มู่เฟิงเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่าการลอบสังหารในครั้งนี้ ฝ่ายตรงข้ามได้มุ่งเป้ามายังเขา
“เฟิงเอ๋อร์ ไหล่ของเ้าาเ็งั้นหรือ?”
หลังจากเห็นว่าไหล่ของมู่เฟิงเปรอะไปด้วยเืสีแดงฉาน มู่เฉินจึงเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วง
“ข้าถูกลูกศรยิงเข้าที่หัวไหล่ขอรับ ท่านลุงใหญ่ ท่านรู้ที่มาของมือสังหารเหล่านี้หรือไม่?”
มู่เฟิงเอ่ยถาม
มู่เฉินเปิดผ้าปิดหน้าของมือสังหารผู้หนึ่งออก ก่อนพบว่าใบหน้าของอีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยาแเก่า จนไม่สามารถมองออกได้ว่าใบหน้าเดิมเป็อย่างไร เขาส่ายหน้าและกล่าวว่า “คนเหล่านี้ได้รับการฝึกให้เป็หน่วยกล้าตาย ทุกตระกูลที่มีอำนาจล้วนเลี้ยงดูคนประเภทนี้เอาไว้ในมือกันทั้งนั้น ส่วนวรยุทธ์ของมันก็อยู่เพียงระดับจื่อฝู่ คงยากที่จะตรวจสอบที่มาได้”
วรยุทธ์ระดับจื่อฝู่เป็เพียงประตูแรกเริ่มสู่การฝึกยุทธ์ ทั่วทั้งเมืองหลวงมีผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในระดับนี้ดำรงอยู่มากมายนับไม่ถ้วน เห็นได้ชัดว่าการที่ผู้บงการเลือกใช้มือสังหารที่มีวรยุทธ์อยู่ในระดับจื่อฝู่นั้น ก็เพราะอีกฝ่ายได้พิจารณาเื่นี้เอาไว้แล้ว
มู่เฟิงพิจารณามองร่างของมือสังหารและดาบที่อีกฝ่ายใช้ รวมถึงลองค้นบนตัวของอีกฝ่ายแล้ว เขาไม่พบสิ่งใดที่สามารถระบุตัวตนได้เลย
‘แม้จะยังไม่รู้ว่าผู้ใดเป็คนส่งมา แต่ในเมืองหลวงนั้นมีเพียงไม่กี่คนที่้าสังหารข้า’
มู่เฟิงขบคิดกับตัวเอง ความจริงเขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าเป็ใครที่้าเอาชีวิตเขา
ในขณะเดียวกันนั้นได้มีกลุ่มทหารเข้ามาเก็บร่างของศพ
“เฟิงเอ๋อร์ เ้ากลับไปรักษาาแก่อนเถอะ ส่วนเื่ในวันนี้เ้าไม่ต้องเอาไปใส่ใจมากนัก”
มู่เฉินมองไปทางมู่เฟิงที่ยังคงนิ่งเงียบ พลางถอนหายใจออกมา
“วางใจเถอะขอรับท่านลุงใหญ่ ข้าไม่เป็อะไร”
มู่เฟิงยิ้มบาง ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ท่านลุงใหญ่ ศพเมื่อครู่ท่านลุงสามารถขอมาให้ข้าได้หรือไม่ขอรับ ข้า้าใช้ประโยชน์บางอย่างจากมัน”
“ได้ อีกเดี๋ยวข้าจะให้คนส่งร่างของศพนั่นไปให้เ้า”
มู่เฉินพยักหน้า เขาคิดว่ามู่เฟิงคง้าตรวจสอบข้อเท็จจริงจากร่างของศพนี้
“ทหาร คุ้มกันคุณชายเฟิงและคนอื่นๆ กลับจวน”
“ขอรับ”
มู่เฟิงและคนอื่นๆ ถูกคุ้มกันและส่งกลับจวน ในระหว่างทางยังมีหลายคนพูดถึงเหตุการณ์ลอบสังหารที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ คนฉลาดล้วนมองออกได้ไม่ยากว่าเป้าหมายของการลอบสังหารในครั้งนี้คือมู่เฟิง
มู่เฉินชำเลืองมองไปทางจ้าวเหิงที่ยังอยู่บนแท่นหินที่ใช้สำหรับคัดเลือกศิษย์ ดวงตาของเขาวาวโรจน์และมีจิตสังหารแฝงอยู่ภายใน
“จ้าวเหิง ข้าหวังว่าอีกสองปีหลังจากนี้เ้าจะไม่ปรากฏตัวในเมืองหลวงอีก ไม่อย่างนั้นอย่าได้หาว่าข้าใจร้าย...”
