-คืนวันเทศกาลหยวนเซียว (เทศกาลโคมไฟ) -
แสงไฟสว่างที่ประดับประดาไปด้วยโคมไฟหลากสี บ้างก็แขวนไว้ตามกิ่งไม้ หรือชายคา ร้านค้าต่าง ๆ มากมายครึกคักกว่าทุกครั้งผู้คนเบียดเสียดส่งเสียงปะปนไปกับดนตรีการแสดง
“พระสนมสวมอาภรสีแดงแล้วสวยยิ่งนักเพค่ะ” นางกำนัลนางหนึ่งเอ๋ยชมขณะที่กำลังจัดแจงกับชุดบนกายนางอย่างพิถีพิถัน เทศกาลหยวนเซียวเป็เทศกาลสำคัญเหมือนเป็วันปีใหม่ของจีนที่มีมาช้านาน หลิวเซียงเอ๋อร์รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก
“พระสนมเสร็จแล้วหรือไม่” เสียงของเหลียนมามาที่ดังมาแต่ไกลจนเหล่ากำนัลเริ่มมือไม้สั่นด้วยความกลัว ร่างอวบอ้วนค่อย ๆ เปิดประตูห้องหอก่อนจะเดินมาย่อกายคารวะนาง
“ถวายพระพรสนมหลิว ยามนี้ฮ่องเต้ทรงพร้อมแล้วหม่อมชั้นได้จัดเกี้ยวร่วมขบวนให้พระองค์ร่วมกับสนมจูแล้วเพค่ะ” หลิวเซียงเอ๋อร์พยักหน้ารับพร้อมกับยกมือห้ามเหล่ากำนัลให้หยุดแต่งตัวให้นาง
ขบวนเกี้ยวของฮ่องเต้และฮ่องเฮาพร้อมด้วยเหล่าองค์หญิงองค์ชาย และสนมได้เคลื่อนออกไปยังคฤหาสน์กลางลานพลับพลาที่ถูกจัดเตรียมไว้ยามที่มีการจัดเทศกาลสำคัญ หรือไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เหล่าชาวบ้านได้เห็นก็คุกเข่าลงต่างกู่ร้องแสดงความเคารพ
“ทรงพระเจริญเพค่ะฝ่าา”
“ทรงพระเจริญพะย่ะค่ะฝ่าา”
เสียงตลอดสองฝากทางทำให้หลิวเซียงเอ๋อร์อดที่จะแย้มหน้าออกไปมองนอกเกี้ยว หากแต่มีสายตาหนึ่งจ้องมองนางจนต้องรีบดึงตัวกลับ
“สนมหลิวดูตื่นเต้นไม่น้อยเลย” น้ำเสียงเอ่ยทักพร้อมยกยิ้มมุมริมฝีปากเล็ก จูเหมยฮวามองท่าทางแปลกไปของหลิวเซียงเอ๋อร์ราวกับมิใช้คนเดิม นางมองร่างบางที่คอยชะเง้อรอดมองออกไปนอกเกี้ยว
“เราแค่สงสัยว่าประชาชนของฝ่าานั้นสุขสบายดีกันหรือไม่”
“ท่านดูใส่ใจยิ่งนัก หม่อมชั้นนับถือน้ำใจท่านจริง ๆ ”
“นั่นก็เพราะว่าเป็ประชาชนของฝ่าาก็เปรียบเสมือนประชาชนเรา สนมจูเองก็คงคิดเช่นนั้นใช่หรือไม่” หลิวเซี่ยงเอ๋อร์หาทางหลบเลี่ยง ยามนี้นางคงเผลอตื่นเต้นจนลืมตัวทำให้จูเหมยฮวาได้เห็นท่าทางแปลก ๆ ของนาง
“เพค่ะ..หม่อมชั้นรักฝ่าาเช่นไร ก็รักประชาชนพระองค์เช่นนั้น” จูเหมยฮวากล่าวเปรียบจนหลิวเซียงเอ๋อร์ผินหน้าหนีแล้วแบะปากยักไหล่เล็กน้อย
เพียงไม่นานขบวนเกี้ยวก็หยุดลงเหล่าทหารต่างวิ่งปิดล้อมลานพลับพลาอย่างรู้หน้าที่ ร่างสูงของฮ่องเต้ที่เดินประคองมือขาวซีดฮ่องเฮาเย่ฟาน นางก้าวเท้าลงจากเกี้ยวอย่างช้า ๆ อย่างคนไร้เรี่ยวแรง เหล่าขันทีรีบประคองฉลองพระองค์ที่สยายปีกกว้าง เหล่าองค์หญิงองค์ชายและสนมเยื้องกายออกจากเกี้ยวจัดแจงอาภรณ์ให้ดูเรียบร้อยก่อนจะค่อย ๆ ทยอยเขาไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้า เพื่อร่วมรับประทานสุราอาหารที่ได้ถูกจัดเตรียมไว้พร้อม