ทางทิศเหนือของวังหลวงของแคว้นเจียงหนานนั้นเป็ที่ตั้งของ ศาลเ้าเก่าแก่แห่งหนึ่ง และใต้ต้นเหมยแดงขนาดั์ในศาลเ้าแห่งนี้ คงเป็สถานที่ที่ถูกกล่าวถึงในจดหมายนัดพบ
มู่หรงเซียวก้าวเข้าไปในศาลเ้าอย่างเงียบเชียบ ขณะก้าวเดิน กลิ่นหอมเย็นที่คุ้นเคยพลันโชยแตะจมูกอีกครั้ง
กลิ่นนี้อีกแล้ว...แต่มันมาจากไหนกันแน่?
นางยืนรออยู่ครู่ใหญ่ ทว่า... ไม่มีผู้ใดปรากฏตัว
มู่หรงเซียวเม้มริมฝีปากแน่น นางถูกหลอกหรือไม่? หรือว่าจดหมายนั้นมิได้มีไว้สำหรับนาง แต่เป็ของนางกำนัลที่ทำตกไว้กันแน่
"ให้ตายเถอะ!"
นางนึกก่นด่าคนเขียนจดหมายในใจ ก่อนจะตัดสินใจหันหลังกลับ ร่างบางก็ชนเข้ากับบางสิ่ง บางสิ่งที่มั่นคงและอบอุ่นราวกับกำแพงเหล็ก
"หมับ!"
ฝ่ามือใหญ่คว้าต้นแขนนางไว้แน่น ก่อนที่นางจะเซล้ม
เหตุการณ์นี้... ทำไมนางรู้สึกคุ้นเคยเหลือเกิน!?
มู่หรงเซียวรีบเงยหน้าขึ้น และทันทีที่สบตากับบุรุษตรงหน้า หัวใจของนางพลันกระตุก
"ฝ่าา?"
ด้วยความใ มู่หรงเซียว พยายามถอยหนีโดยสัญชาตญาณ ทว่าฝ่ามือแกร่งของหวังเฟิ่งกลับบีบรั้งแขนนางไว้แน่นอย่างมั่นคง ไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ
"มี่เอ๋อร์..."
เสียงทุ้มต่ำแฝงแววสั่นไหว คล้ายเรียกขานสิ่งล้ำค่าที่หายไปนานแสนนาน
มู่หรงเซียวชะงัก ร่างบางแข็งค้าง ดวงตาสีนิลกลมโตเบิกกว้าง ก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยความสับสน
"มี่เอ๋อร์? ฝ่าาคงจำคนผิดแล้วเพคะ"
นางพยายามตั้งสติ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"หม่อมฉันคือองค์หญิงมู่หรงเซียว พระองค์เพิ่งเสด็จไปร่วมงานปักปิ่นของหม่อมฉันในวันนี้มิใช่หรือ?"
ดวงตาสีทองจ้องลึกลงไปในดวงตาของนาง
สายตาของพญาัประสานเข้ากับสายตาของกระต่ายน้อย ราวกับกำลังร่ายอาคมบางอย่างใส่นาง
ความเย็นวาบแล่นเข้าสู่ร่าง นางรู้สึกเหมือนพลังของร่างกายกำลังถูกดึงไปชั่วขณะ แต่แล้ว.อาการแปลกๆ ก็จางหายไป ราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
หวังเฟิ่งคลายพระหัตถ์ออกก่อนจะพึมพำออกมาเบา ๆ
"ขออภัย... ข้าคงเข้าใจผิดไปเอง"
มู่หรงเซียวไม่เข้าใจเลยสักนิด เขาจำคนผิดจริงๆ หรือ?
"งั้นหม่อมฉันขอตัวก่อนเพคะ หม่อมฉันเป็สตรี หากออกมาพบกับบุรุษ โดยเฉพาะบุรุษผู้เป็ัอย่างพระองค์ คงไม่เหมาะสมเท่าใดนัก"
คราวนี้นางพูดจากใจจริง หลังจากพิธีปักปิ่นมู่หรงเซียวตั้งใจว่าจะเป็สตรีที่สง่างามเช่นเดียวกับพระมารดา แม้ว่านางไม่แน่ใจว่าจะรักษาความสง่างามนี้ได้อีกกี่วันก็ตาม
"งั้นข้าจะให้องครักษ์ไปส่ง"
"ขอบพระทัยฝ่าา"
เจิ้งซวน องครักษ์คู่ใจของฮ่องเต้ต้าชิง ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่อารักขา องค์หญิงมู่หรงเซียว ไปส่งยังหน้าตำหนักใน ขณะที่เ้านายของเขา ฮ่องเต้หวังเฟิ่ง จำต้องพำนักอยู่ในตำหนักรับรองอาคันตุกะที่จัดเตรียมไว้
ระหว่างทางเดินเข้าสู่วังด้านใน มู่หรงเซียวสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าบุรุษที่เดินอยู่ข้างกายนางมีท่าทีผิดปกติ
"ท่านองครักษ์"
เสียงหวานเอ่ยขึ้น ทำให้เจิ้งซวนสะดุ้งเฮือก นางหันมามองเขาด้วยแววตาครุ่นคิด
"ข้าหน้าเหมือนใครบางคนของต้าชิงหรือ?"