แน่นอนว่ามู่เฉินทราบเื่การเดิมพันระหว่างมู่เฟิงและจ้าวเหิงแล้ว สำหรับมู่เฉิน มู่เฟิงเปรียบเสมือนบุตรชายอีกคนของเขา ดังนั้นการได้เห็นอีกฝ่ายรังแกหลานชายของตัวเอง ทำให้เขาแทบอยากจะกระโจนไปสังหารจ้าวเหิงเสียตอนนี้เลย
“ดูเหมือนว่าจะมีบางคนทนรอแทบไม่ไหวคิดที่จะโจมตีตระกูลมู่ของข้า เช่นนั้นข้าก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโต้ตอบ...”
มู่เฉินกล่าวเพียงเท่านั้น เขาสะบัดแขนเสื้อหมุนตัวจากไปทันที
้าอาคารสูงแห่งหนึ่ง เวลานี้ใบหน้าของหนานหาวเ็าลงเล็กน้อย
“นี่หรือที่เ้าบอกว่าไร้ข้อผิดพลาด?”
“เอ่อ…”
ต้วนเชียนโหมวถึงกับอับจนคำพูด เขาไม่คาดคิดว่ามู่เฟิงที่ถูกทำลายวรยุทธ์จนกลายเป็คนไร้ประโยชน์จะมีััที่ว่องไวเช่นนี้ ทั้งยังสามารถเอาตัวรอดได้จนกระทั่งมู่เฉินปรากฏตัว
“ฮึ่ม วันนี้เก็บกวาดพวกคนหน่วยสิบให้เรียบร้อยเสีย กระทั่งสวะคนหนึ่งยังจัดการไม่ได้ ข้าไม่้าเลี้ยงดูพวกไร้ประโยชน์”
หนานหาวสะบัดแขนเสื้ออย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหมุนตัวจากไปทันที
ต้วนเชียนโหมวลอบปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก ก่อนจะรีบติดตามอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากมู่เฟิงกลับมาถึงจวนตระกูลมู่ หมอยาก็ได้ทำแผลให้เขาทันที บางทีอาจเป็เพราะมือสังหารเ่าั้อวดดีเกินไป บนลูกศรจึงไม่มีพิษผสมอยู่
เมื่อมู่เฟิงกลับมาพักยังเรือนตานซินได้เพียงไม่นาน ผู้คุ้มกันสองนายก็หามศพที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาวเข้ามาวางยังเรือนตานซิน เมื่อผู้คุ้มกันทั้งสองออกไปแล้ว เด็กหนุ่มก็เดินไปปิดล็อกประตูเรือนเอาไว้ทันที จากนั้นเขาได้กลับมานั่งขัดสมาธิลงข้างศพ
แน่นอนว่าการที่เขาขอร่างศพนี้กลับมา ทั้งหมดก็เพื่อใช้พลังจากเืของอีกฝ่ายฝึกฝนเคล็ดวิชาชูร่าแห่งา ฟื้นฟูเส้นลมปราณให้คืนกลับมาดังเดิม
การลอบสังหารและการโดนดูถูกเหยียดหยามในวันนี้ ทำให้มู่เฟิงสามารถตระหนักถึงสถานการณ์วิกฤตที่เขากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ได้มากขึ้น
ณ เวลานี้ทั้งตัวเขาและคนตระกูลมู่ทั้งหมดกำลังอยู่ท่ามกลางพายุ มีเพียงพละกำลังที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะทำให้เขาสามารถปกป้องตัวเองได้
มู่เฟิงดำเนินการทุกอย่างตามเคล็ดวิชาชูร่าแห่งา มือทั้งสองข้างวางบนร่างไร้ิญญา พลังบางอย่างที่ไร้รูปลักษณ์ได้ไหลเข้าสู่ร่างของศพในทันที ฉับพลันนั้นเืที่อยู่ภายในก็พลันเดือดพล่าน ก่อนที่มันจะถูกเผาไหม้จนระเหยขึ้นเป็ไอสีโลหิตและไหลซึมผ่านฝ่ามือเข้าสู่ร่างของมู่เฟิง
