“ ท่านปู่! ” ลู่จื่อยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย และพูดอย่างเป็กังวลว่า “ ทำไมท่านถึงไม่เชื่อนาง ทักษะทางการแพทย์ของนางดีมาก ”
"ดีมากอะไรหรือ?" ใบหน้าของหมอเฒ่าลู่หม่นดำ โทสะในดวงตาของเขาไม่สามารถชัดเจนได้มากกว่านี้อีกแล้ว "ทักษะทางการแพทย์ของท่านปู่ตู้ของเ้าเป็อย่างไร เ้าไม่รู้หรืออย่างไร ผู้หญิงคนนั้นไม่เกรงใจแม้กระทั่งผู้าุโ คนเช่นนี้จะเป็หมอที่ดีจริงหรือ?”
แต่ในห้องโถงใหญ่ หลินกู๋หยู่ไม่สามารถพูดคุยเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของผู้ป่วยที่ขัดต่อโรคจริงของเขา
"นางแค่พูดความจริง" ลู่จื่อยู่มองไปที่หมอเฒ่าลู่อย่างกังวลใจ เม้มริมฝีปากเบาๆ "ท่านไม่สงสัยหรือว่านางรักษาไข้ทรพิษได้อย่างไร?"
ความโกรธบนใบหน้าของหมอเฒ่าลู่ค่อยๆ จางหายไป เขาเงยหน้าขึ้นมองลู่จื่อยู่ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดช้าๆ ว่า "ใช่นางจริงๆ หรือ?"
"ทุกคนในหมู่บ้านแห่งนั้นต่างก็รู้เื่นี้" ลู่จื่อยู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบร้อนที่จะอธิบาย "นอกจากนี้ ท่านปู่ ท่านต้องจำได้อย่างแน่นอนว่ามีชายคนหนึ่งที่ชื่อฉือเย่ในสถานศึกษา ตอนนั้นเขาป่วยเป็ไข้ทรพิษไม่ใช่หรือ? ท่านปู่ตู้เป็คนวินิจฉัยด้วยตัวเอง และท่านย่อมเชื่อในทักษะการแพทย์ของท่านปู่ตู้"
แม้ว่าตาเฒ่าตู้จะมีนิสัยดื้อรั้น แต่อย่างไรก็ตาม ในแง่ของทักษะทางการแพทย์ของเขานั้นเก่งกาจ
“ถ้าเช่นนั้น เ้าพานางมาให้ข้าดูสิ”
หมอเฒ่าลู่หันหลังกลับและเดินไปนั่งบนเก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะอย่างเหนื่อยล้า
ไข้ทรพิษ
ในฐานะหมอคนหนึ่ง หมอเฒ่าลู่รู้ดีว่าไข้ทรพิษนั้นอันตรายเพียงใด หาก้ากำจัดมันก็ทำได้เพียงต้องเผาทั้งคนและสิ่งของด้วยไฟขนาดใหญ่
เมื่อเขายังเป็หนุ่ม เขาเคยพบเจอกับไข้ทรพิษ ท้ายที่สุดทั้งหมู่บ้านนั้นก็ถูกเผาจนไม่เหลืออะไรเลย
อนิจจา ถ้ามีวิธีรักษาไข้ทรพิษจริงๆ ก็นับว่าเป็พรแก่คนทั้งโลก
หลินกู๋หยู่และหมอตู้นั่งที่โต๊ะเดียวกันระหว่างรับประทานอาหาร
"ความรู้เหล่านี้ ใครสอนเ้าหรือ?" หมอตู้ทานบะหมี่หนึ่งคำ มองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยใบหน้าเ็าปราดหนึ่ง เขาถามด้วยความโกรธ
หลินกู๋หยู่ลังเลว่าควรจะพูดอย่างไรถึงจะเหมาะสมกว่า
"ทำไมหรือ? หรือเ้าเกรงว่าข้าจะเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์ของเ้า" หมอตู้เดิมเป็คนอารมณ์ร้อนมากอยู่แล้ว เมื่อเขาเห็นท่าทีลังเลของหลินกู๋หยู่ อารมณ์ร้อนของเขาก็ปะทุขึ้นมา "ข้าเรียนทักษะทางการแพทย์มาตั้งหลายปี เทียบเ้าไม่ได้งั้นหรือ?”
