“สวบ!” เย่เฟิงก้าวออกมา พลันพื้นดินสั่นไหว ก่อนจะเหวี่ยงหมัดที่อัดแน่นไปด้วยพลังสองแสนจินโจมตีมู่หรงเฟิง นี่ทำให้มู่หรงเฟิงเผยสีหน้าดูไม่ได้ จากนั้นเขาสำแดงฝ่ามือน้ำแข็งของตนเข้าปะทะกับหมัดของเย่เฟิงเช่นกัน ตามมาด้วยเสียงะเิดังกึกก้อง คลื่นทำลายล้างแพร่กระจาย มู่หรงเฟิงตัวสั่นสะท้านพร้อมเซถอยหลัง มิหนำซ้ำยังมีเสียงดังกร๊อบออกมาจากกระดูกแขนราวกับจะแตกหักได้ทุกเมื่อ
“เ้าแข็งแกร่งมากไม่ใช่หรือ? แล้วตอนนี้เป็อะไรไปเล่า?” เย่เฟิงเย้ยหยันพลางกวาดตามองมู่หรงเฟิงด้วยสายตาเย็นเยียบ จากนั้นเขาก้าวออกมาอีกครั้ง พร้อมกับรัวหมัดที่มีพลังสองแสนจินกระหน่ำโจมตีไม่ยั้ง ทั้งยังมีอำนาจฟ้าดินโคจร ทำให้ทุกครั้งที่มู่หรงเฟิงรับหมัดของเย่เฟิงจะรู้สึกว่าตัวเองได้รับแรงกดดันมหาศาล
“อำนาจน้ำแข็งของข้าบรรลุขั้นผันแปร่กลางแล้ว เหตุใดถึงต่อต้านหมัดของเ้าไม่ได้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
มู่หรงเฟิงถูกพลังของเย่เฟิงกดดันจนถอยหลังไปไม่หยุด เหงื่อต้องแตกพลั่ก พร้อมเผยสีหน้าเหลือเชื่อ ตัวเขานั้นอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 ทั้งยังมีอำนาจขั้นผันแปร่กลาง ถือเป็อัจฉริยะที่หาพบได้ยากในระดับเดียวกัน ทว่ากลับถูกชาวอาณาจักรเล็ก ๆ ที่อยู่ต่ำกว่าเขาถึงห้าขั้นกดดันเช่นนี้ เขามู่หรงเฟิงจะยอมได้อย่างไรกัน หมัดของเย่เฟิงทำลายความภาคภูมิของเขาจนหมดสิ้น
“เป็ไปได้อย่างไร ทั้งหมดนี้จะต้องไม่ใช่เื่จริง!” เมิ่งยวี่ฉิงที่ดูอยู่ข้าง ๆ ถึงกับอุทานด้วยความใและตัวสั่นไม่หยุด ในใจนางนั้นยังคงเชื่อว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่เื่จริง ศิษย์พี่ของนางเป็คนที่โดดเด่นมาก เป็อัจฉริยะชั้นยอดที่ผู้คนมากมายต่างเลื่อมใสศรัทธา แม้กระทั่งนางเมิ่งยวี่ฉิงก็ชื่นชอบศิษย์พี่ผู้นี้ นางคิดว่าศิษย์พี่ของตนเก่งกาจเยี่ยมยอด เมื่ออยู่ต่อหน้าศิษย์พี่นาง เย่เฟิงก็เป็เพียงมดแมลงเท่านั้น
ศิษย์พี่นางเพียงโบกมือก็ฆ่าเย่เฟิงได้แล้ว เพราะเหตุนี้นางจึงเตือนเย่เฟิงไปหลายครั้ง ให้เย่เฟิงขอโทษมู่หรงเฟิง เพื่อให้มู่หรงเฟิงอภัยโทษ ทว่าเย่เฟิงกลับไม่ฟังคำเตือน นางจึงคิดว่าเย่เฟิงไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี แต่ในตอนนี้ เมื่อนึกถึงคำพูดที่นางพูดไว้ก่อนหน้านี้กับเย่เฟิง มันช่างน่าขันสิ้นดี
เขาเย่เฟิงมีพลังถึงเพียงนี้ ยังต้องให้เกียรติมู่หรงเฟิง และขอโทษมู่หรงเฟิงอย่างนั้นหรือ?
