เยวี่ยเจาหรานและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่เข้ามาในอารามชีอีกครั้ง เดินผ่านเรือนด้านหน้าที่เกลื่อนกลาดไปด้วยร่างไร้ชีวิต แล้วมุ่งตรงไปยังเรือนด้านข้างที่สวี่ชิวเยวี่ยอยู่ หน้าประตูของห้องด้านข้างทั้งหมดล้วนเป็ศพของบรรดาบ่าวรับใช้ตระกูลเยี่ยน เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพลิกตรวจสอบดูทีละร่างแล้วจึงแน่ชัดว่าไม่มีใครรอด…
“เป็อะไรไป...?”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่พบว่าเยวี่ยเจาหรานเอาแต่หลบอยู่ข้างหลังไม่กล้าออกมาหันกลับไปถาม แล้วจึงได้ยินเยวี่ยเจาหรานเอ่ยตอบกลับมาด้วยความสั่นสะท้าน “ไม่ ไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน... มันน่ากลัวไปหน่อยจริงๆ ...”
ถึงอย่างไรเขาก็เกิดมาในตระกูลบัณฑิต ทั้งครอบครัวล้วนเป็ขุนนางบุ๋นปัญญาชน จะเคยเห็นฉากที่ซากศพเกลื่อนกลาดทั่วสารทิศเช่นนี้ได้อย่างไร? มุมปากของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วหยักยิ้มขื่นที่ไม่อาจหยั่งความนัย ไม่รู้ว่ากำลังหัวเราะเยาะตนอยู่หรือไม่
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลนักรบมา ตอนแปดขวบก็ตามบิดาไปตรวจสนามฝึกด้วยกันแล้ว พี่ชายของตนนั้นอายุสิบสองปีก็ลงสนามรบแล้ว แม้จะไม่มียศตำแหน่ง แต่เขากลับอาสาเป็ทัพหน้าของบิดา หนึ่งคนฆ่าศัตรูนับสิบ สร้างชื่อโด่งดังในกองทัพมานานแล้ว ส่วนเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแม้จะเป็สตรี แต่ก็กลับเคยเข้าสู่สนามรบอันคาวเนื้อนองเืพร้อมกับบิดาและพี่ชายมาแล้วครั้งหนึ่ง
ต่อมาบิดากลัวว่าทำให้หัวใจของลูกสาวตัวน้อยเกิดาแอันร้ายแรงเกินไป เขาจึงส่งนางไปฝึกตนเรียนวรยุทธ์บนเขา ไม่อย่างนั้นไม่แน่ว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วในตอนนี้ก็คงจะกลายเป็ดอกไม้แห่งกองทัพไปแล้วกระมัง?
“ไม่ต้องกลัว หากว่ากลัวจริงๆ ก็ไปรอข้าข้างหน้าแล้วกัน”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยกมือโยนกระบี่พกของตนไปทางเยวี่ยเจาหราน เยวี่ยเจาหรานรับมาอย่างงกๆ เงิ่นๆ บนใบหน้ายังคงมีความสับสนงุนงง ไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากถาม ก็ได้ยินเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอธิบายขึ้น “พกไว้ติดตัว หากเกิดปัญหาอะไรก็ะโเรียกข้า!”
“เข้า… เข้าใจแล้ว” เยวี่ยเจาหรานอยากจะแสดงความกล้าหาญมาดชายชาตรีออกมาในยามนี้ยิ่งนัก แต่ปัจจัยแวดล้อมไม่อำนวยเลยจริงๆ ประการแรก วรยุทธ์ของตนไม่นับว่าสูงส่ง ประการที่สอง ในการรับมือเื่นี้ เยวี่ยเจาหรานเองยังไม่มีประสบการณ์อะไรเลยจริงๆ ดังนั้นเขาจึงเป็ได้เพียงกระต่ายขาวน้อยตัวหนึ่งที่ถูกเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วปกป้องเท่านั้น
เมื่อมองส่งแผ่นหลังของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเข้าไปในห้องแล้ว เยวี่ยเจาหรานก็กำกระบี่พกที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วโยนมาให้ในมือเอาไว้แน่น ดวงตาสอดส่องรอบตัวไม่หยุด เพื่อจะได้ทำประโยชน์ สามารถเฝ้าระวังต้นทางให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วบ้างไม่มากก็น้อย…
อีกด้านหนึ่ง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนั้นทันทีที่เข้ามาก็เตะโดนศพร่างหนึ่งข้างฝ่าเท้า ที่ทรวงอกถูกอาวุธคมกริบเสียบทะลวง คราบเืที่หน้าอกจับตัวแห้งกรัง เวลาตายอย่างต่ำก็คงผ่านมาสองชั่วยามแล้ว... ไม่มีเวลาได้ครุ่นคิด เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเริ่มตามหาสวี่ชิวเยวี่ยไปทั่วทั้งห้อง
เดิมคิดว่าสวี่ชิวเยวี่ยน่าจะซ่อนตัวอยู่ในซอกมุมใดสักที่ แต่กลับไม่นึกว่าสวี่ชิวเยวี่ยจะนอนราบอยู่บนเตียง บนร่างไร้ซึ่งแพรพรรณใด มีเพียงผืนผ้ายับยู่ยี่กระจัดกระจาย เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วรีบวิ่งเข้าไป แต่กลับพบว่าสวี่ชิวเยวี่ยยังคงลืมตาอยู่…
“ชิวเยวี่ย... ชิวเยวี่ย...!”
มือของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแตะที่ลำคอของสวี่ชิวเยวี่ยเบาๆ ยังมีลมหายใจ! สวี่ชิวเยวี่ยยังไม่ตาย แต่ว่า…
หางตาของนางยังมีน้ำตาเกาะค้างไม่แห้งเหือด ไหลรินลงมาที่ข้างหู อีกทั้งร่วงลงมาอีกไม่ขาดสายในฉับพลัน ผ้าปูเตียงที่รองหนุนศีรษะถูกหยดจนเปียกชื้น ดวงหน้าแดงเห่อ คิดดูแล้วคงจะถูกตบมา…
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วรีบดึงผ้าห่มที่อยู่ข้างๆ มาห่อตัวสวี่ชิวเยวี่ยเอาไว้ ก่อนจะกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน เอ่ยเรียกชื่อของนางอยู่อ่อนโยนไม่หยุด “ชิวเยวี่ย ข้าเองเปี่ยวเกอ ข้ามาช้าไป ขอโทษ... ขอโทษนะชิวเยวี่ย...” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วในยามนี้ได้โยนความพลั้งผิดในอดีตที่ผ่านมาของสวี่ชิวเยวี่ยไว้ข้างหลัง ยามนี้นางเป็เพียงพี่ชาย... หรืออาจเป็พี่สาวของหญิงสาวธรรมคนหนึ่งเท่านั้น ทั้งอกทั้งใจของนางล้วนเ็ปและสงสารต่อเปี่ยวเม่ยของตนทั้งสิ้น…
สวี่ชิวเยวี่ยขืนร่างแข็ง ราวกับซากศพอยู่ในอ้อมกอดของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ไม่ยอมพูดอะไรทั้งนั้น มีเพียงน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมาไม่หยุด เหมือนกับจะฟ้องร้องอย่างไร้เสียง…
ทุกสิ่งทุกอย่างช่างบังเอิญเหลือเกิน บังเอิญเสียจนในใจของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วทรมานด้วยความละอาย หากเมื่อคืนตนไม่ได้ทิ้งสวี่ชิวเยวี่ยหนีไป หากเมื่อคืน…
แต่ตอนนี้เวลานี้ จะพูดอะไรก็สายไปเสียแล้ว
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าสลดห่อตัวสวี่ชิวเยวี่ยไว้แล้วอุ้มออกไป เยวี่ยเจาหรานที่อยู่ข้างนอกเห็นเช่นนั้น ก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างเร่งร้อน “เกิดอะไร...” เพียงเพิ่งจะเอ่ยถามไปเพียงไม่กี่คำ เขาพลันเข้าใจว่าเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่
เยวี่ยเจาหรานเงยหน้าขึ้นมองเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอย่างตื่นตระหนก แม้เขาจะเป็บุรุษ แต่กลับเข้าใจว่าพรหมจรรย์นั้นมีความหมายต่อหญิงสาวเช่นไร หากเสียให้กับคนที่ชอบพอพึงใจก็แล้วไป แต่นี่ดันเป็พวกโจรชั่วที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อ! สายตาของเยวี่ยเจาหรานที่มองไปยังเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วสั่นไหว เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่ได้เอ่ยอะไรมาก เพียงแค่ให้เยวี่ยเจาหรานหาห้องสะอาดๆ สักห้อง ต้องช่วยสวี่ชิวเยวี่ยทำความสะอาดร่างกาย
นางไม่อาจกลับเมืองหลวงไปเช่นนี้ได้ เช่นนั้นแล้วทุกคนก็จะรู้ว่าสวี่ชิวเยวี่ยถูกโจรชั่วย่ำยีที่อารามชีกันหมด อย่างนั้นชีวิตต่อจากนี้ไปของสวี่ชิวเยวี่ยก็คงจะพินาศสิ้น!