พลังของเืได้ไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณที่ถูกทำลาย จากนั้นเส้นลมปราณจึงค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาทีละน้อย จนคืนสภาพสมบูรณ์ได้สำเร็จ
นอกจากนี้ภายในจุดตันเถียนของร่างไร้ิญญานั้นยังมีหยดเืสีทองอีกจำนวนหกหยด
นี่คือแก่นโลหิต!
จากแก่นโลหิตจำนวนหกหยดแล้ว สามารถบ่งบอกได้ว่าก่อนที่มือสังหารผู้นี้จะเสียชีวิต วรยุทธ์ของเขาคงยู่ในระดับจื่อฝู่ขั้นหก และเกรงว่าคงอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นหกแล้ว กระทั่งอาจจะกำลังก้าวขึ้นสู่ขั้นเจ็ดก็เป็ได้
แก่นโลหิตนั้นมีพลังมากกว่าเืธรรมดาทั่วไปมากนัก มู่เฟิงลงมือแผดเผาหยดเืทั้งหกหยด ก่อนจะดูดซับพลังของโลหิตให้ไหลซึมเข้าสู่ร่างกาย
เส้นลมปราณในจุดที่สี่ของเขาได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนน่าใ จากหนึ่งในสามในคราแรก มาตอนนี้เส้นลมปราณของเขาฟื้นฟูขึ้นมาเกือบจะถึงครึ่งทางแล้ว!
เพียงไม่นานเส้นลมปราณในจุดที่สี่ก็ฟื้นตัวขึ้นมาเต็มที่
ทว่าพลังจากหยดเืทั้งหกยังไม่ได้หมดลงเพียงเท่านี้ จากนั้นเส้นลมปราณในจุดที่ห้าได้เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หลังได้รับการฟื้นฟูมันกลับมามีสีแดงเือีกครั้ง ทั้งยังเหมือนว่าจะแข็งแกร่งและขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
สองชั่วโมงต่อมา มู่เฟิงได้พ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด ก่อนที่มุมปากของเขาจะยกขึ้นเป็รอยยิ้ม
เวลานี้เส้นลมปราณในร่างกายของเขาฟื้นคืนกลับมาถึงหกจุดแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้นภายในเส้นลมปราณทั้งหกจุดของเขายังบรรจุไว้ด้วยพลังปราณบริสุทธิ์สีขาวน้ำนม
สำหรับพลังปราณสีขาวน้ำนมทั้งหมดนี้ หากเมื่อใดที่ก้าวขึ้นสู่ระดับจื่อฝู่ เขาย่อมสามารถเลือกฝึกยุทธ์ที่มีลักษะพิเศษได้ อีกทั้งพลังปราณที่ปลดปล่อยออกมายังร้ายกาจมากอีกด้วย
ผลลัพธ์ของมันช่างคุ้มค่านัก กระทั่งาแบนหัวไหล่ของเขายังได้รับการรักษาจนหายดี
"เคล็ดวิชาชูร่าแห่งาจะทรงพลังเกินไปแล้ว ด้วยความเร็วระดับนี้ หากข้าได้ดูดซับพลังจากเืของผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่อีกสักสองคน เส้นลมปราณทั้งเก้าจุดของข้าย่อมสามารถฟื้นคืนกลับมาเหมือนเดิมได้ทั้งหมดแน่"
