บทที่ 46 สูงกว่าเ้านิดหน่อย
“แก...ไอ้สารเลว! มีสิทธิ์อะไรถึงได้มีคะแนนสูงกว่าข้า?!” เสียงของฉู่เฟยสั่นระริกด้วยความโกรธ
เดิมที ฉู่เฟยคิดว่าคะแนนหกพันหนึ่งร้อยแต้มจะรับประกันชัยชนะได้ ในสายตาของนาง การจะผ่านการประลองรอบแรกไปนั้นง่ายมาก นางยังรู้สึกว่าผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ ต่างอ่อนแอเหมือนมดปลวก ไม่สามารถเทียบกับนางได้
แต่ตอนนี้ จู่ๆ ฉู่อวิ๋นที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏตัวขึ้น และนางก็ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่สอง ถูกชิงความได้เปรียบไปอย่างเหลือจะนับ
ฉู่เฟยผู้แสนหยิ่งสโย ไม่อาจยอมรับความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้
“นี่ก็คือผลลัพธ์ เ้าเปลี่ยนแปลงไม่ได้” รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของฉู่อวิ๋น จากนั้นเขาก็กลอกตาแล้วพูดว่า “จริงๆ แล้ว ถ้าเ้าฆ่าาาสัตว์ปีศาจก่อนหน้าข้า อันดับที่หนึ่งก็ยังคงตกเป็ของเ้า...”
“ทว่าน่าเสียดาย...ข้าไปถึงที่นั่นก่อน พอพูดถึงเื่นี้ ข้าก็อยากจะขอบคุณที่ในตอนนั้นเ้าไม่คิดแย่งแต้มศิลาหยกของข้าไป”
หลังพูดจบ ฉู่อวิ๋นก็ยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ทำให้ใบหน้างามของฉู่เฟยยิ่งเ็า พลังปราณของนางพุ่งสูงขึ้น มีไอสังหารแผ่ไปทุกทิศทาง และนางก็เกือบจะเหวี่ยงมีดออกไปแล้ว
ในความเป็จริง ในตอนแรก ฉู่เฟยไม่คิดสนใจเกี่ยวกับคุณค่าของาาสัตว์ปีศาจงูหลามคราม เพราะก่อนการประลอง นางก็เพิกเฉยต่อคำอธิบายและคำแนะนำของเหล่าผู้าุโ เพียงคิดว่าตนเองกุมชัยชนะอยู่ในกำมือ และตอนนี้นางก็ประสบความสูญเสียครั้งใหญ่เพราะเหตุนี้จริงๆ
ถ้าจะยโสโอ้อวดก็ต้องชดใช้
ยิ่งฉู่เฟยคิดเื่นี้มากเท่าไร นางก็ยิ่งโกรธมากขึ้น แสงสีน้ำเงินเริ่มไหลลงสู่มีดยาว ทันใดนั้น นางก็เสียสติและกำลังจะฟันมีดใส่ฉู่อวิ๋น!
“ลงนรกไปเสีย! ไอ้สารเลว อันดับหนึ่งไม่ใช่สิ่งที่เ้าจะถือครองได้!”
"ฟั่บ!"
แสงสีน้ำเงินเปล่งประกายทอแสงออกมา ทำให้เกิดชั้นของแสงเปลวไฟสีน้ำเงินที่บางราวกับปีกจักจั่น คมกริบราวกับพายุโหมลมแรง
“หยิ่งผยองพองขนเช่นนี้! เ้าคิดว่าข้าจะกลัวหรือ? ดูกระบวนท่า!” ฉู่อวิ๋นเองก็โกรธและอารมณ์ไม่คงที่เช่นกัน ทันใดนั้น ร่างของทั้งคู่ก็ขยับเข้าหากัน กระบี่ชื่อยวนทะลุผ่านสายลม ก่อให้เกิดเสียงกระบี่เสียดสี
“ควั่บ!” แสงกระบี่สีแดงเข้มราวกับัตัวยาวโบกสะบัดหาง และพุ่งตัวไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้ชมเกือบทั้งหมดก็กลั้นหายใจ ไม่คิดว่า ทั้งคู่ที่ต่างก็แซ่ฉู่ เมื่อมีเื่ไม่ลงรอยกันกลับใช้กำลังปะทะกันเช่นนี้
แน่นอนว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบฉู่เฟยและให้กำลังใจนาง เพราะอย่างไรแล้ว ท้ายที่สุดฉู่อวิ๋นก็เป็คนได้รับรางวัลที่หนึ่งและแย่งความเด่นของฉู่เฟยไป คนเหล่านี้กัดฟันและคิดหวังว่าเมื่อเขาลงจากเวที จะสั่งสอนบทเรียนให้เขา
แต่เมื่อแสงกระบี่และมีดกำลังจะตัดกัน เงาขาขนาดใหญ่ก็พุ่งลงมาตรงกลางระหว่างฉู่อวิ๋นและฉู่เฟย พลังนั้นน่าใมากจนทั้งคู่ต้องหันหลังกลับและล่าถอย
"ตึง!"
