“ในเมื่อผู้าุโชิวยินดีที่จะรับตำแหน่งในตระกูลหยวน เช่นนั้นข้าก็จะไม่อ้อมค้อมอีกแล้ว! พรุ่งนี้หยวนจุนจะส่งของขวัญชิ้นใหญ่ที่คาดไม่ถึงไปให้แก่ผู้าุโ!”
หยวนจุนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
ผู้าุโชิวหรี่ตาเล็กน้อยแล้วถามเสียงต่ำว่า “ของขวัญที่คาดไม่ถึง? หากเ้าจะมอบสตรีผู้นี้ให้แก่ข้า ข้าไม่รับไว้หรอกนะ!”
หยวนจุนแสดงสีหน้าเขินอายออกมาทันที เขาไม่คิดว่าผู้าุโชิวจะกล้าหยอกล้อเขาต่อหน้าเสี่ยวเมิ่ง
เขายกมือขึ้นมาปิดปากกระแอมสองสามครั้ง ก่อนจะส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “แน่นอนว่ามิใช่ ผู้าุโคิดมากไปแล้ว”
หยวนจุนชำเลืองมองเซียวหาน เห็นนางหลบอยู่ด้านหลังผู้าุโชิวด้วยสีหน้าท่าทางรังเกียจ
หยวนจุนขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแล้วถามเบาๆ ว่า “ข้าน่ากลัวถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”
“ชิ่วชิ่วชิ่ว ไม่นึกเลยว่าเ้าจะนำงูเหลือมเกล็ดโลหิตมาไว้ที่ข้อมือ น่าขยะแขยงที่สุด!”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือของเซียวหาน หยวนจุนถึงได้รู้ว่าสิ่งที่เซียวหานกลัวคืองูเหลือมเกล็ดโลหิตที่พันอยู่รอบข้อมือของเขา
เขาจะใช้มือลูบเ้าตัวน้อยนั้น แต่เมื่อจับข้อมือดูก็พบว่างูเหลือมเกล็ดโลหิตตัวนั้นได้หายไปแล้ว!
หยวนจุนมองหาบนพื้น แต่ก็ไม่พบร่องรอยของงูเหลือมเกล็ดโลหิต เขาจึงรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แววตาปรากฏความเศร้าสร้อยออกมา
แต่จู่ๆ หยวนจุนก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาดึงแขนเสื้อขึ้นแล้วมองไปที่สร้อยเอกภพที่อยู่บนข้อมือ จากนั้นจึงรีบส่งพลังจิตเข้าไปด้านใน ทำให้พบร่องรอยของงูเหลือมเกล็ดโลหิต!
งูเหลือมเกล็ดโลหิตตัวเล็กเลื้อยอยู่รอบๆ ต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา มันเลื้อยขึ้นไปอยู่บนนั้น ก่อนจะขดตัวบนใบไม้แห้งอย่างสบายใจ
“นึกไม่ถึงว่าสร้อยเอกภพจะสามารถเลี้ยงสัตว์ได้!”
หยวนจุนดึงพลังจิตออกมาจากสร้อยเอกภพ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขราวกับได้พบสิ่งของล้ำค่า จนทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างออกมา
เขายกแขนให้เซียวหานดูแล้วกล่าวว่า “แม่นางเซียว งูเหลือมเกล็ดโลหิตไม่อยู่บนแขนของข้าแล้ว เ้าสามารถวางใจได้”
เซียวหานย่นจมูกแล้วแสดงท่าทีไม่ไว้ใจ นางยังไม่กล้าเข้าไปใกล้หยวนจุนเช่นเดิม
“หยวนจุน! วันหนึ่งข้าจะทำให้ตระกูลหยวนต้องชดใช้มากกว่านี้! เ้าคอยดูเถอะ! คอยดู!”
ขณะที่หลิวหรูเยียนสะอื้นและมองหยวนจุนทั้งน้ำตา มือเรียวที่กำหมัดแน่นก็สั่นไม่หยุด ท่าทางของนางเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่นี้ราวกับเป็คนละคน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวที่พร้อมจะกลืนกินทุกคนได้ทุกเมื่อ
“หยวนจุน เ้าจะฆ่านางเพื่อตัดปัญหาในภายหลังหรือไม่?” เซียวหานถามขึ้นแล้วมองหลิวหรูเยียนที่กำลังเสียสติ
เขาสบตากับหลิวหรูเยียนครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยๆ หยิบกระบี่หยวนจุนที่อยู่บนพื้นขึ้นมา เขาโบกมือให้นักยุทธ์ตระกูลหยวนที่ตามมาถอยออกไป ก่อนที่เสียงอันหนักแน่นและน่าเกรงขามจะดังทั่วท้องฟ้า
“หลิวหรูเยียน หากเ้ามั่นใจถึงเพียงนั้น เหตุใดจึงไม่ลองดูล่ะ?”