ทุกอย่างเกิดขึ้นจากความหยิ่งยโสของนางเมิ่งยวี่ฉิงและมู่หรงเฟิง ที่คิดว่าตนมีพลังแกร่งกล้าและเก่งกาจก็เป็อันดับหนึ่งในใต้หล้าได้แล้ว แต่กลับลืมไปว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน!
“ตูม!”
ขณะที่ในใจของเมิ่งยวี่ฉิงเต็มไปด้วยความสับสน จู่ ๆ ก็มีเสียงะเิดังสนั่น นาทีต่อมาเห็นเย่เฟิงเหวี่ยงหมัดซัดมู่หรงเฟิง ทำให้เขากระอักเืแล้วร่างกระเด็นปลิวไปกระแทกกับผนังหินที่อยู่ใกล้ ๆ จนถ้ำเกิดการสั่นะเื
ตอนนี้เมิ่งยวี่ฉิงรู้สึกใจเต้นระรัว สิ่งที่ควรเกิดก็เกิดขึ้นแล้ว แม้คนที่ถูกซัดจะเป็มู่หรงเฟิง แต่เมิ่งยวี่ฉิงกลับเ็ปไม่แพ้ไปกว่ามู่หรงเฟิงเลย นางกระทั่งคิดว่าหากก่อนหน้านี้นางปฏิบัติต่อเย่เฟิงด้วยมิตรภาพอันดีงาม ไร้ซึ่งการดูถูกเหยียดหยาม และอาศัยความงามของนาง นางอาจจะสามารถทำให้เย่เฟิงประทับใจก็เป็ได้ ทว่าตอนนี้มันสายไปแล้ว ความประทับใจที่เย่เฟิงมีต่อนางจะต้องเลวร้ายมากแน่ นี่ทำให้เมิ่งยวี่ฉิงรู้สึกเสียใจ เพราะว่าความสำเร็จในภายภาคหน้าของคนผู้นี้อาจมีแนวโน้มที่จะสูงกว่าชายหนุ่มที่นางเคยรู้จักมา
“ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 อัจฉริยะแห่งหมู่บ้านหานเสวี่ย ก็งั้น ๆ แหละ ก่อนหน้านี้ที่ข้าไม่ลงมือจัดการเ้า ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เป็เพราะความดูแคลน เห็นทีเ้าคงไม่มีสิทธิ์เป็คู่ต่อสู้ของข้าั้แ่แรกแล้ว!” เย่เฟิงกล่าวพลางมองมู่หรงเฟิงด้วยสายตาเย็นเยียบ
มู่หรงเฟิงได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็อาเจียนเป็ลิ่มเืออกมาอีกครั้ง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังราวกับยอมรับไม่ได้ว่าทั้งหมดนี้เป็ความจริง
“เ้าคิดจะทำอะไร?” มู่หรงเฟิงเอ่ยถาม
“ฆ่าเ้าน่ะสิ!” เย่เฟิงตอบกลับเสียงเฉยชา พร้อมเดินไปหามู่หรงเฟิงทันที
“เ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก ไม่มีใครในใต้หล้าฆ่าข้าได้!” มู่หรงเฟิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นบดขยี้ยันต์เคลื่อนย้ายในมือ ก่อนร่างจะจางลงกระทั่งหายไปในที่สุด ซึ่งเขาอาศัยพลังมิติของยันต์เคลื่อนย้ายในการหลบหนี ทั้งยังทิ้งเมิ่งยวี่ฉิงผู้เป็ศิษย์น้องไว้ที่นี่คนเดียว
