ้าแก่ตะลึงอยู่เป็เวลานานทันใดนั้นก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของเื่นี้ เขารีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและคลานไปใต้เท้าของเยี่ยโยวเหยา
“ขอท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต! กระหม่อมไม่ทราบจริงๆว่าฮูหยินก่อนหน้านี้คือพระชายา หากทราบเร็วกว่านี้ กระหม่อมจะต้องปกป้องนางอย่างเต็มที่เป็แน่จะไม่ยอมให้เกศาของพระชายาหายไปแม้แต่เส้นเดียวอย่างแน่นอน ทว่าบัดนี้ได้เกิดเื่ขึ้นกับพระชายาแล้วแม้กระหม่อมตายร้อยครั้งก็เลี่ยงความผิดนี้ไม่ได้ขอท่านอ๋องให้โอกาสกระหม่อมเพื่อชดเชยความผิดกระหม่อมจะระดมกำลังทั้งหมดของหอสุราตู้คัง พยายามค้นหาพระชายาอย่างเต็มที่พ่ะย่ะค่ะ”
ใบหน้าของเยี่ยโยวเหยามืดสนิท ผ่านไปสักพักจึงกล่าวขึ้นว่า
“หากเส้นผมของซูจิ่นซีหายไปแม้เพียงเส้นเดียวข้าจะถล่มหอสุราตู้คังของเ้า”
ความหมายของเยี่ยโยวเหยาก็คือ หากตามหาพระชายาโยวอ๋องไม่เจอ หรือว่าเส้นผมของพระชายาโยวอ๋องหายไปแม้แต่เส้นเดียวก็จะฝังหอสุราตู้คังนี้ไปพร้อมกันเสีย!
ร่างกายของเถ้าแก่สั่นสะท้าน เขารีบพยักหน้าทันทีราวกับโขลกกระเทียมก่อนจะเดินออกไป
“กระหม่อมจะส่งคนทั้งหมดออกจากหอสุราไปตามหา...หาตอนนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
แม้หอสุราตู้คังจะมีชื่อเสียงมาก ทว่าหากท่านอ๋องผู้สง่างาม้าทำลายหอสุราเล็กๆนี่ ก็แทบไม่ต้องเปลืองแรงขยับนิ้วสั่งเลย
“ช้าก่อน! ”
ทันใดนั้นเยี่ยโยวเหยาก็พูดขึ้น
“ท่านอ๋องยังมีสิ่งใดที่้ารับสั่งอีกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ”
เถ้าแก่รีบคลานกลับมาที่ใต้เท้าของเยี่ยโยวเหยาอีกครั้งเพื่อรอคำสั่งจากเยี่ยโยวเหยา
“ให้คนของหอสุราทุกคนออกมารวมตัวกันแล้วมาหาข้าที่นี่ ข้าจะตรวจสอบด้วยตนเอง”
ท่านอ๋อง้าตรวจสอบและซักถามด้วยตนเอง?
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
เถ้าแก่แทบไม่คิดเลย เขารีบตอบรับแล้วถอยไปเรียกให้คนมารวมตัวกัน
ตราบใดที่เยี่ยโยวเหยาออกโรงเอง ไม่ว่าจะเป็เื่ใด ประสิทธิภาพของการทำงานจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า
เวลาผ่านไปเพียงครึ่งถ้วยน้ำชา [1] เถ้าแก่ก็กลับมารายงานเยี่ยโยวเหยาว่าทุกคนในหอสุราได้มารวมตัวกันครบแล้ว
“เถ้าแก่ เ้าแน่ใจหรือว่าครบทุกคนแล้ว ไม่ขาดไปแม้แต่ผู้เดียว? ”
ฉินเทียนที่อยู่ด้านข้างเข้าใจดีถึงจุดประสงค์ในการนำทุกคนมารวมกันของเยี่ยโยวเหยาเพราะหากมีผู้ใดไม่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ ผู้นั้นจะต้องมีปัญหาเป็แน่บัดนี้ทุกคนล้วนอยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้ว จึงทำให้เขารู้สึกไม่สมเหตุสมผลเล็กน้อย
“ข้าน้อยมั่นใจว่าครบทุกคนแล้ว จำนวนคนงานในหอสุรามีทั้งหมดเก้าสิบเอ็ดคนรวมตัวข้าน้อยเวลานี้ทุกคนล้วนอยู่ในลานทั้งหมดแล้ว”
“โยวเหยา นี่มันไม่ถูกต้อง! หรือว่าพวกเราจะสงสัยผิดคนผู้ที่ลงมืออาจไม่ใช่คนของหอสุรา”
“ไม่มีทาง! ”
เยี่ยโยวเหยาพูดเพียงแค่สามคำแล้วเดินออกไปนอกประตู
หอสุรามีพนักงานบริการที่สวมเสื้อคลุมยาวสีเขียว ชายหญิงรวมกันได้ยี่สิบเอ็ดคนช่างกลั่นสุราสิบคน ช่างซ่อมบำรุงยี่สิบสี่คน และผู้คุ้มกันสามสิบหกคน จัดเรียงเป็สามแถวและยืนอย่างเรียบร้อยในลานด้านใน
เยี่ยโยวเหยาก้าวไปข้างหน้า เดินผ่านพวกเขาทีละคน ใช้สายตาเ็ามองั้แ่หัวจรดเท้ารวมทั้งการแต่งกายและการแสดงออกทางสีหน้า แววตา และอื่นๆ ไม่ปล่อยผ่านไปแม้แต่นิ้วเดียวบางครั้งก็เลือกถามพนักงานบางคนเพียงสองสามประโยค
ท่านอ๋องช่างห่วงใยซูจิ่นซีเสียจริง!
