“ภรรยา เ้าอย่าล้อข้าเล่น หากเ้ามิใช่ซย่าจิ่นเซวียนตัวจริง เช่นนั้นเ้าเป็ผู้ใดเล่า” ซ่งจื่อเฉินมิเพียงรู้วิชาแพทย์ เขายังปลอมตัวเป็ด้วย เขาคิดว่าต่อให้ปลอมตัวสมจริงเพียงใด ก็มิมีทางเปลี่ยนเป็อีกคนได้
“สามี ตอนที่ข้าพบท่านคราแรก ข้าก็รู้สึกคุ้นเคยกับท่านยิ่งนัก”
“สายตาที่เ้ามองข้าช่างดูเศร้าสร้อยยิ่งนัก ราวกับกำลังมองผู้ใดที่มิใช่ข้าอยู่” ซ่งจื่อเฉินอยากเข้าไปในหัวใจของจิ่นเซวียน เขาอยากรู้ว่าผู้ใดคือคนในใจของนาง
“ภรรยา ก่อนแต่งงานกับเ้า ข้ามักจะฝันเห็นสตรีหน้าตาคล้ายเ้าบ่อยๆ นางแต่งกายมิเหมือนกับคนยุคนี้ หนสุดท้ายที่ข้าฝันถึงนางคือคืนก่อนแต่งงานของพวกเรา ข้าเห็นนางยืนอยู่ท่ามกลางกองเพลิง ถูกชายแปลกหน้าผู้หนึ่งตีจนหมดสติไป ไฟลุกลามขึ้นฉับพลัน ข้าอยากช่วยนาง แต่ก็ไร้ความสามารถยิ่งนัก”
“สามี เด็กสาวในฝันผู้นั้นคือข้าเอง” จิ่นเซวียนมิอาจระงับความตื่นเต้นในใจได้ ที่แท้นางกับซ่งจื่อเฉินก็รู้จักกันอย่างลับๆ มานานแล้ว
ซ่งจื่อเฉินโอบไหล่ของจิ่นเซวียน ให้นางพิงลงกับแขนของเขา “ภรรยา เมื่อครู่เ้าถามข้าว่าข้าเชื่อเื่กลับชาติมาเกิดหรือไม่ ความจริงแล้วข้าอยากบอกเ้าว่าข้าเชื่อ ตอนที่พบกับเ้าคราแรก ข้ารู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก มิคิดว่าเ้ากับสตรีในฝันของข้าจะหน้าตาราวกับเป็คนๆ เดียวกัน”
“สามี ดูท่าแล้วพวกเราจะมีชะตาต้องกัน ข้ามิใช่ซย่าจิ่นเซวียนตัวจริง พูดให้ถูกคือทั้งใช่และมิใช่นาง”
“ข้าขอบคุณเ้าที่มาอยู่ข้างกายของข้า” เด็กสาวในฝันของเขามีตัวตนอยู่จริงและเวลานี้นางเป็ภรรยาของเขา ซ่งจื่อเฉินรู้สึกว่าตนเองคือชายที่โชคดีที่สุดในโลกหล้า ที่ความฝันของเขากลายเป็เื่จริง
“สามี ท่านบอกว่าข้ามองท่านราวกับกำลังมองผู้อื่นอยู่ ความจริงคนผู้นั้นก็คือท่านในอดีตชาติ ชาติที่แล้ว ฐานะของพวกเราสองคนแตกต่างกันยิ่งนัก พวกเราจึงมิได้อยู่ด้วยกัน เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของท่านอีกหน ข้าใจริงๆ ข้ามิโกหกท่าน คราแรกข้ามองท่านเป็เขาจริงๆ แต่หลังจากที่พวกเราได้รู้จักกัน ข้าพบว่าท่านมิเหมือนเขาเลย”
จิ่นเซวียนมิอยากมีจิตสำนึกของเ้าของร่างเดิม นางเพียงแค่้าเป็ตนเอง และหวังว่าซ่งจื่อเฉินจะยอมรับตัวตนจริงๆ ของนางได้เช่นกัน
“ภรรยา ขอบคุณที่เปิดเผยอดีตของเ้าให้ข้าฟัง หากเ้ายังอยากอยู่กับข้า พวกเราค่อยๆ ทำความรู้จักกันไปเถิด”
อดีตชาติหรือไม่ ซ่งจื่อเฉินมิสนใจ เขาเพียงแค่อยากมีความสุขในชาตินี้ ต่อให้หนทางข้างหน้าจะยากลำบากเพียงใด เขาก็จะมิยอมแพ้
“ข้าพูดเื่นี้กับท่าน เพราะอยากเริ่มต้นกับท่านดีๆ ข้ารู้ ท่านคิดเหมือนกันกับข้า ข้ามิอยากให้ความรู้สึกในชาติก่อนตามหลอกหลอนพวกเราในชาตินี้” จิ่นเซวียนเอื้อมไปประสานมือกับซ่งจื่อเฉิน เมื่อเลือกแล้วนางก็ต้องเดินหน้าต่อไป จนกว่าเขาจะมิ้านางอีก
