แต่เธอหงอยไม่ถึงนาที ก็เงยหน้าขึ้นมาพูดอย่างมีชีวิตชีวา “พี่ลู่ ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะจีบพี่!”
ลู่ฉี่เสียนมองเธอด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเอ่ยเตือนว่า “เราไม่เหมาะสมกัน”
“ทำไมถึงไม่เหมาะสมล่ะคะ? พี่ยังไม่ได้แต่งงาน ฉันก็ยังไม่ได้แต่งงาน”
“ฉันอายุมากกว่าเธอเกือบสิบปี”
“ฉันชอบคนอายุมากกว่าค่ะ”
ลู่ฉี่เสียนหัวเราะอย่างจนใจ “งั้นก็ตามใจเธอ ถ้าวันข้างหน้า เกิดเจ็บขึ้นมา ก็อย่าร้องไห้ล่ะ”
“ค่ะ” สวี่ฮุ่ยพยักหน้า
ขอแค่เทพบุตรยอมให้เธอจีบ ก็ถือว่าเธอประสบความสำเร็จไปหนึ่งขั้นแล้ว
ในเมื่อตั้งใจจะจีบ ก็ต้องแสดงท่าทีที่จะจีบออกมา
สวี่ฮุ่ยคีบผัดกระเพาะหมูที่เธอชอบใส่ชามของลู่ฉี่เสียน “พี่ลู่ ทานกระเพาะหมูเยอะ ๆ นะคะ”
“กระเพาะหมูช่วยเสริมพลังชี่ บำรุงกระเพาะอาหาร บำรุงครรภ์ ซ่อมแซมส่วนสึกหรอ…”
พอได้ยินคำว่า ‘บำรุงครรภ์’ ลู่ฉี่เสียนก็มองเด็กสาวตรงหน้าด้วยสายตาแปลก ๆ
สวี่ฮุ่ยชอบกินกระเพาะหมูมาก ถึงแม้จะไม่ค่อยได้กิน และมักจะได้กินนิด ๆ หน่อย ๆแค่่ตรุษจีน แล้วยังต้องโดนกู่ซิ่วบ่นว่าตะกละก็ตาม
สวี่ฮุ่ยสาธยายสรรพคุณอันน่าอัศจรรย์ของกระเพาะหมู รวมถึงเอาไปทำอาหารแล้วยอดเยี่ยมแค่ไหนไม่หยุดปาก เธอแค่อยากให้ลู่ฉี่เสียนได้กินอาหารที่เธอคิดว่าอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการเยอะ ๆ
ลู่ฉี่เสียนเงยหน้ามองเด็กสาวเป็ระยะๆ
เด็กสาวนั่งหลงใหลได้ปลื้มอยู่คนเดียว ใบหน้าท่าทางเปี่ยมสุขราวกับวีรบุรุษที่กำลังสรรเสริญเฮเลน ระบายความรักและความชื่นชมที่มีต่อกระเพาะหมู ประหนึ่งว่ามันเป็อาหารชั้นเลิศจาก์
“พี่ว่าเป็ยังไงคะ? อร่อยไหม?” สวี่ฮุ่ยเห็นลู่ฉี่เสียนกินผัดกระเพาะหมูไปหลายคำแล้ว จึงถามด้วยดวงตาเป็ประกาย
ลู่ฉี่เสียนพยักหน้า “ก็ใช้ได้” จากนั้นก็คีบผัดกระเพาะหมูใส่ชามของสวี่ฮุ่ยบ้าง
เขามองออกว่าเด็กสาวชอบกินอาหารจานนี้มาก แต่กลับยอมสละให้เขากิน เธอไม่ได้กินแม้แต่คำเดียว
สวี่ฮุ่ยยิ้มหวาน กำลังจะเอาผัดกระเพาะหมูเข้าปาก ก็ได้ยินลู่ฉี่เสียนพูดว่า “ถึงกระเพาะหมูจะมีประโยชน์ แต่ฉันไม่จำเป็ต้องบำรุงครรภ์นะ”
สวี่ฮุ่ยรู้สึกเขินอายมาก เธอหัวเราะแห้ง ๆ สองที แล้วตักผัดกระเพาะหมูคำใหญ่เข้าปาก
ผัดกระเพาะหมูที่เถ้าแก่ทำอร่อยมาก แต่ใส่พริกมาเยอะเกินไป จนสวี่ฮุ่ยเผ็ดแทบพ่นไฟ
เธอซู้ดปากแล้วเอาฝ่ามือเล็ก ๆ พัดใส่ปาก “เผ็ดจัง พี่ไม่เผ็ดเหรอคะ?”