ขณะที่เมิ่งยวี่ฉิงมองมู่หรงเฟิงที่หายตัวไปต่อหน้าต่อตาตัวเองก็รู้สึกเหมือนฝันไป นี่น่ะหรือศิษย์พี่ที่นางเคารพนับถือมาตลอด ในยามวิกฤตเขาหนีรอดไปคนเดียว โดยทิ้งนางไว้ที่นี่ ชิงเซียงเองก็ใ หลังจากอยู่ด้วยกันมาสักพัก ความประทับใจที่ชิงเซียงมีต่อเย่เฟิงเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด นางพบว่าเย่เฟิงไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด ทั้งยังมีความสามารถที่ท้าทายข้ามระดับ พลังของมู่หรงเฟิงถือว่าอยู่เหนือกว่านางมาก นางจึงนึกไม่ถึงว่าเย่เฟิงจะเอาชนะมู่หรงเฟิงที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 ได้
หากให้ชิงเซียงสู้กับเย่เฟิง เกรงว่าเย่เฟิงออกแค่สามกระบวนท่า นางก็ทนไม่ไหวแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 1 มีพลังแกร่งกล้าเช่นนี้ มันช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
ในขณะเดียวกันหลันเซียงที่รับมือกับจั่วเหลิ่งเทียนก็ผลาญพลังไปมากจนเหงื่อแตกพลั่กเช่นกัน ทว่าหลังจากที่จั่วเหลิ่งเทียนเห็นสถานการณ์เปลี่ยนไป เขาก็โจมตีหลันเซียงและคิดจะหนีไปทันที แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งมาขวางทางเขาไว้
จั่วเหลิ่งเทียนกำลังจะตวัดดาบ แต่ขณะนั้นรังสีหอกพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง ทำให้เขาหน้าถอดสีและหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับช้าไป รังสีหอกนั่นทะลุผ่านไหล่ข้างหนึ่งของเขาจนเืสาดกระเซ็น ทั้งยังกรีดร้องด้วยความเ็ป สีหน้าก็ยังขาวซีด
“ศิษย์พี่!” เหยาซินเอ๋อร์เห็นฉากนี้ก็ต้องใ นางจะเข้าไปช่วยศิษย์พี่นาง แต่ชิงเซียงกลับขวางทางนางไว้ พร้อมกับดาบเล่มหนึ่งจี้มาที่คอของนาง “อย่าขยับ!”
เหยาซินเอ๋อร์ตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว หากนางขยับตัว ดาบของชิงเซียงก็จะทะลุคอทันที
“เย่เฟิง เ้าไม่ได้ตายดีแน่!” จั่วเหลิ่งเทียนตวาดใส่เสียงกร้าว พลันยันต์เคลื่อนย้ายปรากฏในมือและ้าบดขยี้มัน แต่เย่เฟิงเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาเมื่อครู่ มีหรือเขาจะปล่อยให้พลาดเป็ครั้งที่สอง
เย่เฟิงแทงหอกอย่างรวดเร็ว นาทีนี้ยันต์เคลื่อนย้ายที่จั่วเหลิ่งเทียนกำไว้ถูกหอกแทงทะลุ ทำให้จั่วเหลิ่งเทียนส่งเสียงร้องด้วยความเ็ป จากนั้นเย่เฟิงฉวยโอกาสนี้ประทับฝ่ามือไปที่จุดตันเถียน และจุดชี่ไห่ของจั่วเหลิ่งเทียนทันที
จั่วเหลิ่งเทียนส่งเสียงร้องด้วยความไม่เต็มใจ ตบะถูกทำลาย สีหน้าเปลี่ยนไปเป็เศร้าหมองในพริบตา จากนั้นมองไปที่เย่เฟิงด้วยสายตาอาฆาตแค้น เขาถูกผู้ที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 1 ทำลายตบะ ผลลัพธ์เช่นนี้เขาจะยอมรับได้อย่างไร?