“ภรรยา เช่นนั้นเื่ท่านอาจารย์ของเ้าเป็เื่จริงหรือไม่” ซ่งจื่อเฉินคิดเหมือนจิ่นเซวียน เขาอยากใช้ชีวิตสงบสุขไปด้วยกันกับนาง
“ข้ามีอาจารย์จริง เพียงแต่ท่านอาจารย์ของข้าเป็เทพเซียน ท่านหลับตาลง ข้าจะพาท่านไปที่ที่หนึ่ง” นางยอมบอกความลับอันยิ่งใหญ่กับเขาเช่นนี้ ต่อไปพวกเราสามีภรรยาถือว่าลงเรือลำเดียวกันแล้ว นางจึงอยากพาเขาเข้าไปในมิติ ฝึกตนด้วยกัน ในสมัยนี้ต้องแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะมิถูกคนรังแก
อีกอย่างต่อให้เขารู้ว่านางมีมิติ เขาก็เอาไปมิได้อยู่ดี
“นี่...” จิ่นเซวียนพาซ่งจื่อเฉินเข้ามาในมิติ เขาตะลึงงัน ทุกอย่างในนี้ราวกับแดน์จนเขาอยากอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต มิขอออกไปข้างนอกอีก
“สามี นี่คืออาวุธวิเศษที่ท่านอาจารย์มอบให้ข้า บนโลกใบนี้มีเพียงข้าที่สามารถเข้ามาในแดน์แห่งนี้ได้ ต่อให้ผู้อื่นโลภมาก อยากจะได้ก็มิอาจ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือถึงข้าตาย แดน์แห่งนี้ก็ยังเป็ของข้าอยู่ดี” ซ่งจื่อเฉินใยิ่งนัก เมื่อเขาได้ยินจิ่นเซวียนพูดเช่นนี้ ภรรยาของเขามิใช่คนธรรมดาจริงๆ มีเทพเซียนเป็อาจารย์นับว่าเป็เกียรติอย่างยิ่ง
“สามี น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าให้ท่านดื่มนั้น ข้าตักมาจากสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะพาท่านเดินชมตำหนักเถาเซียน” จิ่นเซวียนจับมือซ่งจื่อเฉินและใช้วิชาตัวเบาไปที่สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน นางชี้ไปที่สระน้ำก่อนจะเอ่ยกับซ่งจื่อเฉิน “น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ใช้ได้มิมีวันหมด ท่านอาจารย์บอกให้ข้าทำเพื่อสรรพชีวิตในโลกหล้า คาดว่าท่านอาจารย์คงรู้ความเป็มาของพวกเรามานานแล้ว เช่นนั้นเขาจึงให้ข้าบรรลุภารกิจที่แสนยากลำบากไปกับท่าน”
ซ่งจื่อเฉินรู้สึกเหลือเชื่อยิ่งนัก น้ำศักดิ์สิทธิ์หยดเดียวมีมูลค่ามหาศาล ภรรยาตัวน้อยกลับบอกว่าใช้ได้มิมีวันหมด นี่มันฝ่าฝืนกฎ์มิใช่หรือ
“สามี จากนี้พวกเรามาฝึกตนที่นี่ทุกวัน ในวันข้างหน้าพวกเราต้องกลายเป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนแห่งนี้แน่” จิ่นเซวียนขัดความคิดของซ่งจื่อเฉิน ดึงเขาออกจากจินตนาการเพ้อฝัน
“ภรรยา ข้ามีเื่อยากจะพูดกับเ้า” ซ่งจื่อเฉินตัดสินใจบอกภูมิหลังของเขากับจิ่นเซวียน เขาคิดว่าสามีภรรยามิควรมีเื่ปิดบังกัน
“ว่าอย่างไรหรือ?” จิ่นเซวียนถามซ่งจื่อเฉินอย่างสนใจ
“ภรรยา ท่านพ่อของข้าในเวลานี้มิใช่บิดาแท้ๆ ของข้า” ซ่งจื่อเฉินเริ่มจากโยนหินล่อหยก[1]
“มิใช่บิดาแท้ๆ เช่นนั้นท่านคือบุตรของผู้ใดเล่า?” สัญชาตญาณบอกกับจิ่นเซวียนว่าภูมิหลังของสามีของนางจะต้องมิธรรมดาแน่
