หลังจากปล่อยให้เวลาผ่านไปเนิ่นนานซูจิ่นซีก็ตัดสินใจกลับเมืองตี้จิง ไม่ว่าต่อไปนี้จะเกิดเื่อันใดขึ้นนางควรเผชิญหน้ากับมันอย่างกล้าหาญ
เมืองตี้จิงในขณะนี้เป็อย่างที่ซูจิ่นซีคาดการณ์ไว้จริงๆ ทุกคนต่างกำลังรอให้นางกลับไป!
บางคนกำลังรอคอยให้ซูจิ่นซีกลับไปอย่างใจจดจ่อ ทว่าบางคนก็รอดูคำพูดขบขันของนาง
ที่ประตูเจิ้นเป่ย ไม่ได้มีเพียงเยี่ยโยวเหยาเท่านั้นที่รอซูจิ่นซีกลับมายังมีฮ่องเต้ด้วยเช่นกัน
ฮ่องเต้ได้ตั้งลานพระที่นั่งกลางแจ้งที่ประตูเจิ้นเป่ย พร้อมด้วยผู้ติดตามจำนวนมาก
ฮองเฮา ไท่จื่อเยี่ยเซิน ขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊มากมาย
พวกเขาต่างรอคอยให้ซูจิ่นซีกลับมามือเปล่า ไม่สามารถรายงานอันใดได้ เพื่อจะได้ลงโทษนางและจวนโยวอ๋องในที่สาธารณะ
รอบด้านต่างแออัดไปด้วยผู้คนที่มารอชมการแสดงชั้นดี
“พระชายาโยวอ๋องจะมาหรือไม่? ”
“คงไม่ใช่ว่าสืบหาไม่ได้จึงไม่กล้ากลับมาแล้วกระมัง? ”
“ข้ามองว่าที่เป็ไปได้มากที่สุดคือนางไม่กล้ากลับมา นี่มันยามใดแล้ว หากนางจะกลับมาก็คงกลับมาตั้งนานแล้ว”
“ไม่กลับมาก็ดี อย่างไรซูจิ่นซีก็ไม่คู่ควรกับท่านโยวอ๋อง หากนางไม่กลับมา ตำแหน่งพระชายาโยวอ๋องก็สามารถเปลี่ยนให้ผู้อื่นมาแทนได้”
“อ้าว! หากซูจิ่นซีไม่กลับมา พวกเ้าคิดว่าฝ่าาและโยวอ๋องจะยอมเปลี่ยนให้ผู้อื่นเป็พระชายาโยวอ๋องจริงๆหรือ? ”
“นี่ยังต้องพูดอีกหรือ? ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าซูจิ่นซีกับฮั่วอวี้เจียววางเดิมพันกันหรอกหรือ?หากซูจิ่นซีสืบหาตัวฆาตกรที่วางยาฮองเฮาไม่ได้ นางจะต้องเป็ผู้ที่ออกไปจากจวนโยวอ๋องสละฐานะพระชายาโยวอ๋องทิ้งไป”
“เช่นนั้นหลังจากนี้พวกเ้าคิดว่าตำแหน่งพระชายาโยวอ๋องจะเป็ของผู้ใดกันเล่า?จะเป็... ฮั่วอวี้เจียวหรือไม่? ”
“ข้าว่านะ! ฮั่วอวี้เจียวมีโอกาสเป็ไปได้มากที่สุดแล้วแม้ว่าเมื่อเทียบกันในด้านความงาม ฮั่วอวี้เจียวจะยังห่างไกลจากซูจิ่นซีทว่าเมื่อพูดถึงด้านความเหมาะสมของการเป็ภรรยาแล้วฮั่วอวี้เจียวกลับเป็อันดับหนึ่งในยุคสมัยนี้ ผู้คนต่างก็ชื่นชอบและปรารถนาในตัวฮั่วอวี้เจียวเป็อย่างยิ่งจะเทียบอย่างไรฮั่วอวี้เจียวก็แข็งแกร่งกว่าสกุลซูตั้งกี่เท่าต่อกี่เท่า”
“ไม่แน่หรอกกระมัง? ข้าได้ยินมาว่าโยวอ๋องยังมีแม่นางหนานกงสตรีที่ชอบพอกันั้แ่เด็กอีกนะ สองสามวันก่อนนางก็มาหาโยวอ๋องที่เมืองตี้จิงด้วย! ตอนนี้นางก็อยู่ที่เมืองตี้จิง”