มู่เฟิงพึมพำกับตัวเอง แววตาของเขาในตอนนี้เปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง เด็กหนุ่มกำหมัดแน่น พลังปราณในร่างพลันเดือดพล่านขึ้นมา หัวใจของเขาสามารถััถึงพลังอันยิ่งใหญ่นี้ได้อีกครั้ง
แม้เวลานี้วรยุทธ์ของเขาจะอยู่ในระดับทงม่ายขั้นหก แต่ในอดีตเขาเคยข้ามผ่านจุดนี้ไปได้ไกลมากแล้ว เด็กหนุ่มเชื่อมั่นว่าแม้ต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับทงม่ายขั้นแปดหรือกระทั่งขั้นเก้า เขาย่อมสามารถต่อสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างไม่เกรงกลัว
เพียงแต่เคล็ดวิชานี้ดูชั่วร้ายเกินไป ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงไม่กล้าบอกกล่าวเื่นี้กับท่านลุงใหญ่ของเขา ไม่อย่างนั้นหากท่านลุงใหญ่ทราบถึงเื่นี้ เกรงว่าอีกฝ่ายคงเร่งรีบสังหารผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่สองคนและส่งร่างศพมาให้เขาได้ใช้ฝึกฝนโดยตรงเป็แน่
“ท่านพ่อ ท่านโปรดวางใจ ความแค้นของท่าน ลูกต้องทำให้มันได้ชดใช้อย่างสาสม เหล่าพี่น้องกองทัพทหารตระกูลมู่ทั้งสองแสนนายจะต้องไม่ตายเปล่า!”
เมื่อหวนนึกถึงบิดาของตน หัวใจของมู่เฟิงพลันเต็มเปี่ยมด้วยแรงปรารถนาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขา้าล้างแค้น แก้แค้นให้บิดาและเหล่ากองทัพทหารตระกูลมู่ทั้งสองแสนนาย! ความแค้นนี้เป็สิ่งที่เขาไม่อาจปล่อยวางได้แม้เพียงหนึ่งเค่อ*
(*่เวลาสั้นๆ / สิบห้านาที)
มู่เฟิงลากศพอันแห้งเหี่ยวไปยังสวนหลังบ้าน ก่อนจะโยนลงไปในหลุมเพลิงและจุดไฟเพื่อเผาร่างศพนั้นให้มอดไหม้
เปลวไฟส่องกระทบบนใบหน้าที่แสดงออกถึงความแน่วแน่ของเด็กหนุ่ม ั์ตาของเขามีร่องรอยสีแดงชาดแวบผ่านชั่วครู่ เขาเลือกที่จะก้าวเข้าสู่เส้นทางที่เต็มไปด้วยกองกระดูก เส้นทางของการสังหาร เส้นทางแห่งการล้างแค้น!
หลังจากเผาศพแล้ว มู่เฟิงก็หยิบดาบของเขาออกมาฝึกฝนต่อที่สวนหลังบ้าน กระบวนท่าต่อสู้แบบทหารมากมายที่เขาเคยเรียนรู้มาได้ถูกแสดงออกมาอย่างต่อเนื่อง
ร่างของเด็กหนุ่มว่องไวราวกับเสือชีตาห์ ดาบของเขาปราดเปรียวดุจวายุคลั่ง ปลุกปั่นใบไม้ที่เหี่ยวเฉาและร่วงหล่นบนลานให้หมุนวนเป็เกลียวคลื่น
เขาไม่กล้าผ่อนปรนแม้แต่น้อย เส้นทางของผู้แข็งแกร่งขึ้นอยู่กับความสามารถสามส่วน ขึ้นอยู่กับโอกาสสามส่วน และขึ้นอยู่กับความพยายามอย่างหนักอีกสี่ส่วน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้