“สนุก สนุกจริงๆวันนี้ฉันกลับตัวกลับใจวันสุดท้ายยังจะไม่ยั้งมือให้ฉันหน่อยเหรอ” กัวไฮว่พูดเสียงดัง “พี่เย่าพี่ไปจัดการเื่รถนั่นเถอะ ขอผมคุยกับถูป้าพี่ชายคนเก่าสักหน่อย”
“ให้ตายสิแกแย่งสาวคนอื่นยังจะมีอะไรให้คุยอีก” เจี่ยหยวนหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “แต่ว่าสาวคนนี้ไม่เลว ถ้าเป็ฉันฉันก็แย่ง แย่งใครมานะ ถูป้าเหรอ เ้าสามแกรู้จักเขารึเปล่า” เจี่ยหยวนถามขึ้นเสียงดังอย่างกลัวๆ
“พี่สองผมบอกแล้วไงว่าให้ระวังท่าทีน่ะท่าที ถูป้าผมไม่รู้จักหรอกถ้าหากเขาเป็คนตระกูลถู เขาก็คงมีความเกี่ยวข้องกับถูเป่ยซิงล่ะมั้ง” หวังเซิงดื่มลาฟีตคำหนึ่งก่อนจะพูดยิ้มๆ
“ดื่มเหล้าดื่มเหล้า เ้าสี่เป็คนสร้างเื่ก็ปล่อยให้มันจัดการเองเถอะ” เจี่ยหยวนมองถูป้าแล้วพูดยิ้มๆ ตระกูลถูงั้นเหรอ เราค่อยๆ จัดการกันไป
“กัวไฮว่พวกพี่ๆเคยได้ยินชื่อนายนะ แต่ว่าวันนี้นายแย่งคนของฉันโดยไม่บอกสักนิด อธิบายมาหน่อยสิ” ถูป้าหรี่ตามองเด็กที่อ่อนกว่าตนสิบกว่าปี จากนั้นก็พูดยิ้มๆ ขึ้นว่า “ก็แค่เด็กเมื่อวานซืนจะมาทะเลาะกับฉัน อยากตายรึไง”
เสียง “เพล้ง!” ดังขึ้นกัวไฮว่ทำให้เจี่ยหยวนกับหวังเซิงถึงกับอึ้ง
“ให้ตายสิใหมดเลย พวกแกสามคนช่วยลากเ้าโง่นี่ออกไปหน่อย แกนี่มันโง่จริงๆ เลย” กัวไฮว่ทิ้งเศษขวดเหล้าที่อยู่ในมือทิ้งลงพื้น “เสียดายลาฟีตของฉันขวดนี้จริงๆ”
“เ้าสามตบฉันที ฉันคงไม่ได้ฝันไปหรอกมั้ง” เจี่ยหยวนเบิกตาพูด
“พี่สองพี่ตีผมหน่อย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฝันไปรึเปล่า” หวังเซิงเบิกตาพูด
“เพียะ! เ้าสาม เจ็บไหม” เมื่อหวังเซิงพูดจบมือใหญ่ๆของเจี่ยหยวนก็ตบเข้าที่หน้าของหวังเซิง “เ้าเจี่ยหยวนบ้าแกตบจริงๆ เหรอ” หวังเซิงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะะโเสียงดังแล้วกดเจี่ยหยวนลงกับพื้น
“ก็แกให้ฉันตบตอนนี้แกมาโทษฉันได้ไง” ถ้าพูดถึงเื่แรงต่อสู้หวังเซิงสู้เจี่ยหยวนไม่ได้ เพราะว่ากระดูกคนละเบอร์กัน
“พี่สองพี่สอง หยุดก่อนพวกเราไปดูพี่เย่ากันเถอะว่าจัดการเป็ยังไงแล้วบ้าง” ประมาณห้านาทีลาฟีตที่อยู่บนโต๊ะก็หกเกลื่อนกัวไฮว่มองสองคนที่ตบตีกันอยู่บนพื้นแล้วก็พูดขำๆ
