ซุนเฟยรับรู้ได้ถึงสายตาของทุกคนที่จับจ้องมาที่เขา
เขาจึงแสดงรอยยิ้มให้ความมั่นใจแก่ทหารและพลเรือนที่กระวนกระวายใจ เขาโบกมือเรียกบรู๊คและเพียร์ซให้ทั้งสองคนที่อยู่ตรงด้านล่างหอประตูเมืองให้ขึ้นมาหาเขา และเมินเฉยต่อพัศดีโอเลเกร์ที่พยายามดึงดูดความสนใจกับตัวเอง และไม่สนใจเลขานุการบาร์เซิลที่ยืนอยู่ตำแหน่งด้านหลังไม่ไกลจากตัวเอง
นี่เป็สัญญาณที่ผิดปกติที่เห็นชัดเจน
ถึงแม้ว่าพวกชาวบ้านจะไม่รู้อะไร แต่เมื่อเห็นแบบนี้ก็พอจะเข้าใจว่าโอเลเกร์และบาร์เซิล อดีตสองขุนนางที่เรืองอำนาจของเมืองแซมบอร์ด เกรงว่าเมื่อเผชิญหน้ากับาาอเล็กซานเดอร์ในอนาคต พวกเขาคงต้องสูญเสียอำนาจไปแน่ๆ
“บรู๊ค บอกการเคลื่อนไหวของศัตรูในระหว่างนี้มาสิ”
ซุนเฟยถามเบาๆ ขณะที่เดินไปหยุดอยู่ตรงด้านหน้ากำแพงเมือง ก่อนจะลูบเบาๆ ไปบนหินที่เต็มไปด้วยรอยดาบรอยกระบี่แล้วทอดสายตาไปมองข้าศึกที่อยู่นอกเมือง
“ฝ่าา ในระหว่างสี่ชั่วโมงที่พระองค์พักผ่อนอยู่นั้น ไม่รู้ว่าทำไมพวกข้าศึกถึงไม่ทำการเคลื่อนไหวใดๆ ไม่แม้แต่จะขยับสักนิดหรือจะแกล้งทำทีจู่โจมก่อกวนเราสักครั้งก็ไม่มี เหมือนกับว่ากำลังรออะไรอยู่ แต่...” พูดถึงตรงนี้ บรู๊คก็ชี้นิ้วไปตรงตำแหน่งไกลๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเป็กังวลว่า “พวกมันยังเหลือบันไดยึดเมืองอีกสามอันและมีอุปกรณ์โจมตีเมืองเร่งด่วนอย่างอื่นอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดเคลื่อนย้ายมาตรงสะพานหินแล้ว พวกมันมีการเตรียมการที่ดีมากทั้งยังทุ่มกำลังทหารเพิ่มมากกว่าเมื่อสามสี่วันก่อนเสียอีก หากพวกมันเปิดฉากโจมตี พวกเราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่ไม่เคยมีมาก่อน”
ซุนเฟยมองตามนิ้วที่บรู๊คชี้
เห็นรูปแบบกระบวนทัพของข้าศึกเกราะดำที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
พลโล่จำนวนร้อยคนยังคงอยู่หน้าสุดของกองกำลังทั้งหมด และมีระยะห่างระหว่างเมืองแซมบอร์ดกับชายฝั่งตอนเหนือไม่กี่ก้าว เหมือนกับเป็กำแพงั์สีดำที่อยู่ด้านหน้าสุดคอยคุ้มกันกองทัพ
แต่ด้านหลังของพลโล่ รูปแบบกระบวนทัพก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
พลธนู พลขวาน พลหอก ทั้งสามทัพที่อยู่ด้านหลังพลโล่เมื่อ่เช้าก็ถอยออกไปเล็กน้อย ทหารเกราะดำบางส่วนยกบันไดยึดเมืองสามอันไปรออยู่ตรงนั้น ถัดจากนั้นก็เป็กำแพงไม้กันธนูขนาดใหญ่สี่ห้าแผ่นที่ถูกสร้างขึ้นอย่างเร่งด่วนจากไม้เปียกสีเขียว ด้านหลังของกำแพงไม้มีเครื่องยิงหินที่สูงมากกว่ายี่สิบเมตรจำนวนหกเครื่อง และมีทหารที่แข็งแกร่งมากคอยคุ้มกัน...