“แม่นางหนานกง คู่รักั้แ่วัยเด็ก? โยวอ๋องหรือ?เป็ไปไม่ได้หรอกกระมัง? เดิมทีโยวอ๋องไม่เคยเข้าใกล้สตรีเลยนะ! ”
“ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อ ทว่าดูเหมือนจะเป็เื่จริง ได้ยินมาว่านางเป็คู่หมั้นของโยวอ๋องอีกด้วย! ยิ่งไปกว่านั้นยัง... ”
“พวกเ้าพูดจามั่วซั่วอันใดกัน? ”
ทันใดนั้นลวี่หลีก็โผล่ออกมาจากฝูงชนและพูดอย่างมีน้ำโห
ก่อนหน้านี้ หลังจากเกิดเื่ขึ้นที่อารามของวัดพุทธฝ่า ซูจิ่นซีก็ให้คนพาลวี่หลีกลับมาก่อนส่วนนางก็นำคนไปตามจับผู้ที่ลักพาฮองเฮาตัวปลอมไป
แม้ว่าลวี่หลีจะกลับเมืองตี้จิงมาแล้ว ทว่าหัวใจดวงนี้ของนางก็ยังคงอยู่ที่วัดพุทธฝ่า
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้คุณหนูจะเป็อย่างไรบ้าง ผีดิบติดพิษพวกนั้นร้ายกาจนักเดิมที่คุณหนูก็ไม่เป็วรยุทธ แล้วจะไปเป็คู่ต่อสู้ของพวกมันได้อย่างไร
จนถึงตอนนี้แล้วคุณหนูก็ยังไม่กลับมาคงไม่ใช่ว่าเกิดเื่อันใดขึ้นหรอกนะ
ลวี่หลียิ่งคิดยิ่งกลัว ยิ่งคิดยิ่งกังวล เ้าคนพวกนี้ปากไม่มีหูรูดมีอันใดก็พูดหมด น่ารังเกียจเสียจริง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคตอนท้ายสองสามประโยค ที่ว่าตำแหน่งพระชายาโยวอ๋องจะต้องเปลี่ยนคนอันใดนั่นทั้งยังจะต้องเปลี่ยนเป็ฮั่วอวี้เจียว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเื่คู่หมั้นโยวอ๋องผู้มีทั้งเอกลักษณ์และรูปลักษณ์อันดีงามนั่นอีก
ราวกับเอามีดมาปักลงกลางหัวใจของลวี่หลี คำพูดนี้หากคุณหนูได้ยินเข้า คุณหนูจะเสียใจถึงเพียงใดกัน!
ไม่มีผู้ใดรู้ไปกว่าลวี่หลีว่าในหัวใจดวงน้อยๆของซูจิ่นซีนั้นห่วงใยเยี่ยโยวเหยามากเพียงใด
“โอ้ นี่ไม่ใช่สาวใช้ที่อยู่ข้างกายพระชายาโยวอ๋องหรอกหรือ? ”
“ใช่สิ เป็นาง! ”
“ข้าจำได้ว่าเมื่อเช้าวานนี้ นางและพระชายาโยวอ๋องออกจากจวนโยวอ๋องด้วยกันเพื่อไปที่วัดพุทธฝ่านี่! เหตุใดนางถึงกลับมาแล้ว แต่พระชายาโยวอ๋องยังไม่กลับมา”
“แม่นาง เ้าจะต้องรู้สถานการณ์ของพระชายาโยวอ๋องใช่หรือไม่? เล่าให้ทุกคนฟังหน่อยสิตอนนี้สถานการณ์ของพระชายาโยวอ๋องเป็อย่างไรกันแน่? แม้ว่านางจะทำงานตามที่ได้รับมอบหมายจากฮ่องเต้ไม่สำเร็จหรือนางจะแพ้ให้กับฮั่วอวี้เจียวก็ไม่เป็ไรหรอก ทว่าพวกเราล้วนวางทุนที่หามาได้อย่างยากลำบากให้กับบ่อนพนันไปหมดแล้ว!”