“เ้าสามเมื่อกี้พี่ลงมือหนักไป รีบขึ้นมา พวกเราไปหาพี่เย่ากันเถอะ” เจี่ยหยวนดึงหวังเซิงขึ้นมา
“พี่สองเมื่อกี้ไม่โกรธพี่หรอก ผมปากพล่อยเอง รีบลุกขึ้นมาเถอะ” ทั้งสองคนพูดพลางพยุงกันลุกขึ้น โหยวโยวโยวเบิกตาโพล่งสองคนนี้คือสี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิงในตำนานจริงๆ เหรอเนี่ย ตลกเกินไปแล้ว
“มองอะไรน้องสาวคืนนี้สนุกดีไหม เธอก็เห็นแล้วนี่ว่าน้องสี่ของพวกเราโหดสุดๆพวกเราทั้งสี่คนเป็คนมีการศึกษา พวกเรามาค่อยๆ พูดเื่หัวใจ พูดเื่อนาคตกันได้นะ” หวังเซิงหรี่ตามองโหยวโยวโยวแล้วพูดขึ้น
“อะแฮ่มคุณพี่ทั้งสองคะ ฉันเป็นักเรียน พี่เข้าใจผิดแล้วล่ะ” โหยวโยวโยวหน้าแดงแล้วพูดขึ้น
“นักเรียนแล้วไงที่นี่ทั้งพยาบาล แอร์ พนักงานออฟฟิศหรืออะไรก็ตามแต่พวกพี่เห็นมาหมดแล้วเธอไม่ต้องอธิบายแล้วล่ะ เื่เ้าสี่นั่นเดี๋ยวพวกเราจัดการเอง” เจี่ยหยวนพูดพลางมองโหยวโยวโยว
“พี่สองพี่สอง รีบออกไปเร็ว ผมรู้สึกว่าทางด้านพี่เย่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลนะ” กัวไฮว่เห็นทั้งสองคนแล้วก็รู้สึกเหมือนเห็นหมาป่าสองตัวที่ไม่ได้กินเนื้อมาสองปีจู่ๆ ก็จับแกะน้อยได้อย่างไรอย่างนั้น ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความน่ากลัว น่ารำคาญพี่ๆ ทั้งสองคนน่ารำคาญจริงๆ
“วางใจเถอะถ้าพี่เย่าจัดการไม่ได้ พวกเราก็ไร้ประโยชน์” เจี่ยหยวนพูดเสียงดังโดยไม่มองหน้ากัวไฮว่เลยสักนิด
“ให้ตายเถอะกับผู้หญิงของน้องตัวเองยังกล้าลงมือ ถ้าเป็กฎยุทธภพนะ พี่โดนสามดาบหกรู[1] ไปนานแล้ว แล้วถ้าเป็กฎสมัยราชวงศ์ถังนะ พวกพี่ๆทำแบบนี้ต้องตายไม่รู้กี่รอบแล้ว” กัวไฮว่ทนไม่ไหวจึงะโเสียงดังไป “ผมจะแนะนำให้พี่ๆ รู้จักกันอย่างจริงจังนะเธอชื่อโหยวโยวโยว เป็ผู้หญิงของผม ผู้หญิงของน้องพวกพี่”
“ให้ตายสิเ้าสี่ ตลกเกินไปหน่อยแล้ว นายออกไปแป๊ปเดียวก็พาสาวกลับมาให้พวกเราดูแล้วเหรอ” เจี่ยหยวนชะงักไปแล้วพูดเสียงดัง “ผู้หญิงของแกมันยังเป็เด็กอยู่เลย เ้าสี่ แกกล้าพูดว่าเป็ผู้หญิงของแก ถ้าไม่ใช่ขอให้ไอ้นั่นของแกไม่ขึ้น”