ฉินเทียนลอบถอนหายใจ
ก่อนหน้านี้ เวลามีการสอบสวนนักโทษและผู้ต้องสงสัย ท่านอ๋องมักจะไม่ลงมือสอบสวนด้วยตนเองบ่อยนักแม้นักโทษเ่าั้จะเป็ผู้ที่มีฐานะมากพอที่จะทำให้ท่านอ๋องต้องออกหน้าเองก็ตามทว่าไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ท่านอ๋องลงมาตรวจสอบกับคนที่มีฐานะทั่วไปซึ่งแตกต่างจากตนราวฟ้ากับดินเช่นนี้
หลังจากเยี่ยโยวเหยาตรวจสอบอีกครั้งก็เหลือผู้ต้องสงสัยอยู่สิบกว่าคน พวกเขาถูกพาเข้าไปในห้องรับแขกของหอสุรา และถูกส่งมอบให้ฉินเทียนเพื่อสอบปากคำอย่างเคร่งครัดอีกครั้ง เน้นย้ำว่าหากจำเป็ก็สามารถลงมือได้
ส่วนตัวเยี่ยโยวเหยาเองก็นั่งดื่มชาอยู่ทางด้านข้าง
พนักงานที่ถูกเลือกมาในครั้งนี้ต่างรู้สึกทรมานเสียยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ที่เยี่ยโยวเหยาตรวจสอบด้วยตนเองเสียอีกเพราะพวกเขาล้วนทราบดีว่าในตอนนี้ตนได้อยู่ในรายชื่อของผู้ต้องสงสัยเสียแล้วหากมีความผิดก็จะต้องโทษ ฐานวางแผนลอบทำร้ายพระชายาอ๋อง
ไม่มีผู้ใดกล้านิ่งนอนใจ
“ตอนที่พระชายาอ๋องหายไป เ้าอยู่ที่ใด? ”
ฉินเทียนถามพนักงานที่เป็สตรีสวมชุดสีเขียวผู้หนึ่ง
สตรีนางนั้นรีบคุกเข่าลงบนพื้น
“เรียนนายท่าน ตอนนั้นข้าน้อยอยู่ในห้องไม้ไผ่ที่พระชายาอ๋องดื่มสุรา แม้พระชายาอ๋องจะออกไปเข้าห้องน้ำทว่าข้าน้อยก็ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย ใช่แล้ว!แม่ทัพที่อยู่ที่นี่เมื่อครู่สามารถเป็พยานให้ข้าน้อยได้ ตอนนั้นเขาก็อยู่ที่นั่นด้วย”
สตรีนางนี้พูดถึงแม่ทัพฮั่วจี
กล้านำฮั่วจีมาเป็พยานแสดงว่านางไม่กล้าโกหก
ฉินเทียนเริ่มสอบปากคำต่อ คนต่อไปคือช่างซ่อมบำรุงชายคนหนึ่ง
“เ้าเล่า? ”
ฉินเทียนมองไปยังชายหนุ่มที่มีร่างกายกำยำแข็งแรงทว่าคิดไม่ถึงว่าทันทีที่ฉินเทียนเปิดปาก ชายผู้นั้นกลับเบิกตาด้วยความใกลัวและเป็ลมหมดสติไปในทันที
ฉินเทียนส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ “เอาออกไป!”