เห็นแบบนี้ ซุนเฟยก็ขมวดคิ้ว
เครื่องยิงหินทั้งหกเครื่องนี้เป็เครื่องมือโจมตีเมืองที่ทรงประสิทธิภาพอย่างมาก และมันเป็ภัยคุกคามสูงยิ่งกว่าบันไดยึดเมืองเสียอีก แค่ลากเครื่องยิงหินนี้เข้าใกล้เมืองแซมบอร์ดในระยะสองร้อยเมตร ไม่ว่ากำแพงเมืองจะแข็งแกร่งมากขนาดไหนก็สามารถยิงถล่มจนพังได้เพียงยิงยี่สิบครั้ง และทหารจำนวนไม่ถึงหนึ่งพันนายบนกำแพงก็จะตายในทันที
เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้ผู้บัญชาการฝ่ายข้าศึกทุ่มหมดหน้าตัก ตัดสินใจที่จะทำลายเมืองแซมบอร์ดภายในอึดใจเดียว
“กำแพงธนูพวกนั้นคงจะเพิ่งสร้างเสร็จไม่นานนี้ เพราะบนลำต้นยังมีใบไม้เขียวติดอยู่เลย แต่เครื่องยิงหินทั้งหกเครื่องกลับไม่เคยปรากฏขึ้นในการต่อสู้ก่อนหน้านี้มาก่อน หรือว่า...พวกข้าศึกจะมีกำลังเสริมมา?”
คิดถึงจุดนี้ ซุนเฟยก็เลียริมฝีปากอย่างเผลอตัว
หากเป็อย่างที่พูด านี้แทบจะไม่มีหนทางชนะอะไรเลย หากข้าศึกเริ่มเข้าโจมตี ไม่ว่าจะยิงธนูรุนแรงนับไม่ถ้วนอย่างไรก็จะถูกกันด้วยกำแพงไม้พวกนั้น จากนั้น เมื่อไรก็ตามที่ลากเครื่องยิงหินเข้าถึงในระยะยิงของมัน เมืองแซมบอร์ดคงจบเห่แน่ๆ
นี่เป็าที่อยุติธรรมที่สุดแล้ว
นอกจากกำลังพลที่แตกต่างกันแล้ว ผู้บัญชาการลึกลับฝ่ายศัตรูคนนั้นก็มากด้วยกลยุทธ์และยังมีความระมัดระวังรอบคอบ ทั้งยังจับจุดอ่อนของเมืองแซมบอร์ดคือกำลังพลไม่พอ เป็จุดอ่อนที่บรู๊คและคนอื่นๆ หาวิธีกลบจุดอ่อนนี้ไม่ได้
ซุนเฟยเห็นสถานการณ์ที่หน้าสิ่วหน้าขวานตรงหน้าก็ขมวดคิ้วน้อยๆ
บรู๊คที่อยู่ข้างๆ ก็มองท่าทีของซุนเฟยด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน
“มีอะไรก็พูดมาเถอะ ท่าทางลังเลไม่ใช่ท่าทางที่ผู้บัญชาการใหญ่ของเมืองแซมบอร์ดข้าควรจะมี” ซุนเฟยสังเกตเห็นท่าทางของบรู๊คก็เริ่มพูดหยอกล้อ
บรู๊คเพียงแค่กระซิบที่ข้างหูของซุนเฟย “ฝ่าา...บางที...เมืองแซมบอร์ดคงจะต้านทานไว้ไม่อยู่ ข้าและเหล่าทหารรักษาพระองค์ยินดีที่จะอยู่ที่นี่เพื่อยื้อเวลา ให้ท่านแลมพาร์ดและเพียร์ซทั้งสองคนนี้นำทหารยอดฝีมือจำนวนหนึ่งคอยคุ้มกันท่านและท่านแองเจล่าไปด้านหลังเมืองแล้วเสด็จหนีไป...”