“เจี่ยหยวนหวังเซิง กัวไฮว่ถ้าแกไม่ปรากฏตัวหน้าฉันภายในสิบวินาทีเราก็ไม่ต้องมาเป็พี่น้องกันอีก” ในขณะที่ทุกคนถกเถียงกันอยู่นั่นเอง จู่ๆเสียงของหลี่เย่าก็ดังมาจากนอกอาคาร
“แม่มันเถอะถ้าไม่อยากตายก็ถอยไป” เจี่ยหยวนตะคอกเสียงดัง แล้ววิ่งดิ่งออกไปนอกประตูร้านใต้หล้าอู่เฉิงคนที่อยู่ข้างทางเมื่อเห็นเจี่ยหยวนก็พลันเบิกตาโพล่งคนที่อ้วนขนาดนี้ทำไมถึงวิ่งได้ไวนัก
“พี่เย่าเสียเปรียบเหรอ” เจี่ยหยวน หวังเซิงและกัวไฮว่ทั้งสามคนเห็นกลุ่มคนล้อมหลี่เย่าเอาไว้ ในใจก็ตระหนก เจี่ยหยวนจึงเอ่ยถามขึ้นเสียงเบา
“เสียเปรียบนิดหน่อยพวกเขาบอกว่าจะคุยกับฉันดีๆ ในเมื่อไม่ลงมือก็ปล่อยให้พวกแกจัดการดีกว่าก็เลยเรียกพวกแกมา” หลี่เย่าพูดขึ้นพร้อมมองทั้งสามคนที่รีบวิ่งมา
“เ้าสามเื่นี้ให้แกจัดการหรือให้ฉันจัดการ” เจี่ยหยวนหรี่ตามองหวังเซิงแล้วพูดขึ้น
“พวกพี่เข้าไปดื่มเหล้าเป็เพื่อนพี่ใหญ่เถอะที่นี่เป็ถิ่นผม ผมจัดการเอง” กัวไฮว่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วพูดพร้อมยิ้มให้กับทั้งสามคน
“ก็ดีพวกเราไปดื่มเหล้ากัน เื่นี่ก็ปล่อยให้เ้าสี่จัดการเถอะ” หลี่เย่าชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะโอบเจี่ยหยวนกับหวังเซิงที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างเข้าไปในร้านใต้หล้าอู่เฉิง
“พี่ใหญ่เ้าสี่จะไม่เป็ไรเหรอ เ้าอากุ่ยอะไรนั่น ผมเคยเจอมาแล้ว มันไม่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆนะ” ขณะที่ทั้งสามคนนั่งอยู่ในห้องหวังเซิงก็พูดเสียงค่อย
“พวกแกคิดไหมว่าเ้าสี่เปลี่ยนไปหลังจากรถชนครั้งนี้ เ้าสี่ก็เปลี่ยนไปมาก” หลี่เย่าดื่มเหล้าแล้วพูดยิ้มๆ “จากนี้ไปเมืองอู่เฉิงก็จะเป็ถิ่นของเด็กนี่แล้วล่ะ”
“พี่ใหญ่ผมรู้ว่าคราวนั้นเ้าสี่เคยช่วยชีวิตพี่ไว้ ไม่งั้นเราคงไม่ได้มาสำมะเลเทเมา มีชีวิตอยู่ดีกับหมอนี่หรอกถึงหลายปีมานี้เราจะััได้ว่าเ้าสี่โตขึ้นไม่น้อยแต่ก็ไม่ถึงกับว่าต่อไปเมืองอู่เฉิงจะกลายเป็ของเขาหรอกมั้ง” หวังเซิงชะงักไปครู่แล้วพูดเสียงด้วยค่อย