“หากผู้ใดกล้าแตะต้องตระกูลหยวนแม้แต่ปลายนิ้ว ข้าจะทำให้เขาต้องทรมานเหมือนดั่งตายทั้งเป็!”
เมื่อหยวนจุนเดินออกไปไกลแล้ว น้ำตาของหลิวหรูเยียนจึงหลั่งไหลออกมา สองขาอ่อนแรงจนต้องนั่งลงไปบนพื้นอย่างไร้กำลัง เหลือแค่เพียงแววตาแห่งความเกลียดชังที่ยังไม่จางหายไป
เมื่อไม่มีตระกูลหลิวคอยคุกคาม เซียวจั้นที่พักฟื้นร่างกายอยู่ที่โรงประมูลจึงอยากกลับไปที่เมืองลั่วฝาน ตอนนั้นหยวนจุนใช้ปราณต้นเพลิงอัคคีกลืน์ช่วยชีวิตเขาไว้ แต่ด้วยพิษของเมือกหลงิญญาที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างกายจึงทำให้เขายังไม่หายดี
“หลายวันมานี้รบกวนเ้าแล้ว”
เซียวจั้นมิใช่ผู้ที่วางมาด ดังนั้นเมื่อได้รับการช่วยเหลือจากหยวนจุนเขาจึงเอ่ยขอบคุณ ทั้งนี้ หลังจากได้รับการปรับสมดุลในร่างกายเขาก็ดีขึ้นมาก จนบางทีอาจใช้เวลาเพียงแค่สองสามปีในการฟื้นฟูพลังยุทธ์ที่หายไปให้กลับคืนมา
“สิ่งที่ข้าได้มาจากูเาสองแดน ข้าจะแบ่งกับเ้าคนละครึ่ง เช่นนี้ถือว่ายุติธรรมหรือไม่? อย่างไรเสียเ้าก็ได้แกนภายในของงูเหลือมเกล็ดโลหิตไปแล้ว หากกล่าวตามจริง เ้านั้นได้กำไรมากกว่าข้าเสียอีก”
“ตอนนี้ตระกูลหยวนเป็ผู้นำอันดับหนึ่งของเมืองเทียนอวิ่น ถึงอย่างไรก็ต้องติดต่อกันอยู่แล้ว เช่นนั้นหลังจากที่ข้ากลับถึงจวนตระกูลเซียว ข้าจะนำผลึกแร่ดาราครึ่งหนึ่งของตระกูลเซียวมอบให้แก่ตระกูลหยวนทันที ถือเป็น้ำใจที่ช่วยชีวิตข้าไว้”
เซียวหานหันหน้ามากระซิบขณะที่ยืนอยู่ข้างหน้าโรงประมูล
หยวนจุนและเสี่ยวเมิ่งมองเซียวหานด้วยรอยยิ้มก่อนจะถามว่า “แม่นางเซียวคิดจะทำอย่างไรต่อไป?”
เซียวหานนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวว่า “อีกครึ่งเดือนโรงเรียนยุทธ์ขนาดใหญ่ทั้งสี่แห่งของจักรวรรดิชิงหยางจะเปิดรับศิษย์ ข้าคิดว่าจะไปฝึกฝนที่นั่น ส่วนจวนตระกูลเซียวนั้นมีท่านปู่คอยดูแล ข้าจึงไม่กังวล”
“แค่ใน่ระยะเวลาสั้นๆ นี้ ข้าก็ถูกเ้านำหน้าไปมากแล้ว”
เซียวหานฝืนยิ้ม นางคำนับต่อหยวนจุน ผู้าุโชิว และคนอื่นๆ จากนั้นจึงกล่าวว่า “หยวนจุน พบกันครั้งหน้า ข้าจะทำให้เ้าพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของข้าให้ได้!”
“ฮาฮา ข้าไม่ปล่อยให้เ้าทำสำเร็จแน่นอน”
เมื่อเห็นนักยุทธ์ของตระกูลหยวนไปส่งเซียวจั้นและเซียวหาน หยวนจุนจึงยกมือขึ้นมาไว้ที่ต้นคอแล้วผิวปากอย่างสบายใจ
“โรงเรียนยุทธ์ขนาดใหญ่ทั้งสี่แห่ง...”