หลิวเซียงเอ๋อร์ย่อกายนั่งลงบนเบาะนิ่มที่ตามตำแหน่งของนาง เธอสอดส่ายสายตามองรอบ ๆ อย่างแปลกใจในผู้คนเพราะนอกจากตัวละครหลัก ๆ จะมาพร้อมเพียงกันหมดแล้วต่างก็มีตัวละครประกอบอีกหลายคนที่เธอไม่รู้จัก หลิวเซียงเอ๋อร์พยายามมองลักษณะของแต่ละคนเพื่อพิจารณาดูว่าเป็ใครบ้าง โชคดีที่สนมหลิวซูเฟยเป็คนหยิ่งยโสไม่ค่อยพูดคุยกับใครทำให้เธอได้แต่นั่งมองทุกคนพูดคุยกันจนพอจะรู้ชื่อแซ่
“สนมหลิวอาหารไม่ถูกปากท่านหรือ” เสียงกระซิบข้าง ๆ จูเหมยฮวายื่นหน้ามาใกล้นางจนเกือบติด หลิวเซี่ยงเอ๋อร์เอนกายหลบพร้อมส่งยิ้มให้จูเหมยฮวาเล็กน้อย
“เราแค่ไม่ค่อยอยากอาหารนัก” จูเหมยฮวาเหมือนจะรู้พยักหน้ารับก่อนจะยกถ้วยชาชั้นดีขึ้นมาจิบ
เสียงพิณบรรเลงเพลงขับกล่อมองค์หญิงองค์ชายต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนานจนทำให้เธอได้มีเวลาพิจารณาดู เธอจับจ้องมองหญิงสูงศักดิ์ที่นั่งบนบัลลังก์คู่ฮ่องเต้หนุ่ม ใบหน้าขาวซีดร่างกายซูปผอมที่ตอนนี้ถูกชุดปกคลุมแทบมิดร่างบางนั่น หลิวเซียงเอ๋อร์ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดั้แ่ที่เธอมาอยู่ที่นี่ถึงไม่ค่อยได้เห็นฮ่องเฮา ยามนี้นางคลายความสงสัยแล้ว หากแต่แววตาคู่นั้นที่ได้มองมาที่เธอช่างอ่อนโยนนัก
“เ้าเบื่อหรือไม่สนมหลิว” ฮ่องเฮาเย่ฟานเอ่ยถามเพราะเห็นว่าหลิวเซียงเอ๋อร์ได้แต่นั่งเงียบจ้องมองแต่ผู้คนแต่มิเห็นพูดคุยกับผู้ใด
“พ..เพค่ะ..หม่อมชั้นมิเบื่อเพค่ะ” หลิวเซียงเอ๋อร์ใพูดติด ๆ ขัด ๆ ใครจะคิดว่ากำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่ ๆ ฮ่องเฮาจะเอ่ยถามเธอถึงแม้ว่า จะรู้ดีว่านี่คือโลกของนิยาย แต่ฮ่องเฮาก็คือแม่ของแผ่นดินนี้เธอคือผู้ยิ่งใหญ่อีกคนรองจากฮ่องเต้มีหรือที่เธอจะไม่รู้สึกตื่นเต้นยามที่นางเอ่ยทัก แววตายิ้มอย่างอ่อนโยนให้เธอทำให้เธอรู้สึกคลายกังวลผิดกับแววตาคมข้าง ๆ ที่ตอนนี้จ้องมองมาที่เธอราวกับว่าเธอได้ทำสิ่งใดผิดไป
‘นี่ซินะ คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิดแม้แต่เรานั่งอยู่เฉย ๆ ก็ยังคงไม่พอใจ’ หลิวเซียงเอ๋อร์ผินหน้ามองไปทางอื่นแทนราวไม่ใส่ใจว่าฮ่องเต้หนุ่มจะคิดเยี่ยงไร
ตลอดเวลาที่ทุกคนร่วมดื่มฉลองกันกับมีแววตาจำนวนหนึ่งที่ซ่อนเล้นในความมืดจับจ้องมองลงมา เสียงเพลงบรรเลงอย่างสนุกสนานเหล่าทหารต่างยังคงยืนนิ่งราวรูปปั้น เสนาบดีฝ่ายต่าง ๆ ต่างก็พูดคุยกันอย่างลืมตัว จวบจนยามโฉ่ว เสียงกระบี่ปะทะดังก่อนมีเสียงหนึ่งะโ
“คุ้มครองฝ่าา คุ้มครองฮ่องเฮา!!” เสียงะโดังทำให้ผู้คนภายในคฤหาสน์หลังนี้วิ่งวุ่นกันเหล่าสนมต่าง ๆ กรีดร้องอย่างหวาดกลัวกลุ่มทหารที่คอยอารักขารีบวิ่งเข้ามาช่วยเหลือเหล่าองค์หญิงองค์ชาย และสนมฮ่องเต้จนไม่รู้ว่าใครเป็ใคร หลิวเซียงเอ๋อร์ได้แต่หันมองหาหลินเสียงที่ยามนี้นางยืนอยู่จุดใดเธอก็มิอาจทราบได้ กลุ่มชายชุดดำหลายสิบคนต่างโรยตัวลงมาเสียงมีดดาบปะทะดังจนเธอจับทิศทางลำบาก