เงาของขาที่ตกลงไป ทำให้พื้นที่เปิดโล่งแตกออกทันที ฝุ่นควันลอยคลุ้งเต็มท้องฟ้า เมื่อมองใกล้ๆ ผู้ที่เข้ามาแทรกแซงคือท่านผู้เฒ่าที่ประกาศผลเมื่อครู่
“แค่ก แค่ก ข้าอายุเกือบร้อยปีแล้ว ขาและเท้าก็ไม่ค่อยดีนัก เ้าทั้งคู่ก็อย่าทำให้ข้าต้องรบกวนเลย” ใบหน้าของท่านผู้เฒ่าไร้อารมณ์ แต่ก็มีแรงกดดันในคำพูดอย่างไม่ต้องสงสัย เห็นได้ชัดว่าเขาเป็ผู้าุโที่อยู่ในขั้นมหาสมุทร
จากนั้น ชายชราก็จ้องไปที่ฉู่เฟยอีกครั้ง ดวงตาขุ่นมัวของเขาดุร้าย และเอ่ยเบาๆ "สาวน้อย ข้าแนะนำให้เ้าสงบสติอารมณ์ก่อน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความคืบหน้าของการประลอง"
“ตาแก่ตัวเหม็น ข้าอยากฆ่าผู้ใดข้าก็จะสังหารผู้นั้น เ้ามีสิทธิ์อันใดมาหยุดข้า!” ดวงตาของฉู่เฟยทอแววเ็า นางไม่คิดที่จะหยุด พร้อมกระชับมีดยาวในมือและ้าโจมตีต่อไป ทำให้ท่านผู้เฒ่าต้องพ่นลมออกมาอย่างเ็า ไม่มีความสุขเอาเสียเลย
ผู้เฒ่าผู้นี้ เป็ผู้แข็งแกร่งที่รู้จักกันดีในเมืองไป๋หยางมาเป็เวลานาน ที่ฉู่เฟยทำเมื่อครู่แสดงให้เห็นถึงความไม่เคารพ ทำเอาคนเริ่มรังเกียจขึ้นมาบ้างแล้วจริงๆ
"พอแล้ว!"
ยามนี้ มีร่างอีกสองร่างะโลงมาหาผู้ชม พวกเขาคือผู้าุโสามและผู้าุโสี่ของตระกูลฉู่
“เฟยเอ๋อร์ เื่นี้ช่างมันไปเถอะ อย่างไรก็เสีย การประลองรอบแรกก็เป็เพียงการอุ่นเครื่องสำหรับเ้า” ผู้าุโสามกล่าว
“ถูกต้อง การประลองรอบที่สองจึงจะเป็่เวลาชี้ขาด เมื่อถึงเวลา…” ผู้าุโสี่เหลือบมองที่ฉู่อวิ๋น “เมื่อถึงเวลา เฟยเอ๋อร์เ้าจะต้องชนะได้แน่ ส่วนการประลองล่าแต้มนี้ก็ช่างมันไปเถิด”
ผู้าุโสองคนพูดอย่างจริงจังและโน้มน้าวใจต่อไป โดยหวังว่าจะหยุดฉู่เฟยไม่ให้สร้างความวุ่นวายต่อได้
ในความเห็นของพวกเขา หากตอนนี้ฉู่เฟยฆ่าฉู่อวิ๋นเข้า ย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของตระกูลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลังจากโน้มน้าวใจไปรอบหนึ่ง ในที่สุดฉู่เฟยก็สงบลง นางกัดฟันและพูดกับฉู่อวิ๋นว่า "เชอะ เ้าคนต่ำช้า อย่าให้ข้าได้พบกับเ้าในรอบที่สองอีก ไม่เช่นนั้น ข้ารับประกันว่าชีวิตของเ้าจะแย่กว่าตายไปแล้วแน่ๆ"
ทันใดนั้น ฉู่เฟยก็ดึงมีดยาวกลับมา แล้วหันหลังกลับไป
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผู้าุโทั้งสองก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก มองดูฉู่อวิ๋นอย่างมีนัยยะไปแวบหนึ่ง แล้วจึงกลับไปที่ค่ายตระกูลฉู่
“เฮ้อ ผู้าุโฉู่เจิ้นหนานคนนั้น มีทายาทเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเป็พรหรือคำสาป” กรรมการเฒ่าส่ายหัวและค่อนข้างไม่พอใจกับท่าทีของฉู่เฟย จากนั้นเขาก็เหลือบมองมาที่ฉู่อวิ๋นแล้วถามว่า "เ้าหนุ่มน้อย เ้าไม่เป็ไรใช่ไหม?"