“เ้าสองเ้าสาม ถ้าพวกแกไปคุยกับพวกมัน พวกแกคิดว่าจะได้มาเท่าไหร่” หลี่เย่าพูดยิ้มๆ
“พี่เย่าแค่รถพี่อย่างเดียวก็ราวๆ สามร้อยล้าน ถึงจะเสียหายไปแต่ในตัวเครื่องยนต์ก็ไม่ได้เป็อะไรมาก ให้พวกเขาชดใช้สักสองร้อยล้านก็ได้” หวังเซิงพูดยิ้มๆ
“สามร้อยล้าน” เจี่ยหยวนไม่ได้อธิบาย พูดขึ้นยิ้มๆ
“รอให้เ้าสี่กลับมาแล้วเราค่อยมาดูกันว่าเ้าสี่คุยออกมาเป็ยังไงกันเถอะฮ่าๆ” หลี่เย่าพูดขึ้นหัวเราะเสียงดัง
“กัวไฮว่รถพี่ใหญ่แกชนรถฉันก่อน แกซ่อมรถให้ฉัน แล้วพวกเราจะซ่อมรถพี่แกให้เป็เหมือนเดิมแกคิดว่าไง” ชายเปลือยท่อนบนสักลายกะโหลกไว้ที่หลังผู้หนึ่งพูดอย่างโอ้อวด “รถจี๊ปนี่ฉันชดใช้ให้แกได้ไม่กี่หมื่นหยวน แต่ 911 ของฉันนี่สิถ้าพวกแกไม่มีห้าแสน ก็ไม่ตกลง” คนที่กำลังพูดอยู่นั้นผู้คนในเมืองอู่เฉิงเรียกกันว่าพี่กุ่ย ถือว่าเป็คนมีหน้ามีตาของที่นี่
“พูดต่อ” กัวไฮว่หาที่สะอาดๆ แล้วนั่งลง
“เท่านี้แหละพวกเราไม่อยากมีเื่กับพวกแก แต่เื่นี้จะจบลงแค่นี้ไม่ได้” พี่กุ่ยพูดขึ้นเสียงดัง
“พันล้านให้พวกเรามาในเวลาสามวัน เตรียมเงินพันล้านมาที่ใต้หล้าอู่เฉิงถึงเวลาแล้วพวกเราจะมาเอาเงิน” กัวไฮว่หรี่ตาพูด
“เด็กน้อยแกเพิ่งรถชนมาไม่ใช่เหรอ โดนชนจนโง่ไปแล้วรึ” พี่กุ่ยพูดขำๆ “ให้หลี่เย่าออกมาเถอะ ถ้าไม่อยากชดใช้เงินก็มีอีกวิธีให้หลี่เย่าไปที่สนามมวยใต้ดินแลกหมัดกันสักยก เื่นี้ก็ถือซะว่าเจ๊ากัน”
“โง่จริงแกคิดว่านี่เป็เื่ตัวเองจริงๆ เหรอ” กัวไฮว่ค่อยๆลุกขึ้นมา “ซ่งอิ๋น สนามมวยมืดนั่นฉันไม่เอาด้วยหรอกแกว่าถ้าตอนนี้ฉันโทรหาโรงพักบอกนายตำรวจไต้ว่าลูกเขาอยู่ในตู้เย็นแกว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือจะให้ฉันบอกซ่งเวยว่าในคอมของแกมีวิดีโอดีๆของแกกับเมียเขาอยู่ แกว่าจะเป็ไง”
“กะ...แกพูดอะไรน่ะฉันไม่รู้เื่” พี่กุ่ยซ่งอิ๋นอึ้งหน้าถอดสีไปพักหนึ่งเื่พวกนี้เขารู้ได้อย่างไร จะปล่อยเด็กนี่ไปไม่ได้
“อย่าคิดฆ่าฉันเลยคราวก่อนฉันยังไม่ตายเลย คราวหลังจะไม่มีโอกาสแบบนี้แล้ว” กัวไฮว่หรี่ตาพูด
[1] เป็วิธีการลงโทษคนของสำนักฝึกยุทธสมัยก่อน