“ใช่! เล่าให้ทุกคนฟังหน่อยเถิด! ”
“เล่าหน่อยเถิด! ”
ทุกคนเข้ามาล้อมตัวลวี่หลีอย่างรวดเร็ว บังคับให้นางพูดถึงสถานการณ์ของซูจิ่นซี
แม้แต่ลวี่หลีเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซูจิ่นซีกำลังทำอันใดอยู่กันแน่ยิ่งไปกว่านั้น แม้นางจะรู้ นางก็ไม่สามารถทรยศซูจิ่นซีด้วยการบอกคนเหล่านี้ได้
“นี่จะต้องบอกอีกหรือ? ” ฉิงสั่วสาวใช้ข้างกายของฮั่วอวี้เจียวปรากฏตัวในฝูงชนด้วยท่าทางของผู้มีชัยและกล่าวว่า “พระชายาโยวอ๋องเป็คนขี้ขลาดตาขาว ก่อนหน้านี้นางอาศัยพึ่งพาโยวอ๋องเพื่อช่วยเหลือนางกล่าวภาคภูมิใจในตนเองต่อหน้าผู้อื่น ทว่าครั้งนี้แม้แต่โยวอ๋องก็ไม่สนใจนาง นางพ่ายแพ้แล้วทว่านางไม่มีความกล้าที่จะกลับมายอมรับ”
ใบหน้าและร่างกายของฉิงสั่วยังคงมีร่องรอยฟกช้ำจากการถูกผู้คนรุมทุบตีเมื่อวานทว่านางยังคงมีความภาคภูมิใจและเย่อหยิ่งถึงเพียงนี้ นางตราหน้าว่าซูจิ่นซีเป็คนขี้ขลาดอย่างชัดเจน
“เ้า... เ้าพูดจามั่วซั่ว! ”
ดวงตาเล็กๆ ของลวี่หลีจ้องจิกไปยังฉิงสั่ว
“ข้าพูดจามั่วซั่วอันใด? ” ฉิงสั่วยิ้มอย่างเ็า “เช่นนั้นเ้าก็พูดสิว่าคุณหนูของเ้าไปไหนเสียแล้ว? คดีสืบได้ถึงไหนแล้ว?ตอนนี้นางอยู่ที่ใด? จะกลับมาเมื่อไร? ”
“ข้า... ข้า... ”
คำถามเหล่านี้ของฉิงสั่วนั้น ลวี่หลีล้วนไม่รู้อันใดเลย ดวงตาของนางแดงก่ำเล็กน้อยกล่าวเพียงคำว่า “ข้า” ไม่กี่คำและไม่พูดจาอันใดอีกเลย
“พูดไม่ออกกระมัง? หึๆข้าว่าแม้แต่ตัวเ้าเองก็ยังไม่รู้ ที่จริงข้าเห็นใจเ้านะ คุณหนูของเ้าทิ้งเ้าและหนีไปแล้วคาดไม่ถึงว่าเ้าจะยังยืนอยู่ตรงนี้เพื่อพูดแทนนางช่างเป็สุนัขที่ซื่อสัตย์เสียจริง! ”
ฉิงสั่วจงใจเน้นน้ำหนักที่คำว่า ‘สุนัข’ ปากกล่าวว่าเห็นอกเห็นใจ ทว่าสายตาแข็งกร้าวของนางไม่ได้หมายความว่าเห็นอกเห็นใจแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นลวี่หลีที่เป็กังวล ไม่รู้ว่าเอาความกล้าหาญมาจากที่ใด นางกล่าวตอบกลับด้วยดวงตาแดงก่ำว่า “ไม่ใช่ว่าเ้าก็เป็สุนัขเหมือนอย่างข้าหรอกหรือ? ”
ใบหน้าของฉิงสั่วเปลี่ยนไป
ลวี่หลีกัดฟันพูดอย่างต่อเนื่อง “เพียงแต่เ้าแตกต่างจากข้าข้าเป็สุนัขในจวนโยวอ๋อง ฐานะล้วนสูงส่งกว่าเ้า”
ทันใดนั้นในหมู่ฝูงชนก็มีคนหัวเราะขึ้นมา
คำพูดของลวี่หลีเป็ความจริง ผู้คนเ่าั้ที่หัวเราะจึงมองไปทางฉิงสั่วด้วยท่าทีสนุกสนาน
แก้มของฉิงสั่วแดงขึ้นเล็กน้อย