ลู่ฉี่เสียนมองริมฝีปากเล็ก ๆ ของเธอที่แดงจากความเผ็ด ช่างดูเย้ายวนใจจริง ๆ
เขาส่ายหน้า “ฉันกินเผ็ดได้” พูดจบก็รินชาอุ่น ๆ วางไว้ตรงหน้าเด็กสาว
สวี่ฮุ่ยกล่าวขอบคุณ หยิบชาอุ่นขึ้นมาดื่มรวดเดียวหลายอึก ถึงจะคลายความเผ็ดในปากได้
เธอยิ้มแหย “ฉันชอบกินเผ็ดมาก แต่กินเผ็ดไม่เก่งค่ะ”
ลู่ฉี่เสียนพยักหน้า “พอจะดูออก”
กินข้าวไปได้ครึ่งหนึ่ง ลู่ฉี่เสียนลุกขึ้นยืน หันหลังให้สวี่ฮุ่ย ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรกับเถ้าแก่เนี้ย เถ้าแก่เนี้ยถึงยิ้มแย้มแจ่มใส
ไม่กี่นาทีต่อมา ลู่ฉี่เสียนก็กลับมานั่งกินข้าวต่อ
หลังจากกินข้าวเสร็จ สวี่ฮุ่ยเรียกเถ้าแก่เนี้ยมาคิดเงิน
เถ้าแก่เนี้ยยิ้มตาหยี “แฟนของหนูจ่ายเรียบร้อยแล้วจ้ะ”
สวี่ฮุ่ยถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อกี้ลู่ฉี่เสียนไปหาเถ้าแก่เนี้ยเพื่อจ่ายเงิน
ถึงแม้ผู้ชายที่แย่งจ่ายเงินจะดูเท่มาก แต่ในเมื่อเธอบอกว่าเลี้ยง ก็ไม่มีทางให้เทพบุตรออกเงินเด็ดขาด
สวี่ฮุ่ยหยิบเงินสิบหยวนยัดใส่มือลู่ฉี่เสียน
ลู่ฉี่เสียนก้าวขายาว ๆ เดินออกไป สวี่ฮุ่ยวิ่งตามไปข้างหลัง “พี่ลู่ ตกลงกันแล้วไงคะว่าฉันเลี้ยง จะให้พี่จ่ายได้ยังไง?”
ลู่ฉี่เสียนเดินไปถึงหน้าร้าน ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าควรจะให้เบอร์ติดต่อกับเด็กสาวไว้
เผื่อวันข้างหน้าเด็กสาวมีปัญหาจะได้ติดต่อเขาได้
เขาหันกลับมา กำลังจะขอยืมกระดาษกับปากกาเขียนเบอร์ติดต่อจากร้านค้า สวี่ฮุ่ยก็ชนเข้ากับอกของเขา แล้วรีบผละออกอย่างเขินอาย พลางอ้อนวอนว่า “รับเงินไปเถอะค่ะ”
ลู่ฉี่เสียนจ้องมองเธอสองสามวินาที ก่อนจะรับธนบัตรใบใหญ่ด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นก็ขอยืมปากกาจากเถ้าแก่เนี้ย เขียนเบอร์โทรศัพท์ลงบนธนบัตรแล้วยื่นให้สวี่ฮุ่ย “นี่เบอร์โทรศัพท์บ้านฉัน มีเื่ด่วนก็โทรมาหาฉันได้”
สิ้นเสียงก็พยักหน้า แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
สวี่ฮุ่ยวิ่งตามออกมาจากร้านอาหารเล็ก ๆ แต่ลู่ฉี่เสียนก็ขับรถออกไปแล้ว
เธอก้มมองธนบัตรที่มีเบอร์โทรศัพท์เขียนอยู่ในมือ เก็บใส่กระเป๋าเสื้ออย่างทะนุถนอม แล้วเดินจากไปพร้อมรอยยิ้ม
ลู่ฉี่เสียนมองผ่านกระจกมองหลัง เห็นเด็กสาวเดินแผ่รังสีความสุข ก็อดที่จะยกยิ้มไม่ได้
สวี่ฮุ่ยไม่ได้กลับบ้าน แต่ไปที่บ้านของจูฉีเจี้ยน
จูฉีเจี้ยนกำลังจะโดนตัดสินโทษ ข่าวดีขนาดนี้ต้องไปบอกยายแก่จูสักหน่อย
ยายแก่จูเป็อัมพาตติดเตียง เพื่อความสะดวกในการดูแลยายแก่จูเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินตอนที่จูฉีเจี้ยนไม่อยู่บ้าน ชาวบ้านจะได้เข้ามาในบ้านได้ จูฉีเจี้ยนจึงไม่เคยล็อกประตูตอนที่ไม่อยู่บ้าน
สวี่ฮุ่ยผลักประตูที่แง้มอยู่แล้วเดินเข้าไป
ยายแก่จูนอนอยู่บนเตียงตลอดทั้งวัน แม้ว่าจะลุกเดินไม่ได้ แต่การได้ยินของเธอกลับดีมาก
สวี่ฮุ่ยเพิ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ยายแก่จูก็จำเสียงฝีเท้าของเธอได้แล้ว
ยายแก่จูนอนอยู่บนเตียงแล้วถามว่า “ฮุ่ยฮุ่ยมาเหรอ?”