ศึกต่อสู้ทั้งหมดใช้เวลาไม่เกินสองก้านธูป ผู้ฝึกยุทธ์สำนักหลิงไถสิบคนถูกฆ่าไม่เหลือรอดสักคนเดียว มู่หรงเฟิงใช้ยันต์เคลื่อนย้ายหนีไปด้วยอาการาเ็สาหัส ส่วนจั่วเหลิ่งเทียนถูกทำลายตบะ
อย่างไรก็ตามทุกคนไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วผู้ชนะจะเป็เย่เฟิง ชิงเซียง และหลันเซียง อีกอย่างยังได้รับชัยชนะกันทุกคน แต่ผู้ที่นำชัยชนะมาให้ก็ย่อมเป็เย่เฟิง หากเย่เฟิงไม่ได้พลิกสถานการณ์ ด้วยพลังของชิงเซียงและหลันเซียง เกรงว่าไม่มีทางจัดการมู่หรงเฟิงกับจั่วเหลิ่งเทียนได้
“คุณชายเย่ ฝีมือร้ายกาจมาก!” หลันเซียงกล่าวชื่นชมเย่เฟิง ก่อนหน้านี้นางมีลางสังหรณ์ว่าเย่เฟิงไม่ใช่คนธรรมดา แต่ไม่คิดว่าลางสังหรณ์ของนางจะแม่นยำถึงเพียงนี้
“ไม่หรอก ก็แค่จัดการพวกไม่ได้เื่เท่านั้นเอง” เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้มจาง ๆ จากนั้นเขาหันไปมองเหยาซินเอ๋อร์ที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วเดินไปหา เมื่อเหยาซินเอ๋อร์เห็นเย่เฟิงเดินมาทางนางก็ต้องตัวสั่นอีกครั้ง พร้อมเผยสีหน้าหวาดกลัว “คุณชายอย่าฆ่าข้าเลย ให้ข้าทำอะไรก็ได้ ขอเพียงคุณชายอย่าฆ่าข้าก็เป็พอ”
เมื่อกล่าวจบ เหยาซินเอ๋อร์หายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะจ้องมองเย่เฟิง จำต้องบอกว่าเหยาซินเอ๋อร์เป็คนที่สวยมาก มีเสน่ห์ที่ชายใดก็ยากที่จะต้านทานได้ แต่เย่เฟิงกลับไม่หวั่นไหว ในทางกลับกัน เขารู้สึกรังเกียจเหยาซินเอ๋อร์ จึงอดเผยสีหน้ารังเกียจไม่ได้ “ข้าชิงชังเ้า พาศิษย์พี่เ้าออกไปซะ!”
เหยาซินเอ๋อร์เห็นเย่เฟิงเมินความสวยของตนก็ต้องตัวสั่นระริก นางรู้สึกพ่ายแพ้ราบคาบ นางกัดฟันกรอดพร้อมเหลือบมองเย่เฟิงด้วยสายตาล้ำลึก จากนั้นเดินไปหาจั่วเหลิ่งเทียนและประคองอีกฝ่ายขึ้น ก่อนจะเดินออกจากถ้ำไป
“เย่เฟิง ข้า...” หลังจากเหยาซินเอ๋ร์และจั่วเหลิ่งเทียนออกไป เมิ่งยวี่ฉิงก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และรู้สึกว่าตัวเองเป็ส่วนเกินของที่นี่ แต่ในมิติก้นบึ้งทะเลสาบมีอันตรายรอบด้าน นางไม่อยากไปไหนมาไหนคนเดียว จึงอยากขอร้องเย่เฟิงให้นางร่วมเดินทางไปด้วยอีกคน แต่นางยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเย่เฟิงตัดบทเสียก่อน