โรงเรียนยุทธ์ขนาดใหญ่ทั้งสี่แห่งของจักรวรรดิชิงหยางที่เซียวหานเอ่ยถึง เทียบได้กับสำนักใหญ่ทั้งสามของจักรวรรดิถ่าก้ง ซึ่งจะมีการคัดเลือกศิษย์อย่างยิ่งใหญ่ในทุกปี
หากได้เข้าไปฝึกฝนในโรงเรียนยุทธ์ จะได้รับการถ่ายทอดพลังยุทธ์ที่ทรงพลัง ทั้งยังได้สิ่งเสริมการบ่มเพาะที่หายากอีกด้วย
ที่นั่นมีนักยุทธ์ระดับตะวันคอยดูแล ซึ่งเหนือชั้นกว่าเมืองเหล่านี้เป็อย่างมาก!
เมื่อหยวนจุนและเสี่ยวเมิ่งกลับมาถึงจวนตระกูลหยวน เขาหยิบขวดหยกที่มีน้ำลั่วสุ่ยออกมาจากแหวนมิติ ก่อนจะมอบให้เสี่ยวเมิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้วกล่าวว่า “สิ่งนี้คือน้ำลั่วสุ่ยที่หายากที่ข้าได้มาจากูเาสองแดน ข้าให้เ้าขวดหนึ่ง”
เสี่ยวเมิ่งเบิกตาโพลงทันทีเมื่อเห็นขวดน้ำลั่วสุ่ยส่องแสงประกาย แววตาแตกต่างจากเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง นางค่อยๆ ใช้มือเปิดขวดหยก ทันใดนั้นปราณดาราที่บริสุทธิ์ก็กระจายไปทั่วทุกพื้นผิว
อีกทั้งในขวดนั้นยังอุดมไปด้วยปราณธาตุน้ำที่หนาแน่นอีกด้วย!
แม้เสี่ยวเมิ่งจะพอใจ แต่นางกลับขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้า จากนั้นจึงส่งขวดน้ำลั่วสุ่ยคืนหยวนจุนแล้วกล่าวว่า “พี่จุน ภายในกายของเสี่ยวเมิ่งมีเพลิงอัคคีกลืน์แล้ว ใช้น้ำลั่วสุ่ยไปก็ไม่มีประโยชน์ ท่านเก็บไว้ใช้เองเถิด”
หยวนจุนเลียริมฝีปากด้วยความผิดหวัง เขากล่าวว่า “ภายในกายข้าก็มีเพลิงอัคคีกลืน์ ดังนั้นน้ำลั่วสุ่ยก็ไม่มีประโยชน์ต่อข้าเช่นกัน”
“เช่นนั้นขวดนี้ก็เก็บไว้ที่ตระกูลหยวน หากผู้ใดมีความสามารถโดดเด่นก็มอบให้เป็รางวัล เื่นี้เ้าจัดการแล้วกันนะ”
เมื่อเสี่ยวเมิ่งได้ยินหยวนจุนเอ่ยสรุปว่าจะใช้น้ำลั่วสุ่ยเป็รางวัลให้แก่นักยุทธ์ นางจึงเก็บขวดมาโดยที่มิได้พูดอะไรต่อ
หยวนจุนหยิบขวดขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือออกมา จากนั้นจึงเทน้ำลั่วสุ่ยจากอีกขวดที่เป็ของเขาลงไปประมาณหนึ่งในสิบของทั้งหมด
“ขวดนี้ไว้มอบให้แก่ผู้าุโชิว”
เสี่ยวเมิ่งเก็บขวดเล็กนั้น ก่อนจะถามหยวนจุนด้วยความไม่สบายใจว่า “พี่จุนจะไปจากเมืองเทียนอวิ่นหรือ?”
“ใช่ ตอนนี้ตระกูลหยวนเป็ใหญ่ในเมืองเทียนอวิ่น ความสุขสบายจึงไม่มีประโยชน์ต่อการเลื่อนระดับพลังยุทธ์ ข้าเลยคิดว่าจะเข้าร่วมการคัดเลือกเข้าโรงเรียนยุทธ์ขนาดใหญ่ทั้งสี่แห่งของจักรวรรดิชิงหยาง”
เมื่อเสี่ยวเมิ่งเห็นความตั้งใจแน่วแน่ของหยวนจุนก็ไม่ห้าม นางลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ด้านหลังของเขา จากนั้นจึงโอบไหล่กว้างไว้ในอ้อมแขนแล้วกล่าวเสียงเบาว่า “เสี่ยวเมิ่งจะดูแลจวนตระกูลหยวนเป็อย่างดี จะมิให้พี่จุนต้องผิดหวัง”
“เมื่อตระกูลหยวนมีรากฐานมั่นคงแล้ว เสี่ยวเมิ่งจะไปหาพี่จุน และคอยติดตามอย่างไม่ห่างไกลแม้แต่ก้าวเดียว”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้