“หนูเอง” สวี่ฮุ่ยยืนปิดจมูกตอบอย่างเ็าอยู่นอกประตูห้อง
ก่อนหน้านี้ ตอนที่เธอดูแลยายแก่ บ้านไม่มีกลิ่นเหม็นเลยสักนิด
ตอนนี้จูฉีเจี้ยนดูแลยายแก่ด้วยตัวเอง ในบ้านมีกลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปหมด
โดยเฉพาะห้องที่ยายแก่อยู่นั้น กลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วจนไม่อยากจะก้าวเข้าไป
ยายแก่จูพูดอย่างตื่นเต้น “ฮุ่ยฮุ่ย เข้ามาช่วยย่าอึหน่อย ย่าจะราดใส่กางเกงแล้ว”
“แล้วก็เปลี่ยนพวกผ้าปูที่นอนให้ย่าด้วย ไม่ได้เปลี่ยนมาหลายเดือนแล้ว”
“แล้วก็ต้มน้ำร้อนสองหม้อ อาบน้ำให้ย่าหน่อย ย่าไม่ได้อาบน้ำมาหลายเดือนแล้ว”
สวี่ฮุ่ยเห็นยายแก่สั่งเธอเสียคล่องปาก ก็โมโหขึ้นมาทันที
ยายแก่คนนี้นี่ เห็นเธอเป็คนรับใช้ฟรี พูดจาผยองเชียว
เธอพูดด้วยน้ำเสียงเ็า “ย่าราดใส่กางเกงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับหนู?”
“ทำไมหนูต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอน อาบน้ำให้ย่าด้วย?”
“อายุขนาดนี้แล้ว ยังคิดจะกินลูกท้ออีกเหรอ[1]?”
ยายแก่จูโมโหจนแทบะเิ “ถ้าแกไม่รับใช้ย่า ย่าจะไม่ให้เสี่ยวเจี้ยนแต่งงานกับแก!”
“เหอะ พูดเหมือนใครอยากแต่งนักหนา”
“ถ้าแกไม่อยากแต่ง แล้วแกมาทำอะไรที่นี่?”
“หนูจะมาบอกว่าหลานชายสุดที่รักของคุณย่าถูกสวี่เยว่บงการให้วางแผนมาทำร้ายหนู สุดท้ายก็ติดกับดักตัวเองจนโดนตำรวจจับ”
“คาดว่าน่าจะโดนตัดสินจำคุก แถมยังถูกมหาลัยตัดสิทธิ์การจัดสรรงานเพราะมีประวัติอาชญากรรมด้วย”
“หลานชายสุดที่รักของคุณย่ารักสวี่เยว่ ฉะนั้นย่าควรจะให้สวี่เยว่มารับใช้ ไม่ใช่หนู”
“อีกอย่างนะ บ้านของย่าจนขนาดนี้ หลานชายสุดที่รักของย่ายังซื้อกำไลเงินให้เยว่เยว่ยอดรักเป็ของขวัญวันเกิดอีก”
“เขากตัญญูต่อสวี่เยว่มากกว่าย่าอีกนะคะ”
พูดจบเธอก็เดินจากไป
ยายแก่จูร้อนใจ นอนอยู่บนเตียงร้องเรียกไม่หยุด “ฮุ่ยฮุ่ย เด็กดี อย่าไปเลย ขอร้องล่ะ ช่วยย่ารองอึไปทิ้งหน่อย”
“พอเสี่ยวเจี้ยนกลับมา ย่าจะไม่ให้มันคบกับสวี่เยว่เด็ดขาด ย่าจะรับแค่หนูเป็หลานสะใภ้…”
สวี่ฮุ่ยแสยะยิ้มมุมปาก ยายแก่คนนี้ ยังคิดจะใช้คำหวานหลอกลวงเธออีก
แต่น่าเสียดายที่เธอไม่หลงกลอีกต่อไปแล้ว
ตอนบ่ายเลิกงาน หลูเจียิ่กลับบ้านด้วยสีหน้าหม่นหมอง
แม่หลูถามอย่างเป็ห่วง “วันนี้ทำไมลูกไม่มีความสุขอีกแล้ว?”
หลูเจียิ่เล่าเื่ที่สวี่ฮุ่ยโทรหาลู่ฉี่เสียนวันนี้ให้แม่ฟัง
แม่หลูโกรธจนหน้าดำคล้ำ “นางจิ้งจอกก็คือนางจิ้งจอก กล้าตามตื๊ออาเสียนไม่เลิกรา ไร้ยางอายจริง ๆ เลย!”
หลูเจียหงก็โกรธมาก “กล้าแย่งผู้ชายกับพี่สาวฉันเหรอ คอยดูเถอะฉันจะไปอาละวาดที่บ้านให้มันอับอายขายขี้หน้าซะ!”
แต่แม่หลูและหลูเจียิ่ต่างไม่มีใครสนใจคำพูดของเธอ
หลูเจียหงชอบพูดจาโหดร้าย พวกเธอชินแล้ว
[1] คิดจะกินลูกท้อ หมายถึง เพ้อฝัน คิดอะไรที่เป็ไปไม่ได้