“เ้าไปเถอะ ข้าไม่อยากทำให้เ้าลำบาก” ถ้อยคำของเย่เฟิงไร้ความรู้สึกใด ๆ กระทั่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า ไม่ว่าอย่างไรเขาก็รู้จักเมิ่งยวี่ฉิง และอีกฝ่ายก็ไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายเขา ดังนั้นแม้เย่เฟิงจะมีความประทับใจต่อหญิงผู้นี้ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็ไม่คิดจะทำร้ายอีกฝ่าย
เมิ่งยวี่ฉิงได้ยินเช่นนั้นกลับรู้สึกไม่สบายใจ นางรับรู้ได้ถึงความชิงชังที่เย่เฟิงมีต่อนาง รู้ว่าความปรารถนาของนางจะไม่มีทางเป็จริง จึงกล่าวกับเย่เฟิงว่า “เช่นนั้นเ้าก็ดูแลตัวเองด้วย”
เมื่อกล่าวจบ เมิ่งยวี่ฉิงก็ออกไปจากถ้ำแห่งนี้
หลังจากเมิ่งยวี่ฉิงออกไป เย่เฟิงก็ไปเก็บหญ้าพันิญญาสามต้นนั้น จากนั้นแบ่งสองต้นให้ชิงเซียงและหลันเซียง ส่วนอีกต้นก็เก็บไว้ให้ตัวเอง แต่จากนั้นเขาเก็บแหวนมิติของศิษย์สำนักหลิงไถทั้งสิบคนนั้นแล้วนำของที่อยู่ในนั้นออกมา ก่อนจะแบ่งของให้ครบทั้งสามคนเท่า ๆ กัน
นิสัยที่ไม่เห็นแก่ตัวของเย่เฟิงทำให้ชิงเซียงและหลันซียงรู้สึกดี คนเหล่านี้้าฆ่าเย่เฟิง เห็นได้ชัดจากสิ่งที่เย่เฟิงแบ่งปันให้พวกนางทั้งสองว่าเย่เฟิงใจกว้างมากเพียงใด อีกอย่างตะขาบั์ที่เป็ปีศาจพิภพขั้นเจ็ดก็ถือว่าเป็ของล้ำค่า สุดท้ายแล้วเย่เฟิงก็เก็บเยาตานของมันมา ส่วนวัตถุดิบอื่น ๆ ก็แบ่งให้ชิงเซียงและหลันเซียง
อย่างไรก็ตามมีประมาณพันคนที่เข้ามายังมิติก้นบึ้งทะเลสาบ นอกจากพื้นที่ที่เย่เฟิงอยู่ กระทั่งที่อื่น ๆ ก็มีการต่อสู้เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ยิ่งกว่านั้นคนเหล่านี้มาจากกองกำลังที่แตกต่างกัน และในมิติที่รกร้างไร้ซึ่งผู้คนเช่นนี้ ความขัดแย้งอาจนำไปสู่การต่อสู้ได้ทุกเมื่อ
หลายวันผ่านไป ศึกต่อสู้ยังคงดำเนินอย่างไม่มีหยุดยั้ง ผู้ฝึกยุทธ์หลายคนต้องตายเพราะต่อสู้กัน แต่ก็มีคนบางส่วนตกตายในวิกฤตอันตรายของมิติแห่งนี้ จากพันคนที่เข้ามายังมิติแห่งนี้ พอเวลาผ่านไปก็หลงเหลือเพียงสองในสามส่วน เรียกได้ว่าค่อนข้างโหดร้ายเลยทีเดียว
วันนี้ เย่เฟิง ชิงเซียง และหลันเซียงออกจากเขตูเานั้นได้ในที่สุด แต่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้คือชุมชนแห่งหนึ่งที่มีอาคารก่อสร้างตระการตา ที่แห่งนี้กว้างใหญ่ เทียบเท่าเมืองขนาดกลางที่มีประชากรนับล้าน ทั้งยังถูกห้อมล้อมไปด้วยูเาราวกับแดนสุขาวดีในที่รกร้าง เพียงแต่ชุมชนแห่งนี้ว่างเปล่า และมีวัชพืชขึ้นเต็มไปหมด
“ที่นี่น่าจะมีคนเคยอาศัยอยู่” ชิงเซียงกล่าวขณะมองชุมชนที่อยู่ข้างหน้า
“การจะสร้างชุมชนใหญ่ในมิตินี้ได้ ผู้เป็เ้าของจะต้องไม่ใช่คนธรรมดา” หลันเซียงกล่าวด้วยความประหลาดใจ