ทันใดนั้นลวี่หลีก็เห็นฮั่วอวี้เจียวจากระยะไกล นางนึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้จึงะโว่า “คุณหนูฮั่ว ไม่ว่าผู้อื่นจะพูดอันใด ข้าน้อยก็เชื่อมั่นในตัวคุณหนูของข้าน้อยคุณหนูจะต้องอธิบายให้ทุกคนฟังอย่างแน่นอน นอกจากนี้คุณหนูจะไม่ยอมแพ้ให้กับท่านแน่ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใด ทว่าเพื่อฐานะของนางที่ด้านหลังได้เพิ่มคำว่า ‘โยวอ๋อง’ สองคำนี้ขึ้นมา นั่นก็คือพระชายาโยวอ๋องในใจของคุณหนูมีท่านอ๋องอยู่ อย่างไรคุณหนูก็ไม่ทำให้ท่านอ๋องเสียหน้าอย่างแน่นอน”
หลังจากที่ลวี่หลีพูดคำเหล่านี้จบภายในลมหายใจเดียว นางก็รู้สึกว่าหัวใจกำลังจะะโออกจากอก
ในฐานะสาวใช้ที่เติบโตขึ้นถึงเพียงนี้นางไม่เคยพูดอย่างมั่นใจเช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่มีความกล้าพอที่จะท้าทายคุณหนูท่านใดเลย
เหตุใดนางถึงกล้าพูดสิ่งเหล่านี้ แม้แต่ตัวนางเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ฮั่วอวี้เจียวตกตะลึงกับคำว่า ‘ฐานะ’ ‘โยวอ๋อง’ และ ‘พระชายาโยวอ๋อง’ คำพูดเหล่านี้ราวกับค้อนหนักที่กระทบหัวใจของนางอย่างไรอย่างนั้นทำให้นางหายใจไม่ออกเล็กน้อย
ดวงตาของผู้คนที่มองมายังฮั่วอวี้เจียวตามคำพูดของลวี่หลีนั้น ทำให้ฮั่วอวี้เจียวกดดันเป็อย่างยิ่งทว่าฮั่วอวี้เจียวรู้ว่ายังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม เพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้นตราบใดที่ซูจิ่นซีไม่ปรากฏตัว ฮั่วอวี้เจียวก็จะสามารถถอดฐานะ ‘พระชายาโยวอ๋อง’ ของซูจิ่นซีออกไปได้
ตราบใดที่ข้างกายของโยวอ๋องไม่มีสตรีนางอื่นอีก เพียงอดทนต่อสายตาของผู้คนเหล่านี้จะนับเป็อันใด?
แท้จริงแล้วเมื่อครู่นี้ คำพูดของลวี่หลีไม่ได้มีเพียงฮั่วอวี้เจียวและฝูงชนโดยรอบเท่านั้นที่ได้ยินเพราะมันได้แพร่กระจายไปถึงหูของบุคคลสำคัญสองสามท่านอีกด้วย
นั่นก็คือฮ่องเต้ ฮองเฮา เยี่ยเซิน และเยี่ยโยวเหยา ที่ประทับอยู่ ณ ลานพระที่นั่งกลางแจ้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยี่ยโยวเหยาที่มีวรยุทธ เดิมทีก็มีทักษะการได้ยินที่เฉียบคมกว่าผู้อื่นอยู่แล้วยิ่งลวี่หลีกล่าวประโยคที่ว่า ‘ในใจของคุณหนูมีท่านอ๋องอยู่อย่างไรคุณหนูก็ไม่ทำให้ท่านอ๋องเสียหน้าอย่างแน่นอน’ เขาก็ยิ่งได้ยินอย่างชัดเจน
แม้ว่าการแสดงออกบนใบหน้าของเยี่ยโยวเหยาจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงทว่าสายตาของเขาที่มองออกไปนอกประตูเจิ้นเป่ย คาดไม่ถึงว่าข้ามผ่านค่ำคืนอันเงียบงันข้ามผ่านแสงจันทร์สลัว ข้ามผ่านแดนไกล เขามองเห็นคนผู้หนึ่งจริงๆ
ในแววตามีความตกตะลึงแวบผ่านชั่วครู่
“ดูเร็ว! เป็พระชายาโยวอ๋องพระชายาโยวอ๋องกลับมาแล้ว! ”
“เป็พระชายาโยวอ๋องจริงๆ ! ”
“เป็พระชายาโยวอ๋อง! ”
“พระชายาโยวอ๋อง... ”
“พระชายาโยวอ๋อง... ”
“พระชายาโยวอ๋อง... ”