ถัดจากเขา ฉู่อวิ๋นเก็บกระบี่ชื่อยวนคืนเข้าฝัก ยกมือขึ้นประสานให้ชายชราแล้วพูดว่า "ขอบคุณท่านผู้เฒ่าที่เป็ห่วง ผู้น้อยสบายดี จากนี้ขอท่านจัดการประลองต่อไปเถอะขอรับ"
“อืม เช่นนั้นก็ดี” เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยองของฉู่อวิ๋น ชายชราก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ เมื่อมองทั้งแนวนอนและแนวตั้ง[1] ก็พบว่าเ้าหนุ่มคนนี้ดีกว่าฉู่เฟยที่ไร้มารยาทคนนั้นมาก
ในที่สุด เื่ตลกสั้นๆ นี้ก็จบลง
อย่างไรก็ตาม ผู้ชมทุกคนกลับเต็มไปด้วยความคาดหวังสำหรับการประลองรอบที่สอง และอยากรู้เหลือเกินว่าหากฉู่เฟยและฉู่อวิ๋นได้มาพบกันในรอบนี้ ผลลัพธ์จะเป็อย่างไร
รวมทั้งมีผู้มากอำนาจบางคนก็เริ่มให้ความสนใจกับฉู่อวิ๋นและคาดการณ์บางอย่างในใจอย่างลับๆ
“ดาวหายนะนี่ ดูจากท่าทางแล้ว มากที่สุดก็น่าจะอยู่ในระดับห้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ ทำไมเขาถึงกล้าเผชิญหน้ากับฉู่เฟยเล่า?”
“ข้าเห็นผิดไปหรือเปล่า? เมื่อครู่นี้ เ้าหนุ่มคนนี้ชักกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็วนัก ทักษะกระบี่ของเขาดูเหมือนจะไม่ธรรมดาเลย”
ในไม่ช้าท่านผู้เฒ่าก็กลับมาที่เวทีและดำเนินการประลองต่อ
"เอาล่ะ จากนี้จะประกาศรางวัลสำหรับสามสิบสองอันดับแรกตาม..."