“ไม่ได้!”
ซุนเฟยไม่ฟังจนจบก็เอ่ยตัดบทบรู๊คทันที
เขาไม่ได้พูดอะไรอีก แต่จากการที่เขาสั่นศีรษะช้าๆ บรู๊คและเพียร์ซต่างมองเห็นถึงปณิธานอันแรงกล้าขององค์าาอเล็กซานเดอร์ ทั้งสองก็เข้าใจในทันที ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น าาหนุ่มองค์นี้จะไม่ยอมหลบหนีไปอย่างแน่นอน ท่าทางแบบนี้ทำให้ในใจของพวกเขาทั้งปลาบปลื้มทั้งกังวล
“จะรอแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะเริ่มโจมตีก่อน”
ซุนเฟยเคาะนิ้วเบาๆ บนก้อนหินกำแพงเมืองและพูดออกมา
ประโยคนี้ไม่ต่างอะไรกับฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ ดังะเิตรงข้างหูพวกเขา
“เริ่มโจมตีก่อน?”
บรู๊คและเพียร์ซต่างใ ในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ ด้วยกำลังพลที่แตกต่างกันและวินัยทหารที่ด้อยกว่าแบบนี้ จะให้เป็ฝ่ายรุกโจมตีก่อน? หมายความว่าให้ละทิ้งความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของเมืองแซมบอร์ดไป มันเหมือนกับใช้พายแอปเปิ้ลนิ่มๆ ไปฟาดกับหินูเาแข็งๆ...สามารถจินตนาการถึงชะตากรรมอนาคตได้เลย
“ฝ่าา นี่....นี่ไม่ใช่เสี่ยงอันตรายเกินไปหรือขอรับ?” บรู๊คพยายามพูดเปลี่ยนความคิดซุนเฟย
“ไม่มีเวลาแล้ว”
ซุนเฟยส่ายหน้าก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “หากข้าเดาไม่ผิด หลังผ่านเวลาอาหารเที่ยงไป ข้าศึกจะเริ่มเปิดฉากโจมตีทันที...หาก้าที่จะอยู่รอดในาครั้งนี้ พวกเราจำเป็ต้องออกไปโจมตีแบบไม่คาดคิด ถ้ายังรอต่อไป เมื่อไรที่ข้าศึกเริ่มโจมตี พวกเราก็มีเพียงความตายที่รออยู่”
พูดถึงตรงนี้ ซุนเฟยก็กวาดตามองไปทั้งสองคนอย่างช้าๆ
มองท่าทางงุนงงของทั้งสองคน ซุนเฟยใช้น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความทุ้มนุ่มถามว่า “คิดว่าอย่างไร นักรบของข้า พวกเ้ากล้าที่จะออกไปตะลุยด้วยกันกับข้าแล้วช่วยกันส่งไอ้พวกลูกหมาพวกนั้นลงไปอาบน้ำในแม่น้ำจูลี่ไหม?”
ประโยคเรียบง่ายประโยคเดียว ราวกับเป็คำขอแนะนำจากสหาย
แต่ ณ เวลานี้ บรู๊คและเพียร์ซรู้สึกเืในกายกำลังเดือดพล่าน
“ฝ่าา เป็เกียรติของข้าที่จะได้ร่วมรบกับฝ่าา” น้ำเสียงของทั้งสองสั่นเครือ
“ดี ตอนนี้ข้าจำเป็ให้พวกเ้าไปจัดการสองสามเื่ก่อน...บรู๊ค เ้าบอกให้ทหารพักชั่วคราว จำไว้ ให้เหลือไว้แค่ไม่กี่นายให้คอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของศัตรู...อีกอย่างหนึ่ง คัดเลือกนักรบที่เชื่อใจได้สักยี่สิบนายให้เร็วที่สุดแล้วพามาพบข้า เพียร์ซ เ้าช่วยข้าไปเตรียมบางอย่างหน่อย...”