"แน่นอนว่าไม่ใช่" หลินกู๋หยู่ส่ายศีรษะ พูดอย่างลังเล "ข้าไม่รู้จะพูดอย่างไร เมื่อก่อนข้าเคยอ่านจากหนังสือเล่มหนึ่ง แล้วข้าทำหนังสือเล่มนั้นหายไปแล้ว แต่ก็ไม่เป็ไร ข้าจำทุกอย่างได้"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ใบหน้าของหมอตู้ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขายกเปลือกตาขึ้นอย่างไม่เต็มใจ และพูดอย่างเฉยเมยว่า "หนังสือเล่มนั้นชื่อว่าอะไรหรือ มีสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเลยหรือ?
“ไม่มีชื่อ” หลินกู๋หยู่แสร้งทำเป็งงงวย และพูดว่า “คงจะเป็หนังสือที่หมอวิเศษเขียนด้วยมือโดยไม่ได้ตั้งใจ ข้าพบมันโดยบังเอิญ”
หมอตู้มองหลินกู๋หยู่อย่างเ็าปราดหนึ่ง แค่นเสียงฮึโกรธๆ "มันก็เป็แค่เื่ไร้สาระบนกระดาษก็เท่านั้น"
หลินกู๋หยู่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี นางก้มหน้าลงกินอาหารต่อเงียบๆ
ลู่จื่อยู่มองไปที่หลินกู๋หยู่ที่กำลังรับประทานอาหารอย่างสง่างามและสงบนิ่ง ราวกับสตรีที่มาจากครอบครัวชนชั้นสูง
"แม่นางหลิน" ลู่จื่อยู่เดินไปหาหลินกู๋หยู่ นั่งบนเก้าอี้ด้านข้างหลินกู๋หยู่ แล้วพูดอย่างช้าๆ "อาหารพวกนี้ เ้าทานได้หรือไม่?"
"ขอบคุณเ้ามากจริงๆ" หลินกู๋หยู่ทานคำสุดท้ายเสร็จอย่างประจวบเหมาะ หยิบผ้าเช็ดคราบอาหารที่มุมปาก หันศีรษะไปมองลู่จื่อยู่แล้วพูดอย่างสุภาพ
“ถ้าแม่นางหลินทานข้าวเสร็จแล้ว เ้าไปพบใครคนหนึ่งกับข้าได้หรือไม่” ลู่จื่อยู่พูดเบาๆ
หมอตู้ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามปรากฏรอยยิ้มพึงพอใจ
"ได้สิ" หลินกู๋หยู่กล่าว โดยฝากโต้ซาให้เด็กตากยาดูแล จากนั้นเดินตามลู่จื่อยู่เข้าไปด้านใน
เมื่อทั้งคู่มาถึงห้องหนังสือของหมอเฒ่าลู่ ลู่จื่อยู่ก็เชิญหลินกู๋หยู่เข้ามา เขาก็เดินตามเข้าไปด้วย
"ท่านนี้คือท่านปู่ของข้า" ลู่จื่อยู่พูดกับหลินกู๋หยู่
“ท่านปู่ สวัสดี?” หลินกู๋หยู่พูดอย่างลังเล ร่างเดิมของนางอยู่ในชนบทมาโดยตลอด และนางไม่รู้ว่าจะทักทายอย่างไร แล้วนับประสาอะไรกับหลินกู๋หยู่ที่มาจากโลกปัจจุบัน
เดิมหมอเฒ่าลู่หนังตาหย่อนอยู่แล้ว แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงของหลินกู๋หยู่ เขาก็เลิกคิ้วเล็กน้อย และเบิกตาเล็กน้อย นางเป็สาวป่าจากชนบทจริงๆ ด้วย ไร้การอบรมสั่งสอน หมอเฒ่าลู่เก็บกดความรู้สึกไม่สบายในใจ และเอ่ยถามด้วยเสียงราบเรียบว่า "เ้ารู้วิธีไข้ทรพิษหรือ?"