"เดี๋ยวก่อน!" ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นก็ขัดจังหวะเสียงของชายชรา ทำให้ผู้ชมทุกคนหันไปสนใจเขาอีกครั้ง จนทำให้ท่านผู้เฒ่างุนงง
ฉู่อวิ๋นเหลือบมองไปที่มู่หรงซิน และพูดอย่างไม่เร่งรีบ "ข้าคัดค้านผลคะแนน แม้ว่าข้าจะเป็คนฆ่าาาสัตว์ปีศาจ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะมีคุณหนูมู่หรงอยู่ด้วย เกรงว่าคงลำบากไม่มากก็น้อย"
“ครึ่งหนึ่งของหนึ่งหมื่นแต้มของาาสัตว์ปีศาจ มีครึ่งหนึ่งที่เป็ของคุณหนูมู่หรง ตอนนี้ข้าจะแบ่งให้นางห้าพันแต้ม หวังว่ากรรมการทุกท่านจะเห็นด้วย”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ก็เกิดความรู้สึกอื่นขึ้นทั่วทั้งลานประลอง พฤติกรรมนี้ของฉู่อวิ๋นเข้าใจยากนัก มีผู้ใดที่กล้าเสียสละขนาดนี้กัน? ถ้าเป็นักรบคนอื่น เขาคงจะภูมิใจที่มีคะแนนมากกว่าหนึ่งหมื่นแต้ม
กรรมการาุโที่นั่งอยู่ใกล้มู่หรงเจี๋ยต่างมองหน้ากัน เห็นได้ชัดว่าต่างก็ไม่คิดว่าฉู่อวิ๋นจะทำเช่นนี้
แม้แต่มู่หรงเจี๋ยเองก็ตกตะลึงและหันไปมองฉู่อวิ๋นอย่างรู้สึกขอบคุณ ทั้งยังมีความสับสน และความสุขเผยออกมาจางๆ
ยามนี้ ฉู่อวิ๋นพูดอย่างใจเย็น "คะแนนรวมของข้าคือหนึ่งหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยแปดสิบหกแต้ม และคะแนนของคุณหนูมู่หรงคือหนึ่งพันหนึ่งร้อยห้าแต้ม ถ้าเราสองคนแบ่งแต้มศิลาหยกาาสัตว์ปีศาจเท่ากัน คะแนนของข้าจะกลายเป็หกพันห้าร้อยแปดสิบหกแต้ม และคุณหนูมู่หรงมีคะแนนหกพันหนึ่งร้อยห้าแต้ม"
“แม้ว่าสิ่งนี้จะมีผลกระทบต่อการจัดอันดับ แต่ก็เป็ความจริงที่ว่าคุณหนูมู่หรงและข้าช่วยกันสังหาราาสัตว์ปีศาจ ข้าไม่สามารถผูกขาดคะแนนของสัตว์ปีศาจได้ หวังว่าผู้าุโทุกท่านจะเข้าใจ”
เมื่อได้ยินฉู่อวิ๋นพูด ทุกคนก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล หากทั้งคู่ช่วยกันล่าาาสัตว์ปีศาจจริง ก็เป็เื่ปกติที่พวกเขาจะแบ่งปันคะแนนเท่าๆ กัน
บนที่นั่งกรรมการมีผู้าุโหลายคนกระซิบคุยกันอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบเสียที เพราะต่างเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยพอๆ กัน
สักพัก มู่หรงเจี๋ยก็โกรธ เขาะโบอกกรรมการด้วยเสียงทุ้ม "พวกท่านยังลังเลอะไรอยู่อีก? ถ้าตัดสินใจกันไม่ได้ก็ให้ข้าเ้าเมืองผู้นี้ตัดสินใจ!"
ทันทีนั้น มู่หรงเจี๋ยก็ลุกขึ้นยืนและพูดเสียงดังก้อง "ในเมื่อฉู่อวิ๋นบอกว่าเขาร่วมมือกับนังหนูเพื่อฆ่าาาสัตว์ปีศาจ เช่นนั้นก็แบ่งปันแต้มให้เท่าๆ กันเสีย! ผู้เฒ่าเฟิง ขอท่านประกาศการเปลี่ยนแปลงอันดับด้วย!"
"ได้" ผู้เฒ่าเฟิงที่อยู่ในลานประลองตอบสนองอย่างรวดเร็ว ปรับลำดับขั้นใหม่ แล้วประกาศอีกครั้ง "หลังจากปรับคะแนนแล้ว อันดับก็เปลี่ยนไปดังนี้"
“อันดับที่หนึ่ง ฉู่อวิ๋น ด้วยคะแนนหกพันห้าร้อยแปดสิบหกแต้ม ยังคงทำลายสถิติประวัติศาสตร์ของการประลองล่าสัตว์ปีศาจ!”
“อันดับที่สอง มู่หรงซิน ด้วยคะแนนหกพันหนึ่งร้อยห้าแต้ม เข้าสู่สามอันดับแรก!”