“ข้าคือบุตรชายของฮ่องเต้เจาและฮองเฮาฮุ่ย อาแท้ๆ ของข้า นามว่าซือถูเฉียนลงมือฆ่าท่านพ่อของข้า เพื่อชิงบัลลังก์” ซ่งจื่อเฉินเล่าเื่ราวชีวิตของเขากับจิ่นเซวียน และเล่าว่าเขามาที่หมู่บ้านสกุลโจวได้อย่างไร หลังจากที่จิ่นเซวียนได้ฟังแล้วนางรู้สึกใยิ่งนัก
“มิน่าเล่าท่านพ่อถึงยกตำแหน่งหัวหน้าตระกูลให้ข้า” จากภูมิหลังของซ่งจื่อเฉิน จิ่นเซวียนก็เข้าใจว่าเพราะเหตุใดซ่งผิงถึงทำเช่นนั้น
“ภรรยา คราแรกข้าคิดว่าจะเล่าให้เ้าฟังคราหลัง แต่เมื่อเ้าบอกความลับของเ้ากับข้าแล้ว หากข้ายังปิดบังเื่นี้ คงผิดต่อเ้า” ซ่งจื่อเฉินจับมือของจิ่นเซวียนด้วยความอ่อนโยนและมองนางด้วยสายตาจริงจัง หากจิ่นเซวียนจะผิดหวังเสียใจ เขามิโทษนาง อย่างไรเสียหนทางแก้แค้นย่อมยากลำบาก
“สามี งานฟื้นฟูต้องได้รับการสนับสนุนทั้งด้านการเงินและกำลังคน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจิตใจของราษฎร พวกเราค่อยๆ เป็ค่อยๆ ไป มิต้องรีบร้อนหรอก” จิ่นเซวียนปวดใจแทนซ่งจื่อเฉินยิ่งนัก เขาเพิ่งเกิดมา บ้านเมืองล่มสลาย ครอบครัวก็แตกแยก ช่างน่าสงสารยิ่งนัก
จากที่นางรู้มาฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ซือถูเฉียนมิใช่กษัตริย์นักปราชญ์ หลังจากที่เขาขึ้นสืบราชบัลลังก์ต่อจากพี่ชาย เขาก็ขี้ระแวงมากขึ้น ภายใต้การปกครองของเขา ขุนนางกังฉินกุมอำนาจ ประชาราษฎร์เดือดร้อน อำนาจสี่ตระกูลใหญ่ ฉู่ อู่ เซี่ยและโหลวเกี่ยวพันกันซับซ้อน ในหมู่ของพวกเขา ตระกูลฉู่ได้รับการหนุนหลังจากฉู่ฮองเฮา ว่ากันว่าผู้ดำรงตำแหน่งฮองเฮาของซือถูเฉียนในเวลานี้ คือน้องสาวอนุของฮองเฮาฮุ่ย นางแต่งเป็ชายาเอกให้ซือถูเฉียนเมื่อหลายปีก่อน เมื่อซือถูเฉียนขึ้นครองบัลลังก์ นางจึงได้อานิสงส์ขึ้นเป็ฮองเฮา
“ภรรยา ข้าในฐานะลูกชาย พ่อแม่แท้ๆ ถูกคนชั่วช้าฆ่าตาย หากนิ่งดูดายคงมิสมควรเป็ลูก ข้าเคยคิดถึงความเป็ไปได้มากมาย หากฮ่องเต้เฉียนเป็กษัตริย์รักชาติ รักประชาชน ข้าคงเลิกแก้แค้น อีกอย่างคือกำลังของข้าเพียงผู้เดียว แก้แค้นยากยิ่งกว่าขึ้น์เสียอีก”
ซ่งจื่อเฉินตระหนักถึงสถานการณ์ของตนเองดี เขาคิดจะเข้าใกล้ศัตรูโดยการเป็ขุนนางในราชสำนัก
“ท่านมิได้ตัวคนเดียว ท่านยังมีข้า” จิ่นเซวียนกระชับมือของซ่งจื่อเฉิน นางอยากบอกกับเขาว่ามิว่าเขาจะเลือกทางใด นางล้วนสนับสนุนทั้งสิ้น
เถาเยาบอกให้นางทำเพื่อสรรพชีวิตในโลกหล้า เถาเยาคงจะรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างนางกับซ่งจื่อเฉินมาั้แ่แรก ซ่งจื่อเฉินคือรัชทายาทของรัชกาลก่อน นางก็คือชายาเอกของรัชทายาท ชะตาชีวิตของนางกับเขาผูกพันกันแ่าไปโดยปริยาย
เชิงอรรถ
[1] โยนหินล่อหยก หมายถึง แสดงความคิดเห็นเพียงเล็กน้อย เพื่อหลอกล่อให้ผู้อื่นแสดงความคิดเห็นอันเฉียบคมออกมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้