เจิ้งซวนชะงักไปทันที ราวกับถูกจับให้จนมุม
"ข้าสังเกตเห็นคณะทูตจากต้าชิงแล้ว สายตาของพวกเขาที่มองข้า... ไม่ใช่เพียงความชื่นชม แต่มันคล้ายกับว่าพวกเขาเห็นผี เห็นใครบางคนที่ไม่ควรจะได้พบเห็นอีกต่อไป"
"องค์หญิงอย่าได้ใส่พระทัย"
เจิ้งซวนรีบกล่าวทันที
"ไม่มีสิ่งใดเช่นนั้นในต้าชิงพ่ะย่ะค่ะ"
แต่คำพูดของเขาฉับพลันและดูเร่งรีบเกินไป
เขากำลังโกหก..
มู่หรงเซียวจ้องมององครักษ์หนุ่มตรงหน้า ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ และการที่เขาต้องโกหกนาง หมายความว่านางต้องคล้ายใครบางคนในต้าชิงอย่างแน่นอน
ขณะที่ หวังเฟิ่ง กำลังก้าวไปยังตำหนักรับรองอาคันตุกะ ใครบางคนกลับยืนดักรออยู่ก่อนแล้ว
ดวงเนตรคมกริบขององค์ชายมู่หรงเยวี่ยนจับจ้องบุรุษตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ นับั้แ่ที่ัจากต้าชิงก้าวเข้าสู่แผ่นดินเจียงหนาน พระองค์ก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ
โดยเฉพาะสายตาที่อีกฝ่ายใช้มองมู่หรงเซียว มันมิใช่สายตาของผู้สูงศักดิ์ที่มองสตรีต่างแคว้น แต่มันเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ยากจะอ่านออก และนั่น... ทำให้มู่หรงเยวี่ยนไม่อาจวางใจได้เลย
"ไม่ทราบว่าพระองค์ได้รับการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติหรือไม่?"
มู่หรงเยวี่ยนเอ่ยขึ้นเรียบๆ แม้ในใจจะรู้อยู่แล้วว่าผู้เป็ฮ่องเต้ต้าชิงไม่มีวันถูกละเลย
"ข้าสบายดี องค์ชายไม่ต้องเป็กังวล"
"มิยักรู้ว่าแคว้นต้าชิงให้ความสนใจงานปักปิ่นขององค์หญิงต่างแคว้นเช่นนี้"
องค์ชายผู้หวงแหนกดเสียงต่ำลงอย่างเจตนา
"ท่านมิได้ประสงค์สิ่งอื่นใดใช่หรือไม่?"
"หวงน้องสาวอย่างนั้นหรือ?"
"อาเซียวเยาว์วัยนัก นางยังไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมผู้ใด"
"ขอองค์ชายวางใจ เราไม่ได้มาแย่งชิง"
"..."
"แต่เรามาเพื่อตามหาของที่หายไป"
หวังเฟิ่งก้าวเข้าไปใกล้ ปล่อยให้สุรเสียงต่ำลึกแทรกซึมเข้าไปในโสตประสาทของอีกฝ่าย
"เมื่อสิ่งนั้นคืนกลับสู่เ้าของแล้ว ข้าย่อมนำพากลับไปยังที่ของข้า"
มู่หรงเยวี่ยนยืนนิ่ง ขณะที่ร่างสูงสง่าของหวังเฟิ่งเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงความสงสัยที่หนักอึ้ง
ณ ตำหนักรับรองอาคันตุกะ
"จดหมายจากองค์ไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ" เสียงขันทีดังขึ้นข้างกายจักรพรรดิแห่งแคว้นต้าชิง
ดวงเนตรสีทองฉายแววเย็นเยียบ ขณะรับจดหมายมา สุรเสียงทุ้มต่ำพึมพำ
"เกรงว่าครั้งนี้ ข้ายังไม่มีโอกาสนำของที่หายกลับไปแต่ไม่นาน ข้าจะต้องนำกลับไปได้อย่างแน่นอน"
หลังจากนั้น ขบวนของแคว้นต้าชิงก็ออกเดินทางจากเจียงหนานอย่างเป็ปริศนา
เงาของัเคลื่อนผ่านม่านหมอกแห่งค่ำคืน ไม่มีผู้ใดรู้ว่าฮ่องเต้หวังเฟิ่งเสด็จกลับไปั้แ่เมื่อใด และไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาจะกลับมาอีกเมื่อใด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้