ซุนเฟยกระซิบสองสามคำข้างหูเพียร์ซ เพียร์ซหันหลังจากไปด้วยความงงงวย
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น ซุนเฟยก็ยืนเงียบๆ สักพัก
หลังจากที่คิดวิเคราะห์อย่างรอบคอบในหัวเกี่ยวกับเื่ราวทั้งหมดที่จะเริ่มดำเนินการในขั้นตอนต่อไป เขาก็หันหลังเดินจากไป
ตลอดทาง สายตาของเหล่าทหารต่างจ้องมองมาตลอด ซุนเฟยก็เดินมาถึงด้านหน้าของแฟรงก์ แลมพาร์ด ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองแซมบอร์ด
“ฝ่าา!” แลมพาร์ดก้มหัวลงเล็กน้อย
ในตอนแรก ทัศนคติของยอดฝีมืออันดับหนึ่งที่มีต่ออเล็กซานเดอร์ค่อนข้างจะเ็า แต่ในที่สุดตอนนี้ก็เริ่มปล่อยวางทัศนคตินั้นและเริ่มพูดคุยกับซุนเฟย
ในใจของซุนเฟยรู้สึกปลาบปลื้มมาก
เขารู้ว่า การแสดงออกของตนเองก่อนหน้านี้ ได้รับการยอมรับจาก ‘พี่ชายยอดฝีมือ’ ที่แสนเงียบขรึมท่านนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้พึ่งพาพลังที่แข็งแกร่งของพี่ชายยอดฝีมือ ทำให้เมืองแซมบอร์ดสงบสุขและรักษาราชบัลลังก์ของอเล็กซานเดอร์ที่ปัญญาอ่อนได้มั่นคง ซุนเฟยรู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก เล่ากันว่าแลมพาร์ดเป็สหายคนสนิทของาาองค์ก่อนที่ตไปแล้ว ดังนั้นสำหรับซุนเฟยแล้ว แลมพาร์ดก็ถือว่าเป็ญาติผู้าุโคนหนึ่งเลยทีเดียว
“ท่านลุงแลมพาร์ด ข้าอเล็กซานเดอร์มีเื่อยากจะขอความกรุณาจากท่าน” ซุนเฟยพูดด้วยความเกรงใจอย่างมาก
แลมพาร์ดมองซุนเฟย ก่อนจะหันไปมองข้าศึกที่ตั้งมั่นบนสะพานหินที่เหมือนคลื่นกระแสน้ำสีดำนอกเมือง ครุ่นคิดอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ถามว่า “ท่านหวังจะให้ข้าช่วยลงมือทำลายเครื่องยิงหินพวกนั้นใช่ไหม? ข้ามั่นใจแค่สามสิบสี่สิบส่วนว่าสามารถโจมตีทำลายเครื่องพวกนั้นได้สักสองสามเครื่อง...”
“ทำลายเครื่องยิงหิน?”
ซุนเฟยตะลึงงัน เข้าใจความคิดของแลมพาร์ดแล้ว เขาส่ายหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ท่านลุงแลมพาร์ด เื่ที่ข้าจะรบกวนท่านไม่ใช่เื่นี้...อืม เื่เป็แบบนี้ อีกสักครู่ข้าจะเปิดฉากโจมตีพวกมันก่อน ดังนั้นข้าหวังว่าในสถานการณ์แบบนี้ท่านจะรักษาเสถียรภาพของที่นี่เพื่อข้า และหากข้าโชคร้ายตายขึ้นมา ข้าหวังว่าท่านจะช่วยดูแลแองเจล่า ปกป้องนางและเจ็มม่าให้หนีออกจากที่นี่อย่างปลอดภัย”
----------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้