หลินกู๋หยู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆ พูดว่า "ก็ไม่ถึงกับรู้"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ลู่จื่อยู่ก็หันไปมองหลินกู๋หยู่และพูดด้วยใบหน้าร้อนรนกระวนกระวายว่า "เ้าเคยรักษาคนเป็ไข้ทรพิษในหมู่บ้านจนหายป่วยมาแล้วไม่ใช่หรือ?"
"เช่นนี้ถูกต้องแล้ว" หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วและถอนหายใจเบาๆ "เพียงแต่ข้าใช้วิธีรักษาพื้นบ้าน วิธีเช่นนี้อาจจะรักษาได้ และมีความเป็ไปได้ว่าจะทำให้พวกเขาเสียชีวิตได้เช่นกัน เป็วิธีการรักษาที่อันตรายมาก"
“เดิมทีไข้ทรพิษเป็โรคที่สามารถรักษาด้วยวิธีที่ดีกว่าได้ ข้าคิดว่าวิธีการรักษาของข้าไม่ได้โดดเด่นหรือน่ายกย่องนัก” หลินกู๋หยู่พูดช้าๆ โดยไม่ฉายแววความกลัวใดๆ ระหว่างคิ้วและดวงตาของนาง
เมื่อฟังสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด หมอเฒ่าลู่ได้ยินประเด็นที่สำคัญที่สุดจึงเงยหน้าขึ้นมองหลินกู๋หยู่ด้วยความประหลาดใจ "เ้าคิดว่ายังมีวิธีที่ดีกว่านี้ในการรักษาไข้ทรพิษงั้นหรือ?"
“ใช่” หลินกู๋หยู่พูดอย่างใจเย็น “เพียงแต่ตอนนี้พวกเรายังทำไม่ได้ และแม้ว่าพวกเราจะทำได้ ก็ไม่รู้ว่าวิธีนั้นจะรักษาได้ผลดีหรือไม่?”
ขณะนี้หมอเฒ่าลู่เริ่มรู้สึกกระปรี้กระเปร่าแล้ว
"เ้าบอกข้าที เ้ารักษาไข้ทรพิษได้อย่างไร?" หมอเฒ่าลู่นั่งตัวตรงและมองไปที่หลินกู๋หยู่
หลินกู๋หยู่อธิบายวิธีการรักษาโดยสังเขป
"เ้าหมายถึงตุ่มฝีดาษวัวหรือ?" หมอเฒ่าลู่ขมวดคิ้วถามอย่างสงสัยเล็กน้อย "สิ่งนี้สามารถรักษาไข้ทรพิษได้จริงหรือ?"
หลินกู๋หยู่เม้มริมฝีปากเล็กน้อย พยักหน้าและกล่าวยืนยันว่า "ใช่เ้าค่ะ"
"แล้วเ้าคิดว่าวิธีที่ได้ผลมากกว่ากันนั้นคือวิธีใดหรือ?" หมอเฒ่าลู่มองหลินกู๋หยู่ด้วยความดีใจ หัวใจของเขาคันคะเยอ โดยลืมไปเสียสนิทเลยว่าเขาเคยเกลียดหลินกู๋หยู่มาั้แ่แรก
“การปลูกฝีดาษ” หลินกู๋หยู่ถอนหายใจเล็กน้อย อธิบายวิธีการฉีดวัคซีนสมัยใหม่พอสังเขป แล้วกล่าวว่า “นี่เป็เพียงการคาดเดาเท่านั้น จะสามารถป้องกันไข้ทรพิษได้หรือไม่นั้นยังไม่เป็ที่ทราบดี”
“ถ้าสามารถปลูกฝีดาษป้องกันได้ วันข้างหน้าก็ไม่ต้องกังวลแล้วว่าจะป่วยเป็ไข้ทรพิษ” ดวงตาของหลินกู๋หยู่สงบ น้ำเสียงของนางก็สงบราบเรียบ ถึงกระนั้นมันกลับทำให้คนรู้สึกว่าต้องเชื่อในสิ่งที่นางพูด
จากการคาดคะเนของหลินกู๋หยู่ ถ้าคนสามารถฉีดฝีดาษได้ คนก็จะไม่ป่วยเป็ไข้ทรพิษอีกต่อไป ถ้าเป็เช่นนั้น ในโลกนี้ก็จะไม่มีใครตายเพราะไข้ทรพิษอีก
และแม้ว่าจะเป็ไข้ทรพิษ แต่กระนั้นก็มีวิธีรักษา ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าคนทั้งหมู่บ้านจะเสียชีวิต
"เ้า" เมื่อเขาคิดถึงเื่นี้ หมอเฒ่าลู่รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น เขาเดินไปหาหลินกู๋หยู่อย่างรวดเร็ว เขาพูดอย่างตื่นเต้นว่า "เ้ารู้ได้อย่างไรหรือ?"