“อันดับที่สาม ฉู่เฟย ด้วยคะแนนหกพันหนึ่งร้อยแต้ม ตามหลังมู่หรงซินห้าแต้ม ดังนั้นจึงหล่นลงมาหนึ่งอันดับ” เมื่อมาถึงจุดนี้ น้ำเสียงของผู้เฒ่าเฟิงก็เ็าอย่างเห็นได้ชัด และในคำพูดก็มองออกถึงความปีติยินดี
“หลังจากนี้นั้น การจัดอันดับจะถูกร่นลงไป และลำดับอื่นๆ โดยพื้นฐานแล้วก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง สิ้นสุดการประกาศ”
ทันทีที่ผู้เฒ่าเฟิงพูดจบ ตามที่คาดไว้ ผู้ชมทั้งหมดต่างก็จ้องมองไปที่ฉู่เฟยด้วยความประหลาดใจ แน่นอนว่าพวกเขาเห็นใบหน้าของนางซีดเซียว ริมฝีปากสีแดงสดขบเม้มจนแทบขาด และดูค่อนข้างโกรธ
คำแนะนำของฉู่อวิ๋น ไม่เพียงแต่ทำให้มู่หรงซินที่ไม่มีโอกาสเข้าสู่สิบอันดับแรก ได้เพิ่มอันดับและเข้าสู่สามอันดับแรกเท่านั้น แต่ยังทำให้ฉู่เฟยเสียเปรียบไปอีกเล็กน้อยเมื่อตกไปอยู่ในอันดับที่สาม
และการจัดอันดับนี้ยังทำให้ฉู่เฟยเสียหน้ายิ่งนัก เนื่องจากนางกับมู่หรงซินห่างกันเพียงห้าแต้ม ซึ่งเทียบเท่ากับแต้มของสัตว์ปีศาจระดับสาม
สัตว์ปีศาจระดับสามสามารถถูกนักรบระดับสามของขอบเขตควบแน่นพลังปราณที่อ่อนแอเหลือเกินนั้นล่าได้
ฉู่เฟยที่คิดว่าตนอยู่เหนือกว่าคนอื่นมาตลอด จะยอมใจเย็นอยู่ได้อย่างไร?
ในขณะนี้ ฉู่เฟยจ้องมองไปที่ฉู่อวิ๋นอีกครั้ง ไอสังหารในดวงตาของนางรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังพึมพำออกมา "เ้าสุนัข...บัดซบ! ในรอบที่สอง...ถ้าข้าได้เจอกับเ้า ข้าฆ่าเ้าแน่!"
ฉู่อวิ๋นก็มองตอบไปที่ฉู่เฟยด้วยแววตาได้ใจและคิดกับตัวเองว่า "แผ่นหินหนึ่งก้อนยิงนกสองตัว[2]นี่ดีนัก ไม่เพียงแต่ปรามฉู่เฟยได้เท่านั้น แต่ยังช่วยคุณหนูมู่หรงได้ด้วย"
จากนั้น ฉู่อวิ๋นก็หันมามองมู่หรงซินที่มีสีหน้าประหลาดใจ เขาพยักหน้าให้นางเล็กน้อยและยิ้มอย่างอ่อนโยน
“เ้า...เ้าผู้ชายคนนี้หน้าด้านจริงๆ ข้าบอกไปแล้วนี่ว่าไม่้าแต้มนั่น? จริงๆ เลย…” จู่ๆ มู่หรงซินก็รู้สึกได้ถึงความร้อนบนใบหน้าเมื่อสบตากับฉู่อวิ๋น ก่อนจะหันกลับไปอย่างรีบร้อนด้วยใจที่ว้าวุ่น
เมื่อเ้าเมืองนั่งลง มู่หรงเจี๋ยก็ร่าเริงและหัวเราะไม่หยุด เมื่อเห็นมู่หรงซินได้รับการปรับอันดับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาย่อมมีความสุขมาก ใบหน้ามีอายุเปล่งประกายสดใส
“เ้าหนุ่มคนนี้ แม้ว่าเขาจะเคยสั่งสอนเหิงเอ๋อร์มาก่อน แต่คราวนี้เขากลับช่วยให้ซินเอ๋อร์อยู่ในสองอันดับแรก ทำได้ดีมาก! ฮ่าๆ !” มู่หรงเจี๋ยยิ้มแย้มแจ่มใส ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าฉู่อวิ๋นไม่ได้ดูขัดตาอย่างที่แล้วมา
หลังจากนั้นไม่นาน การจัดอันดับก็ถูกกำหนดขึ้นใหม่ ผู้เฒ่าเฟิงเริ่มแจกจ่ายรางวัลสำหรับการประลองรอบแรก ทำให้ฉู่อวิ๋นเต็มไปด้วยความคาดหวัง
--------------------
[1] มองโดยละเอียด
[2] ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้