“เ้าเล่า? ”
.......
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม คนที่เหลือทั้งหมดสิบกว่าคนถูกสอบสวนจนหมดแล้ว แม้พวกเขาจะเป็ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดทว่าเยี่ยโยวเหยาและฉินเทียนก็ยังไม่พบเบาะแสใดๆ
ฉินเทียนยิ่งมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมว่าการหายตัวไปของซูจิ่นซีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้คนภายในหอสุรา บางทีอาจเป็คนจากภายนอกที่เข้ามาจับตัวซูจิ่นซีไป
“ลวี่หลี เ้าพูดสถานการณ์ตอนนั้นมาอีกครั้งสิ”
ฉินเทียนพูด
แม้ลวี่หลีได้เล่าถึงการหายตัวไปของซูจิ่นซีแล้วในตอนที่เยี่ยโยวเหยามาถึงทว่าตอนนั้นจำนวนคนในหอสุรามีค่อนข้างมาก และจุดประสงค์การเดินทางมาในครั้งนี้ของซูจิ่นซีก็ไม่สามารถพูดให้ผู้อื่นรับรู้ได้ดังนั้นคำพูดของลวี่หลีจึงค่อนข้างคลุมเครือ
ครั้งนี้ลวี่หลีจึงจงใจแยกตัวออกมาจากคนของหอสุราเพื่อบอกเล่าถึงสถานการณ์นั้นอีกครั้ง
ลวี่หลีนับว่าฉลาดไม่น้อยเช่นกัน นางเดินเข้าไปใกล้เยี่ยโยวเหยาและฉินเทียนเล็กน้อยแน่นอนว่ากลิ่นอายที่น่ากลัวและเ็าของเยี่ยโยวเหยาทำให้ลวี่หลีใหวาดกลัวลวี่หลีจึงไม่กล้าเข้าใกล้มากเกินไป
“เื่เป็เช่นนี้เพคะคุณหนู้าหาเบาะแสของพิษชางหลงจึงหาข้ออ้างไปที่อุโมงค์เก็บสุราเพื่อทำสุราดอกเหมยให้กับท่านอ๋องด้วยตนเองทว่าเถ้าแก่บอกว่าห้องเก็บสุรานั้นคนนอกไม่สามารถเข้าได้ ดังนั้นตอนที่เถ้าแก่ออกไปทำสุราให้คุณหนูจึงอ้างว่าจะไปห้องน้ำและหาโอกาสเข้าใกล้ห้องเก็บสุราเพื่อสืบหาเบาะแส ทว่าระหว่างทางนั้นมืดมากเพคะ
ขณะนั้นเถ้าแก่อยู่ในอุโมงค์เก็บสุราเพื่อทำสุราดอกเหมยให้คุณหนู คุณหนูกลัวจะถูกพวกเขาสังเกตเห็นดังนั้นพวกเราจึงไม่ได้เข้าไปใกล้เกินไป คุณหนูหยุดอยู่เพียงด้านนอกอุโมงค์เก็บสุรา หลังจากนั้นคุณหนูก็บอกว่าไม่พบเบาะแสใดๆ เลยในห้องนั้น ทว่าตอนที่พวกเรากำลังจะออกมาก็มีคนตีพวกเราจากทางด้านหลังจนสลบไปพอหม่อมฉันตื่นขึ้นมาก็ไม่พบคุณหนูแล้วเพคะ”
“ท่านอ๋อง องครักษ์ฉิน คุณหนูจะต้องถูกลักพาตัวไปอย่างแน่นอน แม้หม่อมฉันในตอนนั้นจะมองไม่ชัดว่าสถานการณ์ด้านคุณหนูเป็อย่างไรทว่าหม่อมฉันยังคงได้ยินเสียงคร่ำครวญอย่างเ็ปของคุณหนูก่อนจะสลบไปแน่นอนว่าคุณหนูก็เหมือนกับหม่อมฉันที่ถูกตีจนสลบ ทว่าจนถึงตอนนี้พวกเรายังคงไม่เจอร่องรอยของคุณหนูดังนั้นคนที่ตีพวกเราจะต้องเป็คนนำตัวคุณหนูไปอย่างแน่นอนเพคะ”
ลวี่หลีพูดเสริมอีกประโยค
......
เชิงอรรถ
[1] ครึ่งถ้วยน้ำชา หมายถึง เวลาห้านาที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้