‘ในเมื่อไม่มีใครช่วยเหลือเราก็คงต้องช่วยเหลือตัวเอง เห็นทีเราคงจะไม่ได้ตายที่ตำหนักเย็นก็คงเป็ที่นี่’ หลิวเซียงเอ๋อร์รีบะโออกจากที่นั่งอย่างเร็วเมื่อมีชายชุดดำคนหนึ่งได้ฟาดดาบลงมาที่กลางโต๊ะนาง หลิวเซียงเอ๋อร์ที่ยามนี้ต้องรีบฟื้นฟูวิชาเทควันโดที่ติดตัวนางมาจากอีกภพหนึ่งในตอนที่นางยังเป็ หลิวหลิว แม้จะเป็เพียงกีฬาที่เธอไม่ได้เอาดีมาก แต่อย่างน้อยครั้งหนึ่งเธอก็เคยเป็ถึงแต่แทนนักกีฬามหาวิทยาลัยไปแข่งจนได้รางวัลมามากมาย แต่ด้วยความที่ครอบครัวอย่างให้รับราชการเธอจึงจำใจทิ้งมาวิ่งไล่สอบ แต่ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้เป็ข้าราชการก็ดันโผล่มาที่นี่เสียก่อน โชคดีที่ร่างกายนี้เธอได้ออกกำลังบ้างมิฉะนั้นเห็นทีเธออาจจะตอบโต้ชายชุดดำไม่ทันเสีย เธอปะทะกับชายชุดดำคนแล้วคนเล่าวิชาที่เรียนมาก็ถูกงัดออกมาหมดไม่ว่าจะเตะถีบ เตะตรง ดับเบิลคลิก เธอก็ล้วนแต่ใช้ได้คล่องกว่าองครักษ์เฉินมาถึงเล่นเอาเธอแทบหมดแรงเหมือนกัน
“พระสนมทางนี้” หลินเสียงที่กำลังเกาะแอบข้างประตูด้านในกวักมือเรียก หลิวเซียงเอ๋อร์เห็นจึงรีบวิ่งไปทางนาง แต่ชายชุดดำกับฟันดาบลงมาที่เธอโชคดีที่องครักษ์เฉินว่องไวกว่าจึงได้ตัดคอชายชุดดำได้ทันหลิวเซียงเอ๋อร์ทรุดตัวลงเธอไม่เคยพบเห็นภาพเช่นนี้มาก่อนขาที่ว่าแข็งแรงเตะถีบได้ยามนี้ดูไร้เรียวแรง ผ่านไปราวเกือบชั่วยามสถานการณ์เริ่มคลายตัวลง สีแดงของเืสาดไปทั่วทิศเหล่าสนมกอดกันตัวกลมแต่เหตุใดจึงมีเพียงตัวเธอที่อยู่นอกวงล้อมข้างกายฮ่องเต้ สองแขนของฮ่องเต้ประคองร่างของฮ่องเฮาอย่างทะนุทนอม ด้านข้างมีสนมจิ้งและสนมจูยืนเคียง แววตาคมยังคงมองเธอไม่ต่างจากเช่นเคย หลิวเซียงเอ๋อร์ได้แต่ดึงแขนเสื้อขององครักษ์ข้างกายอย่างเบาแรง
“เฉินฮั่วพาข้ากลับไปที่เกี้ยวที” ร่างสูงของเฉินฮั่วย่อตัวซ้อนร่างบางไว้ก่อนจะก้าวเดินลงจากคฤหาสน์ที่ตอนนี้คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวของเื องค์หญิงองค์ชายต่างก็ได้พากันแยกย้ายกลับตำหนักตัวเอง เหล่าสนมก็เช่นกัน มีเพียงฮ่องเต้หนานรั่วหานที่ดูเหมือนจะยังคงอยู่เพื่อ้าตรวจสอบกลุ่มชายชุดดำที่ลักลอบเข้ามาในพลับพลานี้ แม้จะมีทหารยืนล้อมมากมาย แต่ก็เลือกจังหวะและเวลาได้ดี โชคดีที่ผู้ที่เสียชีวิตในครั้งนี้เป็เพียงทหารชั้นผู้น้อยที่ยอมสละชีพตนเพื่อปกป้องกษัตริย์เช่นเขา
“จัดพิธีศพของพวกเขาให้อย่างดี และนำเงินส่วนหนึ่งให้แก่ครอบครัวพวกเขาอย่างสมค่าที่ปกป้องเรา” หนานรั่วหานเอ่ยสั่งต้าตูตู1 ให้จัดการดูแลก่อนที่เขาเองจะกลับตำหนักหลงเฉียวกง
1ต้าตูตู : หัวหน้าแม่ทัพภาค
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้