“ผู้น้อยเคยอ่านจากหนังสือเล่มหนึ่ง” หลินกู๋หยู่ก้มศีรษะลงตอบอย่างคล่องแคล่ว “ในหนังสือเล่มนั้นมีวิธีรักษาโรคอยู่หลายวิธี ข้าน้อยแค่รู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
"หนังสืออยู่ที่ไหนหรือ?" หมอเฒ่าลู่มองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างตื่นเต้น และอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า "หนังสือยังอยู่หรือไม่?"
“มันสูญหายไปแล้ว” หลินกู๋หยู่ถอนหายใจอย่างเศร้าใจ “ข้าท่องไปแค่เนื้อความส่วนใหญ่เท่านั้น”
"ในหนังสือยังมีเขียนอะไรอีกบ้างหรือ?" หมอเฒ่าลู่รีบเดินไปที่โต๊ะ หยิบกระดาษข้าวออกมา กางออก แล้วพูดกับลู่จื่อยู่ที่อยู่ข้างๆ ว่า "จื่อยู่ เ้ามาฝนหมึกให้ข้าหน่อย"
หลินกู๋หยู่มองไปที่หมอเฒ่าลู่ด้วยใบหน้างงงวย
"ถ้าเช่นนั้นก็พูดถึงการรักษาโรคหัด" หมอเฒ่าลู่มองดูท่าทางสับสนของหลินกู๋หยู่ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า "ข้าจะได้จดไว้"
ถ้าสิ่งที่นางพูดนั้นไม่มีผิดพลาด เขาถึงจะเชื่อในสิ่งที่นางพูดจริงๆ
หลินกู๋หยู่มองไปที่หมอเฒ่าลู่ ก่อนจะพูดช้าๆ "โรคหัดมักมีระยะเวลาฟักตัวมากกว่าสิบวัน ใน่ระยะเวลาฟักตัวนั้นจะมีอาการเป็เพียงไข้ธรรมดา ไม่มีผดผื่น โดยปกติจะใช้เวลาอีกสามถึงสี่วันก่อนที่ผื่นจะปรากฏ ร่างกายของคน..."
หมอเฒ่าลู่ฟังคำพูดของหลินกู๋หยู่ ยิ่งเขาเขียนมากเท่าไร เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น
หลินกู๋หยู่ไม่ได้แค่พูดไปตามใจชอบจริงๆ ไม่ว่าจะเป็่ใด นางก็สามารถบอกอาการของแต่ละ่เวลานั้นๆ ได้ ถ้าคนที่เขียนหนังสือเล่มนี้ไม่ได้ศึกษาโรคนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนจริงๆ เขาคนนั้นคงไม่มีทางเขียนมันได้อย่างสมบูรณ์และมีค่ามากถึงเพียงนี้
"มหัศจรรย์ มหัศจรรย์มาก" หมอเฒ่าลู่มองไปที่เนื้อความที่เขียนบนกระดาษ เขาถอนใจคร่ำครวญ เดินไปหาหลินกู๋หยู่พร้อมกระดาษสองสามแผ่นในมือ มองนางอย่างกระตือรือร้น "มีอีกหรือไม่?"