เยวี่ยเจาหรานเข้าใจความหมายของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว เขาล่วงหน้าไปจัดเตรียมทั้งหมดอย่างสงบนิ่ง แล้วมองส่งเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเข้าไปในห้องด้วยกันกับสวี่ชิวเยวี่ย
สวี่ชิวเยวี่ยราวกับกลายเป็หุ่นกระบอกไปแล้ว ยามถูกเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ววางลงในน้ำก็ไม่ขยับเขยื้อน แต่น้ำตากลับไหลอาบหน้ายามเมื่อเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วช่วยนางเช็ดถูตัว
“เปี่ยวเกอ...”
มุมปากของสวี่ชิวเยวี่ยมีเืไหลออกมา ไม่รู้ว่าเป็เพราะแห้งแตกรุนแรงเกินไปหรือว่ากัดปากแตกเอง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่กำลังช่วยเสวี่ชิวเยวี่ยเช็ดเนื้อตัวอยู่ได้ยินเสียงอ่อนระโหยโรยแรงของนาง จึงเงยขึ้นมามองไปยังสวี่ชิวเยวี่ยอย่างอดไม่ได้ แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำพูดนั้นอย่างไรดี…
“อย่าบอกคนอื่นได้หรือไม่เ้าคะ?” ดวงตาของสวี่ชิวเยวี่ยเอ่อเต็มไปด้วยน้ำตา ขณะเอื้อนเอ่ยก็ยังร่วงผล็อยๆ ออกมา เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่ได้เอ่ยคำพูด เพียงแค่พยักหน้าให้กับสวี่ชิวเยวี่ยอย่างจริงจัง
บนร่างของนางเต็มไปด้วยรอยแผล คราบเือันน่าสยดสยองราวกริชที่จ้วงแทงเข้าไปในหัวใจของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว แม้ในยามปกติความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนจะไม่นับว่าดีนัก แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถกล่าวโทษสตรีนางหนึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ได้หรอก ตัวเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเองก็เป็สตรี ย่อมเข้าใจดีว่าผลกระทบและาแของสวี่ชิวเยวี่ยต่อเื่นี้นั้นใหญ่หลวงเพียงใด
าแไม่เพียงมาจากความเ็ปบนร่างกายเท่านั้น ยังมีความไม่เป็สุข ความคับแค้น หรืออาจเป็ความนึกเสียใจที่เกี่ยวโยงถึงความรู้สึกและจิตใจ
เื่นี้สำหรับสวี่ชิวเยวี่ยแล้ว มันจะเป็ความเสียใจไปตลอดกาล…
“เ้าวางใจ ไม่เพียงแค่ข้า เยวี่ย...” การเคลื่อนไหวมือของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วหยุดชะงัก ผ่านไปครู่หนึ่งถึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เยวี่ยเยียนหรานก็จะไม่เอ่ยออกไป เ้าต้องสงบใจ ไม่ต้องไปคิดมาก... อย่าคิดสั้น เข้าใจหรือไม่?”
“เช่นนั้น เปี่ยวเกอจะช่วยข้าแก้แค้นได้ไหม... พวกมัน...” น้ำเสียงของสวี่ชิวเยวี่ยปนสะอื้นไห้ แต่ก็กลับแฝงไปด้วยความคับแค้นใจอย่างเห็นได้ชัดเจน ราวกับอสูรที่ผุดขึ้นมาจากนรกอเวจีอันนองเื เส้นเืแดงฉานในดวงตาล้วนเต็มไปด้วยความโกรธแค้น “พวกมันจะตายหรือไม่?”
......
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่กำลังนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งพลันรู้สึกว่าลำคอของตนราวกับถูกสองมือบีบเอาไว้แน่น ทำให้นางแทบไม่อาจหายใจ ความรู้สึกกดดันที่บีบคั้นเข้ามากระตุ้นประสาทของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่หยุด ในเวลานั้น เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถึงเข้าใจแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าจนปัญญาโดยสิ้นเชิง ความรู้สึกไร้กำลังเช่นนี้ เพราะนางไร้ซึ่งหนทางที่จะปลอบประโลมหญิงสาวที่ได้รับความรวดร้าวคนหนึ่ง และยิ่งเพราะนางไม่อาจให้คำตอบที่ชัดเจนต่อคำถามนี้ของหญิงสาวผู้นี้ได้
โจรพเนจรโฉดชั่วพวกนั้นยังคงลอยนวลอยู่ ใครก็ไม่อาจรู้ว่าพวกมันจะถูกจับกุมเมื่อใด กระทั่งเป็ไปได้ว่า ชีวิตของพวกมันจะยังคงมีอนาคตสวยสดงดงามเสียด้วยซ้ำ
ความรู้สึกไร้กำลังที่ไม่แน่นอนเช่นนี้นี่เอง ทำให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วและสวี่ชิวเยวี่ยจมดิ่งลึกลงสู่ความสิ้นหวังไปด้วยกัน