“โรคหัดก็มีเพียงเท่านี้แล้ว” หลินกู๋หยู่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ถูกหมอเฒ่าลู่มองเช่นนี้ นางก้าวถอยหลังเล็กน้อย พูดเบาๆ ว่า “ข้าเห็นว่าแปดหรือเก้าส่วนในสิบส่วนของผู้ป่วยเ่าั้เป็โรคหัด แต่โชคดีที่โรคนี้สามารถรักษาให้หายได้”
หมอเฒ่าลู่หันศีรษะไปมองลู่จื่อยู่ด้วยสีหน้าจริงจัง "อ้อ ใช่สิ ยาสมุนไพรยังเพียงพอหรือไม่?"
“หลานจะให้คนเตรียมยาเดี๋ยวนี้” ลู่จื่อยู่รีบพยักหน้าตอบ
“แม่สาวน้อย” หมอเฒ่าลู่ลืมความประสงค์เดิมที่เขาเรียกหลินกู๋หยู่มาหาไปเสียสนิท “เ้ายังรู้อะไรอีก เ้าบอกข้าทุกอย่าง ข้าจะจดเดี๋ยวนี้”
หลินกู๋หยู่ฝืนยิ้ม ขณะมองไปที่หมอเฒ่าลู่ จากนั้นก็พูดว่า "ยังมีอยู่บ้าง เพียงแต่ข้าอาจจะไม่สามารถพูดทั้งหมดภายในระยะเวลาอันสั้น"
ทันทีที่หมอเฒ่าลู่เงยหน้าขึ้น เขาก็ทอดมองออกไปข้างนอก เวลาสายแล้ว ถัดจากนี้อีกหนึ่งชั่วยาม[1] ท้องฟ้าก็จะมืดลงแล้ว
"ไม่รีบๆ เรายังมีเวลาอีกมาก" หมอเฒ่าลู่ก็โง่เง่าด้านทักษะทางการแพทย์เช่นกัน หลังจากได้ฟังหลินกู๋หยู่พูดดังนั้น เขาก็กล่าวว่า "วันหลังข้าจะบอกจื่อยู่ให้จัดห้องให้เ้า เ้าก็อาศัยอยู่ที่นี่เถอะ"
“ท่านปู่ ข้าต้องขอโทษจริงๆ ข้าอยู่ที่นี่ไม่ได้” หลินกู๋หยู่กล่าวด้วยความรู้สึกผิดอยู่หลายส่วน
การแสดงออกบนใบหน้าของหมอเฒ่าลู่หยุดชะงักชั่วคราว เขามองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยความผิดหวัง
ก่อนที่หลินกู๋หยู่จะพูด ลู่จื่อยู่ก็อดไม่ได้ที่จะพูด "ท่านปู่ ท่านพูดอะไรหรือ แม่นางหลินออกเรือนแล้ว นางจะอาศัยอยู่ข้างนอกตามอำเภอใจได้อย่างไร เช่นนี้ไม่สมเหตุสมผลเลย"
เมื่อนึกถึงฉือหาง หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก ไม่รู้ว่าตอนนี้ฉือหางกำลังทำอะไรอยู่ หัวใจของนางเต้นระรัวเป็พิเศษ
เปลือกตาขวายังคงกระตุกอย่างต่อเนื่อง หลินกู๋หยู่ยกมือขึ้นแตะที่เปลือกตา แต่เปลือกตาก็ยังคงกระตุกไม่หยุด
คนทั่วไปมักจะกล่าวกันว่า ตาซ้ายกระตุกจะพุ่งหาโชคลาภ ตาขวากระตุกจะพุ่งหาภัยพิบัติ
……………………………………………………………………….
[1] ชั่วยาม เท่ากับเวลาสองชั่วโมงในปัจจุบัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้